แชร์

ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์
ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์
ผู้แต่ง: สายลมที่พลิ้วไหว

อารัมภบท

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-13 17:09:35

ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ทุกภาพในความฝันของฉันเริ่มเกิดขึ้นจริงในหลาย ๆ เหตุการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ใจ หารู้ไม่ว่าทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีและไม่ดีทุกภาพฝันเสมือนมาเตือน หรือบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แม้ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์บางอย่างได้ แต่บางอย่างก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงหนีไปได้เสมือนต้องชดใช้วิบาก แม้กระทั่งการเลือกเส้นทางชีวิตแม้ฉากภาพในฝันจะบอกใบ้ว่า หากเรื่องแบบนี้จะเกิดผลแบบนี้ หากเลือกแบบนั้นก็จะเกิดแบบนั้น แต่ใครเลยจะทราบว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรานั้น ล้วนเกิดจากพลังความคิดและจิตนิวรณ์ ไม่ก็เป็นเพราะบุญทำกรรมแต่งหรืออย่างไร สำคัญอยู่ที่ใจจะเข้มแข็งพอไหม จะไหวหรือเปล่า หรือทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นลิขิตฟ้า ไม่ก็สวรรค์บัญชาสวรรค์ก็อาจเป็นได้ ... เราไม่รู้หรอกว่า ชีวิตนี้จะยาวหรือสั้นสักเพียงใด สำคัญอยู่ที่ว่าเรามีเป้าหมายอะไรที่ทำเพื่อโลกใบนี้ และมวลมนุษยชาติอันเปรียบเสมือนเพื่อนพองน้องพี่ของเรา ก่อนที่จะจากลาไปแสนยาวนานหมื่นล้านปีอสงไขย ... ฉันในวัย ๓๑ ปี ชื่อ "มณีจันทรา ธารธารามัสยา" เรียกสั้น ๆ ว่า "มณี"  เส้นทางชีวิตของฉันช่วงนี้ค่อนข้างทุลักทุเลมาสักระยะ หาได้เรียบง่ายโรยด้วยกลีบกุหลาบไม่ แต่บนเส้นทางที่ขรุขระล้วนแฝงไปด้วยความหมายแห่งชีวิตครบทุกรสชาติให้ดื่มด่ำ

       หากย้อนวันวานที่ผ่านมา รักแรกพบที่บริสุทธิ์และเป็นรักใส ๆ อยู่ในช่วงวัยชั้นอนุบาล ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ช่างเป็นรักที่มั่นคงและถาวรที่สุด แบบแอบรัก ปลื้มและประทับใจเพราะเราถือพานไหว้ครูคู่กันมา ๖ ปี ฉันไม่เคยคิดจะรักและชอบรักใครเลย ยาวนานจนกระทั่งในวัยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ฉันก็ไม่เคยลืมรักครั้งแรกไปได้เลย แม้เราจะแยกย้ายกันไปเติบโตบนเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน หลังจากสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในหมู่บ้านของพวกเรา ฉันไม่เคยลืมภาพจำที่สวยงามครั้งยังเด็กไปได้ แม้กระทั่งจวบจนปัจจุบัน และฉันภาคภูมิใจในตัวเองมากที่รักษาความบริสุทธิ์มาได้ เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยระดับชั้นมัธยมศึกษา ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะมีรักหรือชอบพอใคร ไม่คิดแม้แต่จะเป็นแฟนกับใครสักคน ในดวงจิตทราบเพียงว่าจิตใต้สำนึกของฉันสั่งการมาตลอดว่า "ความรักคือความร้าย", "ความรักเป็นความเจ็บปวดที่สุด", "ความรักคือโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรทดลอง" และ "ความรักคือสิ่งที่ทำลายพลังงานชีวิตให้จมดิ่ง" เสมือนฉันโดนฝั่งชิปความทรงจำเกี่ยวกับความรักที่ไม่ดีมาหลายภพชาติจึงทำให้กลัวและไม่กล้าที่จะเปิดใจรักใครแบบจริงจังสักที" แม้ในปัจจุบันฉันก็ไม่มีแฟนหรือคนรักเฉกเช่นวัยหนุ่มสาวทั่วไป หลายคนอาจมองว่าแปลกแต่ฉันเลือกที่จะแตกต่างเพื่อมิให้เจ็บปวดเพราะความรักนั่นเองจึงเลือกโฟกัสด้านการพัฒนาตนเป็นสำคัญ แม้จะมีพี่ ม.๖ เฝ้าตามจีบฉันเรื่อยมาจนจบมหาวิทยาลัย ฉันก็ปฏิเสธเขาไปแบบเด็ดขาดว่าสถานะเพียง "พี่น้อง" เท่านั้น และก่อนสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปีที่ ๖ ฉันมีเพื่อนชายคนหนึ่งสายศิลป์ภาษาถือดอกไม้ช่อใหญ่มากมามอบให้ แต่ฉันตกใจมากด้วยความที่ไม่ได้ชอบเขา (ถ้าเป็นคนที่ล็อคมงไว้ฉันจะไม่ปฏิเสธเลยค่ะท่านผู้ชมมมม ฮ่าาา) ฉันจึงวิ่งหนีเขาทันใดไม่ยอมรับช่อดอกไม้นั้นด้วยเลย ประหลาดใช่ไหมคะทุกคนผู้หญิงคนนี้ ใช่ค่ะ ฉันอาจจะ แปลก !! แปลก !! ที่ไม่ยอมรับช่อดอกไม้ ไม่ได้รักษาน้ำใจผู้มามอบให้เลย นั่นก็เพราะ!!! ฉันไม่ต้องการให้ความหวังใคร โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยชายตามอง ไม่รู้จัก หรือไม่น่าสนใจมากพอ ต่อให้จะเก่ง หล่อ เท่ รวย สักเพียงใด ถ้าไม่มีพลังงานที่ตรงกัน หรือไม่มีสายใยความทรงจำแห่งอดีตชาติก็หาได้ผูกสัมพันธ์ด้วยไม่ ฉันจึงต้องตัดไฟเสียต้นลม รีบปฏิเสธไว้แต่แรกเริ่ม วิ่งหนีเร็วพลันในทันใด  อยากบอกทุกคนว่า ฉันไม่เคยรู้สึกแปลกที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในวัย ๑๘ แม้กระทั่งตอนนี้ ฉันก็ยังกลัวความรักค่ะทุกคน เหตุก็เพราะไม่ต้องการผิดหวัง เศร้า เสียใจ และที่สำคัญไม่ชอบการจากลาเป็นที่สุด คำเหล่านี้โดนฝังหัวเรื่อยมาตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น จนปัจจุบันวัยผู้ใหญ่ ก็หาได้โฟกัสในเรื่องความรักไม่ 

       ในช่วงวัยมหาวิทยาลัย ฉันมีคนมาจีบ ๒-๓ คน ฉันก็หาได้ชอบใครไม่ สรุปไม่ยอมคุย ไม่ยอมเปิดใจกับใครสักคนที่เข้ามาจีบ จนกระทั่งอายุ ๒๑ ปี เพื่อนสนิทของฉันได้แนะนำเพื่อนของนางให้รู้จัก ฉันก็ไม่ได้ชอบเขาเลย แต่ด้วยความที่เพื่อนของเรามีแฟนกันหมดแล้ว ผนวกกับโดนเชียร์ให้ลองเปิดใจคุยกับเพื่อนของเพื่อน ฉันก็กล้า ๆ กลัว ๆ เพราะในชีวิตไม่เคยมีแฟนและไม่เคยยอมให้ใครจีบเลยแม้แต่คนเดียว แต่ผู้ชายคนนี้มีบุคลิกที่แตกต่างไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป เพราะเขาขี้เล่น กวน ๆ ซึ่งแตกต่างกับฉันมากที่ใช้ชีวิตจริงจังมาตลอดตั้งแต่สมัยเด็กจวบจนทุกวันนี้ ปรากฏว่าฉันยอมเปิดใจลองคุยกับเขา แต่เซนต์บอกตั้งแต่วันแรกที่เปิดใจพบปะพูดคุยว่า คนนี้ก็อาจจะยังน๊าาา คนนี้ยังไม่ใช่  "สายลมวูบ ลมโกรกมาโหใหญ่เข้าใส่ตัวในขณะที่เรากำลังนั่งรถไฟเหาะด้วยกัน ซึ่งเป็นวันที่พวกเราไปเล่นสวนสนุกกับบรรดาเพื่อน ๆ และด้วยความที่ฉันเป็นคุณหนูทำไม คือชอบถาม ทำไม และสงสัยไปหมดหลาย ๆ อย่างในตัวเขา อีกอย่างเขาชอบดื่ม ฉันชอบสวดมนต์ เขาชอบสังสรรค์พบปะผู้คน ส่วนฉันชอบปลีกวิเวกพัฒนาตนเองรักษาพลังงานให้สงบ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ไม่ลงตัว หาใช่เส้นทางเดียวกันไม่ ผู้ชายคนนี้จึงมิอาจชนะใจฉันได้เลย เราเพียงได้คบกันแบบเรียนรู้ศึกษาดูใจเชิงพูดคุยกัน ไปดูหนัง รับประทานอาหารตามวาระโอกาสที่สมควร เป็นระยะเวลาเพียงไม่นาน และไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบหนุ่มสาวทั่วไป ด้วยความที่ฉันเป็น "เด็กหอใน" เขาเด็ก "นอกหอ" และ "ต่างมหาวิทยาลัย" นั่นเอง จึงปิดตำนานการเปิดใจรักครั้งแรกไป เพราะดิฉันจับได้ว่า "เขากลับไปมีความสัมพันธ์กับแฟนคนเก่า แบบตัดบัวยังเหลือใย" ผู้ชายคนนี้ จึงไม่เคยอยู่ในความทรงจำของดิฉันเลยสักครั้ง แม้เขาจะอ้อมวอนร้องขอคืนดีแบบจะทำร้ายตัวเองเพื่อให้คืนดีดั่งเดิม แต่ไม่ค่ะ แม้เขาจะเป็นเช่นไร เมื่อได้นอกใจแล้วครั้ง ๑ ครั้ง ๒ ย่อมไม่มีแน่นอน ต้องขอบคุณตัวเองที่เป็นนักเจาะ นักสืบ โซเซียล ผนวกกับเซนต์ความสามารถพิเศษที่มีติดตัวแต่กำเนิด จึงรอดพ้นความโกลาหลครั้งนี้มาได้แบบ งง ๆ  

       ตัดภาพมาช่วงวัยทำงาน ตั้งแต่อายุ ๒๔ ปี จวบจนทุกวันนี้ อายุ ๓๑ ปี ฉันก็หาได้มีใครเป็นแฟนไม่ แม้ใคร ๆ ต่างทักเข้ามาทุกช่องทางออนไลน์ หรือแม้แต่เข้ามาจีบด้วยตัวเอง ฉันก็หาได้สนใจใครไม่ ด้วยความที่ไม่ชอบให้ความหวังใครหรือเพียงสแกนนิสัยจากภาพถ่ายก็สามารถรับรู้วาระจิตของบุคคลอื่นได้ (ต้องความเป็นความเป็นแม่หมอของตัวเองจริง ๆค่ะทุกคน) อีกเหตุผลนั่น คงเพราะงานอดิเรกส่วนใหญ่ของฉันคือการเข้าวัดปฏิบัติธรรม ในช่วงวัดหยุดยาวของทุก ๆ ปี และชอบรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธ์ ด้วยความที่เรามีความสามารถพิเศษติดตัวมาตั้งแต่วัย ๕ ขวบ คือการมองเห็นสิ่งที่อยู่คนละภพกับโลกมนุษย์ได้ ทั้งด้านขาวและด้านดำ จนวันหนึ่งพ่อกับแม่ได้พาไปพบพระรูปหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า "ญาถาน" ที่ครอบครัวนับถือมาแต่รุ่นย่าของย่า ท่านได้เจิมที่หน้าผากของฉันเสมือนการผนึกปิดดวงตาที่สามเอาไว้ หลังจากนั้นมา แม้จะมองไม่เห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติแล้ว ความสามารถพิเศษนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบของความฝันที่บอกกล่าวเหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น ทั้งเหตุการณ์ที่ดีและเหตุการณ์ที่ต้องเฝ้าระวัง ส่วนมากจะมาเตือนบอกกล่าวผ่านความฝัน ฉันจึงชอบสวดมนต์สมาธิมาตั้งแต่เด็กเพื่อให้ภาพฝันเหล่านั้นหายไป เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบันไม่มีคืนไหนที่จะได้นอนหลับสนิท ฉันฝันในทุก ๆ คืน ท่องในโลกแห่งความฝันทั้งที่จำได้และไม่ได้ แต่ภาพฝันไหนที่จำได้และติดตาตรึงใจ ที่ส่งผลต่อทุกความรู้สึกในฝัน มันจะเกิดขึ้นจริง แม้วันเวลาจะผ่านไปนานกว่า ๒๐ ปี ภาพฝันนั้นก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งเพียงเสี้ยววินาทีลืมตาตื่นก็เกิดขึ้นเลย ฉันเคยสงสัยตัวเองว่าเหตุใดต้องเป็นเช่นนี้ บางครั้งคิดว่าตัวเองวิตกจริตคิดมากเกินไปจึงเก็บเอาไปฝัน แต่แล้วไม่ใช่เลยเพราะฉันจดบันทึกทุกความฝันเอาไว้เรื่อยมาตั้งแต่อายุ ๑๔ ปีจวบจนปัจจุบันอายุ ๓๐ กว่า ก็ยังคงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เคยเฝ้าถามพระเกจิดัง ๆ หรือพระสายวัดป่า แม้กระทั่งฤๅษีชีพราหมณ์ ท่านก็ไม่สามารถตอบคำถามฉันได้เลย ประหนึ่งบางท่านทราบแต่มิอาจบอกเราได้ คงเพราะกลัวผิดกฎสวรรค์ ท่านบอกเพียงว่า...วันใดหากเราเพียรปฏิบัติอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ สักวันจะรับรู้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในวันนี้ฉันก็พอทราบบ้างแล้ว แต่ไม่ยึดติดอดีตชาติใดใด ทราบเพียงว่าเกิดมาเพื่อสะสมบุญสร้างบารมี ขัดเกลาตัวเองให้อยู่ในเวอร์ชันที่ดีที่สุด เพียรทำความดีละเว้นความชั่วให้มาก เมตตาและให้อภัยตัวเอง ตลอดจนเมตตาและอถัยให้คนอื่น เพียงเท่านี้เราก็จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว จะเห็นได้ว่า ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราไม่มีเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัยมาหลายภพชาติ สิ่งใดที่เกิดขึ้น...สิ่งนั้นล้วนดีเสมอ ขอเพียงมีใจมั่นคงที่จะก้าวต่อไป  

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์   ตอนที่ ๒ นี่คือความฝัน...หรือเป็นเพราะลิขิตฟ้า

    ฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดินทุกวันนี้ คือความฝันของฉันจริง ๆ หรือเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมา ฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดินนับจากนี้จะมีแต่ความสุขมากกว่าความทุกข์ที่ผ่านมา ฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดินเส้นทางนี้จะโรยด้วยดอกกุหลาบหรือเต็มไปด้วยขวากหนามให้ฝ่าฟัน และฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดิน ณ วันนี้ จะเหมาะสมกับฉันมากสักเพียงใด แต่เมื่อเลือกเดินแล้วก็ต้องเดินหน้าให้ประสบความสำเร็จให้จงได้ เพราะไม่มีอะไรที่ฉันจะทำไม่ได้ถ้ามีความตั้งใจโดยแท้จริง เว้นก็แต่ความรักที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ยังไม่เจอรักแท้ที่บริสุทธิ์เท่ารักของพ่อแม่ แต่ฉันภูมิใจที่ฉันรักตัวเองมากพอที่จะไม่ยอมให้ตัวเองได้เจ็บปวดกับความรักนาน ๆ จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก หากฉันจะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต แต่ไม่ใช่ว่าฉันเป็นพวกรักง่ายหน่ายเร็วนะ ฉันเคยมีความรัก หลังจากที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และช่วงวัยทำงาน แต่ฉันก็ยังไม่เจอรักแท้ที่มากจากจิตวิญญาณจริง ๆ สักที ฉันจึงพัก...และไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้มานานมาก บางครั้งเสมือนต

  • ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์   ตอนที่ ๑ ดั่งฝัน...ฉันใด

    โลกไม่ได้กว้างแต่ก็ไม่แคบเกินไปสำหรับการพบเจอของใครบางคน ที่เริ่มจากการพบเจอในรูปแบบของความฝัน เฝ้าคอยคิดทุกคืนวัน โยงสัมพันธ์ผ่านรูปภาพจากคนรู้จักแนะนำให้ ใจก็ยิ่งเฝ้าคิดคะนึงหา คอยเวลาสักวันให้พานพบ ภาพจึงปรากฏอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ใครเลยจะทราบว่าทุกภาพจำ ทุกความคิด ทุกจิตใต้สำนึกของความรู้สึกที่วาดฝันเอาไว้ วันหนึ่งการพบเจอกันโดยบังเอิญก็เกิดขึ้นดั่งฝัน...ฉันใด แต่ทุกเรื่องบนโลกนี้ ไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะล้วนถูกจัดสรรปันส่วนเอาไว้ตามเหตุปัจจัย ตามเส้นทางบุญทำกรรมแต่งของแต่ละบุคคล อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งล้วนเกิดจากการกระทำของเราทั้งนั้น หากเราคิดดีทำดี ก็จะได้ดี แต่ในทางกลับกัน หากเราคิดชั่วทำชั่ว ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้นด้วยตัวเองในที่สุด เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือดวงชะตา ก็มิอาจหลีกหนีพ้นกฏแห่งกรรม ฉะนั้นแล้ว การดำเนินชีวิตบนเส้นทางสายกลางย่อมปลอดภัยที่สุด ไม่ตึงจนเกิดไป และไม่หย่อนยานจนเกินควร นั่นแลดี ฉันในวัยอายุ ๓๑ ปี ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะเจอเรื่องราวปาฏิหาริย์หลาย ๆ อย่าง ที่น่าอัศจรรย์ใจหลากหลายเหตุการณ์ แต่หารู้ไม่ว่า...ทุกสิ่งที

  • ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์   อารัมภบท

    ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ทุกภาพในความฝันของฉันเริ่มเกิดขึ้นจริงในหลาย ๆ เหตุการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ใจ หารู้ไม่ว่าทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีและไม่ดีทุกภาพฝันเสมือนมาเตือน หรือบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แม้ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์บางอย่างได้ แต่บางอย่างก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงหนีไปได้เสมือนต้องชดใช้วิบาก แม้กระทั่งการเลือกเส้นทางชีวิตแม้ฉากภาพในฝันจะบอกใบ้ว่า หากเรื่องแบบนี้จะเกิดผลแบบนี้ หากเลือกแบบนั้นก็จะเกิดแบบนั้น แต่ใครเลยจะทราบว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรานั้น ล้วนเกิดจากพลังความคิดและจิตนิวรณ์ ไม่ก็เป็นเพราะบุญทำกรรมแต่งหรืออย่างไร สำคัญอยู่ที่ใจจะเข้มแข็งพอไหม จะไหวหรือเปล่า หรือทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นลิขิตฟ้า ไม่ก็สวรรค์บัญชาสวรรค์ก็อาจเป็นได้ ... เราไม่รู้หรอกว่า ชีวิตนี้จะยาวหรือสั้นสักเพียงใด สำคัญอยู่ที่ว่าเรามีเป้าหมายอะไรที่ทำเพื่อโลกใบนี้ และมวลมนุษยชาติอันเปรียบเสมือนเพื่อนพองน้องพี่ของเรา ก่อนที่จะจากลาไปแสนยาวนานหมื่นล้านปีอสงไขย ... ฉันในวัย ๓๑ ปี ชื่อ "มณีจันทรา ธารธารามัสยา" เรียกสั้น ๆ ว่า "มณี" เส้นทางชีวิตของฉันช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status