Masukเช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าใสกระจ่าง เมฆฟูนุ่มสวย บรรยากาศแลดูเป็นใจให้ต้นรักเบ่งบาน และถ้าจะมีใครสักคนอกหักในวันดี ๆ เช่นนี้ คนผู้นั้นก็คงจะโชคร้ายที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่ามินจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้น เวลา 8 นาฬิกา นักเรียนทุกคนยืนเข้าแถวหน้าเสาธง คนที่ยืนอยู่หน้ามินคืออาย แล้วก็เหมือนจะยังคงงอนตุ๊บป่องไม่พูดไม่จากับเธอ
.
"นี่ ๆ อาย.. อาย.. อาย.. ฮัลโหล.."
มินพยายามสะกิดแขนแกมกระซิบ
.
"ไม่พูดด้วย.."
.
"นี่คือแกโกรธฉันอยู่หรอ? โกรธจริงดิ?"
.
"ไม่พูดด้วย.."
.
เอานิ้วจิ้มเอวไปอีกสองสามที แต่ดูทรงแล้วอายเหมือนจะโกรธจริง ท่ามกลางนักเรียนหลายร้อยของโรงเรียนประจำจังหวัด ที่นี่มีระบบการยืนเข้าแถวแบ่งเป็นระดับชั้นอย่างชัดเจน โดยไล่ไปเป็นกลุ่ม ๆ ตั้งแต่ ม. 1 - ม. 6 กล่าวคือ ม. 1 มีสิบห้องก็จะตั้งแถวสิบแถวแยกเป็น 1/1 - 1/10 ม.2 ก็ทำแบบเดียวกันแยกเป็น 2/1 - 2/10 แพ็ทเทิร์นจะเป็นแบบนี้วนไปจนถึงแถวของพี่ ม.6
.
ภาพที่ออกมาลานหน้าเสาธงของโรงเรียน จึงมีลักษณะแบ่งเป็นกลุ่มก้อนอย่างชัดแจ้ง ม.3 ก็จะคุยกันอยู่แค่ในกลุ่มของ ม.3 หรือ ม.6 ก็จะเกาะกลุ่มกันเฉพาะพวกเขาไม่ก้าวก่ายแถวของระดับชั้นอื่น แต่ทว่าเช้านี้กลับมีมาสิ่งผิดแปลกไปจากปกติ เพราะในแถวของเด็ก ม.3 ดันมีการปรากฏกายขึ้นของคุณครูโตโต้!
.
คุณครูโตโต้สอนวิชาคณิตศาสตร์ เป็นชายหนุ่มรูปงามเซตผมเนี๊ยบสะอาดสะอ้าน สวมเชิ้ตสีขาวกางเกงไร้จีบ อย่าว่าแต่พวกเด็กสาวม.ปลายเลย แม้แต่คุณครูสาว ๆ หรือคุณป้าแม่ครัวยังเมามายในลักยิ้มของแก ว่ากันว่าในอดีตคุณครูโตโต้ฝันอยากจะเป็นหมอ แต่เพราะครั้งหนึ่งได้ลิ้มชิมก๋วยเตี๋ยวน้ำตกร้านดัง แล้วเห็นกระแสโลหิตหมูน้อยแวกว่ายในชามตราไก่ นั่นทำให้คุณครูแทบป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แกกลัวเลือดมานับตั้งแต่บัดนั้น! แล้วตอนนี้ก็ผันตัวมาเป็นคุณครูผู้ใช้ศาสตร์แห่งตัวเลขชูใจลูกศิษย์
.
น้องม.ต้นอาจจะไม่รู้แต่พี่ม.ปลายทุกคนล้วนรู้ดี ว่าคุณครูโตโต้รักความสะอาดแค่ไหน ทำโจททย์เลขผิดครูไม่ว่าแต่ถ้าสมุดมีลอยลบสกปรกขึ้นมา ความผิดนี้เทียบได้กับศิษย์ล้างครู! หรือแม้แต่ช็อตล้างฝุ่นชอล์กออกจากมือ ครูคนอื่นเขาใช้น้ำก๊อกธรรมดา แต่ครูโตโต้ต้องใช้น้ำแร่จากที่ราบสูงโบลิเว่น เพราะเหตุนี้แกจึงเป็นตัวแทนของคำว่า "เนี๊ยบแสนจะเนี๊ยบ" เป็นโอบป้าที่สาว ๆ ล้วนตกหลุมรัก และยกให้เป็นสาธารณะสมบัติของทั้งโรงเรียน ห้ามมีใครเป็นเจ้าของ
.
แกเดินแทรกกลางแถวเข้ามาในกลุ่มนักเรียนชั้น ม.3 พร้อมกับของบางอย่างที่ซ่อนไว้ด้านหลัง
.
"นักเรียนครับ.. นักเรียน.."
.
"ไม่พูดด้วย.. โกรธอยู่.. "
.
"นักเรียนคร้าบ..บ..บ"
.
เดชะบุญที่การแทรกกลางของแกดันเข้ามาจากทางด้านหลัง อายไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนที่จิ้มเอวสะกิดน่ะคือคุณครูโตโต้ เธอคิดว่าเป็นมินที่คงเล่นลูกไม้อะไรบางอย่างเพื่อจะง้อ สวนทางกับเพื่อน ๆ ม.3 ทุกห้องที่สังเกตเห็น ทุกคนต่างถอยฮือออกหมดดวงตาเป็นประกายฉายแววโรจน์ ไม่คิดไม่ฝันว่าครูโตโต้ของทุกคนจะเดินลงมาตรวจแถวถึงที่นี่ หล่อสะบัด! นี่มันสามเหลี่ยมปีทากอรัส ที่ทำให้คนอยู่ฝั่งตรงข้ามเขินยกกำลังสองเห็น ๆ
.
"อะ..แฮ่ม.. คุณกรกนิศ!"
.
"คะ!"
"อุ๊ยอาจารย์! อะ.. อา.. อาจารย์โตโต้!"
"หนูขอโทษค่ะ! หนูคิดว่าเป็นเพื่อนหนูที่มาสะกิด!"
อายหันควับมองไปด้านหลังแทบจะทันที
.
แล้วทันใดนั้นถึงทราบว่าเจ้ามินเพื่อนรัก กับเพื่อนม.3 ทั้งโขลง ต่างก็ถอยฮือออกห่างจากเธอมากกว่า 3 เมตร! เด่นสัด! ๆ เด่นเหี้ย! ๆ ทุกสายตาจดจ้องมาที่อาย พลางตั้งใจฟังประโยคสนทนาถัดไป ยิ่งกว่าฟังแนวข้อสอบ O-net เข้ามหาลัยซะอีก
.
"กรกนิศ ม.3/2 นี่สมุดการบ้านของเธอใช่ไหม?"
"พอดีเธอส่งไว้ผิดกองน่ะ ดันไปรวมอยู่ในสมุดของพี่ม.5 ที่ครูต้องตรวจตอนเช้าซะงั้น"
"ครูก็เลยเอามาคืนเธอ.. ด้วยตัวเอง!"
.
"ฮือ! , โฮ่! , ฮือ! , ฮือ!"
เสียงระเบงเซ็งแซ่แกมอิจฉาดังขึ้นทั่วบริเวณ เจอลูกกดหน้าลงต่ำแล้วพูดใกล้ ๆ แบบนั้นเข้าไป ใครใจไม่ด้านพอมีอันละลายอ่ะบอกเลย ส่วนอายนั้นนอกจากจะหน้าแดงแล้ว ยังหลุบสายตาจ้องเขม็งมาที่มินที่หลบหลังเพื่อนอยู่ อย่างเคืองแค้น!
.
เธอรู้ได้โดยพลันว่านี่ต้องเป็นฝีมือมินแน่ ๆ แต่ก็ต้องเก็บทรงเอาไว้หน่อย
.
"ขะ.. ขอบคุณค่ะคุณครู"
.
"ม่ายยย! ไม่ต้องขอบคุณอาจารย์หรอก แต่เธอต้องขอบคุณพี่ม. 5 คนโน้นมากกว่า"
"เขาเป็นคนที่จับพิรุธได้ เขาบอกว่าสมุดเล่มนี้สีแปลกจากเล่มอื่นในกอง"
"แล้วก็ไม่มีเด็ก ม.5 คนไหนลายมือน่ารักขนาดนี้หรอก (^_^)"
.
"คะ.. ใครเหรอคะ?"
.
"โน่นไง! นายซูชิ! กระโดดโบกมือหยอย ๆ อยู่โน่น!"
"อย่าลืมไปขอบคุณพี่เขาด้วยล่ะ อาจารย์ไปก่อนนะกรกนิศ ม.3/2 (^-^)"
.
"(อ่ะ.. อ่ะ.. เอ่อ.. ชิบหายแล้ว!)"
.
สายตาอันบ่องแบ๊วแหวกผ่านม่านพยับแดด แสกกลางทุกฝูงชน ในระยะ 10 หลาท่ามกลางกลุ่มแถวของพี่ม.5 เพศชาย ซูชิโบกมือยิ้มแป้นกลับมาให้อาย! ตาที่เคยโตของเขาพอยิ้มแล้วกลับเรียวเล็กราวกับเส้นตรง มุมปากที่เผยอกว้างกับเหล็กดัดฟันสีเข้มอันแสนจะน่ารัก อายรู้สึกเหมือนโลกกำลังหยุดหมุน น้ำตาลในกระแสเลือดเธอตีกันป่วนปั่น กล้ามเนื้อหัวใจกอดรั้งราวกับจะพ่นละอองฝันออกสู่โลกจริง จังหวะตกหลุมรักมันเป็นอย่างงี้นี่เอง!
.
"(พี่เขาจะเห็นสิ่งที่เราเขียนไว้หลังสมุดไหมนะ?)"
"(แล้วถ้าพี่เขาเห็น เราจะทำยังไงดี)"
"(เอาอีกแล้วนะอาย แกเผลอทำเรื่องที่น่าอายลงไปอีกแล้ว~!)"
.
คิดในใจกับตัวเองเสร็จ หญิงสาวก็เริ่มหลับตาลง เธอรับรู้ได้ถึงของเหลวบางอย่างที่ไหลซึมออกมาจากจมูก ขาเริ่มล้าเข่าเริ่มอ่อน เมื่อองศาแห่งความรักร้อนแรงพอ ๆ กับเปลวแดด เลือดกำเดาก็เริ่มหลั่งไหล อายเป็นลมล้มพับลงไปกลางแถว! และคนที่ช้อนตัวเธอไว้ไม่ให้ฟาดพื้นก็ไม่ใช่ใคร นอกจาก "มิน" คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด
.
.
ปล. เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า
เช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าใสกระจ่าง เมฆฟูนุ่มสวย บรรยากาศแลดูเป็นใจให้ต้นรักเบ่งบาน และถ้าจะมีใครสักคนอกหักในวันดี ๆ เช่นนี้ คนผู้นั้นก็คงจะโชคร้ายที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่ามินจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้น เวลา 8 นาฬิกา นักเรียนทุกคนยืนเข้าแถวหน้าเสาธง คนที่ยืนอยู่หน้ามินคืออาย แล้วก็เหมือนจะยังคงงอนตุ๊บป่องไม่พูดไม่จากับเธอ."นี่ ๆ อาย.. อาย.. อาย.. ฮัลโหล.."มินพยายามสะกิดแขนแกมกระซิบ."ไม่พูดด้วย.."."นี่คือแกโกรธฉันอยู่หรอ? โกรธจริงดิ?"."ไม่พูดด้วย..".เอานิ้วจิ้มเอวไปอีกสองสามที แต่ดูทรงแล้วอายเหมือนจะโกรธจริง ท่ามกลางนักเรียนหลายร้อยของโรงเรียนประจำจังหวัด ที่นี่มีระบบการยืนเข้าแถวแบ่งเป็นระดับชั้นอย่างชัดเจน โดยไล่ไปเป็นกลุ่ม ๆ ตั้งแต่ ม. 1 - ม. 6 กล่าวคือ ม.
ทุกข์ของเด็กม.ต้น นอกเหนือจากเรื่องหัวใจรัก ๆ ใคร่ ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการทำการบ้านนี่แหละ หลังจากสองสาวเพื้อนซี้แยกย้ายกันไป เวลาแห่งการทำการบ้านก่อนนอนก็มาถึง บนห้องนอนส่วนตัวสีครีมของมิน ฝาผนังที่แปะโปสเตอร์ไอดอลเกาหลีสับหว่างกับเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่น แม้พวกเขาจะให้กำลังใจเธอผ่านทางแววตาและรอยยิ้ม แต่นั่นก็ไม่อาจเยียวยาปัญหาที่เด็กสาวประสบพบเจอในตอนนี้ได้."ซวยแล้ว! นี่มันกระเป๋าอายนี่นา! ไปเผลอสลับกันตั้งแต่เมื่อไหร่?""แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เพราะถ้าเป็นงั้นก็แสดงว่ากระเป๋าของเราก็ต้องอยู่ที่อายสิ..""ถ้าเราทำการบ้านให้อาย ยัยนั่นก็ต้องทำให้เรา ก็ถือว่าเจ๊า ๆ กันไปล่ะเน๊อะ (^.^)"."แคว๊ก!!!"เสียงรูดซิบกระเป๋าเป้ออก.ด้วยความสัตย์จริงว่าในยุคสมัยนั้น โรงเรียนมักจะมีกฎว่าห้ามนักเรียนใช้ก
ที่พักเท้าด้านหลังถูกถีบลงก่อนเลยเป็นอันดับแรก เสียงดัง "แกร๊ง!" อันใสแจ๋วของมัน บ่งบอกได้ถึงความสดซิงของจักรยานสีชมพูพิงค์คันนี้ได้ดีที่สุด อายกวักมือเรียกให้เพื่อนสาวขึ้นมายืนบนที่เหยียบ พลางคว้าเอามือเรียวทั้งสองข้างของเพื่อนมาวางบนบ่าตัวเอง ภาพที่ออกมาจึงดูดีทีเดียว มันได้อารมณ์เหมือนเด็ก ๆ ในแก๊งค์แฟนฉัน หากแต่นี่คือ อาย กับ มิน เป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย."เอานะมิน.. อายจะปั่นล่ะนะ!"."ไหวเหรอเธอ.. อย่างน้อยเธอควรจะเอาเป้บนหลังมาไว้ที่ฉันนะ"มินถามด้วยความเป็นห่วง."เอาน่า.. อายมีประสบการณ์ ตลอด 3 วันมานี้อายไม่ล้มเลยสักครั้ง""เพราะงั้นถึงมั่นใจปั่นจักรยานมาโรงเรียนเองไง.. อิ ๆ (^-^)"."เหอะ ๆ นี่ฉันต้องมั่นใจกับคำพูดแค่นี้ของเธอจริง ๆ ดิ (T ^ T)"ขาสั่นเป็นเจ้าเข้า มือที่เกาะไหล่ไว้ก็เปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ."ถ้างั้นก็ไปกันเล๊ย! สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนน! , ฮึบ!""เฮือกกก~!""อ่ะ! , เฮือกกก~!""อ๊าาากกก~! "."แก๊ง! , แก๊ง! , ครืด! , แก๊ง! , แก๊ง! "เสียงโซ่ครูดกับฟันเฟืองดังสนั่น ฟังจากเสียงเหมือนจะแรงมากแต่ความจริงคือช้ายิ่งกว่าตัวสล็อตเมาสารระเหย.ดีแค่ไหนแล้วที่
"กิ๊ง! , ก่อง! , กาง! , ก่อง! / กิ่ง! , กอง! , ก๊าง! , ก่อง!"เป็นเสียงล้อเลียนออดเลิกเรียนที่ดังขึ้นจากกล่องเสียงของมิน.ในชุดนักเรียนคอซองเธอเดินนำหน้าเพื่อนสนิทของเธอ มายังประตูหน้าโรงเรียนด้วยความแคล่วคล่องราวกับปิดตาเดินได้ ขึ้นชื่อว่าเด็กก็มักจะเป็นกันแบบนี้ เลิกเรียนทีไรไม่ใช่การดีใจที่ได้กลับบ้านหรอก หากแต่เป็นการได้หาความสุขจากการกินขนมหน้าโรงเรียน เพื่อเป็นดั่งรางวัลในการตรากตรำตำราหลวงมาทั้งวันซะมากกว่า และแม้ว่าตอนนี้ทั้ง มิน และ อาย จะขึ้น ม.3 จนมีอายุครบ 15 ปีกันหมดแล้ว แต่พวกเธอก็ยังมีพฤติกรรมไม่ต่างจากเด็กอนุบาลอยู่."เฮ้! อย่าเดินเร็วนักสิมินรออายด้วย! ขาเค้าสั้นอ่ะวิ่งตามเธอไม่ทันหรอกนะ!""รอด้วย ๆ , ขอออกไปซื้อขนมด้วยคน! , แฮ่ก! ๆ ๆ".เด็กสาวสองคนยืนกอดกระเป๋ารอลุงนักการมาเปิดประตูด้วยใจจดจ่อ ชั่วเสี้ยวพริบตาที่ประตูเหล็กหมุนล้อติ้ว ความสุขจากผนังกระเพาะก็เริ่มปฎิบัติการทวงคืนสารอาหารทันที ลูกชิ้นทอดมาก่อนเลยหนึ่งเซต น้ำปั่นนมชมพูตามมาอีกสอง ยำลูกชิ้นเจี้ยวหมา ขนมโตเกียวแป้งนุ่ม โอ้โหบอกได้คำเดียวเลยว่าเหมือนไม่ได้มาเรียน แต่มาบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยาแทนพระพุทธองค์ม







