“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ แดเนียล”
คำกล่าวในตอนท้ายของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มเร่งความเร็ว อลินทิราต้องพบความประหลาดใจเมื่อแดเนียลพารถเอสยูวีทะยานเข้าไปในสถานที่ที่เธอคุ้นเคย เขตอุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์
แสดงความยินดีหรือ...ร่างสูงใหญ่รู้สึกใจหายเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาหันไปมองเธอเมื่อเพลง Home จบไปแล้วและไม่มีการเล่นซ้ำใหม่ รถจอดลงสนิทบนทุ่งหญ้าที่มองไปข้างหน้าเห็นแนวหุบเขากว้างใหญ่ รอยยิ้มอ่อนหวานระบายบนดวงหน้างามทว่าเขาคงไม่ได้คิดไปเองว่าดวงตาคู่นั้นช่างเศร้าสร้อย แดเนียลขบกรามเบา ๆ และกล่าวเสียงเนิบ
“คุณจะได้ร่วมแสดงความยินดีกับผมเมื่อธาตุลำดับที่ 119 ที่เราค้นพบผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการร่วมของสหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือสร้างความมั่นใจในการค้นพบครั้งนี้ ผมอยากจะขอบคุณคุณนะซอนญ่า”
อลินทิราเลิกคิ้วสูง กลีบปากฉ่ำเผยอออกดูเย้ายวนโดยไม่ตั้งใจ
“แต่ฉันสร้างความยุ่งยากให้คุณนะคะ แดน...คุณต้องเสียเวลากับเรื่องนี้ทั้งที่มัน...ควรจะเสร็จสิ้นไปนานแล้ว”
“มันมีค่าต่างหาก” ใบหน้าคร้ามเข้มโน้มลงไปหาหญิงสาวซึ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจหากก็เกิดความสุขขึ้นมาอย่างประหลาด
“บางที...ถ้าไซออนเนตส่งสายลับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณมา ผมอาจไม่ได้ค้นพบช่วงเวลาที่มีค่านี้ก็ได้”
มีค่าหรือ...ช่างเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งจนเธออึ้งกล่าวอะไรแทบไม่ออก อลินทิราไม่เขยื้อนตัวทว่าก็รู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดผิวแก้มก่อนเรียวปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนจะถูกเรียวปากหยักหนาได้รูปแนบลงมาสนิท ลิ้นเล็กตอบสนองด้วยการดูดดุนในอุ้งปากของเขาขณะร่างบอบบางถูกรั้งเข้าไปแนบชิดร่างสูงใหญ่ แดเนียลเผลอรัดวงแขนแน่นกว่าทุกครั้งทว่าหญิงสาวกลับไม่รู้สึกอึดอัดตรงข้ามกลับยิ่งตอบสนองสัมผัสเร่งเร้าที่เขาถ่ายเทมาจากริมฝีปาก
เมื่อไปถึงบ้านของแม่บุญธรรม เธอก็อยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะกลับแคลิฟอเนียเลยหรือไม่ อลินทิราได้แต่เก็บคำถามนั้นไว้ในใจขณะกอดเขากลับไปแนบแน่นเช่นเดียวกัน
แต่แล้วจุมพิตแสนหวานของสองหนุ่มสาวต้องหยุดชะงักลงในวินาทีที่เกิดเสียงดังลั่นและทำให้กระจกมองข้างคนขับแตกกระจาย
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงที่ดังตามมาอีกหลายครั้งทำให้แดเนียลและอลินทิราผละจากอ้อมกอดและหันกลับไปมองด้านหลังพร้อมกัน
“เฟลรอฟ...พระเจ้าช่วย!” หญิงสาวอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าห่างจากรถของแดเนียลไปไม่ไกลมีรถเอสยูวีคันใหญ่อีกคันจอดอยู่ ชายร่างสูงใหญ่ถือสไนเปอร์โผล่ออกมาจากหน้าต่างรถและกำลังเล็งตรงมาทางนี้ เธอหันกลับมาทางแดเนียลก็เห็นดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง
“บ้าชิบ! นี่มันอะไรกัน!”
“เฟลรอฟค่ะ แดน...เขาคือนักฆ่าขององค์กรที่ฉันเล่าให้ฟัง ออกรถค่ะแดน รีบออกรถ!”
ชายหนุ่มไม่รอช้าเพราะไม่มีเวลาคิดอะไรอีกนอกจากเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งเต็มฝีเท้า รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงแต่ก็ดูเหมือนรถอีกคันก็ติดตามมาอย่างไม่ลดละ อลินทิราหันกลับไปมองอีกครั้งก็เห็นว่ารถเอสยูวีคันนั้นก็เร่งเครื่องเต็มสูบและตามมาอย่างกระชั้นดูน่าหวั่นกลัว
“ไอ้นักฆ่าเดนตายนั่น มันกำลังตามล่าคุณใช่มั้ย?”
แดเนียลถามหญิงสาวขณะดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องบนถนนที่รถทะยานไปด้วยความเร็วกว่าร้อยหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง อลินทิรามองเขาน้ำคลอหน่วยตาและกุมเบาที่นั่งไว้แน่น
“ค่ะ...แดน เขาตามล่าฉัน คืนนั้นที่ฉันหนีออกจากคฤหาสน์ไพรซ์ เขาก็เกือบทำได้สำเร็จ ถ้าคุณไม่ไปเจอฉันเสียก่อน แต่คราวนี้เขาคงไม่ปล่อยฉันให้หนีรอดไปแน่”
“คืนนั้น...” ชายหนุ่มทวนคำขณะรำลึกถึงสภาพที่เขาไปเห็นอลินทิรานั่งหมดแรงอยู่ข้างรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของโมนิกาและตามใบหน้ามีรอยช้ำ แต่ความโกรธจัดในตอนนั้นทำให้เขาไม่สนใจว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไร รู้เพียงว่าเขาต้องเอาคืนให้สาสม ทว่าตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ความสะใจกลับกลายเป็นความเจ็บปวด ยิ่งคิดถึงความทุกข์ทรมานของหญิงสาวเขาก็ยิ่งเหยียบคันเร่งจนลืมตัว ร่างสูงขบกรามเข้าหากันแน่นและรู้สึกเหมือนมีบางอย่างลั่นเปรี๊ยะอยู่ในขมับ
“ทำไมคุณไม่บอกผม ซอนญ่า...พระเจ้า...คืนนั้นถ้ามันฆ่าคุณ”
“ทิ้งฉันไว้เถอะค่ะ แดน...ได้โปรด!”
อลินทิราเกาะแขนเขาไว้แน่น คำร้องขอของเธอทำให้แดเนียลหันขวับมามองแทบจะในทันทีก่อนหันกลับไปมองถนนที่มีสภาพขลุกขลักเบื้องหน้า“คุณพูดเรื่องบ้าอะไรเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้”
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต