แชร์

ตอนที่ ๑ ดั่งฝัน...ฉันใด

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-20 00:59:48

              โลกไม่ได้กว้างแต่ก็ไม่แคบเกินไปสำหรับการพบเจอของใครบางคน ที่เริ่มจากการพบเจอในรูปแบบของความฝัน เฝ้าคอยคิดทุกคืนวัน โยงสัมพันธ์ผ่านรูปภาพจากคนรู้จักแนะนำให้ ใจก็ยิ่งเฝ้าคิดคะนึงหา คอยเวลาสักวันให้พานพบ ภาพจึงปรากฏอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ใครเลยจะทราบว่าทุกภาพจำ ทุกความคิด ทุกจิตใต้สำนึกของความรู้สึกที่วาดฝันเอาไว้ วันหนึ่งการพบเจอกันโดยบังเอิญก็เกิดขึ้นดั่งฝัน...ฉันใด แต่ทุกเรื่องบนโลกนี้ ไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะล้วนถูกจัดสรรปันส่วนเอาไว้ตามเหตุปัจจัย ตามเส้นทางบุญทำกรรมแต่งของแต่ละบุคคล อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งล้วนเกิดจากการกระทำของเราทั้งนั้น หากเราคิดดีทำดี ก็จะได้ดี แต่ในทางกลับกัน หากเราคิดชั่วทำชั่ว ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้นด้วยตัวเองในที่สุด เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือดวงชะตา ก็มิอาจหลีกหนีพ้นกฏแห่งกรรม ฉะนั้นแล้ว การดำเนินชีวิตบนเส้นทางสายกลางย่อมปลอดภัยที่สุด ไม่ตึงจนเกิดไป และไม่หย่อนยานจนเกินควร นั่นแลดี

              ฉันในวัยอายุ ๓๑ ปี ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะเจอเรื่องราวปาฏิหาริย์หลาย ๆ อย่าง ที่น่าอัศจรรย์ใจหลากหลายเหตุการณ์ แต่หารู้ไม่ว่า...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนแล้วแต่มีบุญที่เป็นทุนคอยหนุนนำทุกสิ่ง บุญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ทุกสิ่งอย่างและทุกความโชคดีที่เกิดขึ้นล้วนแล้วก็มาจากแต้มผลบุญและการกระทำทั้งสิ้น ฉันจึงได้รับฉายาพิเศษจากครูบาอาจารย์เสมอว่าเป็น "เทพีแห่งโชค" ด้วยความที่เราเป็นคนที่มีพรสวรรค์เฉพาะด้านมาตั้งแต่เด็ก กอรปกับมีความเพียรยืนหนึ่ง ไม่ว่าจะหยิบจับหรือทำอะไรก็ได้ขั้นสุด สูงสุด ปังปุริเย่ไปหมด ดีเลิศไปซะทุกอย่าง นั่นก็เพราะฉันได้ขับเคลื่อนทุกสิ่งที่ทำด้วยใจรักและชอบ สุขที่ได้ทำ มีความเพียรเป็นที่ตั้ง ชอบสวดมนต์และทำสมาธิเป็นกิจวัตร ฉันจึงสะกดคำว่า "แพ้" ไม่ค่อยเป็น ยกเว้นเรื่องเดียวเท่านั้นที่เทพพระเจ้า หรือสรวงสวรรค์ คงไม่ได้บัญชาประทานพรข้อนี้มาให้เลย นั่นคือ "ความรัก" ใช่ค่ะทุกคน ฉันในวัย ๓๑ ปี ยังไม่พบรักแท้จากผู้ใดเลย นอกจากรักอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูอย่างอบอุ่นตลอดมา ฉันจึงไม่ค่อยรู้สึกขาดอะไร แต่ในทางกลับกันนั้น ฉันเคยสงสัยตัวเองว่าเป็น "โรคกลัวความรัก" หรือที่ใคร ๆ อาจได้ยินคำว่า "เจ้าสาวกลัวฝน" ด้วยความที่เรานั้นกลัวการผิดหวัง กลัวการอกหัก กลัวการจากลา และกลัวเสียใจ เสมือนว่าในอดีตชาติหมื่นล้านปีแสงที่ผ่านมา คงมีปมเกี่ยวกับความรัก มีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับความรักมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณที่โดนพลัดพรากจากคนรัก จึงไม่กล้าเปิดใจคบใครเป็นแฟนจริงจังเสมือนวัยรุ่นทั่วไปก็หาไม่ ความรู้สึกนี้มันฝังรากลึกลงไปที่จิตใต้สำนึกอยู่เรื่อยมาทั้ง ๆ ที่ก็ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักเลย 

              ใช่ค่ะ ดั่งที่ทุกคนเคยได้ยินและทราบกันดีว่า "ไม่มีมนุษย์คนในบนโลกใบนี้ ที่จะมีความสมบูรณ์แบบทุกสิ่งอย่างครบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม" บางสิ่งที่เรามีเขาอาจขาด บางส่วนที่เราขาดเขาอาจมี เฉกเช่นตัวของฉันเองที่อาจจะสมหวังในพรสวรรค์ด้วยความสามารถต่าง ๆ ที่มีมาตั้งแต่กำเนิด หรือพรแสวงที่เกิดจากการฝึกฝนของตนเอง ผนวกกับได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่อยู่เสมอ แต่อาจเคว้งคว้างและโดดเดี่ยวในความรัก ก็เพราะมุ่งแต่เป้าหมายในการเรียนและการใช้ชีวิตในการทำงานเป็นหลัก จนลืมมีรักและใส่ใจใครเป็นพิเศษ แต่หากบุคคลนั้นไม่พิเศษมากพอ หรือมีความจำได้หมายรู้เรื่องราวในอดีตชาติได้บ้างพอปะปราย หรือหากบุคคลนั้นไม่เคยเห็นในความฝัน ไม่ว่าคุณจะหล่อ รวย เท่ สมาท สักเพียงใด ก็หาได้ชายตามองไม่ กล่าวคือ บุคคลใดที่ฉันจะปฏิสัมพันธ์สนทนาได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ยากยิ่งที่จะได้พานพบประสบเจอกับฉัน...อีกหนึ่งเหตุผลของความโสดจึงเป็นเช่นนี้แล 

              และแล้ววันหนึ่งเส้นทางชีวิตของฉันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น แม้ด้วยวัยยังละอ่อน ๓๐ ปีต้น ๆ ก็ตาม ด้วยความสามารถตัวเองล้วน ๆ หาได้รู้จักคนใหญ่คนโตไม่ เพราะฉันไม่ชอบที่สุดกับระบบเส้นสายอุปถัมป์ทั้งหลายที่ไม่โปร่งใส ทัศนคติของฉันจึงออกแนวไปทางยึดมั่นในอุดมการณ์ สืบสานผดุงความยุติธรรมเป็นที่หนึ่ง ฉันจึงภูมิใจตัวเองมากทุกครั้งที่ประสบผลสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง ซึ่งก่อนที่จะรับตำแหน่งนั้น ฉันได้ออกท่องโลกกว้างด้วยตัวเองเพียงคนเดียว เพื่อไปปฏิบัติธรรมที่ภาคเหนือ เป็นระยะเวลา ๒ คืน ๓ วัน ก่อนเข้าพรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ (ไม่นับวันเดินทางเพราะหากนับรวบไปกลับ ๕ วัน จากอีสานสู่เหนือ) นับว่าเป็นการเดินทางสายชิวแบบโดดเดี่ยว แต่ไม่เปลี่ยวใจ เสมือนว่ามีสิ่งศักดิ์คอยคุ้มครองปกปักษ์พิทักษ์โพยภัยตลอดทุกเส้นทาง ทุกคนเคยได้ยินคำนี้ไหมคะที่ว่า "การออกเดินทางไกล พบปะผู้คนใหม่ ๆ สถานที่ใหม่ ๆ ข้ามน้ำ ข้ามทะเล ข้ามภูเขา จะทำให้โชคชะตาของเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น" ทั้งที่เมื่อก่อนฉันไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงได้ จนวันหนึ่งเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นกับตัวเองจึง "อ๋อ" ทันที การเดินทางหลังจากนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่สำคัญอย่างยิ่ง

              ช่วงที่ขับรถเข้า "ประตูสู่ล้านนา" จังหวัดแพร่ โซนภาคเหนือ เสมือนได้ทะลุประตูมิติมาอีกโลกหนึ่งดุจในละครหลังข่าวก็ว่าได้ ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลา ๕ วัน ที่ท่องโลกกว้างอยู่เมืองเหนือ เมื่อได้สัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติของดินแดนแห่งชาวล้านนา ฉันก็ตกหลุมรักในทันใด เพราะชอบในกลิ่นอายแห่งศิลปะวัฒนธรรมล้านนาของคนชนเผ่าทางภาคเหนือ ที่ค่อนข้าง "ตะตอนหยอน" ย่อง เยื้อง ย่าง เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอ่อนช้อยสวยงาม อากัปกิริยาค่อนข้างเรียบร้อย มากด้วยถ้อยคำที่มีเสน่ห์แห่งภาษาถิ่นอันไพเราะเสนาะพริ้งระพิมพ์ใจ หลงใหลในรสคำรสความทุกถ้อยคำที่เอ่ยเอื้อนแห่งมนตรา ผนวกกับมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม พร้อมต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ราวกับว่าตัวฉันนั้นเคยได้อยู่อาศัย ณ ที่ดินแดนแห่งนี้มายาวนานนับพันปี ดุจกับเป็นบ้านเกิดเมืองนอนอีกแห่งหนึ่งที่ได้หวนกลับ แต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นการมาภาคเหนือครั้งแรกในชีวิต เหตุใดความรู้สึกที่คุ้นเคยมากเช่นนี้จึงพรั่งพรูออกมา ช่างมีความสุขเบินบานและสงบร่มเย็นใจอยู่เนือง ๆ จวบจนทุกวันนี้ฉันก็ยังเฝ้าคอยคิดหาคำตอบว่า...สักวันคงได้รับรู้ความเป็นจริง จากการนั่งสมาธิภาวนาก็เป็นได้ 

               ฉันได้พบพระรูปหนึ่ง ที่วัดในจังหวัดเชียงราย พระผู้มีแต่ให้ เป็นวัดที่มีโรงพยาบาลรักษาฟรีให้กับมนุษย์โลกทุกเชื้อชาติศาสนา เมื่อได้รับการบริจาคมาก็แจกจ่ายออกไปให้แก่ผู้คนผู้ยากไร้ ทั้งคนไทยและชนเผ่าชาติพันธ์ุ เปรียบประดุจพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา พระท่านเจ้าคุณรูปนี้จึงมากด้วยศรัทธาจากผู้คนนับหมื่นล้านอย่างหาที่สุดไม่ได้ ฉันจึงเข้าไปกราบท่านก่อนเดินทางกลับภาคอีสาน อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ทันทีที่ฉันได้ก้มกราบเสร็จเรียบร้อย ท่านได้พูดเปรย ๆ ว่า "บางคนเขาก็ออกแบบให้เป็นนักสร้างนักซ่อม (น้องผู้ชายที่เดินทางมากราบท่านพร้อมครอบครัว) แต่บางคนเขาก็ออกแบบให้เป็นนักบริหาร" จากนั้นท่านก็หันมาคุยกับฉันอย่างจริงจังว่า "ต่อไปนี้ชีวิตเธอจะเจอแต่เรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับเธอ แต่ละเรื่องจะเกี่ยวโยงเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ และจะได้พบกับใครบางคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นะ ให้ไปชดใช้วิบากรักเสียก่อนแล้วจะโชคดี" ฉันจึงอึ้ง ทึ่ง และตะลึงในคำกล่าวนั้นของท่านทั้งที่ไม่ได้พูดเอื้อนเอ่ยวาจาใดใดกับท่านเลย คำพูดท่านจึงติดอยู่ในมโนภาพและห้วงความคิดของฉันเรื่อยมาจวบจนปัจจุบัน 

               ทันทีที่กลับมาบ้านอยู่ในห้วงออกพรรษา ฉันสวดมนต์ทำวัตรเย็นและทำสมาธิทุกวันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ จากที่สุขภาพไม่ค่อยดีเข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ นอนโรงพยาบาลก็หลายหน ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คลี่คลายและดีขึ้นมาก จากคำบอกเล่าของพระนักปฏิบัติกรรมฐานคุณย่า และคุณยาย เคยบอกว่า "การทำสมาธิและสวดมนต์ภาวนา นอกจากจะช่วยให้จิตใจของเราสงบ มีสมาธิ ก็ยังเป็นบุญที่ส่งตรงถึงเจ้ากรรมนายเวรได้ดีอีกด้วย" แม้นใครจะไม่เชื่อแต่ฉันเชื่อเพราะได้พิสูจน์มาแล้ว แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่า ฉันไม่ใช่สายมูหรืองมงายเรื่องบุญบาปมากจนเกินควร เพียงแต่เป็นบุคคลที่ชอบสวดมนต์มากเป็นกิจวัตร วันไหนที่ไม่ได้สวดมนต์เสมือนการรับประทานข้าวแต่ไม่ได้ดื่มน้ำ อีกเหตุผลประการที่สำคัญคือ ฉันถือคติใช้ชีวิตวันต่อวันให้มีความสุข คราใดก็ตามที่มีความทุกข์หรือคิดมาก วิตกกังวลใด ๆ หรือแม้แต่อาจได้รับผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์มา เพียงฉันได้สวดมนต์ทำวัตรเย็นเปล่งเสียงสวดออกมาอย่างมีพลัง ตั้งจิตด้วยความนอบน้อมรำลึงถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหตุการณ์ทุกอย่างที่รับมาในทางบั่นทอนจิตใจเรื่องราวเหล่านั้นก็จะคลี่คลายและหายไปในพริบตาดั่งเสกมนต์ก็ว่าได้ ใบหน้าของฉันจึงสว่างสดใสไม่อมทุกข์แลดูเบิกบานตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเบื้องหลังทุกความสำเร็จในทุกย่างก้าวของฉัน เก่งขยันเพียงอย่างเดียวไม่ได้ต้องพึงบุญคอยหนุนนำด้วยอีกแรง ดั่งสุภาษิตจีนที่ว่า "สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบมานะตน"

               ในชีวิตของคนเรานั้น หากเส้นทางไหนไม่เป็นดั่งหวังตามความฝันที่วาดไว้ ก็จงเดินก้าวไปสู่เส้นทางใหม่ของแผนที่สอง โปรดอย่าได้จมปลักกับสิ่งใดหากโดนปิดกั้นความสามารถ ดั่งว่าค่ะ "ชีวิตของคนเราต้องมีแผนสองไว้สำรองเสมอ" จนถึงทุกวันนี้ฉันจึงต้องขอขอบคุณบุคคลเหล่านั้นที่ทำให้เลือกแผนสอง "จากเส้นทางครู ก้าวไปสู่เส้นทางนักบริหาร" ได้เติบใหญ่และเติบโตขึ้นในชีวิตราชการ แต่ก่อนสมัครสอบ ก่อบสอบ และก่อนรับตำแหน่ง ล้วนมีเหตุการณ์ที่ประหลาดใจเกิดขึ้นมากมาย ล้วนแล้วแต่เกิดจากภาพความฝันก่อนสู่เรื่องราวในชีวิตจริงเสมอ 

               

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์   ตอนที่ ๒ นี่คือความฝัน...หรือเป็นเพราะลิขิตฟ้า

    ฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดินทุกวันนี้ คือความฝันของฉันจริง ๆ หรือเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมา ฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดินนับจากนี้จะมีแต่ความสุขมากกว่าความทุกข์ที่ผ่านมา ฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดินเส้นทางนี้จะโรยด้วยดอกกุหลาบหรือเต็มไปด้วยขวากหนามให้ฝ่าฟัน และฉันไม่รู้หรอกว่า เส้นทางที่เลือกเดิน ณ วันนี้ จะเหมาะสมกับฉันมากสักเพียงใด แต่เมื่อเลือกเดินแล้วก็ต้องเดินหน้าให้ประสบความสำเร็จให้จงได้ เพราะไม่มีอะไรที่ฉันจะทำไม่ได้ถ้ามีความตั้งใจโดยแท้จริง เว้นก็แต่ความรักที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ยังไม่เจอรักแท้ที่บริสุทธิ์เท่ารักของพ่อแม่ แต่ฉันภูมิใจที่ฉันรักตัวเองมากพอที่จะไม่ยอมให้ตัวเองได้เจ็บปวดกับความรักนาน ๆ จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก หากฉันจะเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต แต่ไม่ใช่ว่าฉันเป็นพวกรักง่ายหน่ายเร็วนะ ฉันเคยมีความรัก หลังจากที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และช่วงวัยทำงาน แต่ฉันก็ยังไม่เจอรักแท้ที่มากจากจิตวิญญาณจริง ๆ สักที ฉันจึงพัก...และไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้มานานมาก บางครั้งเสมือนต

  • ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์   ตอนที่ ๑ ดั่งฝัน...ฉันใด

    โลกไม่ได้กว้างแต่ก็ไม่แคบเกินไปสำหรับการพบเจอของใครบางคน ที่เริ่มจากการพบเจอในรูปแบบของความฝัน เฝ้าคอยคิดทุกคืนวัน โยงสัมพันธ์ผ่านรูปภาพจากคนรู้จักแนะนำให้ ใจก็ยิ่งเฝ้าคิดคะนึงหา คอยเวลาสักวันให้พานพบ ภาพจึงปรากฏอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ใครเลยจะทราบว่าทุกภาพจำ ทุกความคิด ทุกจิตใต้สำนึกของความรู้สึกที่วาดฝันเอาไว้ วันหนึ่งการพบเจอกันโดยบังเอิญก็เกิดขึ้นดั่งฝัน...ฉันใด แต่ทุกเรื่องบนโลกนี้ ไม่มีเรื่องใดที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะล้วนถูกจัดสรรปันส่วนเอาไว้ตามเหตุปัจจัย ตามเส้นทางบุญทำกรรมแต่งของแต่ละบุคคล อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งล้วนเกิดจากการกระทำของเราทั้งนั้น หากเราคิดดีทำดี ก็จะได้ดี แต่ในทางกลับกัน หากเราคิดชั่วทำชั่ว ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้นด้วยตัวเองในที่สุด เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือดวงชะตา ก็มิอาจหลีกหนีพ้นกฏแห่งกรรม ฉะนั้นแล้ว การดำเนินชีวิตบนเส้นทางสายกลางย่อมปลอดภัยที่สุด ไม่ตึงจนเกิดไป และไม่หย่อนยานจนเกินควร นั่นแลดี ฉันในวัยอายุ ๓๑ ปี ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะเจอเรื่องราวปาฏิหาริย์หลาย ๆ อย่าง ที่น่าอัศจรรย์ใจหลากหลายเหตุการณ์ แต่หารู้ไม่ว่า...ทุกสิ่งที

  • ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์   อารัมภบท

    ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ทุกภาพในความฝันของฉันเริ่มเกิดขึ้นจริงในหลาย ๆ เหตุการณ์อย่างน่าอัศจรรย์ใจ หารู้ไม่ว่าทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีและไม่ดีทุกภาพฝันเสมือนมาเตือน หรือบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต แม้ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์บางอย่างได้ แต่บางอย่างก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงหนีไปได้เสมือนต้องชดใช้วิบาก แม้กระทั่งการเลือกเส้นทางชีวิตแม้ฉากภาพในฝันจะบอกใบ้ว่า หากเรื่องแบบนี้จะเกิดผลแบบนี้ หากเลือกแบบนั้นก็จะเกิดแบบนั้น แต่ใครเลยจะทราบว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรานั้น ล้วนเกิดจากพลังความคิดและจิตนิวรณ์ ไม่ก็เป็นเพราะบุญทำกรรมแต่งหรืออย่างไร สำคัญอยู่ที่ใจจะเข้มแข็งพอไหม จะไหวหรือเปล่า หรือทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นลิขิตฟ้า ไม่ก็สวรรค์บัญชาสวรรค์ก็อาจเป็นได้ ... เราไม่รู้หรอกว่า ชีวิตนี้จะยาวหรือสั้นสักเพียงใด สำคัญอยู่ที่ว่าเรามีเป้าหมายอะไรที่ทำเพื่อโลกใบนี้ และมวลมนุษยชาติอันเปรียบเสมือนเพื่อนพองน้องพี่ของเรา ก่อนที่จะจากลาไปแสนยาวนานหมื่นล้านปีอสงไขย ... ฉันในวัย ๓๑ ปี ชื่อ "มณีจันทรา ธารธารามัสยา" เรียกสั้น ๆ ว่า "มณี" เส้นทางชีวิตของฉันช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status