ขณะที่อิทธิพลขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวข้างบนยังไม่ลงมา ปริญที่แต่งตัวเสร็จแล้วตั้งแต่ทีแรกก็นั่งกดโทรศัพท์มือถือรออยู่ที่โซฟาหน้าโต๊ะทีวีด้วยท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ เหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจของเขาจนไม่สามรถลบมันออกได้ทั้งๆที่กำลังพยายามอยู่
"เย็นนี้พี่ปริ้นจะกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่าคะ พายจะได้ทำอาหารไว้รอ"
"ไม่ต้อง เธอทำกินเองได้เลย" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้าและแววตาดูมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พนิดาอดที่จะเป็นกังวลไปด้วยไม่ได้
"จะกลับดึกหรือเปล่าคะ แล้วกลับกี่โมงพายจะได้..."ยังไม่ทันที่พนิดาจะได้พูดจบแต่ก็ถูกปริญตัดจบเสียก่อน
"เธอไม่ใช่เมียฉันนะพนิดา ไม่ต้องมาทำเป็นนั่งซักไซ้ไล่เรียงว่าฉันจะกลับบ้านตอนไหนแล้วกลับกี่โมงกี่ยาม" ขณะที่ยังเคลียร์สิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายในใจไม่ได้ จึงทำให้ปริญเผลอตอบออกไปด้วยความหงุดหงิดจนคนที่ฟังนั้นเกิดความร้อนผะผ่าวที่บริเวณหน่วยตาแต่ก็ต้องพยายามที่จะข่มความรู้สึกเอาไว้
เธอไม่ใช่เมียเขา ใช่สิ เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เขาจำใจต้องเเต่งงานด้วยก็เพราะและเพื่อผลประโยชน์ จะมามีสิทธิ์มีเสียงอะไรได้ ส่วนเรื่องที่เราจูบกันเมื่อคืน มันก็คงจะเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์พาไปก็เท่านั้น ทีหลังจำไว้ว่าอย่าได้เผลอไปรู้สึกอะไร อย่าได้เผลอไปยุ่มย่ามก้าวก่ายเรื่องของเขา
"ขอโทษค่ะ พายลืมไปว่า..." และอีกครั้ง ยังไม่ทันได้บอกจนจบประโยคดีสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าอิทธิพลกำลังจะเดินลงมา เธอจึงทำได้เพียงแค่เลี่ยงเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งเพื่อจัดการกับน้ำที่ไหลมาคลอยังหน่วยตา
"เสร็จแล้วว่ะ ไปกันเลยก็ได้" อิทธิพลเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังเดินลงบันไดมา ส่วนปริญพึ่งจะรู้สึกตัวว่าเผลอพูดพนิดาแรงเกินไป อยากจะพูดเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็เลือกที่จะปิดปากเงียบแทน พอเห็นว่าเพื่อนสนิทลงมาแล้ว จึงได้ลุกขึ้นกะว่าจะเดินไปหยิบกุญแจรถที่วางไว้อยู่บนชั้นหนังสือเสียหน่อย หากแต่ก็ถูกอิทธิพลเดินผ่านตัดหน้าไปเสียก่อน
"แปปหนึ่ง เดี๋ยวกูเข้าไปบอกพายก่อน" อิทธิพลทำท่ากำลังจะเดินเข้าไปหาพนิดาในครัว แต่แล้วเจ้าตัวก็เดินสวนออกมาเพื่อที่จะออกมาส่งเขาเช่นกัน
"พี่อิทเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอคะ"
"ครับ" อิทธิพลยิ้ม
"พี่กำลังจะกลับแล้วนะ แล้วที่สัญญากันไว้อย่าลืมล่ะ แล้วพี่จะคอยทวง"
"ได้ค่า"
ปริญพอได้ยินว่าคนทั้งสองไปแอบมีสัญญาอะไรกันไว้ก็หูผึ่งอยากจะรู้ขึ้นมาทันที อิทธิพลกับพนิดาพึ่งจะรู้จักกันแต่กลับไปทำสัญญาอะไรกันไว้ตั้งแต่ตอนไหนเมื่อไหร่ จนทำเอาปริญรู้สึกว่าอยู่ดีๆก็เหมือนจะปวดไมเกรนขึ้นมากลายๆ
"จะไปได้หรือยังไอ้อิท เดี๋ยวกูไปทำธุระสาย"
"เออออ บอกลาพายแค่นี้เองมึงนี่ก็รีบจัง กูรู้หรอกน่าว่ามึงคิดถึงญดา อยากรีบไปหาไปเจอหน้าแฟนไวๆ ไปๆก็ได้วะ" จังหวะที่อิทธิพลบอกว่าปริญจะรีบไปเพราะว่าคิดถึงแฟนสาวของตัวเองนั้น ทั้งปริญและพนิดาเองต่างก็หันมาสบตากันเข้าพอดี ในสายตาของเขานั้นช่างว่างเปล่า ในขณะที่เธอนั้นสั่นวูบไหว
"เออพี่เกือบลืมเลย พายครับพี่ขอไอดีไลน์พายไว้ได้หรือเปล่า พี่อยากคุยต่อเรื่องที่คุยค้างไว้น่ะ"
จากตอนแรกที่ปริญเดินนำออกไปยังหน้าประตูบ้านแล้ว แต่พอได้ยินว่าอิทธิพลอยากจะขอช่องทางการติดต่อกับพนิดาไว้ สองเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากประตูบ้านจึงต้องหยุดกึกและหันกลับมา
"คุยอะไรวะ แล้วทำไมต้องคุยต่อ"
"เรื่องของกูกับพายน่าไอ้ปริ้น แฟนมึงชื่อญานิศาจำได้หรือเปล่า" อิทธิพลขำกับท่าทีของเพื่อน พอได้ยินว่าตนขอไลน์ไอดีของพนิดามันก็รีบหันขวับกลับมาทำตาขวางราวกับว่าหึงหวง
"นี่อย่าบอกนะว่ามึงหวงพาย" อิทธิพลแกล้งอำเพราะขำกับท่าทีของเพื่อน แต่ใครเลยจะรู้ว่าคำถามนั้นจะทำให้คนถูกถามและคนที่ถูกพาดพิงถึงกลับมีอาการเลิ่กลั่กราวกับว่าภายในใจนั้นมีบางสิ่งบางอย่างถูกเก็บซ่อนไว้ จนต้องพูดบางสิ่งบางอย่างออกไปทั้งที่ภายในใจไม่ได้คิดแบบนั้น
"หวงทำไมวะ อีกไม่กี่เดือนก็หย่ากันแล้ว"
"เออก็ใครจะไปรู้วะ เห็นทำท่าทางเข้า ก็นึกว่าหวง แต่ไม่หวงก็ดีละ เพราะว่ามึงไม่มีสิทธิ์ ฮ่าๆ งั้นก็ไปกัน" คำพูดของอิทธิพลสะกิดเข้ากับหัวใจของใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบดีดความรู้สึกนั้นทิ้งและรีบพาตัวเองออกจากที่ตรงนั้นไป อิทธิพลหยิบกระเป๋าขึ้นมาคล้องสะพายที่บ่า ก่อนจะหันไปโบกมือลาให้พนิดาที่ยืนอยู่ซึ่งเธอเองก็โบกมือตอบกลับเขาด้วยเช่นกัน สายตาคมยังคงแอบหันไปมองพนิดาที่หันไปยืนโบกมือให้อิทธิพลระหว่างเปิดประตูขึ้นรถด้วยความรู้สึกสับสน
ระหว่างทางมีแค่อิทธิพลที่พูดคุยไปเรื่อยๆถึงเรื่องทั่วไปซึ่งปริญก็ตอบอืออาไปตามปกติ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงที่เรื่องของพนิดา
"ปริ้น พายน่ารักนะมึงว่ามั้ย"
"ไม่รู้สิ กูไม่เคยมอง"
"ก็ดีละที่มึงไม่มอง เก็บสองลูกกะตามึงไว้มองแค่ญดานั่นแหละ คนนี้ไว้กูจะมองเอง" อิทธิพลพูดไปยิ้มไป ขณะที่เบาะที่นั่งค่อยๆเอนลงก่อนจะหลับตาพริ้มยิ้มไปโดยที่มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่ต้นคอ
"ถ้าปากไม่จัดก็คงจะน่ารักอยู่หรอกมั้ง" เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิททำท่าว่าจะหลับ ปริญจึงแอบพึมพำเงียบๆคนเดียว แต่มิวายว่าไอ้คนที่ทำท่าว่าจะหลับยังจะอุตส่าห์หูเบาได้ยินอีก
"พายเนี่ยนะปากจัด กูยังไม่เห็นว่าพายจะเป็นอย่างที่มึงพูดตรงไหน ออกจะปากหวานพูดเพราะ"
"ปากหวานงั้นหรอ มึงจะรู้ได้ไง ชิมก็ไม่เคยชิม"
"เออถึงไม่เคยชิมแต่กูก็รู้แล้วกันน่า ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังไม่เคยชิม แต่วันหน้า ไม่แน่"
'วันหน้า ไม่แน่ ฮึ' ปริญแอบขำและนึกยิ้มเยาะเพื่อนอยู่ในใจ ก่อนจะปล่อยให้มันนอนละเมอเพ้อฝันถึงพนิดาต่อไปโดยที่ไม่ได้มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งส่งมันลงถึงสนามบิน
หลังจากปริญไปส่งอิทธิพลแล้ว พนิดาก็จัดการงานบ้านจนสะอาดเรียบร้อย ทั้งซักผ้า รีดผ้า ซึ่งแน่นอนว่ามันมีเสื้อผ้าของปริญปะปนอยู่ด้วย พอเสร็จก็รดน้ำต้นไม้แล้วจากนั้นจึงเดินตรงไปที่เรือนของคุณย่าบัวหลัน
"อ้าวพาย มาหาย่าหรอลูก"
"ค่ะย่าบัว พายว่าจะมาถามเรื่องซุ้มที่เราจะขายของอาทิตย์หน้าค่ะ พรุ่งนี้พายว่าจะไปดูขนาดของซุ้มเสียหน่อย จะได้เริ่มขนของที่จะใช้ตกแต่งซุ้มไปเริ่มเตรียมไว้บ้าง
"งั้นก็พอดีเลยลูก พรุ่งนี้ท่านนายอำเภอทินกรจะเเวะเข้ามาถามเรื่องรายละเอียดของซุ้มเราพอดี งั้นพรุ่งนี้พายไปดูกับนายอำเภอเลยก็เเล้วกันนะลูก"
พนิดาทำท่าครุ่นคิดแต่ก็ตอบตกลงกับคุณย่าบัวหลันเป็นที่เรียบร้อย ตกเย็นมาก็ทำมื้อเย็นกินเองเพราะปริญบอกว่าจะไม่ได้กลับมากินด้วย อิทธิพลบอกว่าเขาจะเข้าเมืองไปหาญานิศา ทำไมแค่คิดมาถึงตรงนี้แล้วมันเศร้าจัง นี่เธอเป็นอะไรไป ทำไมใจมันถึงแปลบๆเช่นนี้เมื่อคิดว่าเขาคงจะกำลังมีความสุขอยู่กับคนที่เขารัก มันคงไม่ใช่หรอกใช่มั้ย นี่เธอไม่ได้กำลังหลงรักปริญอยู่ใช่หรือเปล่า
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ