ที่โต๊ะอาหารมื้อเย็น... ไท่ชินอ๋องเสร็จจากการอ่านฎีกา ก็มานั่งเคียงหลี่ชิง ไท่หวางเฟยคีบของโปรดใส่ชามให้อีกฝ่าย พลางกล่าว "ท่านอ๋อง...วันนี้อ่านฎีกาจนถึงเย็น โปรดระวังรักษาสุขภาพด้วยขอรับ" "ขอบใจมาก ชิงชิง" ไท่ชินอ๋องหยิบตะเกียบเงินบริสุทธิ์ขึ้นมาถือไว้ พลางกล่าว "ถ้าข้าขอให้เจ้าช่วยตรวจฎีกาด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร?" "มีกฏมณเฑียรบาลห้ามมิให้ฝ่ายในก้าวก่ายราชการแผ่นดินมิใช่หรือขอรับ?" หลี่ชิงถามเสียงเบา "กฏอยู่ที่คน ถ้าข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ช่วย ก็จะหลีกเลี่ยงกฏเกณฑ์นี้ได้" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าน้อยเกรงจะตัดสินความไม่เหมาะสมขอรับ" "อืม...ถ้าเช่นนั้น ในตอนแรก เจ้าอ่านแล้วบอกใจความสำคัญให้ข้าเป็นผู้ตัดสินก็ได้ และไม่กำหนดให้เจ้าต้องเข้าประชุมเช้าทุกเช้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวพลางยื่นหน้ามาหอมแก้มเปล่งปลั่ง ก็สบเข้ากับดวงตากลมแป๋วของฮ่องเต้น้อย ที่วิ่งเข้ามาเกาะตักหลี่ชิง "หลานกงกง...ฮ่องเต้เสวยหรือยัง?" ไท่ชินอ๋องส่งเสียงถาม "เสวยแล้วขอรับ ท่านอ๋อง" หลานกงกงตอบนอบน้อม "เช่นนั้น เจ้ามาเชิญ(อุ้ม)ฮ่องเต้ออกไป" ไท่ชินอ๋องสั่ง "ขอรับ" หลานกงกง
ไท่ชินอ๋องยกมือข้างหนึ่งลูบหลังร่างบอบบางอย่างปลอบโยน "ข้าคิดอยู่แล้วว่า จะอย่างไรเจ้าก็คงตัดใจไม่ขาด สักวันเจ้าต้องห่วงใยหลี่ไฉกับแม่เฒ่าหลี่ ข้าจึงให้คนจับตาดูครอบครัวนี้อยู่" "จริงหรือขอรับ?" หลี่ชิงถามน้ำเสียงยินดี "อืม" "พวกเขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?" "หลี่ไฉเป็นแต่ขุนนาง หลี่จุ้นไม่เคยลำบาก ไม่ต้องพูดถึงสตรีชราและสาวอีกสี่คน...การถูกเนรเทศที่มีตราประทับบนหน้า ทำให้พวกเขาถูกรังเกียจจากชาวบ้าน ความเป็นอยู่ย่อมลำบากยากแค้น หลี่ไฉและบุตรชายได้แต่หาของป่าล่าสัตว์ประทังชีวิต แต่ความชำนาญไม่มี ก็หาได้ไม่พอกิน" หลี่ชิงกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ "ข้าน้อยทำให้พวกเขาต้องเป็นแบบนี้" "ใช่...หากมิใช่เห็นแก่เจ้า พวกเขาคงถูกตัดคอหมดสิ้นแล้ว เพราะฝักใฝ่กับอ๋องสามต่อต้านข้า" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ หลี่ชิงเม้มปาก...จะพูดก็มิใคร่กล้าพูด "เจ้าคิดจะทำอย่างไรกับพวกเขาหรือ?" ไท่ชินอ๋องถาม "ข้าน้อย..." หลี่ชิงตัดสินใจกล่าว "คิดจะส่งเงินไปให้พวกเขาบ้างขอรับ" "เจ้าไม่แค้นพวกเขาแล้วหรือ?" "ข้าน้อยไม่แค้นแล้วขอรับ" ไท่ชินอ๋องลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเ
วันที่ 15 เดือน 8 เป็นเทศกาลชมพระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งทุกครัวเรือนจะทำขนมโก๋หลากหลายรูปแบบมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อแข่งขันกันว่า บุตรสาวบ้านใดมีฝีมือทำขนมได้สวยงามและอร่อยกว่ากัน มีการจัดซุ้มประดับประดาด้วยขนม ดอกไม้ และโคมไฟ ประชันขันแข่งกัน และเป็นการบูชาเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ด้วย เชื่อกันว่าคืนวันนี้พระจันทร์จะงดงามที่สุด ในพระราชวัง...แต่ก่อนเหล่านางในต่างจัดซุ้มแข่งขันกัน ทว่าบัดนี้วังหลังแทบจะร้าง ไท่ชินอ๋องจึงสั่งให้จัดซุ้มขนม ผลไม้ ประดับด้วยดอกไม้ต่างๆ และโคมไฟสวยงาม เพื่อเป็นการฉลองเทศกาลชมพระจันทร์ หลี่ชิงนั่งดื่มชา ชมจันทร์ กับไท่ชินอ๋องที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ มีท่านหญิงหานร่วมโต๊ะด้วย เหล่าขันทีและนางกำนัลคอยปรนนิบัติ บนโต๊ะมีขนมหลากชนิดและน้ำชาอย่างดี ฮ่องเต้น้อยวิ่งเล่นอยู่กับองค์หญิงหลิงหลิง ไปรอบๆ ซุ้ม แล้วก็วิ่งมาเกาะตักหลี่ชิง หลี่ชิงบิขนมเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนฮ่องเต้น้อย พอได้ขนมและดื่มน้ำ...ฮ่องเต้น้อยก็ออกไปวิ่งเล่นต่อ สลับกับองค์หญิงหลิงหลิงที่วิ่งมาเกาะตัก หลี่ชิงก็จัดการป้อนองค์หญิง ในขณะเดียวกัน...ไท่ชินอ๋องก็จัดการป้อนขนมป้อนน้ำชา
อากาศเริ่มเย็นลง...ไท่ชินอ๋องสั่งทำเสื้อกันหนาวขนเพียงพอน(มิ้งค์)และขนสุนัขจิ้งจอกให้แก่หลี่ชิง ท่านหญิงหาน ฮ่องเต้น้อย และองค์หญิงหลิงหลิง ขบวนขันทีกว่ายี่สิบคนถือเสื้อกันหนาวเดินแถวเข้ามาในห้องโถงพักผ่อน แล้วเข้าแถว คลี่เสื้อถือชูให้หลี่ชิงเลือก...เสื้อแต่ละตัวล้วนงดงามยิ่ง ราคานั้นแสนแพงทำให้หลี่ชิงอดคิดถึงสมัยก่อนไม่ได้...แม่ต้องเอาเศษผ้ามาเย็บต่อกันเป็นเสื้อกันหนาวให้เขา ภายในเสื้อยัดด้วยนุ่น เพื่อให้เขาอบอุ่น...หลี่ชิงเลือกเสื้อขนเพียงพอนสีขาวที่สวยที่สุดนำมาทาบตัวท่านหญิงหาน "ท่านน้า เสื้อตัวนี้เหมาะกับท่านมาก" "อาชิง" ท่านหญิงหานเอ่ยเสียงนุ่มนวล "เสื้อตัวนี้ ท่านอ๋องตั้งใจตัดให้เจ้ามิใช่หรือ?" ไท่ชินอ๋องรู้...หลี่ชิงอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่มารดา จึงเอ่ยว่า "ท่านน้ารับไว้เถอะ...ชิงชิงใส่สีอะไรก็สวยที่สุด และข้าจะให้ช่างเร่งหาขนเพียงพอนสีเงินมาทำเสื้ออีกตัวให้ชิงชิง" "จะดีหรือเจ้าคะ? ท่านอ๋อง" ท่านหญิงหานถาม "อะไรที่ทำให้ชิงชิงสุขใจ...ย่อมเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น" ไท่ชินอ๋องกล่าวยิ้มๆ ท่านหญิงหานค้อมศีรษะเล็กน้อย "ถ้าเช่นนั้น... น้าจะรับไว้"หลี่
วันที่ 12 เดือน 1..... อ๋องสี่พาอาเฟยมาถึงเมืองหลวงของแคว้นหนานหยาง มาเข้าพบไท่ชินอ๋องกับหลี่ชิงที่ตำหนักหลวง ฮ่องเต้น้อยกับองค์หญิงหลิงหลิง สนใจอาเฟยเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาเฟยสวมใส่เสื้อผ้าของแคว้นต้าเหลียวที่มีสีสันสลับกันฉูดฉาดประดับด้วยพลอยหลากสี ขนนกและกระพรวนเงินฮ่องเต้น้อยและองค์หญิงหลิงหลิงพากันดึงขนนกสีสวยจากเสื้อของอาเฟยไปคนละเส้น แล้ววิ่งหนีไป อาเฟยงุนงงกับทีท่าของเด็กๆ ทั้งสองเป็นอย่างมาก พอดีไท่ชินอ๋องกับหลี่ชิงเดินเข้ามาในห้องโถงพักผ่อนแห่งนั้น "พี่ใหญ่" "น้องสี่" อ๋องสี่กับไท่ชินอ๋องเรียกหาทักทายกัน "อาเฟย" หลี่ชิงเรียกยิ้มๆ "กุ้ยหวางเฟย...อา...ไม่ใช่...ต้องเป็นไท่หวางเฟย..." แล้วอาเฟยก็ส่ายหัว จนหมวกขนสัตว์อย่างดีสีขาวสะอาดประดับกระพรวนทองคำดังกรุ๊งกริ๊ง "ต้องเรียกว่า...เกอเกอ(พี่ชาย) ต้าโก่วไปบอกข้าเช่นนั้น" "ใช่แล้ว...เดี๋ยวนี้อาเฟยไม่ใช่บ่าวของข้า แต่เป็นคนพิเศษของอ๋องสี่ ดังนั้นเรียกข้าว่าเกอเกอก็พอ" "แต่..." อาเฟยอยากบอกว่า มันไม่คุ้นปาก หลี่ชิงก็ขัดขึ้นว่า "ไม่ต้องมีแต่" เสียงไท่ชินอ๋องก็ดังแทรก
ฮ่องเต้น้อยและองค์หญิงหลิงหลิง ถูกเหล่าขันทีที่ไท่ชินอ๋องสั่งให้ไปซื้อกระต่ายเป็นๆ มาหลายตัวตั้งแต่เมื่อวาน พอเช้าวันนี้ก็เอากระต่ายมาหลอกล่อฮ่องเต้น้อยและองค์หญิงหลิงหลิงให้ไปวิ่งเล่นตามจับกระต่าย โดยมีท่านหญิงหานและหลานกงกงคอยดูแลอยู่ เพื่อไม่ให้เด็กน้อยทั้งสองมาขัดจังหวะการจัดการเรื่องราวของอ๋องสี่กับอาเฟย ไท่ชินอ๋องแยกตัวอ๋องสี่ไป ปล่อยให้อาเฟยปรับทุกข์กับหลี่ชิงตามลำพัง "เกิดอะไรขึ้น?" หลี่ชิงถามเสียงอ่อนโยน "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน" อาเฟยตอบเสียงอ่อยๆ... เวลานี้อาเฟยแต่งตัวด้วยชุดผ้าไหมสีฟ้าครามอย่างคุณชายผู้ดีทับด้วยเสื้อกันหนาวขนสุนัขจิ้งจอกเงินยิ่งทำให้ดูน่าทะนุถนอม "เมื่อคืนอยู่ๆ ข้าก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่กับท่านอ๋องสี่ เสื้อผ้าไม่ได้สวมทั้งคู่ แล้ว...แล้ว...ท่านอ๋องสี่ก็บอกว่า ข้าได้เขาแล้ว" อาเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวต่อ "ข้าไม่รู้ว่า...ข้าไปได้เขาตอนไหน และได้อย่างไร? เกอเกอ...ตอนท่านได้ไท่ชินอ๋อง มันเป็นอย่างไร?" ทำเอาหลี่ชิงอึ้ง ต้องเค้นสมองคิดหาคำตอบแทบแย่ "มันก็คงคล้ายๆ กับที่เจ้ารู้สึกนั่นแหละ" อาเฟยยกมือเกาท้ายทอย "แบบ...
เสียงเอะอะว่า...คนตีกัน...แล้วผู้คนก็พากันไปมุงอยู่จุดหนึ่ง ไท่ชินอ๋องดูแลหลี่ชิง ส่วนอ๋องสี่ปกป้องอาเฟย พากันแหวกผู้คนที่มุงอยู่เข้าไปชมดูบ้าง...ก็เห็นอดีตเหมยอี๋เหนียงเหมยอิงเถากำลังซ้อมบุรุษผู้หนึ่งเสียจนสะบักสะบอม "เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือหรือ? ถึงกล้ามาลวนลามน้องสาวข้า" เหมยอิงเถากระชากคอเสื้อ ส่งเสียงถามบุรุษผู้นั้นที่ถูกซ้อมจนตาเขียวแก้มปูดบวมอย่างดุดัน "ไม่กล้าแล้วขอรับแม่นาง ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ" เขาส่งเสียงอ้อนวอนขอร้องอย่างนางสงสาร "ปล่อยเขาไปเถอะ เจี่ยเจีย" อดีตหยวนอี๋เหนียงหยวนเจียวเจียวกล่าวกับเหมยอิงเถาอย่างอ่อนหวาน "เห็นแก่น้องสาวข้าไม่ถือโทษเจ้า...รีบไสหัวไปซะ" เหมยอิงเถาผลักบุรุษผู้นั้นออกไป อีกฝ่ายก็รีบวิ่งหนีหายไปท่ามกลางฝูงชนอย่างอับอายแล้วสองสาว...เหมยอิงเถากับหยวนเจียวเจียวก็คลอเคลียกันอย่างสนิทสนมเดินจากไป "สตรีนางนี้สวยงามก็จริง แต่ดุร้ายเช่นนี้ ผู้ใดได้เป็นภรรยาคงต้องช้ำในตายแน่ๆ" เสียงชาวบ้านวิจารณ์ตามหลัง ไท่ชินอ๋องได้ยินแล้วได้แต่ส่ายหน้า... พอพากันเดินเที่ยวจนพอใจ...ไท่ชินอ๋อง อ๋องสี่ หลี่ชิง และอาเฟย ก็พากันขึ้
หลังพิธีอภิเษกสมรสของอ๋องสี่และพระชายาอาเฟยสิบห้าวัน...ไท่ชินอ๋องก็ลาท่านข่านอาปาแห่งต้าเหลียว พาไท่หวางเฟยหลี่ชิง อ๋องสี่เฉินชง พระชายาสองแผ่นดินอาเฟย และคณะทูต เดินทางกลับแคว้นหนานหยางวันจะออกเดินทางกลับนั้น...องค์ชายเทียนเป่าเข้ามากล่าวอำลากับอาเฟยว่า "อาเฟย เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ ถ้าหากอ๋องสี่รังแกเจ้า ให้รีบส่งคนมาบอกข้า ข้าจะจัดการเขาให้เอง"อาเฟยได้แต่พยักหน้ารับ"ส่วนม้ากับแกะและเหลาน้ำชาของเจ้า ข้าจะช่วยดูแลแทนเจ้าให้เป็นอย่างดี""ขอบคุณขอรับ" อาเฟยพึมพำองค์ชายเทียนเป่าทำตาแดงๆ "อาเฟย...แม้ความรักของพวกเราจะไม่สมหวัง เพราะสวรรค์ริษยา แต่ข้าจะดีกับเจ้าตลอดไป" แล้วจับมืออาเฟยบีบแน่นอ๋องสี่มองแล้ว ได้แต่ส่ายหน้า...เมื่อคณะของไท่ชินอ๋องเดินทางกลับถึงหนานหยาง... จวนของอ๋องสี่ที่ทำการปรับปรุงก็ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่...ไท่ชินอ๋องเสนอให้อ๋องสี่กับพระชายาอาเฟยเข้ามาอยู่ในพระราชวังด้วยกันเพราะ..."พระชายาอาเฟยจะได้เรียนหนังสือ ส่วนเจ้าก็จะได้ช่วยงานข้า ในตำแหน่งมหาเสนาบดี" ไท่ชินอ๋องกล่าวถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำ"ตำแหน่งมหาเสนาบดี?" อ๋องสี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "เช่นนั้น...ตาเฒ่าไห
"ดังนั้น...ข้ามีทางเลือกสามทาง คือ...หนึ่ง ปฏิเสธองค์ชายสาม สองรับองค์ชายสามเอาไว้ แล้วจะจัดการอย่างไรค่อยว่ากันอีกที อาจจะนำไปขังไว้ในคุก หรือกักบริเวณไว้ที่เรือนแห่งใดแห่งหนึ่ง" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงเรียบๆ "แต่ข้าเลือกวิธีที่สาม ส่งเขากลับไปเป็นหอกทิ่มแทงองค์ชายใหญ่หลี่เผิง และใช้โอกาสนี้กวาดล้างตระกูลเฉาที่หนีเล็ดลอดไปภักดีต่อซีเป่ยด้วย" "ท่านอ๋องมั่นใจหรือว่าองค์ชายสามอ้ายหยางจะกลับซีเป่ยไปกำจัดเฉาฮั่น?" หลี่ชิงถาม "ยิ่งกว่ามั่นใจเสียอีก...เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว เฉาฮั่นสนับสนุนองค์ชายใหญ่ ช่วยวางแผนการกำจัดองค์ชายสาม เมื่อองค์ชายสามสามารถกลับไปยังซีเป่ย ก็ต้องจัดการกับเฉาฮั่นและครอบครัวเป็นอันดับแรก" หลี่ชิงพยักหน้าเห็นด้วย "แต่นั่น...องค์ชายสามจะต้องกลับให้ถึงเมืองหลวงของแคว้นซีเป่ยเสียก่อน" "ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ หมายความว่าองค์ชายสามอาจจะกลับไปไม่ถึงเมืองหลวงของแคว้นตนเองหรือ?" หลี่ชิงเอ่ยถาม ไท่ชินอ๋องไม่ได้ตอบในทันที แต่ดึงร่างบอบบางไปกอดเอาไว้ แล้วย้อนถามว่า "ถ้าเจ้าเป็นองค์ชายใหญ่ เจ้าจะทำอย่างไร หากคนของตนในคณะทูตส่งข่าวว่า องค์ชายสามกำลังจ
องค์ชายสามอ้ายหยางหน้าเปลี่ยนสี"พระบิดาและพี่ชายของเจ้ามั่นใจมากหรือว่าเจ้าจะครอบครองหนานหยางได้สำเร็จ?" ไท่ชินอ๋องกล่าวชัดถ้อยชัดคำ "ท่านอ๋อง...ท่านกล่าวอันใด ข้าน้อยมิรู้เรื่อง" องค์ชายสามอ้ายหยางยังพยายามจะปฏิเสธ "องค์ชาย..." ไท่ชินอ๋องเรียกเสียงหนักๆ "มีสารลับจากซีเป่ยถึงข้า บอกว่า...กวางตัวงามมาถึงปาก เคี้ยวเล่นสักเดือนสองเดือนแล้วฆ่าทิ้ง ก็ไม่เป็นที่ผิดสังเกตอะไร....เจ้าลองคิดดู ถ้าข้ารับเจ้าเป็นพระชายา เล่นสนุกสักเดือนสองเดือน แล้วประกาศว่าเจ้าป่วยตาย...พระบิดาและพี่ชายของเจ้าจะยกทัพมาแก้แค้นให้เจ้าหรือไม่?" องค์ชายสามอ้ายหยางขบริมฝีปากจนเลือดซิบ "การตายของเจ้า...พระบิดาของเจ้าอาจจะเสียใจอยู่บ้าง แต่รับรองว่าไม่มากพอที่จะยกทัพมาล้างแค้นให้กับเจ้า...ส่วนพี่ชายของเจ้านั้น เขาคงโล่งใจจนอยากจะหัวเราะเสียงดังๆ เสียด้วยซ้ำ" "ความหมายของท่านอ๋องคือ...?" องค์ชายสามอ้ายหยางเอ่ยถามเสียงเบา "อะไรที่ไม่ใช่ของเจ้า อย่าตะเกียกตะกายให้ลำบากเลย...ส่วนอะไรที่สมควรเป็นของเจ้า ไยจึงไม่ไขว่คว้า...เจ้าทิ้งซีเป่ยมาคว้าหนานหยางมิเป็นการทิ้งของในกำมือไปไขว่คว้าเงาหรอกหรื
เช้าวันรุ่งขึ้น...คณะทูตเข้าพบไท่ชินอ๋องที่ท้องพระโรงอีกครั้ง ท่านทูตน้อมคำนับแล้วกล่าวว่า "เพื่อเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีอันดีงามระหว่างแคว้นซีเป่ยกับแคว้นหนานหยาง...ทางซีเป่ยจึงขอมอบองค์ชายสามอ้ายหยางให้เป็นพระชายาของไท่ชินอ๋อง หวังว่าไท่ชินอ๋องและไท่หวางเฟยจะยินดีต้อนรับองค์ชายแห่งซีเป่ยขอรับ" หลี่ชิงนึกไม่ถึงว่า...อีกฝ่ายจะเล่นไม้นี้ พอชิงตำแหน่งไท่หวางเฟยไม่ได้ ก็ยอมเป็นน้อยเพื่อเข้ามาอยู่วงใน...เจตนาไม่ดีชัดๆ แต่เขาอยู่ในฐานะที่พูดอะไรก็มีแต่เสีย...เพราะทุกคนจะลงความเห็นเป็นว่า เขาใจแคบหึงหวง ไม่สมกับเป็นไท่หวางเฟย! ทว่าเขามั่นใจว่า...ไท่ชินอ๋องก็ต้องดูออกเช่นกัน ...จึงลอบชำเลืองมองผู้เป็นสามี ไท่ชินอ๋องมีสีหน้ายิ้มแย้ม ตอบว่า"เรื่องนี้มิใช่เรื่องใหญ่อันใด...เพียงแต่ข้าต้องการจะสนทนากับองค์ชายสามอ้ายหยางตามลำพังสักครู่หนึ่ง ขอให้ทุกท่านรออยู่ที่นี้" ว่าแล้ว...ไท่ชินอ๋องก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินมาจูงมือหลี่ชิงไปด้วย ทั้งสามเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว "ไท่ชินอ๋องมิใช่ว่าจะสนทนากับข้าน้อยตามลำพังหรอกหรือ?" องค์ชายสามอ้ายหยางกล่าวถาม พลาง
หลังจากองค์ชายสามอ้ายหยางกับท่านทูตจากแคว้นซีเป่ยแยกไปแล้ว...ไท่ชินอ๋องก็พาทุกคนกลับพระราชวังแล้วไท่ชินอ๋องได้พาหลี่ชิงไปยังห้องทำงานสำคัญที่แยกต่างหากจากห้องทำงานที่ใช้พิจารณาฎีกา ห้องนี้หลี่ชิงเพิ่งจะได้เข้ามาเป็นครั้งแรก อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ห้องตกแต่งเรียบหรูด้วยโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีเก้าอี้ตัวใหญ่ตั้งอยู่หลังโต๊ะ ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่นั่งของไท่ชินอ๋องพอหลี่ชิงถูกจูงมือเข้ามาด้วย...ราชองครักษ์ก็จัดแจงยกเก้าอี้ที่มีพนักและเท้าแขนมาตั้งข้างๆ เก้าอี้ของไท่ชินอ๋องให้หลี่ชิงนั่ง และยกอีกตัวมาให้อ๋องสี่นั่ง เมื่อทั้งสามคนสำคัญนั่งลงเรียบร้อย...หวังกงกงก็ประสานมือน้อมคำนับ "คารวะไท่ชินอ๋อง ไท่หวางเฟย และท่านอ๋องสี่" "ไม่ต้องมากพิธี" ไท่ชินอ๋องเอ่ย "หวังเสียงได้ความว่าอย่างไร เล่ามาซิ" "ขอรับ" หวังกงกงรับคำ แล้วรายงานว่า "เรื่องที่องค์ชายสามอ้ายหยางมาที่แคว้นหนานหยางมีเบื้องหลังเกิดจากคนขายชาติขอรับ คนผู้นั้นก็คือเฉาฮั่นน้องชายของเฉาฮั่ว และเป็นอาของเฉาฉุน...เฉาฮั่นพาครอบครัวตระกูลเฉาที่เหลือไปอยู่ที่ซีเป่ย เขามีสหายอยู่ที่นั่น สหายของเขาเป็นขุนนางยศสูงพอส
หลังจากกินอาหารเสร็จ...ไท่ชินอ๋องก็เอ่ยชวนหลี่ชิงว่า "ชิงชิง...เดี๋ยวพวกเราไปเดินเที่ยวเล่นชมตลาดกันดีกว่า" "ขอรับ" หลี่ชิงรับคำเบาๆ "เชิญองค์ชายสามและท่านทูตด้วย" ไท่ชินอ๋องออกปากชวนผู้เป็นแขกบ้านแขกเมือง องค์ชายสามอ้ายหยางเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจในตัวไท่ชินอ๋องนัก ว่าจะเล่นงานอะไรเขาอีก จึงปฏิเสธว่า "ข้าน้อยมิชอบผู้คนเบียดเสียด ขอตัวกลับที่พักก่อนขอรับ" "เจ้ามิใช่บอกว่าชอบศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมของหนานหยางหรอกหรือ?" ไท่ชินอ๋องกล่าว "ข้าจึงใคร่จะทำหน้าที่เจ้าบ้านพาเจ้าและท่านทูตชมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านชาวเมืองของหนานหยางที่แท้จริง มิใช่อ่านเพียงในตำหรับตำรา" ทำให้องค์ชายสามอ้ายหยางไม่อาจหลีกเลี่ยง "เช่นนั้น...ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง" "มิใช่คำสั่งแต่เป็นคำเชิญ" ไท่ชินอ๋องแก้ แล้วจูงมือหลี่ชิงเดินออกจากเหลาสุราไปยังจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งคึกคักด้วยผู้คนและร้านรวงตลอดจนแผงค้าขาย โดยมีท่านทูต และองค์ชายสามจากซีเป่ย อ๋องสี่และพระชายาอาเฟย ติดตามมาด้วย ราชองครักษ์และทหารรักษาความปลอดภัยปะปนอยู่ในฝูงชน โดยไม่ได้ขับไล่หรือรบกวนกิจกรรมของชาวบ้านแต่อย่างไร เพร
องค์ชายสามอ้ายหยางรู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง...ให้เขาแข่งม้ากับเด็กจูงม้านะหรือ? ชนะก็ไม่ได้เกียรติอันใด แต่ถ้าแพ้จะต้องอับอายขายหน้าแน่ๆ ยิ่งกว่านั้น...เขาไม่มีวันแข่งขันกันคนชั้นต่ำแบบนั้นหรอก! จึงลงจากม้าแล้วเดินเข้าไปยังพลับพลา ค้อมศีรษะให้แก่ไท่ชินอ๋อง "น้อมเรียนไท่ชินอ๋อง หากไท่หวางเฟยหลี่ชิงไม่สะดวกที่จะร่วมสนุกกับข้าน้อย ข้าน้อยก็ไม่สนใจจะร่วมแข่งขันกับผู้อื่นขอรับ" "น่าเสียดาย มาถึงสนามม้าทั้งที ถ้ามิได้ดูการแข่งม้าก็เสียรสชาติยิ่ง" ไท่ชินอ๋องกล่าว และสั่งราชองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า "สั่งลงไป...ให้จัดเด็กฝึกหัดเลี้ยงม้า มาแข่งขันกันให้ชมดูหน่อย" "ขอรับ" ราชองครักษ์น้อมรับคำ แล้วไปปฏิบัติ ส่วนองค์ชายสามอ้ายหยางนั้นกลับไปนั่งที่ของตน ซึ่งอยู่ในพลับพลาเดียวกันไม่ห่างนักเพียงครู่เดียว...เด็กอายุสิบสองสิบสามจำนวนสิบห้าคนต่างขี่ม้าตัวใหญ่ให้เดินเรียงแถวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ แล้วเริ่มแสดงการขี่ม้าแบบต่างๆ อย่างโลดโผน "ชิงชิง...เจ้าดูเด็กพวกนี้สิ มีผู้ใดบ้างที่ขี่ม้าด้อยกว่าองค์ชายสาม?" ไท่ชินอ๋องกระซิบถามหลี่ชิงที่เขาโอบกอดไม่ปล่อย "หากเ
พอเสียงปรบมือซาลง...องค์ชายสามอ้ายหยางก็ค้อมคำนับให้แก่ไท่ชินอ๋อง แล้วกล่าว "ข้าน้อยด้อยฝีมือทางอักษรศาสตร์ ทำขายหน้าต่อหน้าไท่ชินอ๋องแล้ว" พระชายาอาเฟยได้ยินได้แต่ขบฟัน...เจ้าเสมอกับเกอเกอของข้า เจ้าบอกว่าขายหน้า อย่างนี้ก็หมายความว่า เกอเกอของข้าก็ต้องขายหน้าด้วยนะสิ...ข้าโมโหยิ่งนัก อยากเอาฝุ่นสกปรกริมทางเดินมาใส่ในน้ำชาให้เจ้ากินยิ่งนัก! "อาเฟย...สายตาประสงค์ร้ายของเจ้าโจ่งแจ้งมากเกินไป" อ๋องสี่กระซิบบอกพระชายาของตน "เก็บอาการหน่อย" "ช่างข้า" พระชายาอาเฟยเสียงสะบัด "ไม่สนับสนุนข้าก็เฉยไปเลย ไม่ต้องมาซ้ำเติมข้า... จะอย่างไร องค์ชายเทียนเป่าก็เข้าใจข้ามากที่สุด" ก็เจ้าทั้งสองคนมันเด็กเมื่อวานซืนเหมือนกันนี่...อ๋องสี่คิดในใจ องค์ชายสามอ้ายหยางคลี่ยิ้มเย้ายวนใจแล้วกล่าวต่อ "แต่ข้าน้อยยังใคร่ขอโอกาสขอการชี้แนะทางดนตรีจากไท่หวางเฟยหลี่ชิงสักครั้ง" แล้วหันไปทางไท่หวางเฟยหลี่ชิงพลางค้อมศีรษะให้ "หวังว่าไท่หวางเฟยจะไม่ปฏิเสธเรื่องเล็กน้อยนี้นะขอรับ" "ชิงชิง...ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ" ไท่ชินอ๋องเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ ทว่าหนักแน่นหลี่ชิงมอง
องค์ชายสามอ้ายหยางเม้มปากนิดหนึ่ง แล้วหันมายิ้มให้แก่ไท่หวางเฟยหลี่ชิงอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะน้อมคำนับแล้วกล่าวว่า "ข้าได้ยินกิตติศัพท์อันโด่งดังของไท่หวางเฟยหลี่ชิงว่า...มีความสามารถจนได้รับการยกเว้นจากกฎมนเทียรบาลที่ห้ามมิให้ฝ่ายในเกี่ยวข้องกับราชกิจ ไท่หวางเฟยจึงสามารถช่วยไท่ชินอ๋องอ่านฎีกาได้ ความรู้ความสามารถของไท่หวางเฟยย่อมต้องมีมากล้น ข้าขอบังอาจขอศึกษาจากท่านสักเล็กน้อย เพราะข้านั้นมีความรักในภาษาและวัฒนธรรมของหนานหยางยิ่งนัก หากได้รับการชี้แนะจากไท่หวางเฟยบ้าง นับว่าเป็นวาสนาของข้ายิ่งนัก""องค์ชายกล่าวยกย่องเกินไป" หลี่ชิงได้แต่ตอบตามแบบแผน เพราะอีกฝ่ายไล่ต้อนด้วยคำพูดที่ฟังดูอ่อนหวาน ทว่าเคลือบอาบด้วยยาพิษ "ความรู้ของข้ามีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น""ข้าเองก็มีความรู้เพียงหางอึ่ง...แต่ใคร่ขอแลกเปลี่ยนความรู้กับท่าน หวังว่าท่านจะให้เกียรติ" องค์ชายสามอ้ายหยางยังคงยืนกราน"เช่นนั้น...นับถือมิสู้ทำตาม" หลี่ชิงจำต้องรับปากในที่สุดเจ้ากรมพิธีการเห็นไท่ชินอ๋องมิได้คัดค้านอันใด ก็สั่งให้ยกโต๊ะเก้าอี้และกระดาษพร้อมเครื่องเขียนมาให้ไท่หวางเฟยหลี่ชิงกับองค์ชายสามอ้ายหยางคนละชุดอาเฟยเอียงต
ที่ท้องพระโรง...ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไท่ชินอ๋อง ไท่หวางเฟยหลี่ชิง มหาเสนาบดีอ๋องสี่ และพระชายาอาเฟย ล้วนนั่งประจำตำแหน่งเพื่อต้อนรับคณะทูตจากแคว้นซีเป่ย เพียงแต่ฮ่องเต้น้อยมิได้เสด็จเนื่องเพราะเมื่อวานอากาศร้อน ฮ่องเต้น้อยจึงทรงเล่นน้ำนานไปหน่อย เมื่อเช้าก็เลยพระวรกายร้อน มีไข้เล็กน้อยไท่ชินอ๋องสั่งให้หมอหลวงมาดูพระอาการ แล้วให้หลานกงกงดูแลฮ่องเต้น้อยพักผ่อน และสั่งเด็ดขาด...ห้ามซนเล่นน้ำอย่างเมื่อวานอีก!ดังนั้น...ฮ่องเต้น้อยจึงมิได้ออกนั่งบัลลังก์ว่าราชการคณะทูตแคว้นซีเป่ยนำเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่แคว้นหนานหยางตามธรรมเนียม เพราะเมื่อเจ็ดปีก่อนไท่ชินอ๋องได้กรีฑาทัพไปปราบแคว้นซีเป่ย และปราบสำเร็จเมื่อสี่ปีที่แล้ว นับจากนั้นแคว้นซีเป่ยก็ส่งบรรณาการมาให้แก่แคว้นหนานหยางเป็นประจำทุกปีแต่ปีนี้พิเศษ...เพราะคณะทูตที่คุมเครื่องบรรณาการมาด้วยเป็นคณะใหญ่เต็มยศ"ข้าในนามของแคว้นหนานหยางยินดีต้อนรับคณะทูตจากแคว้นซีเป่ย" ไท่ชินอ๋องกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ"พวกข้าน้อยในนามของคณะทูตจากแคว้นซีเป่ยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง" หัวหน้าคณะทูตน้อมคำนับพลางกล่าว "ปีนี้นอกจากของบรรณาการตามธรรมเนี