Share

บทที่ 5

Author: หลางเทียนเป๋ายุ๋น
อันหนิงพูด "เพื่อนของฉันคนนึง พาสปอร์ตหายน่ะ เลยถามฉันว่าจะทำใหม่ยังไง"

เผยซือเหนียนรีบสาวเท้าไปสองก้าว แล้วกอดเธอแน่น "ตกใจหมดเลย ฉันก็นึกว่าเธอจะไปต่างประเทศ แล้วไม่พาฉันไปด้วย"

อันหนิงเบี่ยงหน้าหนีอยากจะอ้วก

บนตัวของเขามีกลิ่นคาวๆ เลี่ยนๆ อบอวลไปทั่ว

ผสมปะเปกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง

เผยซือเหนียนลูบหลังให้ฉันอย่างปวดใจ "พวกนั้นให้เธอกินอะไรอีก? เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะสั่งไปหยกๆ ว่าสองสามวันนี้เธอท้องไส้ไม่ดี ให้ดูแลเธอดีๆ...รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปจัดการพวกนั้นให้หมด!"

คราวนี้อันหนิงออกแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออก

"คุณอยากจะจัดการใครก็เชิญ แต่อย่าเอาแต่พูดว่าทำเพื่อฉันจะได้ไหม?!"

เผยซือเหนียนถูกเธอระเบิดใส่กระทันหันจนทำอะไรไม่ถูก "อาหนิง เธอโกรธฉันหรอ? เพราะวันนี้ฉันยุ่งกับงานทั้งวันจนไม่มีเวลาอยู่กับเธอใช่ไหม?"

เขาว่า "งั้นเอางี้ พรุ่งนี้ฉันจะเลื่อนงานทั้งหมดออกไป แล้วจะอยู่กับเธอคนเดียว โอเคไหม?"

อันหนิงโมโหจนหัวเราะออกมา

"อยู่กับฉันคนเดียว?"

"ใช่ กับเธอคนเดียว"

อันหนิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วพ่นออกมาทีละคำ "หวังว่านายจะทำได้อย่างที่พูด"

ตกเย็นวันนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ก็มีฝนตกกระหน่ำ

ตั้งแต่ที่อันหนิงกลับมาถึงบ้าน ก็เอาแต่อาเจียนไม่หยุด

เผยซือเหนียนอยากจะเข้าใกล้เธอ แต่ก็ถูกอันหนิงปฏิเสธอย่างไม่ไยดี "นายอย่าเข้าใกล้ฉัน ยิ่งฉันได้กลิ่นบนตัวนาย ฉันยิ่งจะอ้วกหนักกว่าเดิม"

เผยซือเหนียนดมแขนเสื้อตัวเอง แล้วพูด "เธอคงจะไม่ชอบกลิ่นโคโลญจน์นี้ คราวหน้าฉันจะเปลี่ยนไปใช้รุ่นอื่น"

"เผยซือเหนียน นายน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ามันไม่ใช่เพราะกลิ่นของโคโลญจน์!"

"โอเคๆ เธออย่าโมโหนะ งั้นต่อไปนี้ฉันจะไม่ฉีดน้ำหอมแล้ว แบบนี้โอเคไหม?"

อันหนิงล้างหน้าด้วยน้ำเย็น เงยหน้ามองตัวเองในกระจก

สลับกับมองออกไปข้างนอกห้องน้ำ เผยซือเหนียนที่กำลังยืนถือน้ำร้อนรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ

เธอแค่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมจนถึงตอนนี้ ร่างกายของเขาที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลี่ยนกับกลิ่นน้ำหอมของหลินจิ้งเพราะเพิ่งทำเรื่องบัดสีกันเสร็จ แต่ยังแสดงท่าทีว่ารักเธอได้อย่างหน้าตาเฉย?

เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมเผยซือเหนียนก็ดูเหมือนว่าก็แคร์เธอ แต่ลับหลังกลับทำเรื่องทรยศต่อชีวิตคู่ของพวกเธอได้อย่างไร้ยางอาย

หรือนี่จะเป็นการยืนยันคำพูดนั้นของพวกผู้บริหารที่ว่า ผู้ชายจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่นอกบ้านก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าให้เมียที่บ้านรู้ก็พอ?

เขาดูคนผิดแล้ว เธอไม่ได้ไร้เดียงสาโดนหลอกง่ายแบบนั้น

แล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีขีดจำกัดซะเมื่อไหร่

ในเมื่อความรักครั้งนี้ไม่ใช่รักที่ทุ่มเทให้กันหมดทั้งหัวใจ งั้นเธอก็ไม่อยากได้มันแม้แต่นิดเดียว

เช้าวันรุ่งขึ้น เผยซือเหนียนพาเธอไปโรงพยาบาล

หลังจากทำการตรวจร่างกายครบเซ็ทแล้ว คุณหมอก็ให้ข้อสรุปได้ว่า "น่าจะเครียดลงกระเพาะครับ"

เผยซือเหนียนถาม "อะไรคือเครียดลงกระเพาะ?"

"ก็คือผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนทางความรู้สึกอย่างหนัก และส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย จนเป็นสาเหตุให้ลำไส้และกระเพาะทำงานผิดปกติ ก็เลยอาเจียนออกมาครับ"

เผยซือเหนียนถามอันหนิง "อาหนิง ช่วงนี้เธอไปเจอเรื่องไม่ดีอะไรมา? เธอบอกฉันสิ บางทีฉันอาจจะช่วยเธอได้"

อันหนิงเบี่ยงหน้าหนี หลบหลีกการชิดใกล้ของเขา "นายช่วยไม่ได้หรอก"

"เธอลองบอกมาก่อน ในโลกนี้มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ฉันจะจัดการไม่ได้"

ใช่สิ เรื่องนี้มันก็มีแต่เขาคนเดียวที่จะแก้ไขได้

ความจริงมันมีบางโมเม้นต์นึงที่อันหนิงอยากจะถามเขา ถ้าเธอกับหลินจิ้งตกน้ำพร้อมกัน เขาจะเลือกช่วยใครก่อน?

แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว...

คนเราไม่ควรเอาชีวิตตัวเองไปฝากไว้กับใคร เพราะสุดท้ายก็ไม่มีใครอยู่กับเราตลอดไป

เธอว่ายน้ำเป็น และเธอจะช่วยชีวิตตัวเอง

เธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเผยซือเหนียนอีกต่อไป

ที่นอร์เวย์ เธอใช้ชื่อเซี่ยงหยวนในการยื่นเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะ

ตอนนั้นเธอยอมทิ้งความฝันในการวาดรูปเพื่อแต่งงานกับเผยซือเหนียน แต่หลังจากนี้ไป เธอจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง

"อาหนิง ตอนบ่ายฉันไปดูหนังเป็นเพื่อนเธอไหม? ช่วงนี้มีหนังคอมเมดี้เรื่องนึง เธอดูแล้วจะแฮปปี้ขึ้นนะ"

"ตอนบ่าย? นายไม่ต้องไปทำงานหรอ?"

"เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าวันนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งวัน ฉันพูดคำไหนคำนั้น อะไรที่สัญญาเอาไว้แล้ว ไม่มีวันกลับคำ"

วินาทีต่อมา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

เดิมทีเขาจะกดปิด แต่หลังจากจ้องดูชื่อคนที่โทรเข้ามาบนหน้าจอไปสองสามวินาที ก็ลังเลขึ้นมา

อันหนิงมองดูสีหน้าของเขา ตั้งแต่ความหงุดหงิดในตอนแรก สู่ความลำบากใจในตอนหลัง

เธอยิ้ม "รับเถอะ เรื่องที่บริษัทสำคัญนะ"

เผยซือเหนียนพูด "ฉันจะจัดการให้เร็ว ให้เวลาฉันห้านาทีก็พอ"

"อืม"

เผยซือเหนียนถือโทรศัพท์เตรียมจะออกไป อันหนิงก็เรียกเขาไว้ "รับซะตรงนี้เถอะ เรื่องที่บริษัทนายฉันฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าความลับจะรั่วไหล"

เผยซือเหนียนชะงักฝีเท้าลงด้วยความกระอักกระอ่วน

หลังจากลังเลอยู่ชั่วอึดใจ สุดท้ายเขาก็รับสาย ขมวดคิ้วแน่นพูดอย่างโกรธเกรี้ยว "ก็บอกแล้วใช่ไหมว่าวันนี้ไม่ต้องโทรหาฉัน? ตกลงมีเรื่องอะไร?"

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร

แต่อันหนิงคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง

เผยซือเหนียนพูดจาอุบอิบ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ "โอเค รู้แล้ว รอเดี๋ยวนะ"

หลังจากวางสาย เผยซือเหนียนก็พูดกับอันหนิงด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิด "อาหนิง ที่บริษัทมีเอกสารสำคัญต้องให้ฉันไปเซ็น ผู้จัดการเอามาส่งที่โรงพยาบาลแล้ว กำลังรออยู่ด้านล่าง ฉันเซ็นเสร็จแล้วจะรีบขึ้นมาทันที ไม่เกินครึ่งชั่วโมง"

อันหนิงพยักหน้า

เผยซือเหนียนแทบจะวิ่งออกจากไปตรวจ

คุณหมอพูดยิ้มๆ "คุณนายเผย คุณเผยรักคุณมากจริงๆ นะครับ ทิ้งงานทุกอย่างเพื่อคุณเลย"

"ใช่ไหมล่ะคะ" ฉันกระตุกมุมปาก "ขอโทษนะคะคุณหมอ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำแปบนึง"

"ครับ"

เมื่อออกจากห้องตรวจ อันหนิงก็เห็นท่าทางของเผยซือเหนียนที่รอลิฟต์ไม่ไหว จนวิ่งลงบันไดลงไป

เขาลงไปจริงๆ

แต่ไม่ใช่ชั้นล่าง...

แต่เป็นแผนกสูตินารีเวช

วื๊ด...

โทรศัพท์ของเธอสั่นนิดหน่อย

[หลินจิ้ง : คุณอัน ขอโทษด้วยนะ แต่สงสัยว่าวันนี้เขาจะอยู่กับคุณไม่ได้แล้วล่ะ~ แค่ฉันโทรหาเขากริ๊งเดียว เขาก็รีบมาหาฉันเลยเชียว]
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 21

    อดพูดไม่ได้เลยว่า ท่าทางของเผยซือเหนียนในวิดีโอดูแล้วติดตามาก ต่อให้เป็นต่างชาติที่ฟังภาษาของเขาไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถูกความสิ้นหวังจากบนสีหน้าของเขาและซับไตเติ้ล"ไม่หรอก" อันหนิงโอบกอดเจ้าเหมียว ทอดตาลงต่ำแล้วพูด "เราทุกคนต่างก็เกิดมาตัวคนเดียว ไม่มีใครจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตต่อไป ถ้าเขาละทิ้งชีวิตตัวเองด้วยเหตุผลนี้จริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ จะให้คนอื่นเสียสละตัวเองเพื่อทำตามที่เขาขอก็คงไม่ได้หรอก"เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ต่อให้เผยซือเหนียนมายืนร้องไห้ต่อหน้า เธอก็ไม่มีทางกลับไปลิซ่าเองก็ยิ้มน้อยๆ "งั้้นก็ดี เธออยู่ที่นี่ให้สบายใจดีกว่า ช่วงนี้ในป่ามีพายุหิมะ ถนนในเมืองทุกสายที่ตัดผ่านที่นี่ถูกปิดไปหมด ต่อให้มีคนเข้าใจผิดว่าพวกเธอคือคนเดียวกัน ก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อไปรายงานพวกเขาแน่"ในหัวใจของอันหนิงผุดความอบอุ่นขึ้นมา เธอลองชิมคุกกี้ที่เพิ่งอบมาได้ไม่นาน แล้วพูดพร้อมกับขอบตาแดงระเรื่อ "ขอบคุณนะ คุกกี้อร่อยมาก จริงๆ นะ"วันเวลาผ่านไปไวเหมือนสายน้ำไหล ไม่นานก็มาถึงคืนคริสมาสต์อีฟ นี่เป็นวันสำคัญของชาวเมือง หนุ่มสาวจำนวนมากที่ไปทำงานต่าง

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 20

    สติของเขาถูกบดขยี้ด้วยความสิ้นหวังที่ไร้ซึ่งขอบเขตมานานแล้ว กระทั่งปลายสายให้ที่อยู่ในประเทศมาแบบคลุมเครือ จึงวางสายไปพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่นไม่ได้เหนือความคาดหมาย คนๆ นี้หลอกเขาแต่เขาไม่ได้ไล่บี้ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไปหลังจากวันนั้น สายที่โทรเข้ามาทำนองนี้ก็มีมาต่อเนื่องไม่หยุดทุกคนล้วนเจออันหนิงในที่ใดที่หนึ่ง จากนั้นก็ขอเงินรางวัลจากเผยซือเหนียนไม่มากก็น้อยทั้งที่เขาก็รู้ว่าในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้นมีมิจฉาชีพตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็ยังโอนเงินให้เหมือนเดิม นั่นก็เพื่อคว้าความหวังอันริบหรี่เอาไว้เงินรางวัลที่ว่าสุดท้ายก็กลายเป็นแค่ก้อนหินที่จมลงไปในทะเล โดยไม่มีแม้แต่ละอองน้ำสะเด็ดขึ้นมาแต่เผยซือเหนียนก็หาได้สนใจไม่ ตอนนี้เขาได้แต่อาศัยความคิดนี้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไปวันๆ ต่อให้จะมีคนบอกว่าต้องการนัดคุย เขาก็ยังไปตามนัดยังมีผู้หญิงบางส่วนที่ใช้วิธีนี้เพื่อเข้าหาเขา แต่ละคนแต่งตัวสวยอวดสัดส่วนเต็มที่เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ทั้งยังพูดกับเขาแบบเปิดเผยว่า "คุณเผย ฉันยังมีเพื่อนๆ อีกมากมาย ถ้าคืนไหนที่คุณรู้สึกเหงา พวกเราจะช่วยคลายเหงาได้ทุกเมื่อ"กลายเป็นว่าวิ

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 19

    กระดาษที่อยุ่บนพื้นพวกนั้นเป็นกระดาษชนิดเดียวกับที่อันหนิงเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้เขา เขาเอาสมุดเล่มที่เธอใช้ไม่หมดย้ายจากห้องหนังสือมาห้องนอน จากนั้นก็นั่งเขียนหามรุ่งหามค่ำติดต่อกันอยู่หลายวันเวลาไร้ซึ่งความหมายในขณะนี้แม่ของเผยซือเหนียนพูดทั้งน้ำตา "อันหนิงไม่ได้อยากเจอลูกแล้ว ต่อให้ลูกเขียนจดหมายขอโทษจนล้นห้องมันจะไปมีประโชน์อะไร? ลูกต้องพูดคำพวกนี้กับเธอด้วยตัวของลูกเอง"เผยซือเหนียนครุ่นคิดอย่างจริงจังนิดหน่อย ยอมรับว่าที่แม่พูดนั้นมีเหตุผล แต่เขาจมอยู่ใต้ตมโคลน จนไม่สามารถออกมาได้แล้ว เขาช้อนดวงตาแดงก่ำขึ้น แล้วพูดอย่างยืนหยัด "เธอจะต้องรู้แน่ ขอแค่ผมเขียนพวกนี้ให้หมด เธอก็จะให้อภัยผม ใช่แล้ว ผมต้องจริงใจให้มาก..."เสียงของเขาแหบแห้ง ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งที่ผิดปกติ ดวงตาก็เป็นประกายแปลกประหลาด พูดได้ครึ่งนึง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นแย่งสมุดกลับไป แล้วใช้มือสั่นเทาของเขาเขียนลงไปในสมุด เขาเขียนไปพร้อมกับพูดพึมพำ"อันหนิง ฉันผิดไปแล้ว เธอจะให้อภัยฉันใช่ไหม? ถ้าฉันเขียนจนหมดสมุดเล่มนี้ เธอก็จะต้องกลับมายกโทษให้ฉันแน่ ขอโทษนะ..."เผยซือเหนียนพร่ำประโยคเหล่านี้อย่างไม่รู้จักเหน็ด

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 18

    เขาร้อนใจราวกับมีไฟลนก้น แต่วีซ่ากับตั๋วเครื่องบินไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วจะเสร็จได้ในทันทีกว่าเขาจะเหยียบย่างเข้ามาในดินแดนของนอร์เวย์ ทั้งติดต่อสถานทูตกับทางตำรวจเพื่อตามหาอันหนิง ก็กินเวลาเข้าไปแล้วสามวันเผยซือเหนียนเคาประตูคอนโด ตะโกนเรียกชื่อ "อันหนิง" แล้วบุกเข้าไปทันที แต่กลับถูกเจ้าของบ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ห้ามเอาไว้ก่อน เขาพูดด้วยความระแวง "คุณเป็นใคร?""ผมมาหาอันหนิง" เขาพูดเสร็จ ก็ตระหนักได้ว่าเธอใช้ชื่อภาษาอังกฤษที่นี่ ก็รีบอธิบายใหม่อีกรอบ "เธอเป็นภรรยาของผม พวกเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมก็เลยมาเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอ"เจ้าของบ้านโบกมือทันที "ที่นี่ไม่มีคนที่คุณกำลังตามหาหรอก""เธอชื่ออันหนิง ชื่อภาษาอังกฤษคือNING"เจ้าของบ้านยังพูดอีก "ผู้เช่าของผมชื่อเซี่ยงหยวน ไม่ใช่คนที่คุณกำลังพูดถึง คุณมาหาผิดคนแล้ว"เซี่ยงหยวน?เผยซือเหนียนตกอยู่ในภาวะไปต่อไม่ถูก"คุณแน่ใจนะครับว่าไม่ได้จำชื่อผิด?"เจ้าของบ้านเริ่มอารมณ์เสีย "ถ้าคุณไม่เชื่อก็ช่างเถอะ"ขณะพูด ก็เตรียมจะปิดประตูไปเผยซือเหนียนไม่ยอมปล่อยเบาะแสตรงหน้าไปง่ายๆ ก็ควักธนบัตรออกมาแล้วไล่ถามต่อ "คิดซะว่านี่เป็

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 17

    ป้าคนนึงทีเพิ่งหย่ากับสามีที่นอกใจมาหมาดๆ เกลียดพวกเมียน้อยจนเข้าไส้ ก็เดินขึ้นไปขวางทางเธอ แล้วด่ากราด "อายุก็แค่นี้ริอาจทำเรื่องต่ำทราม จะเป็นเมียน้อยทำบ้านเค้าแตกให้ได้เลย? ถุย พวกสันดานเมียน้อย!"หลินจิ้งเห็นว่าเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าแต่มาด่าตัวเอง ก็ด่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ "นี่ป้า สภาพนี้คงอยากจะเป็นเมียน้อยแต่ไม่มีปัญญามากกว่ามั้ง มาด่าฉันเป็นเมียน้อย คงไม่ใช่ว่าตัวเองเอาผัวไม่อยู่ เลยโดนทิ้งมาหรอกนะ?""ถุย ก็ยังดีกว่าแกที่แก้ผ้าโดนเขาไล่ตะเพิดออกมาล่ะวะ!" ป้าโมโหจนยื่นมือออกมากระชากเธอสถานการณ์กลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาทันทีป้าคนนั้นอาศัยอยู่แถวนี้ ไม่นานก็เรียกรวมพลเพื่อนๆ มารุมด่าหลินจิ้ง ว่าเป็นเมียน้อยหน้าด้าน ส่วนคนอื่นๆ ที่มามุงดูดราม่านี้ ก็เรียกทุกคนเข้ามาดูเพิ่ม จนไม่นานก็รวมคนได้จำนวนมากเสียงเอะอะดังใหญ่โตจนคนในวิลล่ายังได้ยิน แต่เผยซือเหนียนกลับเพิกเฉย ขังตัวเองไว้ในโลกส่วนตัวไม่ยอมออกมาไม่ว่าหลินจิ้งจะปากจัดยังไง ก็ไม่อาจด่าสู้กับคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ เธอโมโหจนร้องไห้ อยากจะปิดหน้าแล้ววิ่งหนีออกไปจากวง แต่ก็เกือบถูกพวกหื่มกามยื่นมือมาแตะอั๋งอีก"ไสหัวไป! อย่ามาแตะตัว

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 16

    "เธอไม่มีสิทธิ์วิจารณ์อันหนิง ที่สำคัญเธอเองก็หวังให้รูปมันจะถูกแชร์ออกไปเหมือนกันล่ะสิท่า? เธอถ่ายหน้าฉันชัดขนาดนั้น แต่กลับบังคับตัวเองไม่ให้เขากล้อง อย่านึกว่าฉันไม่รู้ เธอคิดจะอาศัยวิธีนี้เพื่อไต่เต้าอยู่แล้วล่ะสิท่า?"เวลานี้สติสัมปรัชชัญญะของเขาแจ่มแจ้งซะยิ่งกว่าอะไร แต่มันก็สายไปแล้วหลินจิ้งยังอยากจะแก้ต่าง แต่เขาเกลียดชังเธอซะยิ่งกว่าอะไร ไม่คิดจะให้โอกาสอีกแม้แต่นิดเดียว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารปภ.ของวิลล่า แล้วออกคำสั่ง "ลากตัวคนที่ไม่สมควรเสนอหน้าอยู่ที่นี่ออกไป"รปภ.ของวิลล่าคอยเฝ้ายามอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากออกคำสั่งเสร็จก็รีบมาทันทีหลินจิ้งไม่ยอมไปกับพวกเขา ยังพยายามดิ้นรนขัดขืน "ซือเหนียน คุณเป็นคนเรียกฉันมา ตอนนี้คุณจะให้ฉันไป ฉันก็จะไป แต่คุณจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้..."เผยซือเหนียนหันหลังให้เธอแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เขาทิ้งประโยคนึงโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา "อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีก""ซือเหนียน..."หลินจิ้งถูกลากออกจากประตูของวิลล่าไปทั้งอย่างนั้น เธอมองประตูเหล็กแกะสลักปิดลงต่อหน้าต่อตา ราวกับว่าชีวิตของคุณนายไฮโซได้ออกห่างจากตัวเองไปไกลทุกที เธอเริ่มตะโกน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status