“เดี๋ยวผมลองไปถามท่านนายพลเอง” โจเซฟว่าจบก็เตรียมจะเดินไปที่หน่วยทหาร ไอซ์จึงรีบวิ่งตามไปติด ๆ“แน่ใจนะว่าดูแลไหว” นิโคลัสหันไปมองทีโอที่เสนอแผนการนี้ขึ้นมา“ก็ดูเหมือนจะสำนึกได้บ้างแล้ว คงไม่มาก่อเรื่องหรอกมั้ง” ทีโอยักไหล่“คิดยังไงถึงจะพาเขาไปด้วย” ปกติเห็นเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน มาวันนี้กลับเสนอให้ไปเยี่ยมบ้านกันเสียอย่างนั้น“ปลาบินสองตัวเลยนะพี่นิค แบ่งให้สามหมู่บ้านได้สบายเลย” แถมยังอยู่ในสภาพสดใหม่อีกต่างหาก“แต่นั่นเป็นผู้มีพลังมิติที่มีเพียงคนเดียวในค่ายนะ” เจ้ากระต่ายไม่คิดว่าท่านนายพลจะยอมให้หลานชายออกไปด้านนอกอีก“ก็ไม่แน่นะครับ ตอนนี้ขอแค่เป็นหัวหน้าเราไปพูด ผมคิดว่าท่านนายพลต้องฟัง ระหว่างที่พวกเราไปบ้านบนภูเขาก็ให้ไอซ์พักอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไปก่อน” ไม่ได้มีความคิดจะเปิดเผยเรื่องเส้นทางลับแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือที่ตั้งของหมู่บ้านในสมาพันธ์ผู้รอดชีวิต“เนื้อปลาหลังรถเราก็มีพอแค่กินกันในบ้านบนภูเขา แต่ถ้ามีเยอะ ๆ คงพอแบ่งให้กับอีกสามหมู่บ้านได้แน่ หน้าหนาวแบบนี้อาหารยิ่งมีเยอะเท่าไรก็ยิ่งดี” เขาอยากให้เด็ก ๆ ที่บ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้กินเนื้ออย่างเต็มปากเต็มคำเหม
“ผมไปด้วยแล้วกัน ถ้าได้รากอากาศเส้นใหม่จะได้พาหมอนี่มาที่ค่ายเลย” เลวี่ไปที่ไหนเขาก็ไปที่นั่นแหละ“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณสิงหาสักหน่อย คงอยู่ที่นี่สักพักแล้วค่อยกลับ” นิโคลัสบอกความต้องการของตนเองบ้าง แต่แค่บอกว่าคุย ใครก็ตามที่ได้ไปทำภารกิจย่อมรู้ดีว่าคุยเรื่องอะไร“ได้เรื่องอะไรแล้วบอกพวกเราด้วยล่ะ” ตุ่นตบไหล่คุณหมอหมี“เอ๊ะ คุยกับผม... เอ๋!” ส่วนคนที่ถูกพาดพิงก็ยกกระต่ายลงแล้วหันซ้ายหันขวาทำหน้าเหลอหลา ทำไมถึงมีชื่อเขาโผล่ขึ้นมาได้ล่ะ!“ครับ พวกเราไปเจอเบาะแสสำคัญมาเลยอยากจะปรึกษากับคุณสักหน่อย เรื่องนี้พวกเราได้บอกกับท่านนายพลอธิไปบ้างแล้ว ท่านคงกำลังสอบสวนคนที่เคยอยู่ในละแวกที่พวกเราไปทำภารกิจ แต่ผมก็อยากฟังความเห็นจากคุณบ้างว่าคิดยังไงกับสิ่งที่พวกเราไปเจอมา” คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อยน่าจะพอมีลู่ทางเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกบ้าง ไม่แน่ว่าเจ้าตัวอาจจะเคยได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมการทดลองก็เป็นได้“อึก...” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่ถูกพูดถึงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สังหรณ์ว่าเรื่องที่ตนได้ยินมาอาจเป็นเรื่องใหญ่โตระดับความมั่นคงของชาติ…บ่ายวันนั้นดาริณี ตุ่น
“เอ่อ…” สิงหาอ้ำอึ้งมองหน้าคนซ้ายทีขวาที ลืมไปเสียสนิทว่าปกติเวลาตรวจคนไข้จะมีพยาบาลคอยนำผลตรวจเบื้องต้นมาให้ แต่เพราะเป็นแขก VVVIP ที่เขารับดูแลเองเลยลืมขั้นตอนนี้ไปเสียสนิททั้ง 6 คนไม่อยากนั่งดูแม่ลูกถกเถียงกันจึงทยอยขอตัวออกจากห้องไปทีละคน จนแม้แต่สิงหาเองก็แทบจะอุ้มชาล็อตไว้แนบอกตลอดเวลา‘บรรยากาศมาคุเกินไปแล้ว!!’“แม่ไม่ได้ป่วยสักหน่อย” คุณครูเมตตายกมือดาริณีขึ้นมาทาบหน้าผากตนเอง หญิงสาวถึงกับสะดุ้งรีบนำมือตนกลับมาไว้ข้างตัวทันทีที่ถูกปล่อยมือ“แล้วไหนใครบอกว่าแพ้อากาศอยู่ครับ” โจเซฟยกสองแขนกอดอกกดดันคนเป็นแม่“กะ ก็ตอนนี้หายแล้ว” เมื่อเป็นคำพูดที่ออกไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบและหาทางแก้ลำให้ถึงที่สุด“คุณแม่อย่าล้อเล่นกับการเลื่อนระดับพลังนะครับ” คนเป็นลูกชายใช้น้ำเสียงดุขึ้นอีกระดับ“เอ๊ะ แม่ก็บอกว่าหายดีแล้วไง”“ยังไม่หายครับ”“หายแล้ว”“ยัง”“หาย”“#^*^) (^#%&) (_$@#$^%$...” กว่าจะตกลงกันได้ก็หมดน้ำลายไปหลายลิตร…“ผมจะฉีดแล้วนะครับ” สิงหาเตรียมแกะไซริงค์ออกจากซองพลาสติก เจ้าสิ่งนี้เองก็มีจำนวนจำกัด หากไม่ใช่เพราะก่อนวันสิ้นโลกเพิ่งมีการสั่งซื้อมาเตรียมไว้สำหรับการฉีดวัคซีนต้านโร
“ไปได้เซรุ่มมาจากไหน” นิโคลัสหันกลับมาประจันหน้ากับนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะทันที นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะ!“ปะ เป็นเลือดของคุณเลวี่ครับ” สิงหาที่ถูกจ้องเขม็งจากคู่รักทรงพลังก็เกิดอาการประหม่า เผลอกอดชาล็อตในอ้อมแขนแรงเกินไปจนเจ้าปุกปุยต้องส่ายศีรษะไปมาให้ใบหูปัดปลายคางของเด็กหนุ่มเพื่อเรียกสติ “ขอโทษนะชาล็อต” เด็กหนุ่มเอ่ยขอโทษเจ้ากระต่ายขาวก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ“ในระหว่างที่พวกคุณออกไปทำภารกิจ ผมได้คุยกับคุณเลวี่เล็กน้อย… อ่า เดี๋ยวผมขอเล่าให้ทุกคนในกลุ่มของคุณฟังทีเดียวเลยได้ไหมครับ” ดูทรงแล้วอาจจะต้องคุยกันอีกยาว ไหนจะรากอากาศต้นไทรที่เขายังไม่ได้รับมาทดลองจากเลวี่เพราะต้องฟังความเห็นของกลุ่มทหารรับจ้างคนอื่นด้วย“เดี๋ยวผมไปตามตุ่นกับหงส์เองครับ” เจ้ากระต่ายอาสา คุณหมอหมียังต้องไปตรวจอาการให้กับคุณครูเมตตาเพื่อดูความพร้อมในการเลื่อนระดับพลัง ดังนั้นหน้าที่ตามคนปล่อยให้เขาทำเถอะ จะได้ไม่เสียเวลา…“สุดยอดเลยเลวี่” เมื่อมารวมตัวกันจนครบ สิงหาก็เริ่มอธิบายถึงที่มาที่ไปเกี่ยวกับเซรุ่มต่อต้านเชื้อซอมบี้ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง เนื่องจากได้มีการทดลองกับสัตว์ทดลองแล้วโดยสิงหาได
หลังจากรายงานภารกิจเรียบร้อยแล้ว โจเซฟก็ให้คู่สุนัขกวางไปจัดการเรื่องแต้มคะแนนที่สำนักงานภารกิจ ส่วนตัวเองก็ก้าวเดินไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลฝ่ามือหยาบกร้านกระชับกล่องกำมะหยี่บรรจุคริสตัลซอมบี้ระดับสองไว้แน่น เป็นไปได้ก็อยากจะถ่ายทอดความอบอุ่นลงไปในเนื้อคริสตัลเย็นชืด ในยามที่คุณแม่กลืนมันลงไปจะได้ไม่ลำบากมากนัก ระหว่างทางก็ไปรับดาริณีไปเยี่ยมคุณแม่ของเขาด้วยกัน“คุณโจเซฟสวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับที่ปลอดภัยกลับมาจากการทำภารกิจ” เมื่อโจเซฟเปิดประตูเข้ามาก็เจอเข้ากับเลวี่ที่เดินออกมาจากห้องน้ำในห้องพักผู้ป่วยพอดี ด้านหลังมีคุณครูเมตตาที่จับแขนชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวเดินตามออกมา“อืม คุณแม่ไม่สบายเหรอครับ” โจเซฟปรี่เข้าไปประคองหญิงชรา“อากาศเย็นขึ้นเมื่อคืนแม่ก็เลยแพ้อากาศน่ะ ไม่มีอะไรหรอกใคร ๆ เขาก็เป็นกัน” คุณครูเมตตาโบกมือปัดไปมาในอากาศ พยายามทำให้ดูเหมือนกับว่าอาการป่วยของเธอนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย“คุณแม่คงไม่ได้ดื้อนอนไม่เป็นเวลาหรือประหยัดฮีตเตอร์จนทำให้ตัวเองป่วยสินะครับ” โจเซฟยิ้มกว้าง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ไปถึงดวงตา“แม่เคยทำอย่างนั้นที่ไหนกัน” คุณครูเมตตา“แน่ใจเหรอ
“รู้สิ นั่นเป็นงบที่ทางกองทัพเรือขอมาอย่างเร่งด่วนและพวกผู้ใหญ่ในกลุ่มรัฐบาลก็เห็นชอบ ทำให้กองทัพบกที่มีแผนจะทำห้องทดลองอาวุธด้วยตัวเองต้องยกเลิกไปแล้วปล่อยงบนั้นให้กับกองทัพเรือ” คิดแล้วก็อยากจะกลับไปขยุ้มหัวตาแก่พลเรือเอกให้ผมติดมือมาสักสองสามกำแทนที่จะส่งเสริมให้ผลิตอาวุธได้เองในประเทศ จะได้ส่งเสริมให้มีอาชีพในกองทัพเพิ่มขึ้น กลับยกมือคัดค้านแล้วเสนอโครงการสร้างทีมวิจัยอนุรักษ์ธรรมชาติขึ้น แถมพอโครงการของตัวเองผ่านก็เดินลอยหน้าลอยตามาพูดว่า…‘สั่งซื้อจากต่างประเทศได้ส่วนต่างเยอะกว่าผลิตเองนะ ผลิตใช้เองในประเทศ นอกจากจะต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการส่งคนไปเรียนแล้ว ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าคนเหล่านั้นจะนำความรู้กลับมาทำอาวุธได้สำเร็จ ซื้อเขาง่ายกว่า อย่าโง่ไปหน่อยเลย’เนี่ย! แค่นึกถึงน้ำเสียงจองหองนั่น เส้นประสาทก็เต้นตุบ ๆ แล้ว“เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยได้ยินพวกรุ่นพี่บ่น แล้วก็เหม็นหน้าทหารเรืออยู่พักหนึ่ง” ตุ่นหวนนึกถึงช่วงหนึ่งที่ทหารบกกับทหารเรือมักจะฮึ่มฮั่มใส่กัน ตัวเขาที่สังกัดทหารบกก็พลอยถูกพวกทหารเรือเหน็บแนมประจำเวลาที่มีการฝึกซ้อมรวมเหล่าทัพประจำไตรมาส ต้นเหตุมาจากเรื