Home / รักโบราณ / ลำนำรักจันทราสลาย / ตอนที่ 1 ลำนำแห่งจันทรา

Share

ลำนำรักจันทราสลาย
ลำนำรักจันทราสลาย
Author: Charuda Singsathon

ตอนที่ 1 ลำนำแห่งจันทรา

last update Last Updated: 2025-10-13 12:38:58

ในมหาจักรวาลอันกว้างใหญ่ วิถีแห่งฟ้าได้กำหนดให้สรรพสิ่งดำรงอยู่ภายใต้การปกครองของ สามภพ อันได้แก่ แดนสวรรค์ (เทียนเจี้ย) ดินแดนมนุษย์ (เหรินเจี้ย) และ แดนปีศาจ (โหมวเจี้ย)

แดนสวรรค์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือม่านเมฆ มีเพียงแสงสุริยันและจันทราที่เป็นนิรันดร์ เทียนกง หรือวิมานสวรรค์ สร้างจากหยกขาวและทองคำอันเรืองรอง ก่อเกิดเป็นภูมิทัศน์ที่สงบเยือกเย็นและศักดิ์สิทธิ์ อากาศในแดนสวรรค์อวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ท้ออมตะ และธารน้ำอมฤตที่ไหลรินอย่างไม่ขาดสาย เหล่าเซียนผู้ทรงศีลใช้ชีวิตอันเป็นอมตะภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งครัด เง็กเซียนฮ่องเต้ ผู้ปกครองสูงสุด ทรงรักษาความสมดุลของจักรวาลและดูแลการหมุนเวียนของมวลวิญญาณในวัฏสงสารอย่างพิถีพิถัน สวรรค์คือตัวแทนของความสงบเรียบร้อยและพลังหยางที่บริสุทธิ์

เบื้องล่างของปุยเมฆคือ ดินแดนมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิตและความวุ่นวาย เป็นภพที่เปราะบางที่สุด ทว่าก็เป็นที่กำเนิดของอารยธรรม ความรัก ความโลภ และความตาย ทุกสิ่งในแดนมนุษย์ล้วนไม่จีรัง เป็นที่ที่วิญญาณมาเพื่อเรียนรู้และชดใช้กรรม ก่อนจะกลับคืนสู่เส้นทางแห่งการเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง แดนมนุษย์เป็นสะพานเชื่อมระหว่างความสว่างและความมืด

ส่วนที่ลึกลงไปจากแดนมนุษย์คือ แดนปีศาจ อันเป็นขั้วตรงข้ามโดยสิ้นเชิง ดินแดนแห่งความมืดมิดและพลังหยินอันเข้มข้น แสงสว่างแทบไม่เคยปรากฏ มีเพียงเปลวไฟสีครามและหินอัคนีที่ลุกโชนอย่างเงียบงัน ภูมิทัศน์เต็มไปด้วยหุบเหวและปราสาทหินดำทะมึนซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าปีศาจและอสูรที่ทรงพลัง ปกครองโดย มารานตี้ ผู้เปี่ยมด้วยพลังอำนาจแห่งความมืดและมักใหญ่ใฝ่สูง แดนปีศาจคือขุมพลังแห่งสงครามและความกระหายในอำนาจ

กฎแห่งฟ้ากำหนดให้สามภพต้องรักษาสมดุลไว้เช่นนี้มานานนับพันปี แต่ในคืนที่อากาศหนาวเหน็บยามนี้ ความสงบสุขของทั้งสามภพกำลังถูกคุกคาม…

ณ โถง หลิงเซียว อันเป็นศูนย์กลางอำนาจของวังสวรรค์ แสงจันทร์ยามราตรีสาดส่องลงกระทบพื้นหยกขาวที่เย็นเยียบ บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความกดดัน เง็กเซียนฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์อย่างสงบนิ่ง แต่ในพระเนตรฉายแววกังวล พระหัตถ์กระชับพนักพิงแน่น เหล่าเทพเซียนกว่าร้อยองค์ต่างยืนนิ่งก้มหน้า ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา

เบื้องหน้าของเง็กเซียนฮ่องเต้คือ ไท่ซ่างเหล่าจวิน (พระอาจารย์ผู้เฒ่า) เซียนผู้ทรงปัญญาที่สุดในสวรรค์ เขาสวมชุดคลุมสีขาวสะอาด แต่ใบหน้ากลับซีดเซียวราวกับเพิ่งผ่านศึกหนักมา ดวงตาที่ปกติจะเต็มไปด้วยความเมตตา บัดนี้กลับฉายแววแห่งความหวาดหวั่น

“ฝ่าบาท…นิมิตที่ข้าเห็นเมื่อยามชั่วโมงยามซวี (19.00 – 21.00 น.) หนักหนากว่าครั้งใดๆ” ไท่ซ่างเหล่าจวินกล่าวเสียงสั่นเครือ “แก่นแห่งสมดุลของสามภพ… ดวงจันทรา กำลังเกิด รอยร้าว รอยร้าวสีดำทมิฬพาดผ่านกลางดวงจันทร์ คล้ายกับรอยแผลที่กำลังจะปริแยก!”

ทั่วทั้งโถงเกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที ดวงจันทร์ไม่ได้เป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่เป็นแหล่งพลังงานหยินที่ค้ำจุนสมดุลของทุกสิ่งในจักรวาล รอยร้าวบนดวงจันทร์จึงหมายถึงรอยร้าวบนกฎแห่งฟ้า

“ท่านอาจารย์…หมายความว่าพลังของดวงจันทร์กำลังจะสลายอย่างนั้นหรือ?” เง็กเซียนฮ่องเต้ตรัสถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ไท่ซ่างเหล่าจวินส่ายศีรษะอย่างช้าๆ “ไม่ใช่สลาย แต่เป็น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พลังหยินที่เคยเยือกเย็นและสงบ บัดนี้กลับปั่นป่วนวุ่นวายจนก่อให้เกิดพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้ และนี่คือคำพยากรณ์ที่ผูกพันกับรอยร้าวนั้น…”

เขาหลับตาลงอย่างสงบนิ่งอีกครั้ง พลังเซียนสีทองค่อยๆ แผ่ออกจากร่างและก่อตัวเป็นอักษรโบราณสามบรรทัดกลางอากาศ อักษรนั้นเปล่งประกายคล้ายถูกจารึกด้วยแสงจันทร์แท้ๆ

“จันทราแยกสลาย มวลวิญญาณสั่นคลอน”

“บุตรแห่งจันทร์ถือกำเนิด นำความหวังหรือหายนะ”

“หนึ่งพันธะต้องห้าม ชุบชีวิตหรือทำลายล้าง”

เหล่าเทพเซียนต่างตกตะลึงกับคำพยากรณ์นี้ ‘พันธะต้องห้าม’ ย่อมหมายถึงความรักข้ามภพ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามสูงสุดตามกฎสวรรค์

เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรไปยังอักษรสุดท้ายอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตรัสถาม “บุตรแห่งจันทร์…คือ หลิงซินเอ๋อร์ บุตรีรองของเราใช่หรือไม่? นางกำเนิดภายใต้ดวงจันทร์เต็มดวง และมีพลังรักษาที่โดดเด่นมาตั้งแต่เยาว์วัย”

“พ่ะย่ะค่ะ” ไท่ซ่างเหล่าจวินตอบ “นางคือผู้ที่ถูกลิขิตให้เป็น แก่นแท้แห่งจันทรา ร่างกายของนางสามารถรองรับและควบคุมพลังที่วุ่นวายนั้นได้ พลังรักษาของนางคือแสงสว่างที่จะเยียวยาสามภพจากสงครามที่กำลังจะอุบัติ แต่ในขณะเดียวกัน… พลังสะกดปีศาจที่อยู่ในตัวนาง ก็คือสิ่งที่แดนปีศาจจะต้องพยายามช่วงชิงมาให้ได้”

เทพเซียนองค์หนึ่งนาม ไป๋หานอี้ องครักษ์หนุ่มผู้เงียบขรึมและภักดีขององค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์ ยืนอยู่ด้านหลังเง็กเซียนฮ่องเต้ ร่างกายเขาพลันแข็งทื่อเมื่อได้ยินชื่อองค์หญิง พลังที่เงียบสงบในตัวเขาพลันสั่นสะเทือนเล็กน้อย

ไท่ซ่างเหล่าจวินเหลือบมองไปยังไป๋หานอี้เพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฝ่าบาท…การที่องค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์จะนำความหวังมาสู่สามภพได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า จิตใจ ของนางจะถูกชักนำไปในทางใด นางต้องบริสุทธิ์และมั่นคงในวิถีเซียน แต่หากพลังแห่งจันทราที่อยู่ในตัวนางถูกมลทินด้วย พันธะต้องห้าม… ไม่ว่าจะเป็นพลังจากแดนปีศาจหรือพลังอื่นใดที่ไม่ถูกกฎฟ้า ความหวังนั้นก็จะกลับกลายเป็น หายนะ ที่ทำลายทุกสิ่งจนสิ้นสูญ”

เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงกวาดพระเนตรไปยังเหล่าเทพเซียนอย่างเด็ดขาด “นับจากนี้ไป จงเพิ่มกำลังป้องกันวังสวรรค์เป็นสามเท่า และให้ ไป๋หานอี้ ดูแลองค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์อย่างใกล้ชิดที่สุด ห้ามให้นางก้าวออกจากวังสวรรค์โดยเด็ดขาด จนกว่าเราจะหาทางควบคุมพลังแห่งจันทราของนางได้”

ไป๋หานอี้ค้อมกายลงทันที “น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” แต่ภายในใจของเขานั้นเต็มไปด้วยคลื่นพายุ เขาตระหนักดีถึงพันธะที่มองไม่เห็นซึ่งตนมีต่อองค์หญิง และคำว่า 'พันธะต้องห้าม' นั้นก็ก้องอยู่ในหูอย่างเจ็บปวด

ณ ตำหนัก กวงหมิง ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์ ตำหนักนี้สร้างอยู่บนยอดเขาสูงที่สุดในวังสวรรค์ ทำให้มองเห็นดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจนที่สุด

หลิงซินเอ๋อร์ ในวัยสิบหกปีเพิ่งจะเริ่มเบ่งบานเป็นดอกเหมยในฤดูหนาว รูปร่างของนางอ่อนช้อยงดงามราวกับถูกสร้างสรรค์จากหยดน้ำค้างและแสงจันทร์ ใบหน้าเล็กเรียว ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายความไร้เดียงสา ผมสีดำขลับถูกรวบด้วยปิ่นหยกจันทร์เสี้ยวที่เง็กเซียนฮ่องเต้ประทานให้

นางกำลังนั่งอยู่ริมระเบียงหยกเย็นๆ มองไปยังดวงจันทร์บนฟากฟ้า ดวงจันทร์ยามค่ำคืนนี้ผิดแปลกไปจากทุกวัน แสงของมันดูหม่นหมองกว่าปกติ และเมื่อมองเพ่งไปนานๆ ก็จะเห็น รอยร้าวสีดำ เล็กๆ พาดผ่านกลางดวงอย่างน่าประหลาด

"จันทร์ร้าว..." หลิงซินเอ๋อร์พึมพำกับตัวเอง มือเล็กๆ ของนางยกขึ้นกุมอก ความรู้สึกเจ็บปวดที่ประหลาดและปวดหน่วงได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งในใจของนาง ไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกาย แต่เป็นความรู้สึกเหมือนมี สายใยที่มองไม่เห็น กำลังดึงรั้งจิตวิญญาณของนางไปยังที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกล

ทันใดนั้น พลังเซียนในร่างของนางก็พลันปั่นป่วนราวกับกระแสน้ำวน สายลมเย็นยะเยือกพัดเข้าสู่ตำหนักกวงหมิงอย่างรุนแรง พลังเซียนสีเงินอ่อนๆ เริ่มเปล่งประกายออกมาจากผิวหนังของนาง แสงนั้นเรืองรองและบริสุทธิ์

หลิงซินเอ๋อร์ตกใจ พยายามใช้พลังรักษาที่ตนมีเพื่อควบคุมความวุ่นวายนี้ ทว่าพลังยิ่งควบคุมก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แสงสีเงินที่บริสุทธิ์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสี ฟ้าครามเข้ม เหมือนกับแสงจากก้นบึ้งของมหาสมุทรลึก

ตูม!

กระถางดอกไม้หยกที่อยู่ใกล้ๆ ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยแรงพลังที่มองไม่เห็น หลิงซินเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าพลังในกายของนางกำลังจะหลุดจากการควบคุม ความรู้สึกปวดหน่วงที่อกยิ่งรุนแรงขึ้นราวกับหัวใจกำลังถูกฉีกออกเป็นสองส่วน

นางพยายามรวบรวมสมาธิ นึกถึงคำสอนของพระอาจารย์ผู้เฒ่าที่ว่า 'พลังแห่งจันทรา คือพลังแห่งความสงบเย็น' นางหลับตาลง พยายามทำให้จิตใจกลับคืนสู่ความว่างเปล่า

ในขณะที่พลังในร่างปั่นป่วนจนถึงขีดสุด เสียงกระซิบที่เย็นชาและดุดันก็ดังขึ้นในความรู้สึกของนาง มันเป็นเสียงที่ลึกและก้องกังวานราวกับเสียงคำรามของพายุ:

“เซียนน้อย… เจ้าคือบุตรแห่งจันทร์ที่ข้าตามหา”

หลิงซินเอ๋อร์ลืมตาขึ้นทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของนางซีดเผือด นางมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นผู้ใด เสียงนั้นมาจากไหน? มันไม่ใช่เสียงที่ได้ยินทางหู แต่มันก้องอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณ

“อย่าได้ต่อต้านชะตาฟ้าเลย… เจ้าและข้าคือส่วนหนึ่งของกันและกัน” เสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

ในชั่วพริบตาที่จิตใจขององค์หญิงกำลังสั่นคลอน แสงจันทร์ที่ร้าวรานบนฟากฟ้าก็สาดแสงลงมาอย่างจงใจ แสงนั้นพุ่งตรงมาที่หลิงซินเอ๋อร์ราวกับลำแสงนำทาง เมื่อสัมผัสกับแสงนั้น พลังเซียนสีฟ้าครามในกายของนางก็สงบลงในทันที ความปวดหน่วงที่อกก็หายไป แต่ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึก โหยหา บางอย่างที่แปลกประหลาดและรุนแรง

หลิงซินเอ๋อร์เงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ร้าวรานอีกครั้ง นัยน์ตาของนางเปล่งประกายสีเงินอ่อนๆ ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับนางและดวงจันทร์ดวงนั้นได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจคำพยากรณ์ ไม่เข้าใจเสียงลึกลับที่เพิ่งได้ยิน แต่จิตวิญญาณของนางรับรู้ได้ว่า ชะตากรรมของนางได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาร่างสีขาวก้าวเข้ามาในตำหนักอย่างรวดเร็ว

“องค์หญิง! เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋หานอี้ องครักษ์คู่กายของนาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อเขาเห็นองค์หญิงนั่งนิ่งอยู่กลางแสงจันทร์ที่แปลกประหลาด และกระถางหยกที่แตกละเอียด ก็ทำให้เขานึกถึงคำเตือนของไท่ซ่างเหล่าจวิน

“ข้า…ข้าไม่เป็นไรหานอี้” หลิงซินเอ๋อร์ตอบเสียงแผ่วเบา

ไป๋หานอี้รีบเดินเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าองค์หญิง “ฝ่าบาทมีบัญชาให้ข้าดูแลองค์หญิงอย่างใกล้ชิด องค์หญิงไม่ควรนั่งรับแสงจันทร์ที่ผิดปกติเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” เขาไม่กล้าเอ่ยถึงรอยร้าวบนดวงจันทร์ เพราะกลัวว่านางจะตระหนก

หลิงซินเอ๋อร์มองใบหน้าอันเคร่งขรึมและเป็นห่วงเป็นใยของไป๋หานอี้ เขายืนอยู่ข้างนางมาตั้งแต่เด็ก ภักดีดุจเงา และเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่นางไว้ใจ

“ข้าแค่รู้สึกว่า…จันทร์ดวงนี้กำลังเรียกข้า” นางเอ่ยออกมาอย่างเผลอไผล “ข้ารู้สึกผูกพันกับมันอย่างประหลาด ราวกับว่า ชะตาของเราผูกติดกัน”

คำพูดขององค์หญิงเหมือนมีดกรีดลงบนหัวใจของไป๋หานอี้ เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ร้าวรานอย่างขุ่นเคือง ดวงจันทร์ดวงนั้นกำลังพยายามช่วงชิงองค์หญิงไปจากสวรรค์ หรือกำลังนำพานางไปสู่หายนะที่คำพยากรณ์ได้เตือนไว้?

ไป๋หานอี้ไม่เคยกล้าเปิดเผยความรักที่ไม่อาจเอื้อมของตนที่มีต่อองค์หญิง แต่ในใจเขาสาบานว่า ไม่ว่าชะตาจะเป็นอย่างไร เขาจะปกป้องหลิงซินเอ๋อร์ไว้ด้วยชีวิต จะไม่มีพันธะต้องห้ามใดๆ มาทำร้ายนางได้

ในห้วงลึกของ แดนปีศาจ ปราสาทหินดำทะมึนของ มารานตี้ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับแล้ว

ภายในห้องบรรทมที่มืดมิดและเย็นเยียบ อวิ๋นเทียนหาน รัชทายาทแห่งปีศาจกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นหินสีดำ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งและสูงสง่า เส้นผมสีดำยาวสยายราวกับเงามืดที่กำลังเคลื่อนไหว ใบหน้าของเขางดงามทว่าเย็นชาไร้ความรู้สึก ดวงตาคู่นั้นดุดันราวกับพายุที่กำลังก่อตัว

อวิ๋นเทียนหานรับรู้ได้ถึง รอยร้าว บนดวงจันทร์เช่นกัน พลังหยินที่เขาควบคุมอยู่ปั่นป่วนวุ่นวายจนเกือบจะทำให้เขาหลุดจากการทำสมาธิ

“บุตรแห่งจันทร์…”

เขานึกถึงเสียงกระซิบที่ตนส่งไปยังแดนสวรรค์ พลังปีศาจที่บริสุทธิ์ของเขาสามารถเชื่อมต่อกับพลังแห่งจันทราที่แตกสลายนั้นได้ และมันนำพาเขาไปสู่ แก่นแท้แห่งพลังหยิน ที่อยู่ในร่างขององค์หญิงสวรรค์

เดิมทีเขาเป็นปีศาจที่ไร้ความรู้สึก ไม่เคยสนใจเรื่องใดนอกจากพลังและการทำสงคราม แต่ในชั่วพริบตาที่จิตวิญญาณของเขาเชื่อมต่อกับ หลิงซินเอ๋อร์ ความรู้สึกที่แปลกประหลาดก็ก่อตัวขึ้นในใจที่เย็นชาของเขา ความปรารถนา และ ความผูกพัน

เขาต้องการพลังแห่งจันทราของนางเพื่อใช้ในการทำลายสวรรค์อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อได้สัมผัสถึงความบริสุทธิ์ของวิญญาณนั้น ความต้องการในใจเขากลับสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เจ้าคือพลังที่ข้าต้องการ และเจ้าคือจุดอ่อนที่ข้าไม่ควรมี” อวิ๋นเทียนหานคิดในใจ

“นายท่าน!”

เฮยหลง แม่ทัพใหญ่แห่งแดนปีศาจ ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายกำยำของเขาสวมชุดเกราะสีดำทมิฬ ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยไฟปีศาจ

“รายงานมา” อวิ๋นเทียนหานเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทรงอำนาจ

“สวรรค์กำลังเพิ่มกำลังป้องกันและเตรียมพร้อมทำสงครามพ่ะย่ะค่ะ มารานตี้ฮ่องเต้สั่งให้เราเตรียมพร้อมโจมตีในยามที่ดวงจันทร์ถึงจุดอ่อนแอที่สุด” เฮยหลงรายงาน

อวิ๋นเทียนหานลุกขึ้นยืนช้าๆ รัศมีของเขาสั่นสะเทือน พลังมืดอันทรงพลังแผ่ออกไปทั่วทั้งห้อง “ถึงเวลาแล้ว… เฮยหลง เจ้าเตรียมทัพไว้ เราจะเปิดฉากโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุด”

เฮยหลงค้อมกายลง “น้อมรับพระบัญชา แต่… รัชทายาททรงมีอะไรกังวลหรือพ่ะย่ะค่ะ? พลังของท่านดูแปรปรวน…”

อวิ๋นเทียนหานจ้องมองไปที่รอยร้าวบนดวงจันทร์ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากหน้าต่างห้อง “เปล่า… แค่รู้สึกว่า พันธะ บางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น”

เขายกมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่ามันจะเป็นพันธะแห่งความรัก หรือพันธะแห่งความเกลียดชัง สิ่งที่สวรรค์หวงแหนที่สุด… ข้าจะช่วงชิงมาทำลายด้วยมือของข้าเอง”

นั่นคือคำประกาศของโอรสปีศาจผู้ไร้หัวใจ ในขณะที่องค์หญิงสวรรค์กำลังยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ที่ร้าวรานโดยไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง

สงครามสามภพใกล้เข้ามาแล้ว... และชะตาของ “บุตรแห่งจันทร์” ถูกผูกมัดไว้กับ “โอรสปีศาจ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 13 หายนะจันทราสลาย

    หลังจากที่ ซูเม่ยหลาน ถูกคุมขัง และ ความจริงเรื่องชาติกำเนิด ขององค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์ถูกเปิดเผยต่อ อวิ๋นเทียนหาน อย่างลับๆ สถานการณ์ของสามภพก็เข้าสู่จุดวิกฤตที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดอย่างผิดปกติ ดวงจันทร์ ที่เคยมีรอยร้าวอยู่แล้ว ก็เริ่ม แตกร้าวเป็นเสี้ยวๆ อย่างเห็นได้ชัด! ครืนนนนน… ตู้ม! เสี้ยวของดวงจันทร์เริ่มแตกออก และส่ง แสงสีแดงโลหิต สลับกับ แสงสีเงินเย็นเยือก พวยพุ่งออกมาจากรอยร้าว แสงฟ้าสั่นสะเทือนไปทั่วสามภพ พลังเซียนในแดนสวรรค์ปั่นป่วนอย่างรุนแรง พลังปีศาจในแดนปีศาจก็บ้าคลั่งจนเกินควบคุม เหล่าเทพเซียนหวาดกลัวอย่างที่สุด พวกเขารู้ว่านี่คือสัญญาณสุดท้าย: หายนะจันทราสลาย กำลังจะเกิดขึ้น และ บุตรแห่งจันทร์ กำลังจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังที่แท้จริง ในตำหนักกวงหมิง หลิงซินเอ๋อร์ ซึ่งถูกล้างความทรงจำไปแล้ว ก็รู้สึกถึงความผิดปกติของพลังอย่างรุนแรง ร่างกายของนางถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเงินที่หมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังในตัวซินเอ๋อร์ไ

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 12 เลือดมารกับหยกฟ้า

    หลังจากที่ พันธะสาบาน ได้ขาดสะบั้นไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ อวิ๋นเทียนหาน ก็รู้สึกถึงความปวดร้าวที่ไม่มีวันบรรเทา แม้ความทรงจำทางอารมณ์จะถูกทำลายไปแล้ว แต่ความรู้สึกว่าถูก ทรยศ และถูก สูญเสีย ยังคงกัดกินจิตใจของเขา เขาตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ หลิงซินเอ๋อร์ จะต้องเกี่ยวข้องกับพลังเซียนที่ยิ่งใหญ่ของสวรรค์ และต้องเกี่ยวพันกับ คำพยากรณ์ ที่มารานตี้เคยกล่าวถึง อวิ๋นเทียนหานเริ่มค้นคว้าอย่างลับๆ เขาใช้พลังเงามืดในการแทรกซึมเข้าไปในอาณาเขตเซียนที่ไม่เคยมีปีศาจตนใดกล้าเข้าไปถึง เขาไม่สนใจการทำสงครามชั่วคราว แต่ต้องการค้นหา ความจริง ที่ถูกปิดบังไว้ ในที่สุด เขาก็สามารถแทรกซึมเข้าไปใน หอจารึกเทวะ บนสวรรค์ได้อย่างลับๆ สถานที่ที่เก็บรักษาคัมภีร์และบันทึกสำคัญของสามภพ เขาค้นหาเกี่ยวกับ บุตรแห่งจันทร์ และ คำพยากรณ์จันทราสลาย เขาพบว่าคำพยากรณ์ที่สวรรค์เผยแพร่นั้นถูก บิดเบือน ไปบางส่วน ในบันทึกเก่าแก่ที่สุดที่จารึกไว้บน “ศิลาเทวลิขิต” ที่แท้จริงนั้น มีประโยคสำคัญที่สวรรค์ตัดออกไป: “บุตรแห่

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 11แผนร้ายแดนสวรรค์

    หลังจากศึกใหญ่ในหุบเขาอวิ๋นหมิงยุติลงชั่วคราวด้วยความสูญเสียอย่างหนักทั้งสองฝ่าย วังสวรรค์ ก็เข้าสู่สภาวะตึงเครียดสูงสุด ในโถงลับของตำหนักเซียน เง็กเซียนฮ่องเต้ ทรงเรียกประชุมเหล่าเทพเซียนผู้มีอำนาจสูงสุด รวมถึง ไป๋หานอี้ และ ซูเม่ยหลาน เพื่อตัดสินชะตากรรมของ หลิงซินเอ๋อร์ “ความสูญเสียครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก” เง็กเซียนฮ่องเต้ตรัสด้วยพระสุรเสียงที่หนักอึ้ง “และชัดเจนแล้วว่า สาเหตุของจันทราร้าว และการปั่นป่วนของพลังเซียนในวังสวรรค์… มาจากความสัมพันธ์ต้องห้ามขององค์หญิงหลิงซินเอ๋อร์กับรัชทายาทปีศาจ!” เหล่าเทพเซียนต่างเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาเห็นการกระทำขององค์หญิงในสนามรบที่ใช้พลังรักษาปีศาจ และการที่รัชทายาทปีศาจปกป้องนาง การผูกพันทางชะตาของทั้งคู่กำลังคุกคามรากฐานของสวรรค์ “เราไม่สามารถฆ่านางได้” เทพสงครามเสนอ “นางคือ บุตรแห่งจันทร์ พลังของนางเชื่อมโยงกับดวงดาว หากนางดับสลาย สวรรค์จะพังทลายตามไปด้วย” “ถ้าเช่นนั้น เราต้อง ทำลายนางในความทรงจำ” เง็กเซียนฮ่องเต้สรุป “ต้องตัดขาด พันธะต

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 10 หัวใจสั่นไหว

    สงครามสามภพ เปิดฉากขึ้นแล้วที่ หุบเขาอวิ๋นหมิง สมรภูมิเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พลังเซียน สีขาวบริสุทธิ์ปะทะกับ พลังปีศาจ สีดำทะมึน สายฟ้าสีทองฟาดฟันเข้าใส่กำแพงเงามืด เปลวไฟปีศาจสีครามลุกโชนเผาผลาญทัพสวรรค์ ไป๋หานอี้ องครักษ์ผู้ภักดี นำทัพหน้าเข้าโจมตีอย่างดุดันที่สุดเท่าที่เขาเคยทำ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะทำลายแนวป้องกันของปีศาจ เพื่อยุติสงครามนี้ให้เร็วที่สุด และเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับ อวิ๋นเทียนหาน และ หลิงซินเอ๋อร์ อวิ๋นเทียนหาน รัชทายาทปีศาจ สวมชุดเกราะสีนิลและดาบปีศาจเงาของเขาฟาดฟันอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม เขาคือขุนศึกผู้ไร้เทียมทานในสนามรบ ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วย เงามืด ที่กลืนกินพลังเซียนที่เข้ามาใกล้ ท่ามกลางความโกลาหลของสงคราม หลิงซินเอ๋อร์ ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าแม่ทัพสวรรค์ด้วยความเจ็บปวด นางถูกบังคับให้เข้าร่วม แต่จิตวิญญาณของนางปฏิเสธการนองเลือดนี้ พลังเซียนที่ถูกผนึกไว้บางส่วนทำให้นางไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ แต่นางก็ค้นพบวิธีที่จะไม่ทรยศต่อ คำสาบาน ของตนเอง

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 9 สงครามเริ่มต้น

    หลังจากที่ เง็กเซียนฮ่องเต้ ได้รับรายงานจาก ซูเม่ยหลาน และตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่เกินกว่าเหตุระหว่าง หลิงซินเอ๋อร์ กับ อวิ๋นเทียนหาน พระองค์ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาด ในโถงหลิงเซียว เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงเรียกประชุมเหล่าเทพเซียนทั้งหมด และมีพระบัญชาที่ทำให้ทั้งสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน “เราไม่สามารถปล่อยให้ความมืดมิดคุกคามสามภพได้อีกต่อไป” เง็กเซียนฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ “แดนปีศาจนำโดยรัชทายาทปีศาจ ได้ละเมิดกฎฟ้า ซ่องสุมกำลัง และเป็นภัยต่อวิถีแห่งเต๋า สวรรค์ในนามของผู้พิทักษ์ความยุติธรรม จึงขอ ประกาศสงครามขั้นเด็ดขาด กับแดนปีศาจ!” คำประกาศนี้ถูกอ้างอย่างเป็นทางการว่าเพื่อ ปกป้องโลกมนุษย์ และเพื่อรักษาความสงบสุขของสามภพ แต่ความจริงเบื้องหลังที่เหล่าเซียนชั้นสูงรับรู้คือ ความกลัวคำพยากรณ์จันทราสลาย การที่ บุตรแห่งจันทร์ แสดงความภักดีต่อ โอรสปีศาจ นั้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าหายนะกำลังจะมาถึง มีเพียงการทำลายแกนกลางแห่งความมืด (รัชทายาทปีศาจ) เท่านั้น ที่จะสามารถตัดขาดพันธะต้องห้ามและช่วยห

  • ลำนำรักจันทราสลาย   ตอนที่ 8 เสียงพิณแห่งสวรรค์

    หลังจากที่ หลิงซินเอ๋อร์ ถูกนำตัวกลับสู่สวรรค์ และแสดงความเอนเอียงไปทางรัชทายาทปีศาจอย่างชัดเจน ความหวาดระแวงในวังสวรรค์ก็พุ่งสูงถึงขีดสุด เง็กเซียนฮ่องเต้ ทรงตระหนักดีว่าการกักบริเวณเพียงอย่างเดียวไม่สามารถควบคุม บุตรแห่งจันทร์ ผู้ถูกลิขิตให้เป็นทั้งความหวังและหายนะได้ ดังนั้น จึงมีพระบัญชาลับให้ ซูเม่ยหลาน สหายสนิทเพียงไม่กี่คนของหลิงซินเอ๋อร์ ถูกส่งลงมายังดินแดนมนุษย์ที่อยู่ใกล้กับหุบเขาอวิ๋นหมิง เพื่อคอยสอดส่องพฤติกรรมขององค์หญิงอย่างใกล้ชิด ซูเม่ยหลาน เป็นเซียนสาวที่งดงามและมีพรสวรรค์สูงยิ่ง นางมีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีโบราณ และมีพลังเซียนที่แฝงอยู่ในเสียงพิณของนาง พลังนี้คือ ‘เสียงพิณสะกดจิต’ ที่สามารถควบคุมอารมณ์ สยบจิตใจที่ปั่นป่วน และแม้กระทั่งทำให้ศัตรูหลงใหลในความว่างเปล่าจนสูญเสียพลังไปได้ เม่ยหลานได้รับพิณศักดิ์สิทธิ์ที่ทำจากหยกโบราณ และลงมายังอาณาจักรมนุษย์อย่างเงียบเชียบ นางตั้งสำนักเล็กๆ ไว้ใกล้กับอาณาเขตของหุบเขาอวิ๋นหมิง และเฝ้าสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง แม้จะเต็มใจรับพระบัญชา แต่ในใจขอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status