Share

ตอนที่ 4.

last update Last Updated: 2025-07-03 19:35:34

ก๊อก... ก๊อก...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นในไม่ถึงสิบห้านาทีต่อมา พร้อมกับเสียงแจ้วๆร้องเรียก

“เปิดประตูหน่อย ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว!”

ไม่ทันที่เจ้าของห้องจะอนุญาต ปลายรุ้งก็ถือวิสาสะเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อคเข้ามาเสียก่อน กลิ่นสบู่กับแป้งเด็กหอมกรุ่นลอยมาก่อนตัว นภวินท์เงยหน้าจากการเช็คภาพในกล้อง เขาตาโตมองชุดนอนของเพื่อนสาว ก่อนจะหัวเราะลั่น

“ฮ่า... ฮ่า... นี่แหละไอ้ปลาย ตัวจริงเสียงจริง”

ปลายรุ้งในยามนี้ ต่างจากเมื่อครู่เป็นคนละคน หญิงสาวสลัดมาดสาวน้อยแสนบอบบางนุ่มนิ่มทิ้งจนไม่เหลือคราบ ร่างเพรียวบางสวมกางเกงเลสีชมพูแปร๋น กับเสื้อยืดตัวโคร่งลายจุด ผมที่เคยเกล้ามวยประดับปิ่นถูกปล่อยยาวระแผ่นหลัง ใบหน้ายามปลอดเครื่องประทินโฉมดูอ่อนใสเหมือนเด็ก ยิ่งเจ้าตัวประแป้งจนลายพร้อยไปทั้งหน้าแบบนี้แล้ว ไม่ต่างกับเด็กอนุบาลตอนอาบน้ำเสร็จ ดูกะโปโลเหลือเกิน

“นี่นายยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ ไป ไป๊! ไปอาบน้ำได้แล้ว เหม็นเต่าจะอ้วกแล้ว” หญิงสาวแกล้งบีบจมูก ทำหน้าย่น

นภวินท์วางกล้องคู่ใจลง “เหม็นใช่ไหม นี่แหนะ”

เขาถอดเสื้อโยนโครมใส่หน้าคนว่า แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวตัวกับเสื้อนอนเผ่นแผล็วเข้าห้องน้ำไป ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายเอาคืน เมื่อกลับออกมาอีกครั้ง ก็พบว่าเพื่อนสาวรื้อค้นของกินในตู้เย็นออกมาจัดการระหว่างรอเจ้าของห้องอาบน้ำ

“เมื่อกี้เพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวมาหยกๆ ยังยัดอะไรลงอีกเหรอเนี่ย...” นภวินท์มองถุงขนมแล้วส่ายหน้า ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงข้างๆ

“กินปะ...” มือเรียวบางยื่นถุงขนมให้อย่างมีน้ำใจ

“ไม่ล่ะแปรงฟันแล้ว”

“เด็กอนามัย... กินเองก็ได้”

ปลายรุ้งย่นจมูกใส่พร้อมค่อนขอด เมื่อเพื่อนชายไม่กินขนม หญิงสาวเลยจัดการกินซะเอง

นภวินท์มองเพื่อนสาวอย่างเอ็นดู ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ตอนนี้หรือเมื่อก่อนปลายรุ้งไม่เคยเปลี่ยน เขายังจำได้ไม่ลืม เมื่อครั้งที่เขากับมารดาย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังปัจจุบัน ยามนั้นเขามีอายุเพียงสิบสอง ยังติดนิสัยซุกซนตามประสา เมื่อเห็นต้นมะม่วงข้างรั้วบ้านหลังติดกัน กำลังออกลูกดกเต็มต้น ก็อดป่ายปีนไม่ได้

“ลงมาเดี๋ยวนี้นะไอ้หัวขโมย!” เสียงแจ้วๆ ของเด็กหญิงผมเปีย หน้าตามอมแมม ร้องเรียกอยู่ใต้ต้นไม้

“ฉันไม่ใช่หัวขโมยนะ แค่ปีนขึ้นมาเล่นบนนี้เฉยๆ”                

เขาแก้ตัว ขณะปีนลงมายืนประจันหน้ากับเจ้าถิ่นตัวจิ๋ว ที่ยืนเท้าเอวประกาศศักดาอยู่ด้านล่าง

“ไม่ใช่ขโมย แล้วมาปีนต้นมะม่วงของคนอื่นทำไม หน้าตาก็ไม่เคยเห็น มาจากที่ไหนเหรอ” เด็กหญิงสอบสวนผู้บุกรุกตัวโตกว่า อย่างไม่กลัวเกรง

“พี่เพิ่งย้ายมาวันนี้เอง บ้านนี้เป็นบ้านของหนูเหรอ” เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกขาน เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงน่าจะอ่อนวัยกว่า

“ฉันชื่อปลาย ไม่ใช่ชื่อหนู อายุเก้าขวบอยู่ปอสี่แล้ว”

“พี่ชื่อวินท์ อายุสิบสองอยู่ปอห้า แก่กว่าเราสามปี” เขาแนะนำตัวเองบ้าง แม้จะอายุมากกว่าอีกฝ่ายถึงสามปี แต่เขาเรียนอยู่ประถมห้าโตกว่าเด็กหญิงแค่ชั้นเดียว ซึ่งต่อมาปลายรุ้งก็เรียนทันเขาในระดับมหาลัย

“ถึงจะแก่กว่า แต่ฉันไม่เรียกนายว่าพี่หรอก ถ้าอยากเป็นเพื่อนกัน ก็ยอมรับข้อเสนอนี้ซะ”

เด็กหญิงไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่ เขารู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง แต่ต้องการผูกมิตรไว้เลยยอมให้เธอตีเสมอ นานเข้ากลายเป็นความเคยชิน ความต่างของอายุนับวันจะเลือนหายไปพร้อมกับความผูกพันที่ก่อตัวแน่นหนาขึ้น สองบ้านไปมาหาสู่กันจนกลายเป็นเพื่อนสนิท บิดามารดาของเด็กหญิงทำงานเป็นพนักงานฝ่ายขาย ซึ่งต้องเดินทางบ่อยครั้ง ในยามที่ทั้งสองต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดมักจะขอแรงคุณรจนาให้ช่วยดูแลลูกสาว เด็กหญิงชายทั้งสองจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันจนเติบโตเป็นหนุ่มสาว

“วันก่อนๆน่ะ เธอพักที่ไหนเหรอ” นภวินท์จ้องหน้าอ่อนใสนิ่ง ขณะเอ่ยถาม

คนถูกจ้องหลบตา วางถุงขนมลง “ฉันนอนในรถน่ะ จอดตามปั้มน้ำมันบ้าง ตามวัดบ้าง ปลอดภัยและประหยัดดีด้วย วันไหนเงินเหลือเยอะหน่อย ถึงจะได้นอนโรงแรมแบบนี้สักที แต่ก็นานๆทีแหละ” น้ำเสียงของคนพูดพยายามให้ดูแจ่มใส ขณะบอกเล่าความเป็นไปในชีวิต เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“ทำไมไม่กลับไปหาฉันกับแม่ล่ะ” นภวินท์ทอดเสียงอ่อนโยน

ปลายรุ้งเงยหน้าขึ้นมอง ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา “ฉันไม่อยากรบกวนใคร” เสียงที่เอ่ยสั่นพร่า

“เฮ้อ... คิดมากน่าปลาย แม่ฉันกับฉันไม่เคยรังเกียจเธอเลยนะ แม่รักเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ทุกวันนี้ก็บ่นคิดถึงเธอตลอด”

ท่อนแขนแข็งแรงโอบไหล่ รั้งร่างบางมาชิดตัวปลอบประโลม กิริยาโอบเอื้ออาทร เรียกน้ำตาจากดวงตาคู่สวยให้ไหลรินออกมา

“ปลาย ฉันกับเธอโตมาด้วยกัน ไม่ใช่พี่น้องก็เหมือนพี่น้อง เธอเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องสาวของฉัน มีหรือที่ฉันจะปล่อยให้เธอลำบาก”

นภวินท์เอ่ยเสียงนุ่ม มือเรียวลูบศีรษะเล็กๆนั้น อย่างอ่อนโยน นับตั้งแต่บิดามารดาของเพื่อนสาวเสียชีวิตพร้อมกัน ด้วยอุบัติเหตุในวันที่ลูกสาวรับปริญญา ยามที่ทุกคนปลาบปลื้มดีใจที่สุดในชีวิต เป็นวันที่ปลายรุ้งสูญสิ้นครอบครัว ยามนั้นในช่วงแรกๆ เขากับแม่คอยประคับประคองเธอ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ปลายรุ้งก็ยืนหยัดมีชีวิตด้วยตัวเอง เธอเริ่มออกเดินทางไปตามหาความฝัน

ฝัน... ที่นภวินท์ไม่รู้ว่า เธอตามหาเจอหรือไม่

“ฉันมันดื้อเอง ที่ดันทุรัง อวดดี สุดท้ายก็ต้องซมซานกลับมา” เสียงทอดถอนใจ ดังมาจากคนร่างเล็กในอ้อมแขน

คนได้ยินก้มหน้าลงไปมอง เมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆ บนแก้มนวล ก็แตะลูกคางบนกระหม่อมปลอบประโลม เอ่ยเสียงนุ่ม “ตอนนี้หายดื้อหรือยัง”

“ยังมั้ง...” คำตอบฟังดูอ่อนล้า

หากคนพูดยังคงยึดมั่นในความคิดของตัวเองไม่ยอมวาง ใครจะมองว่าสิ่งที่เธอทำเป็นการกระทำโง่ของคนดื้อ หัวรั้น แต่คนทำรู้ตัวดีว่าเธอมิอาจยอมงอมืองอเท้า รอรับความช่วยเหลือจากใครได้ คนที่รอรับความช่วยเหลือจากคนอื่นโดยไม่ช่วยตัวเอง ในความคิดของปลายรุ้ง คงไม่ต่างจากคนอ่อนแอ... เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ ไร้สมรรถภาพ จึงต้องดิ้นสุดแรงเสียก่อน

“ฉันรู้ว่าเธอเก่ง บางครั้งคนเก่ง ก็ต้องยอมไม่เก่งบ้าง”

“นายยังไม่เคยยอมแพ้ใครเลยนี่ ทำไมฉันต้องยอมแพ้ด้วยเล่า”

ปลายรุ้งขยับห่างจากอกกว้าง ใช้ท่อนแขนป้ายน้ำตาเหมือนเด็กๆ ความอ่อนแอดูเหมือนจะละลายหายไปพร้อมหยดน้ำตา แววตาที่อ่อนล้าฉายแววเข้มแข็งขึ้น

นภวินท์ขยับลุกเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำดื่มมาส่งให้

“อะ... ดื่มน้ำก่อนสิ เสียน้ำตาไปหลายปิ๊บแล้วมั้ง” เขากระเซ้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตั้งสติได้แล้ว

“ฉันเป็นผู้หญิงนี่ ไม่ใช่ผู้ชายอย่างนาย จะได้เข้มแข็งร้องไห้ไม่เป็น”

ปลายรุ้งค้อนคนว่า รับน้ำมาเปิดดื่มโดยดี สีหน้าสดใสกว่าเมื่อครู่ มีแรงต่อปากต่อคำได้อีกหลายคำ

“ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าวิญญาณผีขี้มูกโป่งเข้าสิงไม่ยอมออก ฉันไม่ได้พกพระมาเสียด้วย” นภวินท์หัวเราะเบาๆ ขยับเข้ามานั่งข้างๆ

“ได้ทีขี่แพะไล่เชียวนะ โอย...ร้องไห้จนตาแฉะ ขอไปล้างหน้าก่อนนะ ห้องน้ำอยู่ไหน” ปลายรุ้งว่าพลางสอดส่ายสายตามองหาห้องน้ำ

“อยู่นั่น อย่าลืมเช็ดขี้มูกด้วยนะ”

เจ้าของห้องชี้บอกทาง ร่างเพรียวบางขยับลุกขึ้นอย่างว่องไว เดินลิ่วหายไปหลังบานประตู ครู่ใหญ่ก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้น หญิงสาวนั่งลงข้างๆเพื่อนชาย

“นายจะกลับเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้ ทำไมเหรอ”

“ฉันกลับด้วยคนสิ... อยากไปหาป้ารจ คิดถึงน่ะ” ปลายรุ้งคลี่ยิ้มบางๆ ดวงตาวาวระยับยามเอ่ย “เอาป้ากุหลาบฉันไปก็ได้ เย็นๆน่าจะถึง”

นภวินท์นึกถึงรถปุโรทั่งของเพื่อนสาวแล้วส่ายหน้า ไอ้รถผุๆคันนั้นจะแล่นไปถึงกรุงเทพไหวหรือนั่น เขานึกภาพตัวเองขณะเข็นท้ายรถอย่างแหยงๆ

“ฉันว่าเราขึ้นเครื่องไปจะเร็วกว่านะ ฉันออกค่าตั๋วให้” เขาเสนอ

“กลัวได้เข็นรถหรือไงยะ อะ... นึกว่าเห็นแก่นายที่ยอมควักกระเป๋าซื้อตั๋วให้ ฉันยอมขึ้นเครื่องไปกับนายก็ได้”

เจ้าของรถรุ่นสะระแหน่เรียกบ้านย่นจมูกใส่เพื่อนผู้หวังดี ก่อนจะรับข้อเสนอโดยไม่บิดพลิ้ว หรือแสดงท่าทางเกรงอกเกรงใจสักนิด แถมเจ้าตัวยังแอบหัวเราะในใจ เมื่อเหยื่อล่อที่วางไว้ ถูกปลาสมองน้อยฮุบเต็มๆ

“ฉันง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ อ้อ... พรุ่งนี้อย่าลืมปลุกฉันด้วยนะ”

ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินผิวปากออกไปจากห้องเพื่อนชายอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้เจ้าของห้องมองตามร่างบางที่เดินออกไปด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 92.(จบ)

    “ตายยากจังวินท์ คิดถึงทีไร โทรมาทุกที” เธอรีบกดรับ ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไปก่อน “ไปไงวินท์ อื้อ... ใช่ปลายกับคุณเมฆกำลังจะไปที่บ้านพักที่จัน อะไรนะวินท์อยู่ที่นั่นเหรอ อีกสักชั่วโมงนะปลายกับคุณเมฆจะไปถึง อย่าแย่งกินกุ้งย่างหมดก่อนล่ะ”“นายวินท์ อยู่ที่รีสอร์ทเหรอ” ฆนากรถามคนที่เพิ่งกดวางสาย“ค่ะ บอกว่าพายายสิงห์ หลานเฮียเป๋งไปด้วย” ปลายรุ้งเล่าสิ่งที่ได้ยินให้สามีรับรู้ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม“ยายสิงห์ หลานเฮียเป๋งเป็นใครกัน” เขาขมวดคิ้ว แปลกใจชื่อประหลาดนั่นปลายรุ้งหัวเราะขำ ใครได้ยินชื่อเล่นของสิงหกัลยา เป็นต้องทำหน้าแบบนี้ทุกคน ผู้หญิงในประเทศไทยที่ชื่อสิงห์ จะมีสักกี่คน“เธอชื่อสิงหกัลยาค่ะ เป็นรุ่นน้องของปลายกับวินท์ที่มหาลัย ปลายเป็นพี่รหัสของยายสิงห์ เฮียเป๋งเจ้านายของวินท์เป็นน้าชายของยายสิงห์ นี่คงโดนเฮียเป๋งบังคับให้พายายสิงห์มาเที่ยวด้วยแหงๆ”“และคุณสิงห์ที่ปลายว่าเนี่ย หน้าตาเป็นยังไงสวยมั้ย”“สวยสิคะ ยายสิงห์แกเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี่ ขาวสูงหุ่นนางแบบเชียวแหละ เสียอย่าง...” ปลายรุ้งยิ้มแห้งๆ เมื่อนึกถึงวีรกรรมของสิงหกัลยา“เสียอะไร นิสัยหรือว่าอะไร” ฆนากรซักไซร้ เขาช

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 91.

    “ให้มันได้อย่างนี้สิวะ รับรองสิ้นปีเฮียแจกโบนัสไม่อั้น” เปรมศักดิ์ตบไหล่ช่างภาพหนุ่มแรง สีหน้าสดชื่นขึ้นทันตาเห็น“แล้วจะให้ใครไปเป็นล่ามให้ผม บอกก่อนนะว่าผมได้แค่ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปนอิตาลี่เนี่ยผมไม่รู้สักคำ” นภวินท์ยังกังวลใจ“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมผู้ช่วยให้แกแล้ว รับรองมีเซอร์ไพรซ์” เปรมศักดิ์หลิ่วตาให้ เขาหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครบางคน“เออ... ไอ้วินท์มันรับปากแล้ว ไอ้ช่วงมันขาหักไปไม่ได้ เป็นไอ้วินท์ทำแทน รีบมารายงานตัวเลยนะ ไอ้วินท์มันอยู่ที่นี่แล้ว จะได้เตรียมแผนงานกันล่วงหน้า มาเลย มาเร็วๆ” พูดจบก็วางหู“ใครเหรอพี่ ที่หามาเป็นผู้ช่วยผม ที่สำนักพิมพ์เราไม่เห็นมีใครเก่งภาษาสเปนกับอิตาลี่สักคน” นภวินท์อยากรู้เหลือเกิน ว่าผู้ช่วยเขาเป็นใคร“น่าเดี๋ยว มาถึงแกก็รู้เอง” เปรมศักดิ์เอ่ยยิ้มๆราวครึ่งชั่วโมง ประตูห้องของบรรณาธิการฝ่ายบริหารก็ถูกเคาะ เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตคนเคาะก็เปิดประตูเข้ามา นภวินท์หันไปมองพร้อมกับลุ้นตัวโก่ง คนที่เดินเข้ามาส่งยิ้มมาแต่ไกล“ดีจ้า น้าเป๋ง เฮียวินท์” เสียงใสแจ้ว ราวกับระฆังแตก ทักทายคนในห้องร่างสูงเพรียวในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าลวดลายแบบยิปซี มีเ

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 90.

    “อย่าคิดอะไรแบบนั้นอีกนะ คนดี”เขาแย้มริมฝีปากมอบรอยยิ้มแสนอบอุ่น ดวงตาคมทอประกายอ่อนหวาน ขณะก้มลงแตะริมฝีปากบนหน้าผากเนียน บนเปลือกตาทั้งสอง บนจมูกโด่งเล็กนั้น ก่อนจะกดริมฝีปากบนเรียวปากนุ่มหนักๆ“ปลาย... คุณคือผู้หญิงคนแรก คนเดียวในชีวิตผม”ชายหนุ่มทอดเสียงนุ่ม เอ่ยช้าและชัดเจน คลื่นความอบอุ่นไหลรินสู่หัวใจคนฟัง ปลายรุ้งหลับตาลงปล่อยให้ตัวเองซึมซับทุกถ้อยคำนั้นไว้ในหัวใจ ไม่มีคำว่ารักสักคำสิ่งที่สัมผัสนั้นมากกว่าคำว่ารักหญิงสาวแทบไม่รู้ตัวว่าร่างของตัวเอง ถูกเขาโอบประคองพามาถึงระเบียงริมน้ำบ้านของป้ารจตั้งแต่เมื่อไหร่“คุณพาปลายมาที่นี่ทำไมคะ ดึกแล้ว” น้ำเสียงของเธอช่างแผ่วพร่า เหลือเกินเมื่อเอ่ยถามเขาฆนากรยิ้มละมุน เขาประคองร่างบางให้นั่งบนผ้านวมหนาที่ปูไว้บนพื้นไม้ ดวงไฟสีนวลถูกเปิดไว้เพียงดวงเดียว บรรยากาศยามนี้เงียบสงบเย็นสบาย ท้องฟ้ากระจ่างนวลตาด้วยแสงจันทรา สายลมพัดพาความสดชื่นของแม่น้ำมากระทบกายแผ่วๆ สองร่างทอดกายนอนเคียงกัน ศีรษะเล็กหนุนท่อนแขนแข็งแรงของคนตัวโตต่างหมอน“เวลาผมเหงาหรือคิดอะไรไม่ออก ผมจะหอบผ้านวมมานอนดูดาว ดูดวงจันทร์แบบนี้” มือหนากุมมือเรียวไว้ในอุ้งมืออุ่น

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 89.

    “มีอะไรก็ผัดๆรวมกันมาเถอะ ฉันหิวแล้วนะ” ปลายรุ้งพูดแก้เก้อมือบางจับหน้าอกข้างซ้ายตัวเองที่กำลังเต้นรัวแรงด้วยความตกใจ ทำไมเธอต้องใจสั่นแบบนี้ด้วยนะ หญิงสาวมองร่างสูงใหญ่ ที่กำลังหั่นผัก เตรียมทำอาหารให้เธอด้วยสายตาไม่เข้าใจ เธอไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับนภวินท์มาก่อน เขาเคยจับมือโอบไหล่หลายครั้ง ทุกครั้งไม่เคยรู้สึกแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปลายรุ้งหาคำตอบให้ตัวเองไม่พบ“เสร็จแล้ว ข้าวผัดไส้กรอกของเชฟกระทะเหล็ก”ข้าวผัดไส้กรอกหอมน่าอร่อยถูกวางตรงหน้า ปลายรุ้งมองคนทำที่ภูมิใจนำเสนออาหารของตน ก่อนจะหยิบช้อนมาตักเข้าปาก ตาโตๆของจิตรกรสาวโตกว่าเดิม เมื่อพบว่ามันอร่อยเหลือเชื่อ รีบตักอีกคำเข้าปาก จากนั้นก็ไม่สนใจสายตาที่จ้องมองอีก“อร่อยใช่ไหม”ดวงตาคมจ้องหน้าเธอนิ่งริมฝีปากหยักโค้งเจือสีแดงสดขยับแย้ม ก่อนที่มือหนาจะยื่นมาแตะมุมปากหญิงสาว หยิบเม็ดข้าวที่ติดออกมาส่งเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย“อื้อ... อร่อยจริงๆด้วย”ปลายรุ้งอ้าปากค้าง มองคนที่กำลังกินข้าวด้วยความตกใจ หน้าร้อนผ่าวกับการกระทำของอีกฝ่ายคนบ้าอะไรกินข้าวติดปากคนอื่นได้ด้วย“นี่น้ำเดี๋ยวสำลักตาย ขี้เกียจผายปอด”เขาหัวเราะเบาๆ

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 88.

    “ฉันมีอะไรจะบอกนายแผนสักอย่าง”เฟอร์นันโดขยับเข้าไปใกล้นายแผน เขาก้มศีรษะป้องปากกระซิบบางอย่างที่หูของอีกฝ่าย บอดี้การ์ดของภัทรมือสั่นระริก หันมามองหน้าคนพูดก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แววตาอ่อนแสงลง“ไอ้สุริยะ ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่าคนที่ตายแล้วอย่างแก ให้มือฉันต้องเปื้อนเลือดสกปรก แกกำลังจะได้รับกรรมของแกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”ร่างใหญ่ตัวของแผนขยับออกห่าง พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะบาดหัวใจคนฟังเหลือเกิน จนทนไม่ไหว“แกหัวเราะอะไรกัน นี่แกไม่ฆ่าฉันแล้วใช่ไหม”“ฉันไม่ฆ่าแกหรอก ถ้าแกตายแกจะไม่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวด ของการตายทั้งเป็น”นายแผนหยุดหัวเราะ ดวงตาดำใหญ่จ้องหน้าเขาด้วยแววตาสมเพช ก่อนจะเอ่ยประโยค ที่ทำให้สุริยะต้องช็อคตาตั้ง“แกจำผู้หญิงสวยๆ ชุดแดง ที่งานเลี้ยงของคุณเฟอร์นันโดได้ไหม เธอเป็นเอดส์!”“แกพูดบ้าอะไร ฉันไม่เชื่อแกหรอก ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเอดส์ แต่ฉันไม่เคยนอนกับผู้หญิงโดยไม่ป้องกัน” เขาค้านเสียงหลง“หึ... ป้องกันเหรอ คืนนั้นแกเมา แกลืมป้องกัน แกกำลังจะตายไอ้สุริยะ ตายด้วยความมักมากในกามของแกไงล่ะ” นายแผนตอกย้ำอีกครั้งสุริยะทบทวนความทรงจำก่อนจะใจหายวาบชาไปทั้งตัว คืนน

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 87.

    นภวินท์ยิ้มบางๆ ตบบ่าพี่ชายแรงๆ “อย่าคิดมากสิ ยายปลายน่ะขี้เหงา อีกไม่เกินอาทิตย์ ต้องรีบแล่นกลับมาหาพวกเราแน่” เขามั่นใจเหลือเกิน“นายเข้าใจปลายดีนี่ สมแล้วที่ปลายรักนาย”ฆนากรมองหน้าน้องชายด้วยแววตาเศร้า ชายหนุ่มเฝ้ามองปลายรุ้งกับนภวินท์ อย่างเงียบๆ ตั้งแต่กีรดารินทร์จากไป ปลายรุ้งพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับนภวินท์ จนไม่สนใจเขาเลย เขาพยายามจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าปลายรุ้งรักเขา แต่ท่าทีที่จิตกรสาวปฏิบัติต่อนภวินท์ ทำให้ฆนากรต้องถอยกลับมาอยู่ในมุมมืดของตัวเอง พ่อกับแม่และน้องชายกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ฆนากรกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอากาศที่ไม่มีใครสนใจ แม่เอาใจใส่ดูแลพ่อที่ไม่ค่อยสบาย ส่วนปลายรุ้งขลุกอยู่กับนภวินท์แทบเป็นเงาของกันและกัน ตัวเขาต้องรับภาระดูแลบริษัทแทนบิดา เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับงาน เมื่อมีเวลาส่วนตัวเขาอยากใช้มันกับปลายรุ้ง แต่หญิงสาวกลับออกเดินทางท่องเที่ยว โดยไม่บอกลาเขาสักคำ เหมือนเขาไม่ใช่คนที่เธอเห็นความสำคัญอีก“ใช่ ฉันกับปลายเรารักกัน เรารักกันมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่นายจะได้รู้จักกับเธอ”นภวินท์มองอาการคอแข็งของพี่ชายอย่างขบขัน ฆนากรไม่เคยเปลี่ยนนิสัยชอบคิดเองเออเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status