นี่มันผิดปกติ! ซุปถ้วยนี้มีรสชาติเดียวกับที่ลูน่า กิบสันเคยทำ!ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน ด้วยหน้าที่การงานทำให้เขาต้องออกไปพบปะสังสรรค์เป็นประจำ ทำให้โจชัวมักกลับบ้านมาในสภาพเมาหัวราน้ำอยู่เสมอ และทุกครั้งที่เขาเมาค้าง ลูน่า กิบสันก็จะคอยทำซุปรสชาตินี้ให้เขาทานแก้แฮงค์เธอชอบใส่เครื่องเทศชนิดพิเศษลงไปในน้ำซุปเพื่อให้รสชาติมีเอกลักษณ์ โจชัวไม่ได้ลิ้มรสซุปฝีมือเธอมานานถึงหกปีแล้วทว่า ตอนนี้ซุปของลูน่าคนนั้นกลับมีรสชาติเดียวกับของลูน่า กิบสันไม่มีผิดเพี้ยน!โจชัวไม่คิดถึงเรื่องอะไรอื่นอีก เขาก้าวลงจากเตียงและรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันทีภายในห้องครัว ลูน่ากำลังทำข้าวโอ๊ตให้เนลลี่อยู่พอดี เธอมัวยุ่งอยู่กับงานตรงหน้าจนไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าอันร้อนรนจากทางด้านหลังกว่าจะรู้ตัวว่าโจชัวเดินเข้ามา เขาก็ยืนอยู่ข้างหลังแล้วโจชัวพลิกตัวเธอให้หันมาก่อนใช้ฝ่ามือหนาจับที่กรามของหญิงสาวเอาไว้ ดวงตาคมประดุจนัยน์ตาเหยี่ยวจับจ้องมาที่ลูน่าอย่างดุร้าย “ใครสอนเธอทำซุปนี้?”ลูน่าตกใจกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เธอดิ้นรนขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่เขากลับบีบกรามของเธอแน่นขึ้นไปอีกสุดท้าย เธอจึ
ลูน่าหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นและส่ายหัวขณะที่เธอเลิกใส่ใจความคิดบ้า ๆ พวกนั้นอย่างโจชัวน่ะหรือจะโดดเดี่ยว เธอต่างหากที่โดดเดี่ยวตลอดหลายปีมานี้หญิงสาวหันกลับไปทำข้าวโอ๊ตให้เนลลี่ต่อในเวลานั้น เธอบังเอิญเห็นภาพของตัวเองที่สะท้อนอยู่หน้าเตา ในเสี้ยววินาทีนั้น เธอมองเห็นใบหน้าที่ดูงดงามไม่เหมือนใครของเธอ มันสวยจนแทบมองไม่เห็นข้อบกพร่องใด ๆ แต่เธอก็ไม่อาจเข้าถึงความสุขได้อยู่ดี…สองวันถัดมา ลูน่าตั้งใจหลีกเลี่ยงที่จะปรากฏตัวต่อหน้าโจชัว อย่างแรกเป็นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ทำให้เธอหมดแรงแสร้งทำตัวเป็นมิตรกับเขา อีกอย่างก็คือ โจชัวเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลูน่า กิบสันแล้ว หญิงสาวจึงพยายามสุดฤทธิ์เพื่อทำตัวเป็นคนไร้ตัวตนเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสนใจเธอทว่าทุกคนในบลูเบย์วิลล่าต่างพากันสังเกตเห็นว่าลูน่าจงใจตีตัวออกห่างจากโจชัวแม่บ้านผู้มากด้วยวัยวุฒิบางคนถึงกับต่อว่าเธอ “ลูน่า หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง เธอเป็นขี้ข้าและมีหน้าที่รับใช้คุณลินช์ เลิกทำหน้าตาก้าวร้าวแบบนั้นสักที”“เธอจะถูกไล่ออกง่าย ๆ ถ้าขืนยังทำตัวแบบนี้ ฉันทำงานที่บลูเบย์วิลล่ามาตั้งนมนาน ไม่ยักเจอคนใช้ที่ไห
เมื่อลูน่าเคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมชาร้อน โจชัวก็กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่เมื่อเห็นลูน่าเข้ามา โจชัวก็กวาดสายตามองเธออย่างเย็นชาพร้อมกับตำหนิพนักงานของเขาต่อไปด้วย “นี่คุณทำงานมาตั้งกี่ปี? ยังต้องให้สอนเรื่องการเคารพผู้บังคับบัญชาขั้นพื้นฐานอีกเหรอ? คุณอารมณ์ไม่ดีแล้วยังไง? ในฐานะเจ้านาย ผมต้องแคร์ความรู้สึกคุณด้วยไหม? ถ้ามีครั้งหน้าอีกละก็ เตรียมโดนไล่ออกได้เลย!”ลูน่ายิ้มบาง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นที่มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนโจชัวกำลังต่อว่าพนักงานของเขา แต่แท้จริงแล้วเขากำลังบอกเธอทางอ้อมต่างหากนี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาสั่งเธอให้นำเครื่องดื่มมาให้ ตั้งแต่กาแฟจนถึงน้ำชา ลูน่ารู้ดีว่าเขาไม่จำเป็นต้องดื่มอะไรมากขนาดนั้นระหว่างทำงานตอนดึก เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ เขารู้สึกรำคาญใจที่ถูกเธอมองข้ามและทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนโจชัวอยู่ในตำแหน่งสูงส่งและยิ่งใหญ่มาโดยตลอด เขาคือชายที่ใคร ๆ ก็ต้องให้ความเคารพยำเกรงชายหนุ่มคงรู้สึกแย่น่าดูเมื่ออยู่ดี ๆ ก็ถูกเธอเมินใส่ นี่ไม่ใช่เพราะโจชัวใส่ใจอะไรเธอหรอก แต่เป็นเพราะอีโก้ของเขากำลังตอบสนองต่างหากลูน่าวางแก้วชาลง หันหลังกลับ และเดิ
“ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งนาน ก็ต้องคิดถึงสิ คิดถึงมาก ๆ เลยด้วย”“รักอยู่แล้ว คิดอะไรอยู่จ๊ะ?”“ก็ได้ ก็ได้ หยุดงอแงได้แล้วนะ เดี๋ยวเจอกันคราวหน้า จะทำคุกกี้สูตรพิเศษให้ โอเคไหม?”“อื้ม จะทำให้กินคนเดียวเลย ไม่แบ่งให้ใครได้กินหรอก”…โจชัวขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจจนหน้าเหยเก น้ำเสียงกระหนุงกระหนิงของเธอดังลอยมาตามอากาศ อีกทั้งคำพูดคำจาที่ใช้ก็ฟังดูสนิทสนมคุ้นเคยเธอคุยโทรศัพท์กับใคร? กับผู้ชายคนอื่นเหรอ?ไม่แปลกใจเลยที่เธอเย็นชาใส่เขา แถมไม่อยากคุยด้วยสักคำดูเหมือนว่าเธอจะเปลี่ยนเป้าหมายไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ที่เคยคิดไม่ซื่อกับเขาเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แล้ว เขาควรดีใจสิแต่โจชัวกลับงงว่าเพราะเหตุใดเขาถึงไม่พอใจ ไม่ใช่แค่นั้น เขายังแอบโกรธนิด ๆ ด้วยซ้ำผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดลูน่าก็วางสาย เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกนีลจอมกะล่อนอาศัยอยู่ที่บ้านของแอนน์อย่างสุขสบาย บางครั้งหนุ่มน้อยดูแลแอนน์รวมถึงทำอาหารให้เธอด้วย แต่เขาก็ยังยืนกรานจะโทรบอกผู้เป็นแม่ว่าตัวเองรู้สึกเหงาหงอยและคิดถึงลูน่ามากเพียงใด เขายังขอให้เธอสัญญาว่าจะทำคุกกี้ให้ทานอีกด้วย เพราะอย่างนั้นลูน่าจึงต้องปลอบลูกชายอยู่นานทีเดียวท
กลิ่นกายของโจชัวใกล้เข้ามาและชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆย้อนกลับไปตอนนั้น ลูน่าปรารถนาให้โจชัวเป็นฝ่ายจูบเธอด้วยตัวเขาเองมาเสมอ แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยจูบเธอก่อนสักครั้งเดียวหลังจากแต่งงานกันมาสามปีไม่ว่าจะในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันหรือแม้แต่บนเตียง เธอคือฝ่ายเริ่มก่อนเสมอในตอนแรกเธอคิดว่าเขาเป็นคนไร้ความรู้สึก แต่ในตอนนี้ เธอเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วเขาไม่ได้ไร้ความรู้สึก เขาแค่ไร้ความรู้สึกเฉพาะกับเธอต่างหาก ดูอย่างในตอนนี้สิ เธอเข้ามาเป็นคนรับใช้ของโจชัวเพียงครึ่งเดือน แต่เขากลับจะจูบเธอแบบนี้แล้วเมื่อคิดได้เช่นนั้น ดวงตาของลูน่าก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาเพียะ!วินาทีที่ริมฝีปากของโจชัวเฉียดใกล้ปากเธอ เสียงตบก็ดังลั่นไปทั่วสนามหลังบ้าน ใบหน้าของโจชัวถูกฟาดเข้าอย่างจังจนหันไปอีกทาง สีหน้าของเขาขุ่นมัวขึ้นทันทีที่รู้สึกตัวเขาหันกลับมามองลูน่าด้วยความโมโห “นี่เธอกล้าตบฉันเหรอ?”ลูน่าดึงมือที่เจ็บปวดจากแรงตบกลับมา เธอจ้องเขาอย่างเย็นชา “คุณกำลังทำตัวไม่เหมาะสม แล้วจะไม่ให้ฉันตบคุณได้ยังไง?” เธอมองหน้าเขาแกมเย้ยหยัน “ตอนนี้ได้สติหรือยังคะ คุณลินช์?”โจชัวไม่พูดอะไรออกมาขณะสายตาจับจ้องที่ลูน
“ฉันจะพาคุณหนูเนลลี่กลับไปนอน”ลูน่าโน้มตัวลงและอุ้มเนลลี่ไว้ในอ้อมแขน เธอผลักโจชัวออกแล้วเดินกลับเข้าไปยังวิลล่าโจชัวยืนอยู่กับที่ คิ้วขมวดแน่นขณะมองดูลูน่าที่เดินจากไปประตูทางเข้าปิดลงโจชัวมองไปที่ประตูดังกล่าวด้วยแววตาลุ่มลึก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบมือถือออกมาโทรหาลูคัส“ไปเอารถออก”จากปลายสาย เสียงของลูคัสฟังดูงัวเงีย “คุณลินช์นี่ก็ดึกแล้วนะครับ คุณจะไปไหนเหรอครับ?”“ไปออฟฟิศ” นั่นคือคำตอบ ลูคัสตะลึงงันจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “แต่คุณไม่ได้นำงานทั้งหมดกลับมาทำที่วิลล่าแล้วหรอกเหรอครับ? ทำไมถึงต้องกลับไปที่ออฟฟิศอีกล่ะ?”“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว มีอะไรไหม? นายมีอะไรจะพูดงั้นเหรอ?”ลูคัสจะกล้าพูดอะไรได้อีก?ลูคัสลุกจากเตียงของแฟนสาวทันทีก่อนจะรีบขับรถไปที่บลูเบย์วิลล่า เขาช่วยขนกองเอกสารในห้องทำงานของโจชัวไปที่รถ จากนั้นจึงขับไปส่งเจ้านายที่ออฟฟิศขณะนั่งอยู่บนเบาะหลัง โจชัวมองออกไปนอกหน้าต่างชมทัศนียภาพยามค่ำคืนที่เคลื่อนผ่านไปในขณะที่ขมวดคิ้วแน่นไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ภาพของลูน่ายังคงปรากฏขึ้นในใจเขา ใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อน แม้กระทั่งตอนตกใจและตอนโมโหเมื่อเกือบโดนเขาจู
แซคและยูริต่างมองหน้ากันโดยอัตโนมัติพลางลอบมองโจชัวด้วยสีหน้าลำบากใจ “เอ่อ คุณลินช์ครับ นี่มันก็จะสองทุ่มแล้วลูกพี่ของเรายังเด็กอยู่ด้วย เวลานี้เขาคงนอนแล้วล่ะครับเพราะงั้น…”โจชัวมองแซคด้วยสายตาเยือกเย็นทันทีที่โดนทักท้วง “นายบอกว่าเขาเพิ่งจะคุยกับพวกนายไปไม่ใช่เหรอ?”ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งอย่างหมดหนทางก่อนจะจำใจกดโทรออกหานีลแล้วบอกว่าโจชัวต้องการพบ“ได้สิ” นีลฉีกยิ้มหน้าตายขณะนั่งอยู่ตรงระเบียงชั้นบนของบ้านแอนน์เนลลี่โทรหาเขาเมื่อสักครู่แล้วเล่าว่าคนไม่เอาถ่านทะเลาะกับแม่เขาอย่างไรบ้าง แล้วนี่ยังอยากจะเจอเขาในเวลานี้อีกงั้นเหรอ?หึ เขาจะใช้โอกาสนี้แหละเอาคืนให้แม่เอง!นีลวางสายแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องครัวทันที เขาหยิบน้ำสไปรท์ตามด้วยสับปะรดออกจากตู้เย็น จัดการคั้นน้ำผลไม้รสเปรี้ยวออกมาแล้วผสมน้ำอัดลมสีใสตามลงไป เท่านั้นไม่พอยังเติมส่วนผสมสุดพิเศษตบท้ายเป็นอันเสร็จสิ้น จากนั้นก็เทเครื่องดื่มที่รังสรรค์เองกับมือลงไปในแก้วแล้วจัดการปิดฝาให้เรียบร้อยก่อนนำลงไปชั้นล่าง นีลรออยู่ข้างล่างไม่นาน รถยนต์มาเซราติสีดำหรูหราก็มาถึงประตูหลังเปิดออกเผยให้เห็นผู้มาเยือน ใบหน้าหล่อเรียบตึ
โจชัวคิดกับตัวเองว่าเขาต้องใกล้บ้าไปแล้วแน่ ๆ “คุณอยากเล่าให้ผมฟังเหรอ?” นีลกะพริบตาปริบ ๆ และทำทีเป็นเทวดาตัวน้อยที่กำลังรอฟัง “เล่ามาเลยสิครับ!”โจชัวแค่นยิ้มเจือความขมขื่นก่อนจะสั่งให้ลูคัสจอดรถตรงสะพานเบย์ที่ค่ำคืนนี้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน และแม้แต่รถราเองก็ดูบางตาโจชัวเปิดประตูก้าวขาลงจากรถร่างสูงของชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ตรงสะพานพลันสายตาเฉยเมยมองผืนน้ำข้างล่าง “ที่ตรงนี้ภรรยาของฉันเคยประสบอุบัติเหตุ ตอนนั้นเธอทิ้งฉันไปแล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น”“ฉันรีบไปยังที่เกิดเหตุ แต่นอกจากรั้วกั้นที่แตกหักกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางแล้วก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ฉันหาเธอไม่เจอ คนอื่นบอกว่าเธอตายไปแล้ว แต่รู้อะไรไหม ฉันไม่เคยเชื่อสิ่งที่คนอื่นบอกเลยสักครั้ง ฉันจะเชื่อก็ต่อเมื่อได้เห็นร่างของเธอ และฉันก็ยังมีความหวังว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่”“ครึ่งเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ฉันคิดไว้ก็ได้รับการยืนยัน เธอยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ไม่ใช่แค่ยังมีชีวิตอยู่นะ แต่เธอยังให้กำเนิดลูกสาวของเราอีก เด็กผู้หญิงที่นายช่วยเอาไว้ที่สวนสนุกไงล่ะ”ได้ยินดังนั้นปากเล็ก ๆ ของเด็กชายวัยหกขวบก็เม้มเข้