ตอนที่ 5 พรากจาก
หลังจากขับรถออกมาจากบ้านหญิงสาว เข็มทิศพากุลนารีเดินทางไปยังบ้านของเขาในจังหวัดทางภาคเหนือ บ้านหลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ถูกตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กระถางต้นไม้เล็ก ๆ ห้อยเรียงเป็นแนวยาวตามทางเดิน ยิ่งทำให้ดูสงบร่มรื่น
“แอ้ เข้ามาพักในบ้านก่อน บ้านอาจจะเล็กไปหน่อย แอ้คงไม่รังเกียจนะ” เข็มทิศออกตัวอย่างกลัวหญิงสาวจะไม่ชอบใจ
“บ้านน่าอยู่มากเลย แอ้คงมีความสุข ถ้าได้อยู่ที่นี่กับเข็มทิศ” กุลนารีพูดอย่างเอาใจ
เข็มทิศดึงหญิงสาวเข้ามาสวมกอดอย่างรักใคร่ยิ่งนัก
“เดี๋ยวแอ้พักผ่อนก่อน เย็นนี้จะพาไปเดินตลาดคนเดิน แอ้ต้องชอบมากแน่ ๆ” เข็มทิศพูดพลางจูงหญิงสาวไปยังห้องนอน ก่อนจะปล่อยให้เธอได้พักผ่อนตามสะดวก
ตกเย็น เข็มทิศพากุลนารีไปเที่ยวยังตลาดคนเดินของจังหวัด อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ในขณะที่ผู้คนเริ่มหนาแน่นเบียดเสียด
“ระวังนะ” เข็มทิศกระซิบบอก พลางกุมมือหญิงสาวแน่น อย่างกลัวเธอจะพลัดหลงไป
กุลนารีรู้สึกมีความสุขอย่างมาก การได้เดินจับมือคนที่เธอรัก เดินเล่น หยอกล้อกันไปมา ยิ่งทำให้จิตใจเธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก
ทั้งสองต่างซื้อของกินริมทาง สลับกันป้อนไปมา อย่างมีความสุข
เข็มทิศเปลี่ยนจากจับมือเลื่อนมาโอบกระชับไหล่บางเข้าหาตัว กุลนารีได้แต่เขินอายจนหน้าแดงก่ำแต่หญิงสาวหาได้ขัดขืนไม่ กลับกระชับตัวเข้าแนบชิดชายหนุ่มยิ่งขึ้น
“...อยากจะหนีไปให้ไกล ที่ไหนก็ได้ให้ไกลแสนไกล ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องกลัวใครจะสนใจ
นาทีที่ฉันและเธอ จะหลอมดวงใจร่วมรักกันไป ที่ ๆ เวลา ทุก ๆ นาที นั้นจะมีแต่เราคู่กันไม่ห่าง...”
เสียงเพลงจากนักร้องเปิดหมวกซึ่งกำลังร้องเพลง “โรมิโอ แอนด์ จูเลียต” ทำให้ทั้งสองหยุดยืนฟัง เพลงดังกล่าวช่างเข้ากับสิ่งที่ทั้งสองกำลังเผชิญอยู่ กุลนารีรู้สึกอินกับเพลงยิ่งนัก
หญิงสาวซบศีรษะลงบนบ่ากว้างของชายหนุ่ม ปล่อยความรู้สึกล่องลอยไปกับเสียงเพลงที่บรรเลงไปอย่างไพเราะ จนกระทั่งเสียงเพลงจบลง
กุลนารีเงยหน้ามองเข็มทิศ น้ำตาเอ่อคลอเต็มเบ้าตา ชายหนุ่มเลื่อนมือกอบกุมใบหน้าหญิงสาว ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้า หญิงสาวหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสจากเขา
หากแต่เข็มทิศกลับทำเพียงชะงักใบหน้าเข้าใกล้หน้าหวาน ลมหายใจเป่ารดกันเนิ่นนานจนหญิงสาวอดปรือตาขึ้นมองไม่ได้ หญิงสาวนิ่วหน้าอย่างงงงวย ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างนึกขำขันคนรัก
“คิดอะไรอยู่...ฮึ....” ชายหนุ่มแซวเบา ๆ หญิงสาวรู้สึกอายอย่างหนักที่โดนชายหนุ่มแกล้งเอา เธอสะบัดหน้าหนีอย่างเกี่ยงงอน แต่เข็มทิศกลับรั้งใบหน้ากลับมามองยังตนเองเช่นเดิม ก่อนจะก้มลงบรรจงจูบริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา เนิ่นนาน
ทั้งสองเดินกะหนุงกะหนิงกันไป โดยหาได้สนใจคนรอบข้างมากนัก ทั้งคู่จึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังถูกถ่ายรูปไว้หลายต่อหลายภาพ
“ติ้ง...ติ้ง...ติ้ง..ติ้ง” เสียงข้อความทางโทรศัพท์ดังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คิมหันต์ที่เตรียมจะพักผ่อนเอื้อมหยิบโทรศัพท์มาดู
ทันทีที่เขาเห็นภาพดังกล่าว เขาถึงกับกัดกรามแน่น จนแทบจะแตกเป็นเสี่ยง
“กริ้ง...กริ้ง..” เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา ชายหนุ่มจึงรีบรับทันที
“คิม...มึงเห็นรูปที่กูส่งให้หรือยัง ผู้หญิงในภาพใช่เจ้าสาวมึงหรือเปล่า” ชายคนดังกล่าวส่งรูปที่เขาแอบถ่ายไว้ให้คิมหันต์ พร้อมโทรสอบถาม
“มึงอยู่ที่ไหน” คิมหันต์ถามกลับอย่างไม่ต้องการตอบคำถามเพื่อนของเขา
“มึงตามสองคนนั่นไป อย่าให้คลาดสายตา แล้วส่งที่อยู่กลับมาให้กูด่วน” ชายหนุ่มรีบกำชับปลายสาย ก่อนจะวางหูไป
คิมหันต์รู้สึกโกรธเคือง หึงหวง และเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
“กุลนารี เธอบังอาจหยามศักดิ์ศรีคนอย่างเขา เธอต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม” ชายหนุ่มคิดอย่างแค้นเคือง
เมื่อได้ที่อยู่ที่แน่ชัด คิมหันต์รีบโทรบอกเลขาฯ เพื่อให้จองเที่ยวบินเที่ยวที่เร็วที่สุด ก่อนจะรีบเดินทางไปทันที
หลังจากถึงที่หมาย เขารีบขับรถไปยังที่อยู่ที่เพื่อนของเขาส่งพิกัดมาให้ บ้านสองชั้นหลังกะทัดรัดตรงหน้ายิ่งทำให้อารมณ์โกรธของเขาพลุ่งพล่าน
ว่าที่เจ้าสาวของเขาบังอาจหนีตามผู้ชายมาเริงรัก ณ ที่แห่งนี้ ยิ่งจินตนาการถึงภาพที่หญิงสาวกอดรัดนัวเนียชู้รัก ยิ่งทำให้เขาหัวเสียมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ มือหนากำหมัดแน่น สันกรามขบกันจนเส้นเลือดปูดโปนเป็นริ้วยาวตามบริเวณขมับ
ชายหนุ่มกดกริ่งรัว ต่อเนื่องจนเสียงดังลั่นบ้าน กุลนารีที่ตกใจตื่นรีบลุกออกมาจากห้องนอนของเธอ เป็นจังหวะเดียวกับที่เข็มทิศก็เปิดประตูออกมาจากห้องเขาเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น ใครมากดกริ่งไม่เกรงใจคนในบ้านขนาดนี้เนี่ย” หญิงสาวถามเข็มทิศ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างกังวล ปกติไม่ค่อยมีใครมารบกวนเขาในเวลาเช้าขนาดนี้ ได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่เขากังวลมาตลอดเวลาที่ผ่านมา
ทั้งสองเดินไปยังประตูรั้ว ก่อนชายหนุ่มจะไขกุญแจที่ล็อก และแง้มประตูเปิดออกกว้าง
ทันทีที่ประตูเปิด คิมหันต์ถลาเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะง้างหมัดซัดเข้าใบหน้าเข็มทิศอย่างเต็มแรง ด้วยความไม่ทันระวังตัวทำให้เข็มทิศถึงกับเซถลาตามแรงหมัดก่อนจะล้มลงกับพื้น
“เข็มทิศ...” กุลนารีร้องอย่างตกใจ ก่อนจะรีบปรี่ขึ้นประคองร่างคนรักขึ้นมา
คิมหันต์เห็นภาพดังกล่าว ยิ่งทำให้โทสะของเขาถึงขีดสุด ชายหนุ่มเข้าไปกระชากแขนร่างบางเข้าหาตัวอย่างแรง
กุลนารีเซถลาตามแรงกระชากจนร่างบางกระแทกเข้ากับหน้าอกหนาของคิมหันต์
“โอ๊ย...” หญิงสาวร้องเสียงหลง
“คุณคิมหันต์ คุณเป็นบ้าอะไรนี่ ออกไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวแหวใส่ชายหนุ่มทันที
“บ้าเหรอ...ใช่ผมมันบ้า เจ้าสาวของผมหนีมาพลอดรักกับชายชู้ จะไม่ให้ผมบ้าได้ยังไง” คิมหันต์ตะคอกใส่หญิงสาวทันที สองมือบีบไหล่บางแน่นจนแทบจะแหลกละเอียด
เข็มทิศรีบดึงกุลนารีออกจากคิมหันต์ ก่อนซัดหมัดคืนไปที่หน้าชายหนุ่มอย่างเต็มแรง ทั้งสองโผเข้าใส่กัน ก่อนจะแลกหมัดกันไปมาไม่ยั้งมือ
“หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดทั้งคู่เลย” กุลนารีร้องเสียงหลง ก่อนจะพยายามแยกทั้งสองออกจากกันในที่สุด
“กลับกับผมเดี๋ยวนี้ กุลนารี” คิมหันต์ออกคำสั่งเสียงดังใส่หญิงสาว
“ไม่..ฉันไม่กลับ ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ ฉันจะอยู่กับเข็มทิศที่นี่” กุลนารีพูดเสียงหนักแน่น ยืนยันสิ่งที่เธอตั้งใจไว้
“ดี...ถ้าคุณไม่กลับไปกับผม ผมจะแจ้งความจับพ่อแม่ของคุณข้อหาฉ้อโกง ถ้าคุณอยากให้ท่านต้องไปแก่ตายในคุกก็เชิญความสบาย” คิมหันต์ขู่หญิงสาวทันที
“พ่อแม่ฉันไม่เคยโกงใคร คุณอย่ามาขู่ฉันให้ยากเลย” หญิงสาวโต้ตอบอย่างเป็นรอง
“คุณรู้จักผมน้อยไปซะแล้ว ถ้าคุณไม่กลับพร้อมผมเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้เตรียมอ่านข่าวหน้าหนึ่งเรื่องพ่อแม่คุณได้เลย” คิมหันต์ตอบกลับด้วยเสียงเข้มคม น่าขนลุกยิ่งนัก
“คุณคิมหันต์ คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แอ้ไม่ได้รักคุณ ทำไมคุณต้องบังคับเธอด้วย” เข็มทิศสวนกลับ
“อย่าเสือก...ว่าไง...กุลนารี” คิมหันต์ตะคอกกลับชายหนุ่มทันที ก่อนจะบีบคั้นหญิงสาวต่อเนื่อง
“ฉัน...ฉัน...” กุลนารีอึกอัก
“แอ้ อย่าไปฟังมัน มันแค่จะขู่เรา” เข็มทิศดึงแขนหญิงสาวเบา ๆ เพื่อเรียกสติ
กุลนารี เงยหน้าขึ้นมองเข็มทิศ น้ำตาเอ่อร้นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเบา ๆ แทนคำตอบ
“แอ้....” เข็มทิศพ้อออกมา กุลนารีโผเข้ากอดเข็มทิศแน่นน้ำตาไหลซึมเข้าเสื้อนอนชายหนุ่มทะลุไปถึงแผงออก บาดลึกไปถึงหัวใจ เข็มทิศกระชับอ้อมแขนโอบกอดหญิงสาวแน่นอย่างไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดลอย
คิมหันต์เข้ามากระชากหญิงสาวออกอย่างไม่รอช้า “เลิกพลอดรักกันได้แล้ว กลับเดี๋ยวนี้” คิมหันต์บีบต้นแขนหญิงสาวแน่น
“ส่วนมึงอย่ายุ่งกับผู้หญิงของกูอีก ไม่งั้นคราวหน้ากูไม่เอาไว้แน่” คิมหันต์ตะคอกแกมขู่ ก่อนจะลากจูงกุลนารีไปยังรถที่จอดอยู่
“เธอต้องชดใช้ให้ฉันอย่างสาสม” คิมหันต์กระซิบข้างหูหญิงสาว จนร่างบางรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
ตอนที่ 36 ดีใจที่มีเธอหลังจากงานแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศเสร็จสิ้น คิมหันต์และกุลนารีก็กลับมาถึงห้องพักของพวกเขา ห้องพักที่จัดไว้สวยงามและเรียบร้อย มีแสงไฟอ่อน ๆ ที่ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและผ่อนคลาย ผ้าม่านสีครีมปิดลงครึ่งหนึ่ง ทิ้งให้แสงจันทร์ส่องเข้ามาอย่างนุ่มนวลคิมหันต์นั่งลงบนเตียงพร้อมดึงกุลนารีมานั่งข้าง ๆ เขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย "แอ้...แอ้เสียใจไหมที่คนข้าง ๆ แอ้เป็นพี่" เขาถามออกมาอย่างนึกหวั่นใจ น้ำเสียงที่อ่อนโยนปนด้วยความประหม่าที่ยังคงติดอยู่ในใจของเขากุลนารีหันมองหน้าคิมหันต์อย่างอ่อนโยนก่อนจะยิ้มและส่ายหน้าไปมา "แอ้ไม่เสียใจค่ะ" สายตาของหญิงสาวที่ดูจริงจังและหนักแน่น ทำเอาคิมหันต์ถึงกับยิ้มกว้างออกมากับคำตอบที่ได้รับ"งั้นแปลว่าดีใจใช่ไหม" คิมหันต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของกุลนารี ก่อนจะจ้องมองหน้าของหญิงสาวด้วยสายตากรุ้มกริ่มและความออดอ้อนกุลนารียิ้มอย่างนึกขำ "แน่นอน แอ้ต้องดีใจสิคะ" หญิงสาวพูดพร้อมยกมือบางลูบไล้ไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างหลงใหล สายตาหญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่หวานซึ้ง กุลนารีอยากให้คิมหันต์รับรู้ถึงความรู้สึกที่เธอ
ตอนที่ 35 รักลงตัวบรรยากาศในวันแต่งงานของแพรวพราวและเข็มทิศอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและความสุข สวนสวยกลางแจ้งที่จัดงานเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและไฟประดับระยิบระยับ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างยิ้มแย้มและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว แพรวพราวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ เดินเคียงข้างเข็มทิศผู้สวมชุดสูทสีเทาเข้ม ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรักลึกซึ้ง มือใหญ่ของเข็มทิศกอบกุมมือบางไว้ไม่หยุดเมื่อเข็มทิศและแพรวพราวเดินเข้ามาในพิธีแต่งงาน เข็มทิศกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและมั่นคง "ผมขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเราในวันนี้ ผมเคยทำผิดพลาดจนเกือบจะต้องเสียแพรวไปจากชีวิตของผม วันนี้ผมได้หัวใจของผมคืนมาแล้ว ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลพราวอย่างดีที่สุด จะทำให้เธอมีความสุขในทุกๆ วันครับ"คำพูดของเข็มทิศทำให้แขกทั้งหลายต่างปรบมือและส่งเสียงแสดงความยินดี แพรวพราวยิ้มอย่างเขินอาย รอยยิ้มกว้างใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขฉายออกมาอย่างชัดเจน หญิงสาวกอดแขนของเข็มทิศแน่น ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความรักและความซาบซึ้งคิมหันต์กับกุลนารีที่มาร่วมงานในชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดูหล่อเหล
ตอนที่ 34 ข่าวดี ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง แพรวพราวและเข็มทิศขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของคิมหันต์ เมื่อมาถึงบ้านของชายหนุ่ม ทั้งสองคนก้าวลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้าน บรรยากาศยามบ่ายที่บ้านของคิมหันต์และกุลนารีเต็มไปด้วยความเงียบสงบ เมื่อมาถึงคิมหันต์และกุลนารีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น คิมหันต์เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่เข้ามาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้เล่า” คิมหันต์ทักทายแพรวพราว พร้อมปรายตามองเข็มทิศที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์แพรวพราวทำเป็นไม่สนใจสีหน้าของคิมหันต์ หญิงสาวจูงมือเข็มทิศมานั่งด้านข้างคนทั้งสอง ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับคิมหันต์และกุลนารี “พี่คิม คุณแอ้ พราวมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” คิมหันต์เลิกคิ้วมองน้องสาวด้วยความสงสัย “พราวมีเรื่องอะไรเหรอ” แพรวพราวสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พี่คิมคะ พราวกับเข็มทิศตัดสินใจจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ค่ะ” คำพูดนี้ทำให้ทุกคนในห้องเงียบลงไปชั่วขณะ กุลนารีมีสีหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับข่าวที่ได้รับ หญิงสาวรีบแสดงความยินดีกับทั้งสอง
ตอนที่ 33 เรื่องของเราคิมหันต์และกุลนารีกลับออกมาจากห้องของแพรวพราว ความเงียบสงบในคอนโดตัดกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของคิมหันต์ เมื่อถึงพวกเขาถึงที่รถ คิมหันต์เองที่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่หาย เขายืนอยู่ข้างรถ เอามือเท้าสะเอว พลางมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกุลนารีมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง “พี่คิม คิดอะไรอยู่คะ”คิมหันต์หันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด “พี่ไม่ชอบหน้าไอ้เข็มทิศเอาเสียเลย เชอะ...จะให้พี่ยอมรับงั้นเหรอ เข็มทิศทำให้พราวเกือบต้องตาย แล้วจะให้พี่วางใจง่ายๆ ได้ยังไง”กุลนารีมองค้อนคิมหันต์ ก่อนจะพูดประชดออกมา “พี่คิม อันที่จริงจะโทษเข็มทิศฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องทั้งหมดก็เริ่มมาจากพี่คิมไม่ใช่เหรอ”คิมหันต์ได้ยินถึงกับสะอึกไปทันที ชายหนุ่มมองหญิงสาวตาละห้อย ก่อนจะรีบโอบร่างบางเข้าหา “แอ้กำลังโทษพี่เหรอ” เสียงออดอ้อนทำเอากุลนารีถึงกับอ่อนใจ หญิงสาวได้แต่เบนหน้าหนี “แล้วแอ้พูดผิดตรงไหนกัน” เสียงหญิงสาวยังคงกล่าวออกมาด้วยความงอน ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น รีบแก้ตัว “เพราะพี่รักแอ้หรอกนะ ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้น วันน
ตอนที่ 32 เผชิญหน้าในเช้าวันต่อมา แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของแพรวพราว บรรยากาศอบอุ่นและสงบ เข็มทิศลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบิกบาน ชายหนุ่มหันมองหน้าหญิงสาวในอ้อมกอด เขาเผลอยิ้มขึ้นมาในทันใด มือหน้าลูบไล้เส้นผมที่ปรกลงบนใบหน้าอย่างรู้สึกเอ็นดู เขาเหม่อมองใบหน้านวลเนิ่นนานอย่างรู้สึกโล่งใจ บัดนี้เขารับรู้ความรู้สึกที่ตนมีต่อหญิงสาวถึงความเสน่หาอย่างแท้จริงทันใดนั้นเสียงกริ่งประตูดังขึ้นทำให้เข็มทิศชะงักมือลง แพรวพราวยังคงงัวเงียด้วยความอ่อนเพลียอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มได้แต่นึกเอ็นดู เขาค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนหญิงสาวตรงหน้า เข็มทิศที่ยังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเดินมาเปิดประตู ทันทีที่เห็นแขกมาเยือนเขาก็ได้แต่ชะงักงันลงไปคิมหันต์ที่ถือข้าวของมาอย่างพะรุงพะรังนิ่งอึ้งไป เขาเกือบโยนข้าวของดังกล่าวแล้วกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้า คิมหันต์มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”เข็มทิศมองคิมหันต์อย่างไม่เกรงกลัว “ผมค้างที่นี่” คำตอบของเขาทำเอาคิมหันต์ถึงกับบันดาลโทสะ ชายหนุ่มโยนของลงกับพื้นพร้อมปรี่เข้าหาเข็มทิศ “
ตอนที่ 31 ตามง้อเข็มทิศยังคงมาหาแพรวพราวที่โรงพยาบาลทุกวัน ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจทุกครั้งที่เห็นแพรวพราวที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้นแม้จะยังซีดเซียวอยู่ แต่แพรวพราวก็ยังคงปากแข็งไม่ยอมคืนดีด้วย ทุกครั้งที่เข็มทิศเอ่ยปากขอโทษและพยายามอธิบายความรู้สึกของตัวเอง แพรวพราวก็เพียงแค่เบือนหน้าหนีและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เข็มทิศ คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณอีกแล้ว” แพรวพราวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแสดงถึงความงอนง้อคิมหันต์ยืนอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วย เอาแต่มองเข็มทิศด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมั่นไส้ “คุณควรจะเลิกมาที่นี่ได้แล้ว แพรวพราวต้องการคนที่ดีกว่าคุณ”เข็มทิศถอนหายใจหนัก ความรู้สึกท้อแท้เข้ามาท่วมท้นในใจเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “ผมรู้ว่าผมทำผิดพลาดมาก แต่ผมอยากให้พราวให้โอกาสผมอีกครั้ง”คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ “โอกาส คุณเคยมีโอกาสแล้วแต่คุณก็ทำมันพัง คุณคิดว่าคุณสมควรได้รับโอกาสอีกครั้งหรือ”ในขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย กุลนารีมองค้อนคิมหันต์อย่างไม่พอใจ หญิงสาวกระทุ้งแขนเข้าที่เอวชายหนุ่มอย่างแรง คิมหันต์ได้แต่มองกุลนารีตาละห้อย พร