เมื่อเธอได้ไปพบชายปริศนาในดงพงหญ้า ก่อนจะช่วยเขาจากอาการบาดเจ็บจนมารู้ว่าเขาความจำเสื่อม ความใกล้ชิดก่อเกิดเป็นความรักและวันนึงเขาก็หายไปพร้อมทั้งทิ้งลูกน้อยในท้องเอาไว้ให้
view moreโรงแรมXXX
08.00น.
“อุ้ปป...แหวะ...”
น้ำเมยมาถึงที่ทำงานได้สักพักก็เกิดอาการเวียนหัวคลื่นไส้ขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้นทำเอาเธอวิ่งเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันเธอไม่คิดว่าอาการที่เป็นตอนที่ตื่นนอนมันจะยังไม่หาย
“โอเคไหมแก...นี่ฉันว่าวันนี้เลิกงานแล้วไปหาหมอหน่อยเถอะ”
อิงฟ้าเห็นเพื่อนสาวของเธอคลื่นไส้อาเจียนอยู่บ่อยๆเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วและดูว่าอาการมันจะหนักขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยเธอเองบอกให้น้ำเมยไปหาหมอหลายครั้งแล้วแต่หญิงสาวก็กลัวว่ามันจะเสียงานเสียเงินเสียเวลาจนเธอเห็นท่าไม่ดีแล้วยังไงวันนี้เธอก็ต้องลากเพื่อนของเธอไปให้หมอตรวจให้ได้
อิงฟ้าและน้ำเมยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆพึ่งจะมาแยกย้ายกันตอนเรียนจบ ม.6 เพราะว่าอิงฟ้าต้องมาเรียนต่ออยู่ที่กรุงเทพกับแม่ส่วนน้ำเมยหลังจากจบ ม.6 แล้วก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลยเพราะหญิงสาวเองอยู่กับยายเพียงสองคนและยายของเธอก็มีอาชีพเพียงแค่ขายขนมหวานเธอจึงไม่อยากสร้างภาระให้กับยายของเธออีกอย่างยายของน้ำเมยเองก็แก่มากแล้วหญิงสาวจึงตัดสินใจให้ยายของเธอพักแล้วเธอเองเป็นคนมาขายแทนจนวันนึงยายของน้ำเมยเสียหญิงสาวจึงเหลือตัวคนเดียว
จนอยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้าเธอได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้เธอไม่รู้ว่าเขาบาดเจ็บมาจากอะไรเพราะหลังจากที่ชายหนุ่มฟื้นเขาได้ความจำเสื่อมหญิงสาวจำต้องช่วยเหลือให้ที่พักและดูแลเขาไปก่อน
พอนานวันเข้าหญิงชายอยู่ใกล้กันทำให้ก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมาแต่ด้วยโชคชะตาที่ไม่เป็นใจกับหญิงสาวจู่ๆวันนึงชายหนุ่มก็ได้หายสาบสูญจากชีวิตของเธอไปแถมบ้านและที่ดินของเธอก็ถูกยึดจากเจ้าหนี้นอกระบบที่ยายของเธอได้เอาที่ดินไปจำนองไว้ทำให้น้ำเมยกลายเป็นคนไม่มีที่อยู่และที่ทำกิน
โชคดีที่อิงฟ้ากลับไปเที่ยวที่บ้านเกิดของเธอทำให้เจอกับน้ำเมยอิงฟ้าเห็นว่าน้ำเมยมีฝีมือในการทำขนมหวานและอีกอย่างที่ทำงานของเธอก็พึ่งจะมีเชฟขนมหวานลาออกไปอิงฟ้าจึงชวนน้ำเมยมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพมหานครเมืองใหญ่ที่จะให้ชีวิตใหม่แก่น้ำเมยได้
เมื่อน้ำเมยได้เข้ามาทำงานที่โรงแรมในฐานะเชฟขนมหวานเป็นลูกน้องในแผนกของอิงฟ้าได้ไม่นานก็ทำให้ชื่อเสียงของของหวานที่โรงแรมแห่งนี้เลื่องลือเป็นอย่างมากเหมือนเป็นซิกเนเจอร์ของโรงแรมนี้ไปเลย
ไม่ว่านักท่องเที่ยวที่ไหนมาก็ต้องมาชิมขนมหวานที่โรงแรมนี้กันทุกรายทำให้ตอนนี้ทั้งอิงฟ้าและน้ำเมยต่างก็ได้รับคำชมอย่างไม่ขาดปาก
“พวกเธอท่านประธานจะมาแล้วเตรียมตัวออกไปต้อนรับกันได้แล้วเร็วถ้าใครช้าพี่บอกไว้ก่อนว่าท่านดุมากเลยขอบอก”
นุดีหัวหน้าฝ่ายบุคคลรีบเดินมาตามพนักงานทุกคนให้ไปเตรียมตัวรอต้อนรับท่านประทานที่เข้ามาทำงานวันนี้เป็นวันแรกหลังจากที่หายไปเกือบหกเดือน
นุดีเองรู้กิตติศัพท์ของท่านประธานดีว่าเนี้ยบแค่ไหนดังนั้นเธอเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลต้องเตรียมการให้พร้อมไม่อย่างนั้นเธอจะโดนดุเอาได้
“ไหวไหมแกพี่นุดีเรียกแล้ว”
อิงฟ้าถามน้ำเมยที่ยืนหน้าซีดจนแทบไม่มีเลือดฝาด
“ไหวอยู่แก..ว่าแต่ท่านประธานเราก็เจออยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ”
น้ำเมยหันมาถามอิงฟ้าด้วยสีหน้าสงสัยเพราะเธอเองไม่เข้าใจว่าเมื่อก่อนพวกเธอยังไม่ต้องออกไปต้อนรับท่านประทานทุกวันเลยแต่ทำไมวันนี้ทุกคนกลับลุกลี้ลุกลนในการเตรียมตัวต้อนรับกันนัก
“นั่นแค่คนที่รักษาการแต่ท่านประทานคนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าเค้าหายไปไหนมาหลายเดือนแล้วแต่ฉันจะบอกให้แกรู้ไว้เลยนะว่าคุณมาคัสทั้งโหดทั้งเจ้าระเบียบมากเลยขอบอกไปเร็วแก”
อิงฟ้าพูดไปด้วยพลางเดินจูงมือน้ำเมยที่เดินหน้าซีดไปด้วยเพราะถ้าหากพวกเธอยังคงไปช้าคงจะโดนสายตาและวาทะที่เชือดเฉือนอีกเป็นแน่เพราะอิงฟ้าเคยโดนมาแล้วสมัยที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ
อิงฟ้าและน้ำเมยเดินมาถึงจุดตรงหน้าโรงแรมที่มีพนักงานแทบทุกแผนกยืนเรียงแถวกันอยู่เมื่อยืนได้ไม่นานก็มีรถตู้หรูสีดำขับมาจอกที่หน้าโรงแรมทันใดนั้นเองพนักงานทุกคนที่ตอนแรกต่างจัดระเบียบเครื่องแต่งกายและยังคุยเสียงจอกแจกจอแจกันอยู่กลับนิ่งเงียบพร้อมทั้งยืนตัวตรงพร้อมกันทั้งหมดอย่างกับมีรีโมทกดสั่ง
น้ำเมยเองเมื่อเห็นพนักงานทุกคนยืนนิ่งงันเป็นระเบียบมันทำให้เธอต้องทำตามอัตโนมัติโดยที่ไม่มีใครสั่งเธอคิดในใจว่าท่านประธานคนนี้คงจะโหดหน้าดูไม่เช่นนั้นทุกคนคงไม่มีอาการเช่นนี้
“ยินดีต้อนรับการกลับมานะคะท่านประธาน”
“ครับ”
เมื่อชายใส่สูทสีดำของแบรนด์ดังตัวสูงดูมีสง่าน่าเกรงขามลงมาจากรถได้นุดีฝ่ายบุคคลก็กล่าวคำต้อนรับโดยทันทีพนักงานทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาโค้งคำนับให้กับชายหนุ่มที่ทุกคนต่างรู้กันว่าคือท่านประธานใหญ่ของโรงแรมนี้และเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมอีกมากมายหลายแห่ง
มีเพียงน้ำเมยเท่านั้นที่ยังยืนตัวตรงอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นท่านประธานหนุ่มเธอไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองว่าชายหนุ่มที่เธอเฝ้าคอยและตามหามาตลอดตอนนี้เขาจะยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเธอ
“แอร๊...แอ้...”เด็กหญิงที่นอนกลิ้งคว่ำกลิ้งหงายอยู่ในเปลสีชมพูส่งเสียงทักทายคนมาใหม่ราวกับอยากที่จะร่วมวงสนธนาด้วย“ว่าไงจ้ะสาวน้อย...อาซื้อชุดสวยมาฝากเพียบเลยนะคะ...เราไปดูชุดสวยกันดีกว่าเนอะ”“แอร๊...อร้า..คิกๆๆ”ดาวลดาอุ้มหลานสาวของเธอออกมาจากเปลเด็กพร้อมไปนั่งที่โซฟาเล่นกันกับหลานสองคนอย่างไม่สนใจใครแล้วในตอนนี้เพราะว่าเธอคิดถึงมาก“น้องดาวท่าทางน่าจะเลี้ยงเด็กเป็นแล้วนะ...นายไม่คิดจะมีลูกบ้างเหรอ”มาคัสเห็นว่าทั้งสองแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วก็ก็ไม่ยักจะเห็นมีลูกเสียทีและเขาก็เห็นว่าดาวลดาเองก็มีความพร้อมที่จะเป็นแม่คนมากแล้วด้วย“ใครว่าไม่อยากมีล่ะแต่ยังไม่มามากกว่าฉันเองให้หมอตรวจดูแล้วนะหมอบอกว่าร่างกายของดาวยังอ่อนแอคงต้องรอให้เธอแข็งแรงอีกนิดตอนนี้ชั้นก็พยายามบำรุงเธอทุกอย่างเลย”แดเนียลตอบมาคัสไปด้วยแววตาที่เศร้าหมองแต่เขาก็ยังพยายามฝืนยิ้มเขาเองอยากจะมีลูกใจจะขาดแต่ก็ต้องดูสุขภาพภรรยาของเขาด้วยตอนนี้เขาคิดว่าถ้าภรรยาเขาแข็งแรงเมื่อไรลุกก็คงจะมาเองตอนนี้เขาก็พยายามบำรุงหญิงสาวสุดขีด“จริงสิ...น้องดาวป่วยบ่อยตั้งแต่เด็กๆแล้วยังไงฉันก็เอาใจช่วยนายนะฉันไปอาบน้ำก่อนเชิญนายตามสบาย
“เดี๋ยวพ่อจะดูฤกษ์แต่งที่เร็วที่สุดให้แล้วกันนะเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง”“ครับคุณพ่อ”“หืมม...ฤกษ์แต่ง”ดาวลดาถึงกับทำหน้างงที่จู่ๆทั้งสองดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียอย่างนั้นตอนนี้เธอรู้สึกสับสนไปหมดแล้วอันที่จริงดนัยเองก็รู้สึกโกรธมากในครั้งแรกที่รู้เรื่องแต่พอมองเรื่องราวอย่างที่เขาเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเขาถือว่าชายหนุ่มมีความรับผิดชอบและใจถึงมากเลยทีเดียวที่กล้าเข้ามาพูดต่อหน้าเขาอย่างไม่ยำเกรงและที่เขายอมยกลูกสาวสุดที่รักให้ชายหนุ่มไปง่ายๆไม่ใช่เพราะว่าทั้งคู่เสียกันไปแล้วแต่เป็นเพราะว่าเขามองออกว่าลูกสาวของเขามีความสุขและยิ้มด้วยหัวใจเมื่ออยู่กับชายหนุ่มและเขารู้ดีว่าชายหนุ่มทำเรื่องแบบนี้ไปเพราะความเข้าใจผิดและยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายอีกอย่างเขาก็พร้อมที่จะยกลูกสาวของเขาให้ก็เพราะว่าเขารู้ว่าถ้าลูกสาวของเขาแต่งงานกับชายหนุ่มไปชีวิตของเธอไม่ลำบากแน่นอนเพราะชื่อเสียงของชายหนุ่มในแวดวงธุรกิจถือว่ารู้จักกันดีในฐานะนักธุรกิจหนุ่มที่เก่งและโปรไฟล์ดีอยู่ไม่น้อยคนเป็นพ่อออย่างเขาคงไม่ต้องห่วงอะไรมาก“ร้ายนักนะพี่แดนที่ทำให้พ่อดาวใจอ่อนได้”ดาวลดาอดแซวชายหนุ่มไม่ได้ที่ไม่รู้เข้าไปคุยกับ
“ถ้าดาวเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไดอารีของเบลใช่ไหมคะ”ดาวลดาจำได้ว่าเบลลล่าจะชอบเขียนไดอารี่แทบจะทุกวันแถมยังมีหลายๆเล่มที่เป็นสีเดียวกันรูปแบบเดียวกันอีกด้วยเธอเห็นไดอารี่ในมือของชายหนุ่มมันทำให้เธอจำได้ทันทีว่าน่าจะเป็นของเพื่อนสาวเธอ“อืมม.เล่มนี้.เบลเขียนเกี่ยวกับตัวเธอและก็เพื่อนรักของเธอไว้อย่างละเอียดเลยหละ”แดเนียลกระซิบข้างหูของหญิงสาวว่ามันถูกต้องแบบที่เธอคิดและในไดอารี่ของน้องสาวของเขามันก็ทำให้เขาได้รู้เรื่องราวอะไรมากมายที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย“อืมม..ละเอียด..เลย..เหรอคะ”ดาวลดารู้สึกหน้าร้อนผ่าวถ้าในไดอารี่มันเขียนละเอียดแสดงว่าตอนนี้ชายหนุ่มก็ต้องรู้ความลับของเธอแล้วล่ะสิ“เก่งนะเราปิดพี่ได้ตั้งนาน...แถมของขวัญวันวาเลนไทน์กับวันเกิดที่ส่งมาให้พี่ทุกปีก็เป็นฝีมือเราเองสินะ”แดเนียลเองสงสัยอยู่ตั้งนานว่าใครจะรู้วันเกิดของเขานอกเสียจากคนในครอบครัววันนี้มันทำให้เขารู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใครเขายอมรับในหัวใจของหญิงสาวจริงๆที่ปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้นานอย่างนี้ นี่ถ้าเกิดว่าหญิงสาวยอมบอกความในใจกับเขาตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้เขาอาจจะขอเธอแต่งงานไปแล้วก็ได้เพราะว่าในต
“ปล่อยดาวเดี๋ยวนี้พี่แดนดาวจะกลับห้อง”ดาวลดาพยายามที่จะออกไปจากอ้อมกอดของชายหนุ่มเพราะเธอไม่ค่อยชอบสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไร“ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักได้ไหม...วันนี้พี่ไปจัดการกับคนที่มันทำร้ายเบลมา...พี่เกลียดมัน”แดเนียลรู้สึกโหยหาอ้อมกอดของหญิงสาวอย่างมากตอนนี้เขาอยากเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เอได้ฟังว่าวันนี้เขาไปเจออะไรมาและเขารู้สึกอย่างไรเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากที่จะคุยกับเธอแต่ที่เขารู้คือเขารู้สึกสบายใจเมื่อเขาได้กลับมาเห็นใบหน้าหวานๆของเธอรอเขาอยู่ที่บ้านทุกวัน“ดาวจะบอกพี่แดนเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ...ว่าการแก้แค้นมันไม่ส่งผลดีต่อฝ่ายใดเลยสักนิด”ดาวลดาถึงกับถอนหายใจในความเจ้าคิดเจ้าแค้นของชายหนุ่มเธอรู้ว่าเขาโกรธที่มีคนทำกับน้องสาวของเขาแบบนั้นอันที่จริงก็ไม่ได้เป็นเพราะคนที่ทำร้ายเบลล่าเพียงฝ่ายเดียวแต่มันรวมกับเบลล่าหาทางออกโดยที่จะจบแบบนี้อีกด้วยที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเบลล่าที่เลือกทางนี้เพราะเธอคิดว่าถ้าหากเพื่อนสาวของเธอยอมสู้อีกสักนิดเธอว่าชีวิตของเพื่อนเธอตอนนี้คงจะมีแต่รอยยิ้มแน่นอนเพราะว่าเพื่อนสาวของเธอมีคนที่รักรออยู่มากขนาดนี้คนที่รักเธอจะทำให้เธอ
“ยอมออกมาแล้วเหรอวะไอ้หมาลอบกัด”เมื่อแม็คคาเอลเห็นแดเนียลเดินออกมาจากห้องได้เขาก็ส่งเสียงด่าทอชายหนนุ่มอย่างเสียงดังเพราะตอนนี้เขาโมโหสุดขีดที่เสียรู้ให้กับแดเนียลจนได้“ฉันไม่ใช่หมา...และฉันก็ไม่เคยทำร้ายใครก่อน...เพราะแกคนเดียวที่ทำให้น้องสาวฉันต้องตาย”แดเนียลตอบกลับอันธพาลตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นเพราะเขาไม่อยากให้เขาเกิดอาการโมโหขึ้นมาเพราะเขาอาจจะพลั้งมือฆ่าคนได้เขาไม่อยากให้มือของเขาต้องแปดเปื้อนเลือดคนสกปรกอย่างแม็คคาเอล“น้องแกมันอยากโง่มาให้ฉันข่มขืนเองทำไมล่ะ”แม็คคาเอลเองยังไม่หยุดที่จะพูดยั่วโมโหอีกฝ่ายเพราะเรื่องนี้ทำให้เขานึกสะใจอยู่ไม่น้อยที่กระตุกต่อมของแดเนียลได้เขาเกลียดแดเนียลที่ทั้งเด่นและดีกว่าเขาไปเสียทุกอย่างแถมตอนนี้เขายิ่งเกลียดเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะแดเนียลทำให้เขาหมดตัวเหมือนหมาจนตรอก“หึ้ยยย...ไอ้สารเลว”ปลั้กกแดเนียลถึงขนาดฟิลขาดเมื่อแม็คคาเอลพูดถึงความเลวระยำที่ทำไว้กับน้องสาวของเขาชายหนุ่มพุ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วงและไม่มีความปราณีปลั้กก“ดีนะที่ฉลาดแล้วโง่อยู่ตั้งนาน”แม็คคาเอลเองก็ต่อยแดเนียลสวนกลับเหมือนกันแล้วก็ยังไม่พ้
“แต่ว่า...”น้ำเมยรู้ว่าเรื่องที่ชายหนุ่มพูดถึงมันคือเรื่องอะไรและเธอก็ไม่คิดจะต่อต้านเขาอีกด้วยแต่เรื่องที่เธอต้องยกมาค้านเขาก็คือตอนนี้เธอยังมีลูกน้อยอยู่ในท้องถ้าเกิดว่าเธอจะยอมตามใจชายหนุ่มมันจะเป็นผลกระทบอะไรต่อลูกในท้องหรือเปล่าเท่านั้นเอง“ไม่เป็นไรถ้าคุณกังวลเรื่องนั้นผมศึกษามาแล้วมันไม่มีผลต่อลูกของเราแน่นอน”มาคัสรู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวจะพูดคืออะไรเขาจึงแย่งเธอพูดก่อนเพราะว่าเขารู้วิธีการดีว่าต้องเซฟอย่างไรเพราะเขาพอจะปรึกษาหมอมาบ้างและเขาก็อ่านสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาเยอะแล้ว“อื้มมมม”มาคัสเห็นว่าหญิงสาวส่งยิ้มให้เขาเป็นการอนุญาตแล้วชายหนุ่มจึงไม่รีรอเขาจู่โจมไปที่ริมฝีปากของเธออย่างหิวโหยจูบที่ดูดดื่มของเขาปลุกอารมณ์ของหญิงสาวได้ดียิ่งนักจูบนี้เองที่เขาโหยหามานานวันนี้เขาได้ครอบครองมันอีกครั้งตอนนี้ในหัวใจของเขามันมีความสุขจนแทบจะล้นทะลักออกมาแล้ว“อือ...อืมมมม”มือหนาของเขาค่อยๆสอดแรกเข้าไปบีบสองเต้างามของหญิงสาวที่อวบอิ่มและมีน้ำมีนวลเพราะว่ากำลังจะเป็นแม่คนมันช่างเต็มไม้เต็มมือของเขายิ่งนักชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเลื่อนริมฝีปากมาขบเม้มดูดคลึงสองเต้างามสลับกันไปมาจนเรี
Mga Comments