หญิงสาวจ้องมองแดเนียลเนิ่นนานก่อนที่น้ำหยดเล็ก ๆ จะถั่งไหลออกมาจากหางตา
“แดน...ทีนี้คุณคงได้คำตอบเกี่ยวกับตัวฉันแล้วซีนะคะ” เสียงนั้นยังคงแห้งโหยและฉุดความรู้สึกบางอย่างของคนฟังให้ดิ่งลงต่ำ ร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ สวมเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าสะท้อนลมหายใจผ่านมัดกล้ามเคร่งเครียดบนอกกว้างราวกับเขาเองก็ยังคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป ชายหนุ่มถอนใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงช้าเนิบ
“ผมคิดว่าผมรู้จักคุณ...ออโซลย่า คุณเป็นสายลับที่มีวิชาป้องกันตัวเพียงแค่พื้นฐาน และคุณก็ไม่ชอบกีฬาปีนผาแบบดีพ วอเตอร์โซโล”
หญิงสาวยิ้มขื่นและตอบกลับไป “คุณคงเห็นแล้วสินะคะว่าฉันน่ะ...กลัวความสูงยิ่งกว่าอะไร”
ร่างอรชรเผยความรู้สึกก่อนทรงตัวที่ยังหนักอึ้งลุกขึ้นนั่ง เสื้อเชิ้ตและกางเกงเกรอะกรังด้วยเม็ดทรายยังมีรอยชื้นด้านหลัง กลิ่นไอน้ำทะเลอวลไอรอบผิวกายสาวทำให้นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มรู้สึกว่าเธอดูเย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาติ
“นอกจากความสูงคุณยังกลัวอะไรอีกบ้าง แต่คงไม่ใช่การบุกเดี่ยวเข้าไปในคฤหาสน์ไพรซ์อย่างกล้าหาญแน่...ซอนญ่า”
“ฉันทำตามหน้าที่ค่ะแดน...มันไม่ได้เกี่ยวกับความกลัวของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณควบคุมตัวเองได้ยังไง ในเมื่อการโจรกรรมข้อมูลมันสุ่มเสี่ยงกับความตายมากกว่าการกระโดดหน้าผาเสียอีก!”
แดเนียลดึงมือเรียวขึ้นมากุมไว้แน่น น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนเป็นดุดันและยิ่งทำให้หญิงสาวเริ่มหวั่นกลัวขึ้นมาอีก
“แดเนียล...จริง ๆ แล้วตอนอยู่บนหน้าผานั่นคุณอาจผลักฉันให้ตกลงมา...แค่คนเดียว ไม่จำเป็นเลยที่คุณจะมาเล่นเกมวัดใจกับคนที่...ถึงยังไงเขาก็ตอบโต้คุณไม่ได้อยู่แล้ว”
“เพราะผมรู้ว่าคุณทำอะไรผมไม่ได้ แต่ผมแค่อยากแน่ใจ...” ร่างสูงดึงหญิงสาวเข้ามาชิดและก้มหน้าลงไปใกล้ ๆ “ว่าออโซลย่าไม่ได้เป็นมือหนึ่งของไซออนเนตอย่างที่ใคร ๆ คิด”
“ฉันสู้ใครไม่เป็น! พอใจหรือยังคะแดน ในเมื่อคุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉันแล้วก็ปล่อยเถอะค่ะ”
“แต่คุณเคยบอกผมว่าคุณเคยฆ่าคน”
“ฉันทำไม่สำเร็จ!” อลินทิราโพล่งออกมาอย่างลืมตัว เธอกำลังพูดถึงนักฆ่าที่กลับมาหา บอส เมื่อคืนนี้ ซึ่งพอนึกได้อีกทีหญิงสาวก็รับกลบเกลื่อนด้วยการบิดข้อมือจากมือแกร่งทว่าก็ไม่เป็นผล
“คุณกำลังจะบอกอะไรผม ซอนญ่า” ชายหนุ่มถามก่อนรั้งเอวบางจนร่างอ้อนแอ้นชิดอยู่กับอกกว้าง ใบหน้าคมคายอยู่ใกล้แค่คืบและหายใจแรงจนหญิงสาวอึดอัดแทบระเบิด
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะ แดน...ฉันก็แค่ไม่เคยฆ่าใคร ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าเขาจะตายจริง ๆ “
“แล้วถ้าเกิดคนคนนั้นที่คุณฆ่ารอดไปได้...มันจะเป็นยังไง?”
จารชนสาวหยุดชะงักและสบนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงซึ่งกำลังรอคอยคำตอบ
“เขาก็คง...กลับมาตามหาฉัน เพื่อล้างแค้นกระมังคะ” อลินทิราทอดน้ำเสียงแผ่วเบาลงจนเกือบเป็นกระซิบ มีบางอย่างบอกแดเนียลว่าเธอไม่ได้โกหกและความจริงนั้นกลับกลายเป็นสิ่งบั่นทอนความตั้งใจของเขา
ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงห้วงนาทีที่พุ่งลงจากหน้าผา เขากอดเธอไว้แน่นด้วยความหวงแหนที่แล่นปรี่จากส่วนลึก เขารู้วิธีที่จะป้องกันตัวเองเวลากระโดดลงจากผาสูงและรู้วิธีที่จะทำให้หญิงสาวได้รับการกระแทกน้อยที่สุด แต่ทำไมเขาต้องปกป้องเธอ...สายลับที่ขโมยข้อมูลของเขาไปและหน่วงเวลาให้เนิ่นช้าออกไปเรื่อย ๆ
“แล้วคุณจะทำยังไง” เขาตัดสินใจถามต่อทั้งแววตาอ่อนแสงลงขณะตระกองกอดร่างบางไว้ไม่ยอมปล่อย อลินทิรายิ้มราวจะเยาะหยันตัวเอง
“แดเนียล...คุณก็รู้นี่คะว่าฉันเป็นสายลับ งานของฉันคือทำตามคำสั่งของไซออนเนต คุณเองเคยบอกฉันไม่ใช่หรือคะว่าถ้าฉันทำงานนี้ก็แสดงว่าฉันยินดีที่จะยอมรับความสูญเสีย แดนคะ...คุณพูดถูกอย่างที่สุด ในเมื่อฉันพร้อมที่จะทำงานอยู่นอกกรอบของกฎหมาย นั่นก็หมายความว่าฉันยินดีที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้เช่นกัน”
“ซอนญ่า... ถ้าอย่างนั้นผมเดาถูกหรือเปล่าว่าคุณไม่ได้ทำงานแค่การโจรกรรมข้อมูลให้ไซออนเนต”
สายลับสาวเงียบไปอีกชั่วอึดใจขณะชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาใกล้มากขึ้น
“ค่ะ...แดน...ฉันมีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการเป็นแฮ็คเกอร์”
อลินทิรากล่าวออกมาในที่สุด ทว่าแดเนียลไม่ยอมพูดต่อนอกจากแนบเรียวปากลงบนกลีบปากแห้งสีซีดและแทรกลิ้นหนาผ่านรอยแยกที่เผยอรับราวจะดูดซับความเป็นเธอไว้กับตัวเขา แสงสีเงินยวงละมุนทาบทาลงบนผืนน้ำสะท้อนภาพดวงจันทร์และร่างของชายหนุ่มหญิงสาวก่ายกอดแนบแน่นริมฝั่ง
สายลับสาวรู้สึกสุขใจอย่างประหลาดขณะวางมือทั้งสองบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม อลินทิราเบียดอกนุ่มหยุ่นกับอกกว้างราวจะเร่งเร้าไฟกรุ่นในกายของเขาให้ลุกโชติขึ้นมาอีกครั้ง แดเนียลจูบหญิงสาวด้วยความรู้สึกแตกต่างไปจากวันก่อน ๆ เขาอยากปกป้องผู้หญิงในอ้อมแขนขึ้นมาจับใจเมื่อรู้ว่าเลือดเนื้ออันแท้จริงของออโซลย่า ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยคิด
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต