ลูน่ากัดริมฝีปากตัวเอง เธอหันไปมองลุค“เธอเศร้าพอแล้ว หยุดเสียดสีทีเถอะค่ะ”ลุคหัวเราะเยาะ “มันไม่คุ้มเลยที่ต้องมาเสียใจให้คนหลอกลวงแบบนั้น ทำไมเธอต้องสนใจคำพูดเหน็บแนมของคนอื่นด้วยล่ะ?”ลูน่าขมวดคิ้วเธอรู้สึกขอบคุณที่ลุคส่งคนมาช่วยเหลือเกว็น แต่คำพูดของลุค…ฟังดูแสลงหูอยู่ดี“ลูน่า”หลังจากนั้นไม่นาน เกว็นก็พูดในขณะที่เธอยังคงหลับตาอยู่ “พวกคุณทุกคนช่วยออกไปได้ไหม ฉันอยากอยู่คนเดียว”ลูน่ากัดริมฝีปากของเธอ “แต่…”“กรุณาออกไปค่ะ” เกว็นหัวเราะอย่างขมขื่น “ฉันรู้สึกละอายใจและเศร้ามากพอแล้ว ขอพื้นที่ให้ฉันอยู่คนเดียวหน่อยเถอะนะ”ลูน่าสูดหายใจเข้าลึก เธอเดินไปหาเกว็นแล้วห่มผ้าห่มให้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ฉันขอโทษ”จากนั้นลูน่าก็หันหลังและออกจากห้องไปลับหลังเธอ เกว็นก็เริ่มร้องไห้อีกครั้งเพราะคำขอโทษของลูน่า…ลูน่าออกมาจากวอร์ดของผู้ป่วยด้วยความหมดอาลัยตายอยากหลังจากแน่ใจว่าเกว็นปลอดภัยแล้ว โจชัวก็พาลูคัสจากไป เขาบอกว่าเขามีเรื่องต้องจัดการอลิซเป็นคนเดียวที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งริมทางเดินเมื่อเห็นลูน่าออกมา อลิซก็ต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มทันที “ลูน่า เกว็นสบายดีไหม?”
ลูน่าและอลิซเงยหน้าขึ้นพร้อมกันคนที่จับมืออลิซไว้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากโจชัวที่เพิ่งจากไปไม่นานเมื่อเห็นเขาที่นี่ อลิซจึงรีบดึงมือของเธอกลับและพุ่งเข้าไปกอดในอ้อมแขนของเขาทันที เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็ก ๆ “โจชัว ฉันรู้ว่าลูน่ากำลังอารมณ์ไม่ดี ฉันก็เลยพยายามปลอบเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะตบฉันแทน!”ขณะที่พูดเธอก็ชี้ไปที่ใบหน้าบวมแดงของเธอ “ดูสิคะ! ฉันโกรธมาก ฉันก็เลยตบเธอเหมือนกัน แต่เธอยังอยากตบอีก ฉันเลย…”โจชัวจับเธออย่างระมัดระวัง เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่รอยฝ่ามือบนใบหน้าของลูน่า “ฉันรู้ว่าเธออารมณ์ไม่ดี แต่เธอก็ทำร้ายคนอื่นไม่ได้นะ”ลูน่าเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรโจชัวสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เมื่อกี้ฉันไปสถานีตำรวจและจัดการทุกอย่างแล้ว คนที่ลักพาตัวเกว็นคือลูกน้องของเลียม คลาร์ก ผู้อาวุโสวอลเตอร์เป็นผู้บงการเรื่องนั้น ตำรวจได้เรียกตัวเขามาสอบปากคำแล้ว”เมื่อได้ยินคำพูดของชายคนนั้น อลิซซึ่งกอดอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ตัวแข็งทื่อทันทีเธอรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขา “ผู้อาวุโสวอลเตอร์…ถูกตำรวจจับตัวไปแล้วเหรอคะ?”โจชัวฮัมในคอตอบว่า “ตอนที่ผมออก
พูดจบชายคนนั้นก็ยักไหล่และเดินเข้ามาหาพวกเขา “ถ้างั้นเกว็นก็คงจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตระกูลวอลเตอร์ล่ะสิ ใช่ไหม?”ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกจากปากของเขา ทั้งลูน่าและอลิซก็หน้าซีดลงพร้อมกันอลิซรู้อะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่แน่ใจนัก...ในขณะเดียวกัน ลูน่าก็กำลังนึกถึง ‘จดหมายรัก’ ที่เกว็นมอบให้เธอเมื่อคืนนี้เธอจำได้ไม่ชัดเจนนัก เมื่อคืนเลียมเอาจดหมายของเธอไป เขาถ่ายรูปจดหมายแล้วส่งไปให้ใครสักคน จากนั้นเขาก็เผาจดหมายนั้นเธอไม่ทราบเนื้อหาภายในจดหมายแต่สัญชาตญาณบอกเธอ…ถ้าตระกูลวอลเตอร์ต้องการฆ่าเกว็นเพื่อปิดปาก แสดงว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับจดหมายนั่นแน่ ๆ !เมื่อคิดเช่นนี้ เธอก็รีบลุกขึ้นราวกับเป็นบ้า จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ห้องพักของเกว็นแล้วผลักประตูให้เปิดออก “เกว็น!”เธอรีบเข้ามาจับมือของเกว็นไว้ “เธอจำได้ไหม เธอให้จดหมายฉันเมื่อครั้งที่แล้ว จำได้ไหมว่าในจดหมายเขียนไว้ว่าอะไร?”เกว็นมองดูเธออย่างสับสน “จดหมายอะไร?”ลูน่าตัวแข็งทื่อทันทีเธอกัดริมฝีปากของตัวเอง “เมื่อคืนเราออกไปดื่มกัน เธอเมา แล้วฉันก็ไปส่งเธอกลับบ้าน จากนั้นเธอก็ให้จดหมายฉันมาและขอให้ฉันเปิดมันหลังจากที่กลับไปถ
ลูน่ากัดปาก เธอเงยหน้าขึ้นอย่างดื้อดึงและมองไปยังโจชัว “ทำไมคะ?”เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับเกว็น เธอจึงยังคงกังวลแม้ว่าเธอจะกลับไปที่เมืองบันยันก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมุ่งความสนใจไปที่งานการจ้องมองของโจชัวยังคงไร้อารมณ์ “แม้ว่าเธอจะอยากอยู่ที่นี่ในเมืองซี แต่เธอจะทำอะไรให้เกว็นได้ รู้สึกผิดและโทษตัวเองต่อไปเหรอ? คอยเตือนเธอถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อที่พวกเธอจะได้เศร้าด้วยกันทั้งคู่งั้นสิ”คำพูดของชายคนนั้นทำให้ลูน่าถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติเธอจ้องมองเขาอย่างเหลือเชื่อ เธออ้าปากอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาโจชัวขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาสงบแต่เย็นชา “ประการแรก เธอไม่สามารถเรียกคืนสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกว็นได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหยุดไม่ให้เกว็นเจอคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เพื่อที่บาดแผลทางจิตใจและร่างกายของเกว็นจะได้เริ่มสมานตัวได้ เธอควรรู้ไว้นะว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ แม้ว่าเกว็นจะไม่ตำหนิเธอ แต่เธอรับประกันได้เหรอว่าเกว็นจะไม่นึกถึงเหตุการณ์นี้ทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ”หัวใจของลูน่าปวดร้าวราวกับถูกของหนักต่อยโจชัวทนไม่ได้ที่ต้องเห็นใบ
แม้ว่าเธอจะกลายเป็นคนที่เขาไม่ชอบเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาก็ไม่สามารถละทิ้งและเดินจากเธอไปได้นี่เป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะสามีและพ่อแต่เขาก็ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ “ผมจำได้ว่าคุณกับเกว็นเป็นเพื่อนข้างโต๊ะเรียนและเป็นเพื่อนสนิทกันตลอดสามปีสมัยเรียมัธยมปลาย ตอนนี้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอ ผมคิดว่าคุณน่าจะมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับลูน่านะ”อลิซหยุดชะงักอย่างรุนแรงวินาทีต่อมา เธอก็หันกลับมามองปุ่มต่าง ๆ บนลิฟต์ “เราไม่ใช่เพื่อนกันจริง ๆ สักหน่อย เป็นแค่เพื่อนข้างโต๊ะเรียนค่ะ นอกจากนี้ หลังจบมัธยมปลายเราก็ไม่เคยติดต่อกันเลย สำหรับฉัน เกว็นเป็นเพียงเพื่อนเก่าร่วมชั้นเรียนที่ฉันไม่ได้เจอมาหลายปีแล้วก็เท่านั้น”โจชัวหรี่ตาของเขา “แต่เกว็นถึงกับทะเลาะกับลูน่าเพื่อคุณเลยนะ”“นั่นเป็นเพราะเธอรู้ว่าฉันแต่งงานได้ดิบได้ดี เธอก็เลยต้องการยกระดับตำแหน่งทางสังคมของเธอยังไงล่ะคะ” อลิซพูดเบา ๆ “ต่อมาเธอก็รู้ว่าฉันไม่สนใจมิตรภาพเก่า ๆ ของเรา เธอเลยกลายมาเป็นเพื่อนกับลูน่าทันที เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอทะเลาะกับลูน่าแล้วเรียกเธอว่าเมียน้อย แต่ตอนนี้พวกเธอกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว แถมยังเต็มใจที่จะตายเพื่
ลูน่าไม่ได้สติอยู่ในโรงแรมจนถึงบ่ายสามโมงเธอได้รับโทรศัพท์จากนีลตอนบ่ายสามโมงพอดีเสียงของชายร่างเล็กดังมาจากปลายสายของโทรศัพท์ เขาฟังดูค่อนข้างตื่นเต้น “คุณแม่อยู่อีกไกลแค่ไหนครับ เนลลี่กับผมคิดถึงคุณแม่มากจริง ๆ !”เมื่อได้ยินเสียงของลูกชาย หัวใจของลูน่าก็อ่อนยวบและละลายลงเธอถือโทรศัพท์ไว้ครู่หนึ่งเงียบ ๆ จากนั้นจึงลดเสียงลงและตอบว่า “แม่…วันนี้กลับไปไม่ได้แล้ว แม่ยังอยู่ที่เมืองซีน่ะ”ที่ปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์ เด็กชายร่างเล็กหยุดชะงัก จากนั้นเสียงของเขาก็สงบลงในทันที “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”“เพื่อนคนหนึ่งของแม่ประสบอุบัติเหตุ”คนตัวเล็กที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้ดีมากเขาเม้มริมฝีปาก “ผมเข้าใจครับ ผมจะอธิบายสถานการณ์ให้เนลลี่ฟังอย่างเหมาะสม เธอจะเข้าใจและจะไม่โกรธหรือเอะอะกับเรื่องนี้ คุณแม่สามารถอยู่ที่นั่นและดูแลเพื่อนของคุณแม่ได้ แค่บอกด้วยนะครับว่าคุณแม่จะกลับมาเมื่อไหร่ เนลลี่กับผมจะรอต้อนรับคุณแม่กลับบ้าน ถ้ามีอะไรที่คุณแม่ต้องการให้เราสามคนช่วยเหลือ บอกพวกเรานะครับ เราจะเป็นกองหนุนที่แข็งแกร่งและมั่นคงที่สุดของคุณแม่เสมอ”ด้
เธอไม่กล้าคิดไปไกลกว่านั้น ทั้งหมดที่เธอทำได้คือกัดปากตัวเองแล้วถามนีลอย่างแผ่วเบา “พี่ชายลูกพูดอะไรอีกไหม?”“ไม่ครับ”นีลขมวดคิ้ว “คุณแม่ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”“ไม่จ้ะ ไม่มีอะไร” ลูน่าสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงพูดคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยกับเขาอยู่พักหนึ่งแล้วรีบวางสายเมื่อวางโทรศัพท์ไปแล้ว ลูน่าก็ใช้เวลานานในการสงบสติอารมณ์ตัวเอง ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าและกดปุ่มเปิดที่สร้อยคอที่เธอเคยสื่อสารกับไนเจลขึ้นมา“คุณแม่” ทันทีที่สัญญาณเชื่อมต่อ เสียงอันเคร่งขรึมของไนเจลก็ดังมาจากปลายสาย “ผมได้ส่งอีเมลไปหาตำรวจในเมืองซีแล้ว รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมายต่าง ๆ ที่ตระกูลวอลเตอร์เกี่ยวข้องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ต้องกังวลคนที่ทำร้ายป้าเกว็นจะถูกลงโทษตามนั้น”มือของลูน่าที่ถือสร้อยคอสั่นเล็กน้อย“ไนเจล...”“ผมรู้ทุกอย่างครับ” คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึก “สร้อยคอที่ผมให้คุณแม่ได้รับการติดตั้งโปรแกรมที่ทำให้สามารถเปิดใช้งานจากระยะไกลได้ ตอนที่ผมไม่สามารถตรวจจับสัญญาณของคุณแม่ได้เมื่อคืนนี้ ผมก็โจมตีและเจาะเข้าไปในระบบกล้องเฝ้าระวังของเมืองซี หลังจากที่แน่ใจว่าคุณแม่ปลอดภัยและ
ลูน่าเงียบไปสักพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา“ไนเจล เขาจะทำแบบนี้เพื่อแม่ได้ยังไงกัน สำหรับเขาแล้ว แม่ก็เป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่สำคัญอะไรเลย”อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ไนเจลยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาอยากจะบอกเหลือเกิน…จากภาพบันทึกกล้องวงจรปิดที่เขาแฮ็กเมื่อคืนนี้ เขาเห็นสีหน้าของโจชัวที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความเจ็บปวดใจในขณะที่อุ้มลูน่าอยู่บ่ายวันนั้น เขาจ้องมองภาพนั้นบนคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดทั้งบ่ายเขาได้ติดต่อกับมัลคอล์มในช่วงบ่าย หลังจากหารือกับมัลคอล์ม พวกเขาก็ตัดสินใจหยุดการโจมตีลินช์กรุ๊ปจากภาพหน้าจอที่เขาถ่ายไว้ ในทุกภาพ ความวิตกกังวลและความรู้สึกผิดของโจชัวไม่อาจถือได้ว่าเป็นการแสดงเพราะเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มีลูกชายของเขากำลังเฝ้าดูอยู่จากระยะไกลเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังมีลูกชายอีกคนที่ชื่อไนเจลเพราะฉะนั้น ทั้งแววตาของเขาและท่าทีของเขาที่รีบออกจากโรงงานร้างโดยมีลูน่าอยู่ในอ้อมแขนล้วนแล้วแต่เป็นเนื้อแท้จากใจจริงบางครั้ง แม้แต่ไนเจลก็ยังสงสัยว่า...จริง ๆ แล้วโจชัว ลินช์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เมื่อหกปีที่แล้ว เขาเป็นคนที่ทำร้ายแม่และบังคับให้เธอต้องตก