หลังจากจบทริปทะเล นักศึกษาทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยกันตามปกติ เช้าของวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย ทุกอย่างดูเหมือนเดิม ยกเว้นแต่คู่รักใหม่ ที่แทบจะตัวติดกันทุกวินาที
“ที่รักคร้าบบ~~” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างออดอ้อน “หื้ม?” เจสสิก้าตอบรับโดยไม่ละสายตาจากหนังสือในมือ “สนใจพี่หน่อยสิ เอาแต่จ้องหนังสือ ไม่สนใจพี่เลยนะ” ปอร์เช่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ คลอเคลียอยู่ข้างแก้มนุ่มราวลูกแมวขี้อ้อน “พี่ไม่คิดจะกลับห้องตัวเองบ้างเหรอคะ? มานั่งอยู่ในห้องคนอื่นแบบหน้าด้านๆ” คนตัวเล็กกล่าวขึ้นหน้าตาเฉย ทั้งที่คำพูดตัวเองไม่เฉยเหมือนหน้าตาเลยสักนิด “โห่ ใจร้ายอ่ะ ก็พี่คิดถึงหนูนี่” “พี่เวอร์ละค่ะ” “อะแฮ่ม!!!” เสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ทั้งสองต้องหันไปมอง จีโน่ยืนกอดอก ทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้างโต๊ะ เธอต้องยอมสละที่นั่งให้เพื่อนรักทั้งสอง และยังต้องมาทนนั่งดูพวกเขาสวีตกันไม่หยุดอีกต่างหาก “แหม๊~ ตั้งแต่คบกันมาก็หวานไม่มีหยุดเลยนะยะ หัดเกรงใจชาวบ้านบ้างเถอะ! ห้องนี้ไม่ได้มีแค่พวกเธอสองคนย่ะ!” เมื่อหันมองรอบห้องก็พบว่าทุกสายตาจับจ้องมาทางพวกเขาจริงๆ ดูเหมือนจะถูกจับตามองตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เพราะความหวานกลบทุกอย่างจึงไม่ทันสังเกต “โสดแล้วหมั่นไส้อ่ะดิ ยัยตุ๊ดแก่~” ปอร์เช่หันไปแซวเสียงดัง “เหอะ! กูไม่คุยกับมึงละ นั่นไงยัยบัวมาแล้ว!” จีโน่เบ้ปากใส่ก่อนจะหันไปหากอบัวที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “ทำไมมาสายวะยัยบัว?” “…ตื่นสายนิดหน่อยน่ะ…” “เห้ย เอาจริงดิ? มึงเนี่ยนะตื่นสาย? ตั้งแต่กูรู้จักมึงมา ไม่เคยเห็นมึงตื่นสายเลยนะ” “อืม…ช่างเถอะ…” กอบัวตอบเรียบๆ เธอปรายตามองเจสที่กำลังถูกรวบตัวไว้ในอ้อมกอดของปอร์เช่ ก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเอง แล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบพร้อมกับเปิดหนังสืออ่านโดยไม่พูดอะไรอีก จีโน่หันไปกระซิบกับเจสสิก้าด้วยความงุนงง “ช่วงนี้ยัยบัวมันแปลกๆว่ะมึง ว่ามะ?” เจสพยักหน้าช้าๆ “จริง กูรู้สึกเหมือนกัน” “ก็เปล่านี่ กูเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” กอบัวตอบเรียบๆโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา ได้ยินสะงั้น… บทสนทนาเงียบไปพักหนึ่ง… ก่อนทั้งห้องจะปกคลุมเต็มไปด้วยความเงียบ จนเวลาเลยผ่านไปถึงเที่ยง “ที่ร๊าก พักเที่ยงอยากกินอะไร เดี๋ยวเค้าไปซื้อให้น้า“ ปอร์เช่ถามเสียงหวาน กลับมาอ้อนต่อทันทีที่หมดชั่วโมง “พักเที่ยงค่อยว่ากันค่ะ ตอนนี้พี่กลับคาบตัวเองไปได้แล้ว” คนตัวเล็กพูดพลางดันไหล่หนาเบาๆ “ชิ ไปก็ได้ เดี๋ยวพี่มารับไปกินข้าวนะจ๊ะ สาวน้อย~” เจสสิก้าได้แต่เพียงส่ายหน้าเบาๆกับความติ๊งต๊องปัญญาอ่อนของคนที่อายุมากกว่าเธอเสียอีก “หึ… พูดเหมือนจะพาไปกินร้านหรู ทั้งที่ท้ายสุดก็จบลงที่โรงอาหารเหมือนเดิมนั่นแหละ” เธอบ่นพึมพำ ก่อนจะหันไปบอกจีโน่ให้กลับมานั่งที่ได้แล้ว แต่กลับเห็นกอบัวกำลังมองตามหลังปอร์เช่ที่เพิ่งเดินออกไป “อาจารย์เข้าแล้วนะเจส เลิกมองหน้ากูได้แล้ว” เจสสิก้าถึงกับสะดุ้งเฮือก แล้วรีบหันกลับไปมองด้านหน้า ⸻ พักเที่ยง… “ที่รักอยากกินอะไร เดี๋ยวเค้าไปซื้อให้~” ปอร์เช่ปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้ไม่รอช้า เขาโอบเอวเจสพาเดินตรงดิ่งไปยังโรงอาหาร “อยากกินข้าวมันไก่ทอด น้ำจิ้มแซ่บๆ” “ได้เลย รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้!” “รับทราบค่า” ปอร์เช่รีบเดินแยกออกไปด้วยท่าทีร่าเริง แต่ในระหว่างที่กำลังยืนต่อคิวอยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกง ตื๊ออออ~!!! มือหนารีบล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ “มีอะไรครับป๊า?” เสียงเข้มจากปลายสายตอบกลับมาทันควัน “ฉันอยากได้หนูเจสเป็นลูกสะใภ้!” “ห้ะ!? ป๊า…ถ้าโทรมาเพราะเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงครับ ป๊าได้ในสิ่งที่ต้องการแน่ๆ” “แน่นะ ปอร์เช่ คัง!” “แน่ครับ!” “งั้นแค่นี้แหละ!” ติ๊ด… สายถูกตัดลงทันทีอย่างงงๆ “โห่ป๊า… โทรมาเพื่อพูดแค่นี้เนี่ยนะ ลูกสะใภ้ป๊ารอนานเลยรู้มั้ยเนี่ย…” ปอร์เช่ถอนหายใจพลางยิ้มขำๆ แต่ในจังหวะที่เขาหันจะกลับเข้าโรงอาหาร สายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินสวนออกมา เขาไม่ได้สนใจในตอนแรก แต่ทันใดนั้น สายตาก็สะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น ปอร์เช่ก้มลงหยิบขึ้นมา… “นี่มัน…รูป?” สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที ความสับสนฉายชัดในแววตา คำถามผุดขึ้นในหัวนับไม่ถ้วน ใช่เธอจริงๆเหรอ? แล้วเจสล่ะ? ที่ผ่านมาเขาคิดว่าเจสคือเธอคนนั้น… แต่ในรูป…กลับเป็นอีกคน คนที่เขาเห็นอยู่ทุกวัน กอบัว… ก่อนที่ปอร์เช่จะได้คิดต่อ ก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อเขาจากด้านหลัง “ขอรูปคืนได้มั้ยคะ…พี่เช่” ปอร์เช่เงยหน้าขึ้นช้าๆ และพบกับสายตาของกอบัวที่ยืนอยู่ตรงหน้า “บ..บัว? บัวจริงๆหรอ!?” “พี่ยังจำบัวได้…” “มีแค่เด็กคนนั้น…ที่เรียกพี่ว่า ‘พี่เช่’…”สหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข