“ข้าสั่งไม่ให้ท่านข้ามสะพานทำไมไม่เชื่อฟัง! ก็ได้ข้าผิดที่ไม่บอกท่านว่าข้างนอกอันตรายมากขนาดไหน แต่ข้าบอกท่านเมื่อวานแล้วว่าห้ามข้ามมาจนกว่าข้าจะกลับ แค่อยู่ที่เรือนรอข้ากลับไปท่านทำไม่ได้หรือ รู้ไหมว่าข้ากลัวแค่ไหนที่กลับไปแล้วไม่เจอท่าน อึก ข้าแทบคลั่งที่ท่านหายไปทำไมไม่รอข้ากลับมาก่อน ฮื้อ เหตุใดต้องทำให้ข้ากังวลตลอด ท่านไม่อยากอยู่กับข้าขนาดนั้นเลยรึ ฮื้อ อื้อ” นางด่าเขาอยู่ดีๆกลายเป็นตัวเองร้องไห้เฉย
“ข้าขอโทษ ข้าทำไม่ดี ขอโทษที่ไม่เชื่อฟังเจ้า ทำให้เจ้าเป็นห่วง อย่าร้องเลยเสี่ยวซิน ต่อไปข้าจะเชื่อฟังเจ้า ไม่ต้องร้องนะ” เขากอดร่างบางไว้แน่น เห็นนางร้องไห้เพราะกลับไปไม่เจอเขา เขายิ่งรู้สึกผิดที่ทำนางเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่อีกส่วนก็ดีใจที่นางเป็นห่วงเขา เว่ยเหยียนเฟิ่งปลอบขวัญนาง เขาเหลือบเห็นควันดำอีกครั้งก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาวที่ยังสะอื้นเสียงเบาๆ “เสี่ยวซินมันยังอยู่”
หลี่เหมยซินกำลังหยุดร้องไห้พอดีนางเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร “มันมองไม่เห็นพวกเรา แต่จะตามเสียงกับกลิ่นตัวมนุษย์ยิ่งมีเลือดพวกมันก็จะรู้ตำแหน่งของเหยื่อ”
“กลิ่นมนุษย์รึ” เว่ยเหยียนเฟิ่งจ้
“..วันนั้นข้าพาพวกเจ้าสองคนกลับมาแล้วจริงๆ แต่ว่า..ตอนที่ให้หมอมาตรวจร่างขององค์ชาย จู่ๆ เขาหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเรา ข้าพยายามตามหาเขาส่งกำลังคนนับร้อยไปสืบหาทุกที่เป็นปีแล้วก็ยังไม่เจอ” เว่ยเหยียนเฟิ่งเป็นคนติดต่อมาหาเขาให้ตามไปช่วยพวกนาง ตอนนั้นเขาจึงรู้ว่าเขาไม่อยากให้นางรู้เรื่องนี้ทั้งที่พึ่งฟื้นกลัวจะล้มป่วยอีกเลยไม่บอก“เวลาผ่านมาเป็นปี.. เขาหายตัวไปส่วนข้าหลับไม่ตื่น” หัวสมองฉันขาวโพลนคิดสิ่งใดอะไรไม่ออก“เหมยซินไม่ต้องร้องนะ เจ้าทำดีที่สุดแล้วอย่าร้องเลยนะ” เยว่หมิงเห็นสหายยืนนิ่งน้ำคลอจึงเข้าไปกอดปลอบนาง เมื่อได้รับอ้อมกอดหลี่เหมยซินก็ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้1 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่นางหลับใหลไม่ตื่นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับแคว้นเว่ย ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์คือองค์ชายใหญ่ เขาปกครองบ้านเมืองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างดี เศรษฐกิจรุ่งเรืองแบบโปร่งใสไม่มีการกดขี่รีดไถ่ภาษีสูงเหมือนเมื่อก่อนเพราะเมืองซวงโจวเป็นเมืองเล็กๆ ที่สงบสุขอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยเห็นความแตกต่างแต่สังเกตได้ว่าชาวบ้านก็ลำบากน้อยลง ทางการดูแลเอาใจใส่มากขึ้น ใบหน้าทุกคนต่างมีรอย
ฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นตอนเช้าของวันใหม่ แววตามองสำรวจทั่วทั้งห้องรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ฉันจำเรื่องราวทั้งหมดในอดีตชาติและเหตุการณ์ก่อนหมดสติได้แล้ว“เหยียนเฟิ่งเขาเป็นยังไงบ้างนะ” พลางลุกขึ้นไปตามหาเจ้าของชื่อทันที ถ้าในร่างกายเขายังมีพิษน้ำค้างแข็งอยู่ฉันจะทำไงดี ต้องพาเขาไปรักษาเหมือนเดิมไหมนะ“จะไปไหน” บุรุษร่างสูงสวมอาภรณ์สีดำสนิทขวางทางนาง“เหยียนเฟิ่งเขาอยู่ไหน” ฉันถามฮ่าวหรานทันทีที่เงยหน้ามองเขา“ตื่นมาก็ถามหาบุรุษก่อนเลยนะ ไม่ห่วงพ่อแม่ตัวเองบ้างรึ”“ข้าว่ารู้พวกเขายังมีชีวิตท่านช่วยพวกเขาได้ทัน ขอบคุณท่านมากญาติผู้พี่” ใช่แล้ว เมื่อวานหลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วปวดหัวจึงเผลอหลับไปแต่ว่าฉันรู้สึกตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่ท่านหมอมาตรวจแล้วก็ได้พอยินเสียงพ่อแม่รวมถึงอาอิงสาวใช้ส่วนตัวพูดคุยกัน แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นหรือลืมตามองพวกเขาได้เลย แค่รู้ว่าทุกคนปลอดภัยดีก็สบายใจแล้ว“รู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นญาติเจ้า” ฮ่าวหรานเลิกคิ้วถาม“ระหว่างเดินทางมาข้าได้ยินคนที่นี่พูดถึงน่ะ ท่านเป็นลูกชายของท่านป้าพี่สาวของท่านแม่ข้าหมายความว
“ฮ่าวหราน” เมื่อนางเห็นใบหน้าเขาผ่านลำแสงที่ส่องสว่างเป็นครั้งๆ รูปโครงใบหน้านั่นคือ ประมุขฮ่าวหราน นางจำไม่ผิดแน่นอน ความหวาดกลัวจึงลดน้อยลงก็ผุดขึ้นมา “มาคนเดียวรึ”“ข้าคนเดียวจะหาเจ้าเจอได้อย่างไร รีบไปกันเถิด”“มีคนอื่นด้วยสินะถ้างั้นช่วยคนของข้าก่อนเขาอยู่ทางนั้น”“ข้าส่งคนไปแล้ว ลุกขึ้น”“ไม่ ข้าจะรอเขาไปด้วยกัน”“หลี่เหมยซินเจ้าอย่าดื้อดูสภาพตัวเองบ้าง ขนาดนี้แล้วยังห่วงเขาอีก”“…” ก็จริงตอนนี้นางไม่เหมือนคนเลย แผลเหวอะหวะบนร่างกายน่ากลัวเหมือนตัวเองเป็นซอมบี้ แต่แล้วไงในเมื่อนางยังทนได้ก็จะรอเว่ยเหยียนเฟิ่งกลับไปพร้อมกัน“เฮ้ออ” เขารับร่มหนึ่งคันจากคนของเขามาแล้วกางร่มให้นางไม่ต้องตากฝน ลูกน้องสิบกว่าคนจุดไฟให้แสงสว่างทั้งฝนยังตก จากนั้นก็นำยาแก้พิษจากบาดแผลที่นางควรกินยื่นให้ หลี่เหมยซินก็ยอมกินมันเข้าไป “ไม่กลัวข้าวางยารึ”หลี่เหมยซินไม่ตอบก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางถึงได้ไว้ใจเขาจนยอมกินยาเมื่อครู่นี้โดยไม่สงสัยอะไร แล้วลูกน้องอีกคนที่มาทางเดียวกับนาง เดินมากระซิบบางอย่างกับฮ่าวหรานจนสีหน้าเขาเปลี่ยน“เกิดอะไรขึ้น
เฮือก!ร่างบางสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นพร้อมสูดอากาศเข้าเต็มปอดเหมือนคนขาดอากาศหายใจ จับต้นคอตัวเองรู้สึกในปากและลำคอแห้งเป็นผง แล้วมือคนผู้หนึ่งก็ยื่นน้ำให้ดื่ม เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือดวงตากลมหรี่ตามอง ‘ฮ่าวหราน’ฉันรับน้ำมาดื่มรวดเดียวพอชุ่มคอแล้ว ยังไม่ทันได้คิดอะไรใบหน้างามก็บิดเบี้ยวคิ้วขมวดเข้าหากัน ฉันกุมขมับเมื่ออาการปวดหัวกำเริบเล็กน้อย“เจ้าอดทนไว้ก่อนอีกสักพักท่านหมอก็มาแล้ว” ฮ่าวหรานกล่าวอย่างจนใจ เมื่อเห็นสตรีตรงหน้ามีอาการปวดหัวแต่ทำได้แค่รอหมอมาจึงจะช่วยนางได้ เขาประคองตัวนางให้นอนลงฉันมองบุรุษอารมณ์สีดำที่นั่งข้างเตียงด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยสภาพป่วยอ่อนแอแบบนี้นะ นึกอะไรก็ไม่ได้คิดเยอะหัวจะปวดนอนพักก่อนอีกสักหน่อยน่าจะดีขึ้นไหม ฉันรู้สึกเพลียมากทั้งที่พึ่งตื่นแต่ก็เผลอหลับไปอีก“เสี่ยวซินเจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ ข้าจะพาเจ้าไปรักษา เจ้าจะต้องปลอดภัยไม่ต้องกลัวนะ” มือหนาพลางประคองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวในอ้อมแขนอย่างปวดใจความหวาดกลัวที่จะสูญเสียนางไปอีกเริ่มเข้าแทรกเมื่อเห็นบาดแผลบนร่างนางมากมายและเลือดนั้นก็
ดาบเล่มหนึ่งแทงทะลุร่างหลี่เหมยซินจากด้านหลัง ก่อนทุกอย่างรอบตัวพวกเขาค่อยๆ สลายหายไปเป็นผุยผง กลับสู่สภาพเดิมกลายเป็นหน้าผาสูงชันที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้เว่ยเหยียนเฟิ่งเห็นตัวคนทำเขาไม่รอช้าแทงหม่าฉวี่หลินตัวจริงที่อยู่ด้านหลังจุดเดียวกับที่แทงหลี่เหมยซิน ใบหน้าเหี้ยมโหดจ้องสตรีนางนั้นอย่างโกรธแค้นประคองร่างหลี่เหมยซินไว้ในอ้อมแขนพลางทรุดตัวลงนั่ง ลมหายใจนางรวยรินบางเบาจนเขามือไม้สั่น มองเลือดไหลอาบทั่วร่างจากบาดแผลขนาดใหญ่ของนาง ในใจหวาดกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้“ไม่นะเสี่ยวซิน” เสียงสั่นเครือกล่าวทั้งน้ำตาดวงตาแดงก่ำเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่ ประคองดวงหน้างามขาวซีดเปลืองตาจะปิด ไม่ มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ เขาจะทำอย่างไรดี ภาพนางในอ้อมกอดเขายามนี้บีบรัดหัวใจทรมานยิ่งกว่าถูกพิษทำร้ายเสียอีกหลี่เหมยซินไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งเสียงตอบเขา ทำได้เพียงเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเขาแล้วส่งยิ้มหวานให้ อยากบอกเขาว่านางไม่เป็นไร“อย่าจากข้าไปนะเสี่ยวซิน”นางอยากบอกเขา นางไม่เคยโกรธเกลียดหรือแค้นเรื่องในอดีตเลย นางแค่น้อยใจเท่านั้น
กระบี่เล่มงามสีเงินพุ่งทะยานขึ้นจากใต้น้ำปักลงกลางแผ่นดินเกิดเคลื่อนแสงกระแทกตัวหม่าฉวี่หลินที่กำลังจะลงมือฆ่าหลี่เหมยซิน จนนางกระเด็นไปชนต้นไม้ใหญ่ ควันชั่วร้ายทั้งหมดในละแวกนั้นกระจายหายไปในพริบตา มีเพียงหลี่เหมยซินกับควันขาวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากลำแสงนั้นเว่ยเหยียนเฟิ่งปรากฏตัวขึ้นเขารีบก้าวมาหาหลี่เหมยซินสวม กอดนางอย่างหวงแหง เมื่อเห็นสภาพนางบาดเจ็บบนกายเต็มไปด้วยเลือดของศัตรูและตัวเอง เขารู้สึกปวดใจหากกลับมาช้ากว่านี้นางจะเป็นอย่างไร“ข้ามาแล้ว”หลี่เหมยซินแม้จะเหนื่อยล้าเพียงใดแต่พอเห็นเขากลับขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ก็เผยรอยยิ้มประดับบนใบหน้างาม ดวงตาแดงก่ำคลอน้ำใสนางหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจที่ได้พบเขา“ถอนพิษสำเร็จแล้วใช่หรือไม่” กล่าวทั้งน้ำตามือบางสัมผัสที่แก้มของบุรุษตรงหน้าไม่เหลือเกล็ดน้ำแข็งที่เคยเกาะบนตัวเขา อุณหภูมิในร่างกายก็กลับมาอุ่นเหมือนเดิมหลังจากร่างเขาดิ่งลงสู่ใต้น้ำก่อนพิษจะพรากชีวิตเขาไป เขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในความว่างเปล่าพบกับบุรุษอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม คนผู้นี้ทำท่าทางอะไรบางอย่างถ่ายทอดพลังใส่ในตัวเขาสักพักพิษในร่างก