Masukที่พักเท้าด้านหลังถูกถีบลงก่อนเลยเป็นอันดับแรก เสียงดัง "แกร๊ง!" อันใสแจ๋วของมัน บ่งบอกได้ถึงความสดซิงของจักรยานสีชมพูพิงค์คันนี้ได้ดีที่สุด อายกวักมือเรียกให้เพื่อนสาวขึ้นมายืนบนที่เหยียบ พลางคว้าเอามือเรียวทั้งสองข้างของเพื่อนมาวางบนบ่าตัวเอง ภาพที่ออกมาจึงดูดีทีเดียว มันได้อารมณ์เหมือนเด็ก ๆ ในแก๊งค์แฟนฉัน หากแต่นี่คือ อาย กับ มิน เป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย
.
"เอานะมิน.. อายจะปั่นล่ะนะ!"
.
"ไหวเหรอเธอ.. อย่างน้อยเธอควรจะเอาเป้บนหลังมาไว้ที่ฉันนะ"
มินถามด้วยความเป็นห่วง
.
"เอาน่า.. อายมีประสบการณ์ ตลอด 3 วันมานี้อายไม่ล้มเลยสักครั้ง"
"เพราะงั้นถึงมั่นใจปั่นจักรยานมาโรงเรียนเองไง.. อิ ๆ (^-^)"
.
"เหอะ ๆ นี่ฉันต้องมั่นใจกับคำพูดแค่นี้ของเธอจริง ๆ ดิ (T ^ T)"
ขาสั่นเป็นเจ้าเข้า มือที่เกาะไหล่ไว้ก็เปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ
.
"ถ้างั้นก็ไปกันเล๊ย! สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนน! , ฮึบ!"
"เฮือกกก~!"
"อ่ะ! , เฮือกกก~!"
"อ๊าาากกก~! "
.
"แก๊ง! , แก๊ง! , ครืด! , แก๊ง! , แก๊ง! "
เสียงโซ่ครูดกับฟันเฟืองดังสนั่น ฟังจากเสียงเหมือนจะแรงมากแต่ความจริงคือช้ายิ่งกว่าตัวสล็อตเมาสารระเหย
.
ดีแค่ไหนแล้วที่ตอนนี้เป็นช่วงเลิกเรียน นักเรียนกว่า 80% ทยอยกลับบ้านกันไปหมด สภาพอันทุลักทุเลของสองสาวเพื่อนซี้จึงไม่เป็นที่สะดุดตานัก ใครเห็นก็ต้องฮาทั้งเอียงทั้งเซถลาดูท่าเหมือนจะไม่รอด ในใจอายคิดแต่เพียงว่าต้องออกแรงอีกสักหน่อย ขอแค่ปั่นผ่านรั้วโรงเรียนไปได้ แล้วพอขึ้นถนนใหญ่ คราวนี้ล่ะมินจะต้องกลายเป็นเหยื่อในการล้างแค้นเอาคืนของเธอ
.
"หึ ๆ , หึ ๆ..!"
กลั้นขำแทบขาดใจ ที่จริงมินก็ประเมินเอาไว้แล้วล่ะว่าภาพน่าจะประมาณนี้ ปกติอายเคยมีแรงกับเขาซะที่ไหน เนื้อก็ไม่กินผักก็ไม่ชอบ แต่ครานั้นก็ยังแอบจิกไหล่เพื่อนซะแน่น พลางกระซิบบอกอายไปว่า
.
"ให้มินนวดไหล่ให้ไหม เผื่ออายจะมีแรงขึ้น อิ ๆ ๆ (^ ^)"
.
"หมึบ! , หมับ! , หมึบ! , หมับ!"
ถือวิสาสะบีบไปเลยโดยไม่รอฟังคำตอบ
.
"โอ๊ย! ไอ้มินนี่จะแกล้งกันเหรอ! คอยดูเถอะขึ้นถนนใหญ่ได้เมื่อไหร่ถึงทีฉันแน่!"
.
ใช้พลังงานไปราว 3 แสนแคลลอรี่ บวกกับอีก 4 พันเฮือกหายใจ จักรยานชมพูพิงค์คู่ใจก็นำพาสองสาวมัธยมต้นคืบคลานมาถึงถนนใหญ่จนได้ บ้านของมินอยู่ห่างจากโรงเรียนราว 300 เมตร ส่วนบ้านของอายก็ถัดมาอีกประมาณ 2 ซอยไม่ห่างกันมาก แต่กว่าจะถึงแอเรียของหมู่บ้านจัดสรรตรงนั้น ก็ต้องปั่นผ่านถนนใหญ่ในยุคสมัยนั้นไปให้ได้ซะก่อน
.
ให้ตายเถอะนี่มันเส้นทางที่ใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้รายการข่าวช่วยชาวบ้านชัด ๆ ท่านนายกเล็กควรจะสั่งเทศบาลมาตรวจสอบซะบ้าง เพราะแม้จะเป็นถนนลาดยาง แต่ก็อุดมไปด้วยพื้นผิวหนังคางคกและหลุมอุกกาบาต อาย กับ มิน ต่างรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร เพราะพวกเธอต้องใช้ถนนเส้นนี้สัญจรประจำทุกวัน ทว่าคนที่ยิ้มมุมปากกลับมีแค่อายเพียงคนเดียว
.
ด้วยความสัตย์จริงสิ่งที่สาว ม.ต้นบ่องแบ๊วผู้นี้วางแผนไว้ก็คือ เธอตั้งใจจะปั่นจักรยานลงบ่อหลุมอวกาศพวกนั้น ให้มันกระแทกกระทั้น เอาให้มันเด้งดึ๋ง ๆ ดั๋ง ๆ จนคนที่เกาะอยู่ข้างหลังได้รับความทุกขเวทนา จนต้องออกปากขอร้องและขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป เธอคิดว่ามินไม่น่าจะไหวแต่หารู้ไม่ว่าไอ้ที่ไม่ไหวดันกลายเป็นตัวเธอซะเอง!
.
"อ๊าาากกก~! , ย๊าาากกก~!"
"เฮืออกกก! , อ่ะ! , เฮืออกกก!"
น่องปูดเป็นลูกนิมิต ฟันกระทบกันแกร๊ก ๆ ๆ ราวกับเด็กบนดอยต่อสู้อากาศหนาว
.
"ไอ้มิน! , ไอ้อ้วน! , ไอ้หมูเด้ง!"
"ทำไมตอนขามาอายไม่รู้สึกว่ามันหนักขนาดนี้เลย , เฮือกกก~!"
"มินต้องลดน้ำหนักด่วน ๆ เลยนะรู้ตัวไหม? ( - _^) "
.
"อ่าว! นั่นปากเหรอ!? คนเก่งเมื่อกี้หายไปไหนซะล่ะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางกลับบ้านพวกเราเลยนะหึ ๆ "
.
"ไม่รู้ไม่ชี้! ( >_<") "
.
กัดฟันปั่นต่อมาได้อีกราว 3 รอบครึ่งของจานโซ่ และในที่สุด!
.
"ยัง ๆ ยังไม่รีบกระโดดลงมาช่วยดันอีก! อายจะล้มอยู่แล้วเนี่ยะ!"
"ต้องลำบากมินแล้วล่ะ อายยอมล่ะ ม่ายยยหวายย~ เหนื่อย~! แฮ่ก ๆ , แฮ่ก ๆ"
"ช่วยดันหน่อยเร็วเข้า~!"
.
เยื้องไปข้างหน้าเป็นป่าอ้อย ส่วนด้านขวาทั้งแถบเลียบถนนไปเป็นครองชลประทาน จะเป็นศพหมกป่าหรือจมน้ำตายก็เป็นชอยด์ที่ชวนสยดสยองทั้งนั้น มินเลยรีบกระโดดลงโดยพลัน แล้วก็ดันทั้งกระเป๋าเป้และแผ่นหลังของอายให้รถวิ่งฉิวพุ่งขึ้นหน้าราวกับติดจรวด คือถ้าทำแบบนี้แต่แรกก็จบ! เพราะเมื่อลองวิเคราะห์ดูลำพังอายคนเดียวก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่นี่เล่นเพิ่มผู้โดยสารในไซส์เดียวกันมาอีกหนึ่ง แถมไอ้ตัวที่ทำให้หนักเพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็คือเป้นักเรียนที่แบกอยู่บนหลังนั่นเอง
.
เป็นเด็กยุคนี้คงไม่เข้าใจ แต่ถ้าเป็นเด็กในยุคของทั้งสองคนล่ะก็ น้ำหนักกระเป๋าก็ไม่ต่างจากกระสอบปุ๋ย! บ้านเมืองในต่างจังหวัดรถราไม่มากนัก เราก็เลยได้ยินเสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดของสองเพื่อนซี้ดังลั่นไปทั่ว พวกเธอผลัดกันปั่นผลัดกันดัน จนมาจบที่กระบวนท่าสุดท้ายนั่นก็คือลงมาช่วยกันเข็นจักรยานกันทั้งคู่! จากยานพาหนะไม่รู้กลายสภาพเป็นตัวภาระไปได้ยังไง
.
จนกระทั่งผ่านไปราว 10 นาทีก็เคลื่อนตัวมาถึงทางเข้าหมู่บ้านได้สำเร็จ และตอนนี้แหละที่มินเริ่มคิดไอเดียดี ๆ ขึ้นมาได้บางอย่าง ตอนนี้ทั้งคู่กำลังอยู่ ณ จุดกึ่งกลางทางแยก ถ้าเลือกเลี้ยวขวาก็จะได้การกระทำหนึ่ง แต่ถ้าเลือกเลี้ยวซ้ายเหตุการณ์ก็จะเปลี่ยนไป ว่าแต่.. อาย กับ มิน จะเลือกทางไหน? *โปรดเตรียมเหรียญของคุณขึ้นมา แล้วก็ทอยมันออกไปซะ!*
.
.
* ถ้าออก "หัว" ให้อ่านตรงนี้
.
มินกระชากแฮนด์จักรยานให้หยุดกึกจอดนิ่งอยู่กับที่ พลางชี้นิ้วให้จูงจักรยานไปทางซ้าย ซึ่งก็เป็นทิศทางเดียวกับบ้านของมินเองนั่นแหละ อายก็เลยทักขึ้น
.
"แล้วมินจะดึงแฮนด์ไว้ทำไมเล่า เราก็ถือกันอยู่คนละข้างเนี่ยะ ก็เดิน ๆ ไปด้วยกันนี่แหละ จะแกล้งอายไปถึงไหน!"
.
"เปล่า ๆ ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันแค่จะบอกว่าฉันไปสืบมาแล้ว!"
"ว่าบ้านพี่ ม. 5 ที่เธอชอบอ่ะ อยู่ถัดจากซอยบ้านฉันไปแค่ซอยเดียวเอง"
"เพราะงั้นถ้าพวกเราแกล้งจูงจักรยานเลยบ้านฉันไปนิดหน่อย เธอก็จะได้เจอกับบ้านของคนรักของเธอไง อิ ๆ "
.
"ฮึ๊ย! จริงดิ! มินรู้ได้ไง?!"
.
"จุ๊ ๆ , เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่ตอนนี้พี่เขาอยู่ที่โรงเรียน เธอไม่อยากเห็นเหรอว่าพี่เขาไลฟ์สไตล์เป็นยังไง ใบหน้าพ่อแม่สามีเธอในอนาคต , หมาที่เขาเลี้ยง , ต้นไม้ที่เขาปลูก หรือถ้าวันไหนเธอคิดถึงเขามาก ๆ ก็จะได้มายืนมองหลังคาบ้านพี่เขาไง ไม่ดีหรอโฮ่ ๆ ๆ (^0^)/ "
.
"ไอ้มินบ้า! หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ! หุบปากไปเลย!"
"นี่แหนะ! , นี่แหนะ! , ห้ามบอกใครเป็นอันขาด.. ฉันจะฆ่าแก~!"
"แกมันจิตใจชั่วร้าย.. แกมันไอ้เพื่อนจิตสกปรก..!"
.
กลายเป็นเสียงหัวเราะร่าที่ดังกว่าตอนตกหลุมถนนซะอีก แก้มอายแดงเป็นผลแตงโม เธอถอดกระเป๋าวิ่งไล่ตีมินไปตามทาง ในขณะที่คนที่โดนกระทำก็วิ่งจูงจักรยานหนี พลางหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเพลินมารู้ตัวอีกที ก็มาถึงหน้าบ้านพี่เขาในซอย 5 ซะแล้ว
.
สาว ม.ต้นทั้งสองจึงได้พานพบเข้ากับอัครสถานที่แสนจะสามัญธรรมดา บ้านของพี่เขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก เป็นบ้านไม้สองชั้นแนวมินิมอลที่ดูน่ารักตะมุตะมิ จุดสังเกตเด่นคือนสนามหญ้าหน้าบ้านที่เขียวขจี แถมยังมีโกลล์ฟุตบอลเล็ก ๆ ตั้งเอาไว้ด้วย ดูทรงพี่คนนี้คงจะชอบเตะฟุตบอลแบบเข้าไส้ และสิ่งที่ทำให้อายกับมินเซอร์ไพรต์ยิ่งกว่า ก็คือการปรากฏกายของคุณตาในชุดกางเกงวอร์ม! โอ้แม่เจ้า! แกกำลังเลี้ยงบอลด้วยหลังเท้าอย่างทะมัดทะแมง
.
สักพักคุณยายท่านหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังบ้าน แกมาพร้อมกับทัพพีและหม้อแกงควันฉุย อาจจะไม่มั่นใจในรสชาติอาหารเย็นที่ทำล่ะมั้ง ถึงได้ยกหม้อมาทั้งใบเพื่อให้คุณตาได้ชิม ส่วนด้านข้างตัวบ้านนั้นทำเป็นโรงรถ อายกับมินมองเห็นรถตู้ตุ้มตุ้ยคันหนึ่งจอดอยู่อย่างสงบราวกับกบจำศิล ไม่แน่ใจว่ามันยังวิ่งได้ไหม แต่ดูย้อนยุคน่านั่งน่าขับอยู่ไม่น้อย
.
เพลินตาเพลินใจแถมหัวใจยังเต้นตุบ ๆ สองสาวเพื่อนซี้ดูจะตั้งใจจดจำรายละเอียดมาก จนถึงขนาดถีบขาตั้งจักรยานลงแล้วก็ปลดกระเป๋าวางลงกับพื้น เพื่อที่จะได้เขย่งเท้ามองผ่านทิวรั้วที่ทำมาจากต้นไม้ประเภทพุ่มได้ถนัด เดชะบุญที่นั่นกลับไปทำให้คุณตาผิดสังเกตเข้า! แกถึงกับตะโกนทักซะดังลั่นขึ้นมาว่า
.
"เอ้า! แม่หนูสองคนนั่นใครกันล่ะน่ะ เพื่อนเจ้าซูชิมันเร๊อะ?!"
"เข้ามาก่อนสิลูกเอ๊ย! มากินขนมกันก่อนมา ๆ ยายไปเปิดประตูให้หลานหน่อยเร๊ววว!"
"มายืนทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ เข้ามาก่อน ๆ !"
.
"(เชี้ยแล้วไงล่ะ?!)"
อายสบถในใจ
.
"เจ้าซูชิมันยังไม่กลับมาจากโรงเรียนเลยลูก เข้ามานั่งรอข้างในก่อนมา..!"
.
"อ่ะ! , เอ่อ! , ไม่มีอะไรค่ะ! พวกหนูแค่จำบ้านผิด จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะขอโทษที่รบกวนนะคะ"
"(เร็วสิมินเก็บของเร็วเข้า! ไปกันได้แล้ว..ว..ว! โดนจับได้แล้วเนี่ยย..ย..ย..!)"
ประโยคหลังเป็นแค่การกัดฟันเค้นเสียงในลำคอ
.
อายจริงสมดังชื่อ พอกระโดดคร่อมจักรยานได้ปุ๊บ สาวตัวเล็กเลยใส่เกียร์หมาสปีดแปดแสน เผ่นหนีฝุ่นตลบอบอวล
.
"เฮ๊ย! อายรอฉันด้วยสิ! คือฉันจะบอกว่าที่เธอสะพายไปน่ะมันกระเป๋าฉัน! กระเป๋าเธออยู่นี่ยัยบ๊อง!"
"เฮ้! อายรอก่อนเซ่! รอฉันด้วยยย~!"
"โอ๊ยยย! กรูจะบ้าตาย~!"
.
"ตุบ! , ตุบ! , ตุบ , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ!"
มินวิ่งตามมาด้วยความอนาถา จนกระทั่งวิ่งกลับมาถึงบ้านตรงซอย 4 ของตัวเองได้ พร้อมกับกระเป๋าเป้นักเรียนของอายที่หยิบสลับมา
.
.
* ถ้าออก "ก้อย" ให้อ่านตรงนี้
.
จูงจักรยานเลียบถนนสลับกับวิ่งหยอกล้อกันมาได้สักพัก มินถึงเริ่มสังเกตเห็นว่าอีกประเดี๋ยวก็น่าจะค่ำ ขืนยังชักช้ามัวแต่เล่นแบบนี้ ตะวันตกดินก่อนที่บ้านจะเป็นห่วง ประกอบกับการที่แม่ของมินไม่ยอมขับมอเตอร์ไซต์มารับก็ชักจะยังไง ๆ นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ คิดได้ดังนั้นมินก็เลยกระโดดควบขึ้นไปนั่งบนเบาะจักรยาน พลางปลดสายกระเป๋าเป้ของตัวเองออกเอาไปฝากไว้ที่อายแทน
.
"ขึ้นมาอาย! แล้วก็จับดี ๆ เดี๋ยวฉันจะสอนเธอเองว่าวิธีปั่นที่ถูกต้องนั้นต้องทำยังไง (^ _ -)"
.
"ขี้โม้! ( ํ 3 ํ )/ "
.
มินเลือกที่จะไม่ตอบเป็นคำเถียงแต่ตอบผ่านการกระทำ และนั่นก็ทำให้เพื่อนที่เกาะอยู่บนบ่ากลายเป็นตุ๊กแกตัวน้อยไปเลย เพราะจักรยานพิงค์ที่มินปั่นนั้นเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคัน! นี่มันโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลรึยังไง ทำไมครึ่งแรกกับครึ่งหลังถึงต่างกันลิบลับ ตัวรถวิ่งฉิวนุ่มเบาราวกับปุยนุ่น สองสาว ม.ต้นทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้อุปสรรค
.
"เป็นไง ๆ อึ้งไปเลยล่ะเซ้!?"
.
"เหอะ! เพราะอายเป็นคนสะพายกระเป๋ามินไว้เฉย ๆ หรอก"
"นี่ถ้าไม่มีหัวไหล่สองข้างของอายแบกรับภาระนะ มินก็ปั่นจักรยานแบบนี้ไม่ได้~!"
.
"เอี๊ยดดด! , อ๊าดดด! , เอี๊ยดดด! , อ๊าดดด!"
เสียงโซ่เสียดสีกับเฟืองล้อย้อมบรรยากาศ
.
"ฮึ่ย..เธอนี่ช่างดื้อรั้น ฉันจะบอกเคล็ดลับให้ก็ได้ ว่าการที่เธอปั่นแบบฉันไม่ได้ก็เพราะว่าเธอขาดพลัง!"
"พี่ ม.5 ที่เป็นนักบอลคนนั้นเขาชื่ออะไรนะ..?"
.
"พี่ซูชิ! (^ . ^)"
.
"อ๊อออ! พี่ม.5 มีตั้งหลายคนแต่เลือกตอบแค่ ค..น..เ..ดี..ย..ว~! "
.
"แกเคยตายด้วยการโดนบีบคอไหมมิน.. มืออายอยู่ใกล้คอมินมากเลยนะตอนนี้! (= . <) "
.
"โอ๋ ๆ ๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ คือฉันจะบอกว่าแกน่ะต้องมีพลังงานมากกว่านี้ แกอยากกินซูชิแกก็กินไป แต่แกต้องกินเทมปูระ , กินอูนิ , กินทงคัตสึ , กินราเม็ง , กินซาซิมิ หรือ ยากินิกุ อะไรพวกนี้ด้วย แกจะได้มีเรี่ยวแรง แกจะได้ไม่ถูกฉันแกล้งไปตลอดกาลนานเทอญแบบนี้ไง เข้าใจไหม"
.
"เข้าใจแล้วจ่ะ คุณเพื่อนที่น่ารักของฉัน พอใจรึยัง?!"
.
"อืม.. ดีมาก ๆ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ "
"แล้วก็นี่ไง! เห็นไหมแป๊บเดียวถึงบ้านฉันล่ะ! ส่งฉันลงตรงนี้นะ ที่เหลือเธอก็ปั่นต่อไปเองล่ะกัน"
"แล้วเจอกันที่โรงเรียนพรุ่งนี้นะอาย บ๊ะบายจ้า (^-^) "
.
"อื้อ! แล้วเจอกัน.. ส่วนนี่กระเป๋าเธอ"
"บ๊ะบาย ๆ จุ๊บ ๆ (^ . ^)"
.
ร่ำลากันยาวนานกว่าเวลาในการเดินทางกลับถึงบ้านซะอีก ยิ่งอยู่นานสองคนนี้ยิ่งเหมือนเทเลทับบี้ที่กอดกันแล้วกอดกันอีก และที่สำคัญพวกเธอดันทำในบางสิ่งที่ผิดพลาดไป นั่นก็คือกระเป๋านักเรียนของมินและอาย ดันสลับกันไปแล้วโดยที่ไม่มีใครรู้
.
.
ปล. เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า
เช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าใสกระจ่าง เมฆฟูนุ่มสวย บรรยากาศแลดูเป็นใจให้ต้นรักเบ่งบาน และถ้าจะมีใครสักคนอกหักในวันดี ๆ เช่นนี้ คนผู้นั้นก็คงจะโชคร้ายที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่ามินจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้น เวลา 8 นาฬิกา นักเรียนทุกคนยืนเข้าแถวหน้าเสาธง คนที่ยืนอยู่หน้ามินคืออาย แล้วก็เหมือนจะยังคงงอนตุ๊บป่องไม่พูดไม่จากับเธอ."นี่ ๆ อาย.. อาย.. อาย.. ฮัลโหล.."มินพยายามสะกิดแขนแกมกระซิบ."ไม่พูดด้วย.."."นี่คือแกโกรธฉันอยู่หรอ? โกรธจริงดิ?"."ไม่พูดด้วย..".เอานิ้วจิ้มเอวไปอีกสองสามที แต่ดูทรงแล้วอายเหมือนจะโกรธจริง ท่ามกลางนักเรียนหลายร้อยของโรงเรียนประจำจังหวัด ที่นี่มีระบบการยืนเข้าแถวแบ่งเป็นระดับชั้นอย่างชัดเจน โดยไล่ไปเป็นกลุ่ม ๆ ตั้งแต่ ม. 1 - ม. 6 กล่าวคือ ม.
ทุกข์ของเด็กม.ต้น นอกเหนือจากเรื่องหัวใจรัก ๆ ใคร่ ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการทำการบ้านนี่แหละ หลังจากสองสาวเพื้อนซี้แยกย้ายกันไป เวลาแห่งการทำการบ้านก่อนนอนก็มาถึง บนห้องนอนส่วนตัวสีครีมของมิน ฝาผนังที่แปะโปสเตอร์ไอดอลเกาหลีสับหว่างกับเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่น แม้พวกเขาจะให้กำลังใจเธอผ่านทางแววตาและรอยยิ้ม แต่นั่นก็ไม่อาจเยียวยาปัญหาที่เด็กสาวประสบพบเจอในตอนนี้ได้."ซวยแล้ว! นี่มันกระเป๋าอายนี่นา! ไปเผลอสลับกันตั้งแต่เมื่อไหร่?""แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะถ้าเป็นงั้นก็แสดงว่ากระเป๋าของเราก็ต้องอยู่ที่อายสิ..""ถ้าเราทำการบ้านให้อาย ยัยนั่นก็ต้องทำให้เรา ก็ถือว่าเจ๊า ๆ กันไปล่ะเน๊อะ (^.^)"."แคว๊ก!!!"เสียงรูดซิบกระเป๋าเป้ออก.ด้วยความสัตย์จริงว่าในยุคสมัยนั้น โรงเรียนมักจะมีกฎว่าห้ามนักเรียนใช้ก
ที่พักเท้าด้านหลังถูกถีบลงก่อนเลยเป็นอันดับแรก เสียงดัง "แกร๊ง!" อันใสแจ๋วของมัน บ่งบอกได้ถึงความสดซิงของจักรยานสีชมพูพิงค์คันนี้ได้ดีที่สุด อายกวักมือเรียกให้เพื่อนสาวขึ้นมายืนบนที่เหยียบ พลางคว้าเอามือเรียวทั้งสองข้างของเพื่อนมาวางบนบ่าตัวเอง ภาพที่ออกมาจึงดูดีทีเดียว มันได้อารมณ์เหมือนเด็ก ๆ ในแก๊งค์แฟนฉัน หากแต่นี่คือ อาย กับ มิน เป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย."เอานะมิน.. อายจะปั่นล่ะนะ!"."ไหวเหรอเธอ.. อย่างน้อยเธอควรจะเอาเป้บนหลังมาไว้ที่ฉันนะ"มินถามด้วยความเป็นห่วง."เอาน่า.. อายมีประสบการณ์ ตลอด 3 วันมานี้อายไม่ล้มเลยสักครั้ง""เพราะงั้นถึงมั่นใจปั่นจักรยานมาโรงเรียนเองไง.. อิ ๆ (^-^)"."เหอะ ๆ นี่ฉันต้องมั่นใจกับคำพูดแค่นี้ของเธอจริง ๆ ดิ (T ^ T)"ขาสั่นเป็นเจ้าเข้า มือที่เกาะไหล่ไว้ก็เปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ."ถ้างั้นก็ไปกันเล๊ย! สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนน! , ฮึบ!""เฮือกกก~!""อ่ะ! , เฮือกกก~!""อ๊าาากกก~! "."แก๊ง! , แก๊ง! , ครืด! , แก๊ง! , แก๊ง! "เสียงโซ่ครูดกับฟันเฟืองดังสนั่น ฟังจากเสียงเหมือนจะแรงมากแต่ความจริงคือช้ายิ่งกว่าตัวสล็อตเมาสารระเหย.ดีแค่ไหนแล้วที่
"กิ๊ง! , ก่อง! , กาง! , ก่อง! / กิ่ง! , กอง! , ก๊าง! , ก่อง!"เป็นเสียงล้อเลียนออดเลิกเรียนที่ดังขึ้นจากกล่องเสียงของมิน.ในชุดนักเรียนคอซองเธอเดินนำหน้าเพื่อนสนิทของเธอ มายังประตูหน้าโรงเรียนด้วยความแคล่วคล่องราวกับปิดตาเดินได้ ขึ้นชื่อว่าเด็กก็มักจะเป็นกันแบบนี้ เลิกเรียนทีไรไม่ใช่การดีใจที่ได้กลับบ้านหรอก หากแต่เป็นการได้หาความสุขจากการกินขนมหน้าโรงเรียน เพื่อเป็นดั่งรางวัลในการตรากตรำตำราหลวงมาทั้งวันซะมากกว่า และแม้ว่าตอนนี้ทั้ง มิน และ อาย จะขึ้น ม.3 จนมีอายุครบ 15 ปีกันหมดแล้ว แต่พวกเธอก็ยังมีพฤติกรรมไม่ต่างจากเด็กอนุบาลอยู่."เฮ้! อย่าเดินเร็วนักสิมินรออายด้วย! ขาเค้าสั้นอ่ะวิ่งตามเธอไม่ทันหรอกนะ!""รอด้วย ๆ , ขอออกไปซื้อขนมด้วยคน! , แฮ่ก! ๆ ๆ".เด็กสาวสองคนยืนกอดกระเป๋ารอลุงนักการมาเปิดประตูด้วยใจจดจ่อ ชั่วเสี้ยวพริบตาที่ประตูเหล็กหมุนล้อติ้ว ความสุขจากผนังกระเพาะก็เริ่มปฎิบัติการทวงคืนสารอาหารทันที ลูกชิ้นทอดมาก่อนเลยหนึ่งเซต น้ำปั่นนมชมพูตามมาอีกสอง ยำลูกชิ้นเจี้ยวหมา ขนมโตเกียวแป้งนุ่ม โอ้โหบอกได้คำเดียวเลยว่าเหมือนไม่ได้มาเรียน แต่มาบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยาแทนพระพุทธองค์ม







