แชร์

วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง
วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง
ผู้แต่ง: ปลาทองหางเดียว

บทที่ 1

ผู้เขียน: ปลาทองหางเดียว
“เสียใจด้วยครับคุณชิง ลูกสาวของคุณเสียชีวิตเมื่อเวลาตีหนึ่งสิบสามนาทีของวันที่สิบห้า กุมภาพันธ์ หลังการช่วยชีวิตล้มเหลว”

ในมือของชิงอี้กำตุ๊กตากระต่ายตัวหนึ่งไว้แน่น ดวงตาจับจ้องไปยังห้องผ่าตัดอย่างเหม่อลอย

เธอเข้าไปส่งลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย

บนเตียงผ่าตัด ชิงอี้กุมมือน้อย ๆ ที่แห้งเหี่ยวของลูกสาวไว้

มันเย็นเฉียบไร้ซึ่งอุณหภูมิ

เธอจัดแต่งเส้นผมให้ลูกสาว

ในหัวของเธอดังก้องไปด้วยเสียงแผ่วเบาของลูกสาวก่อนที่จะถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน

“แม่คะ คุณอายังไม่มาอีกเหรอคะ?”

‘คุณอา’ ที่ลูกสาวเอ่ยถึง คือโจวเฉาหลี่ พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอเอง เขาไม่เคยอนุญาตให้ลูกสาวเรียกเขาว่าพ่อ แต่กลับให้ลูกชายของรักแรกเขาเรียกพ่อได้

ความปรารถนาสูงสุดในวันเกิดของจือจือ คือการได้ฉลองกับพ่อ และหวังว่าพ่อจะอนุญาตให้เธอได้เรียกเขาว่าพ่อสักครั้ง

เนื่องจากจือจือมีภูมิคุ้มกันต่ำ เมื่อปีที่แล้วเธอต้องยืนรอโจวเฉาหลี่กลับมากินข้าวท่ามกลางลมหนาวจนเป็นไข้หวัดใหญ่และกลายเป็นโรคปอดบวม ปีนี้อาการของเธอก็ทรุดลงอย่างรวดเร็วจนต้องนอนโรงพยาบาลมาตลอด

และในวันนี้ ซึ่งเป็นวันในฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกอีกครั้ง จือจือก็แอบเธอไปยืนรอโจวเฉาหลี่กลับมากินข้าวที่หน้าประตูบ้านอีก

หลังจากที่เธอหมดสติไป ชิงอี้ก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

หมอออกหนังสือแจ้งภาวะวิกฤติ

ชิงอี้ขอร้องให้โจวเฉาหลี่กลับมาฉลองวันเกิดกับลูก

เขารับปากแล้ว

แต่เขาก็ผิดสัญญาอีกครั้ง

เธอกอดร่างเล็ก ๆ ที่ผ่ายผอมของลูกสาวไว้อย่างแผ่วเบา พลางกระซิบว่า “ลูกรัก... ลูกหลุดพ้นแล้วนะ”

ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยอีกต่อไป

ไม่ต้องถูกพ่อเกลียดชัง ไม่ต้องเฝ้ารอคอยความรักจากพ่อที่ไม่มีทางได้รับทุกวันอีกแล้ว

“แม่คะ ทำไมคุณอาไม่ให้หนูเรียกพ่อ แต่พี่ชายเรียกได้ล่ะคะ...”

“แม่คะ เป็นเพราะว่าน้าหร่วนชอบพี่ชาย พ่อถึงได้ชอบเขาใช่ไหมคะ...”

คำถามไร้เดียงสาเหล่านั้นของลูกสาว ราวกับยังคงดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ข้างหูของเธอ

เธอที่อายุยังน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงไม่ชอบตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเรียกพ่อไม่ได้ คิดแค่ว่าตัวเองดีไม่เท่าพี่ชาย พ่อถึงได้ไม่รักตัวเอง...

หกปีก่อน เธอเกิดพลาดพลั้งกับโจวเฉาหลี่จนตั้งท้องจือจือ และต้องแต่งงานกันด้วยเหตุนี้

ตอนที่คลอดจือจือ เธอตกเลือดอย่างหนักเพราะคลอดยาก แต่เขากลับไม่เคยใส่ใจไถ่ถาม

เพราะโจวเฉาหลี่กำลังไปเฝ้าหร่วนหนิงถัง รักแรกของเขาที่กำลังคลอดลูกเช่นกัน ใครสำคัญกว่าใคร เห็นได้ชัดในทันที

หลังจากหร่วนหนิงถังคลอดลูกชาย เธอก็ทิ้งลูกไว้ให้โจวเฉาหลี่แล้วเดินทางไปต่างประเทศ หายตัวอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนเธอที่รักโจวเฉาหลี่มานานหลายปี เพื่อเอาใจเขา จึงยอมรับลูกที่เกิดจากรักแรกของเขามาเลี้ยงดู และเธอก็เลี้ยงดูเด็กคนนั้นให้โตมาอย่างดีประดุจลูกแท้ ๆ ของตน

เขาไม่ให้จือจือเรียกพ่อ แต่กลับปฏิบัติต่อลูกของรักแรกราวกับของล้ำค่า นี่คือความแตกต่าง...

ตอนที่คลอดยากครั้งนั้น เธอน่าจะเข้าใจได้แล้วว่าหัวใจของผู้ชายก็เหมือนก้อนหิน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีวันอบอุ่นขึ้นมาได้

ทั้ง ๆ ที่จือจือเกิดก่อนในช่วงเช้า แต่เขากลับจะให้ลูกชายของรักแรกเป็นพี่ และมอบสถานะหลานชายคนโตของตระกูลโจวให้เขา

จนกระทั่ง

ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายของโจวเฉาหลี่

ส่วนจือจือ เป็นแค่ลูกนอกสมรส!

หมอยืนอยู่ด้านหลัง มองแผ่นหลังที่สั่นเทาของเธออย่างหนักใจ “พ่อของเด็กยังไม่มาอีกเหรอครับ?”

ตั้งแต่ที่โจวอวิ๋นชูเข้ารักษาตัวจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เคยเห็นเงาของพ่อเด็กเลย

แววตาของชิงอี้เย็นเยียบขึ้น ก่อนจะแค่นหัวเราะ “พ่อของเด็กน่ะเหรอ กำลังพาลูกนอกสมรสของเขาไปต่างประเทศเพื่อพบแม่แท้ ๆ แล้วก็จัดงานวันเกิดให้เขาอยู่”

เป็นแบบนี้ทุกปี

ส่วนเธอก็โง่เง่าเลี้ยงลูกให้คนอื่นมาสี่ปี

เด็กที่เกิดวันเดียวกัน แต่จือจือกลับได้รับเพียงความเย็นชาที่ไม่สิ้นสุด!

หมอชะงักไปครู่หนึ่ง มองผู้หญิงที่น่าสงสารตรงหน้าแล้วไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไร

วันแรกที่จือจือจากไป ชิงอี้ก็จัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างให้ลูก

เอกสารยืนยันขั้นตอนการเผาศพของเมืองเป่ย จำเป็นต้องมีลายเซ็นของพ่อและแม่

ชิงอี้กลับไปที่วิลล่าอ่าวท่าเรือเพื่อเก็บของของจือจือ

เสียงรถยนต์ดังขึ้นจากชั้นล่าง

“คุณพ่อครับ! คุณพ่อจะทิ้งแม่แล้วไปแต่งงานกับน้าหร่วนเมื่อไหร่ครับ ผมอยากให้น้าหร่วนเป็นแม่ของผม!”

โจวเฉาหลี่พาดเสื้อโค้ตไว้บนแขน ก้มลงไปหยิกแก้มของเด็กชาย “หนานหนาน ลูกเรียกน้าหร่วนว่าแม่ได้เลยนะ”

ชิงอี้ที่อยู่ชั้นบนได้ยินทุกอย่างชัดเจน

หัวใจของเธอเจ็บแปลบจนต้องหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ

“ไปให้แม่ของลูกอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ แล้วจะได้ไปงานเลี้ยงต้อนรับน้าหร่วนของลูก”

หนานหนานกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “เย่!”

แต่แล้ววินาทีต่อมา ใบหน้าเล็ก ๆ ของหนานหนานก็สลดลง “แต่ว่า... ถ้าแม่รู้ แม่จะไม่ให้ผมไปหรือเปล่าครับ? ผมเกลียดแม่ที่สุดเลย แม่ไม่เคยให้ผมกินของข้างนอกเลย!”

โจวเฉาหลี่ลูบหัวของหนานหนานเป็นเชิงให้ท้าย “พ่ออยู่ตรงนี้ทั้งคน เธอไม่กล้าหรอก”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น และสบตากับชิงอี้ที่กำลังเดินลงบันไดมาพอดี

ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ก่อนจะเบือนสายตาหนีไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา ราวกับมองไม่เห็นเธอ

หนานหนานวิ่งเข้าไปจับมือชิงอี้ “แม่ อาบน้ำให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอก”

ชิงอี้ชักมือกลับ แล้วเงยหน้ามองโจวเฉาหลี่ “คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

โจวเฉาหลี่เหลือบมองเธอชืด ๆ “อะไร?”

หลายปีมานี้ เขาเย็นชามาตลอด ทั้งกับเธอและกับจือจือ

ชิงอี้หัวเราะเยาะตัวเอง

ใช่สิ เขาจะไปจำได้ยังไงว่าจือจือกับหนานหนานเกิดวันเดียวกัน?

วันเกิดของหนานหนาน ทุกปีเขาจะพาไปฉลองกับหร่วนหนิงถังอย่างยิ่งใหญ่

ส่วนจือจือ ในทุก ๆ ปี ทำได้เพียงยืนรอพ่อที่ไม่เคยกลับบ้านท่ามกลางลมหนาว

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

โจวเฉาหลี่แค่นเสียง “วันนี้ไม่ว่าง”

“ไม่รบกวนเวลาคุณนานหรอก” ชิงอี้พูด “แค่เซ็นเอกสารสองฉบับ”

เธอยื่นแฟ้มเอกสารให้เขา พร้อมกับชี้จุดที่ต้องเซ็นชื่อ

โจวเฉาหลี่ดูรำคาญอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าการอยู่กับเธอเพิ่มอีกแม้แต่วินาทีเดียวก็ทำให้เขาหงุดหงิด

เขาขมวดคิ้วแล้วตวัดลายเซ็นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งเอกสารคืนให้เธอ

“คืนนี้ฉันกับหนานหนานจะอยู่ข้างนอก ไม่กลับ พรุ่งนี้เช้าให้จือจือไปลาครูให้หนานหนานครึ่งวันด้วย”

ชิงอี้กัดฟันกรอด นิ้วที่กำแฟ้มเอกสารบีบแน่นจนข้อขาวซีด

หากเพียงแต่เขาลองมองดูสักนิด

ก็จะเห็นว่าฉบับหนึ่งคือใบหย่า และอีกฉบับคือเอกสารเผาศพของจือจือ

แม้แต่การเซ็นเอกสารเขายังทำแบบขอไปที

“แล้วก็ บอกจือจือด้วยว่าไม่ต้องโทรมา”

ชิงอี้แค่นหัวเราะ

จือจือคงไม่โทรไปอีกแล้ว

และเธอก็จะไม่โทรไปอีกเช่นกัน

โจวเฉาหลี่มองท่าทีที่ผิดปกติไปของเธอ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว ทางฝั่งหร่วนหนิงถังก็โทรมาถามว่าพวกเขาจะไปถึงเมื่อไหร่

หนานหนานยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เดินตามโจวเฉาหลี่ออกไป “คืนนี้จะให้คุณแม่คนใหม่อาบน้ำให้แล้วกัน”

ชายหนุ่มขานรับอย่างตามใจ

“ได้สิ”

ชิงอี้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินจากไปเนิ่นนาน

เธอรวบรวมข้าวของทุกอย่างในบ้านที่เกี่ยวข้องกับเธอและจือจือออกมาเผาทิ้งทั้งหมด

จากนั้นก็เดินทางไปที่ฌาปนสถานเพื่อเผาศพของจือจือ

เมื่อได้รับเถ้ากระดูก

น้ำตาของชิงอี้ก็ไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“จือจือ รอแม่นะ อีกไม่นานแม่จะรีบตามไปอยู่เป็นเพื่อนลูก...”

อีกด้านหนึ่ง

โจวเฉาหลี่พาหนานหนานไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับการกลับประเทศของหร่วนหนิงถัง

ทั้งสามคนดูชื่นมื่นสนิทสนมราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนต่างชื่นชมว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ และกล่าวหาว่าชิงอี้หน้าด้านยึดตำแหน่งคุณนายโจว ทำลายครอบครัวของพวกเขา

ในตอนนั้นเอง มีคนคนหนึ่งรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาโจวเฉาหลี่

“คุณโจวครับ ภรรยาและลูกสาวของคุณได้ทำพิธีเผาในวันนี้ ขอเชิญคุณไปรับเถ้ากระดูกที่ฌาปนสถานด้วยครับ”

โจวเฉาหลี่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว กลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เธอโตป่านนี้แล้ว คิดจะเล่นบทหึงหวงนี้ไปอีกนานแค่ไหน?”

“แต่ว่า คุณเป็นคนเซ็นเอกสารเผาศพด้วยตัวเองนะครับ แถมยังเซ็นใบหย่าด้วย...”

หัวใจของชายหนุ่มพลันหยุดเต้นไปชั่วขณะ “คุณว่าอะไรนะ”

โจวเฉาหลี่รีบขับรถไปยังฌาปนสถานทันที เขาไปถึงทันได้เห็นร่างของภรรยาและลูกสาวถูกผลักเข้าไปในเตาเผา

เพียงแค่ภาพนั้นภาพเดียว หัวใจของเขาก็ราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ

เจ้าหน้าที่ฌาปนสถานเห็นเพียงชายคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้นดัง ‘ตุ้บ’...
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 64

    ชิงอี้คุ้นหน้าคุ้นตาคนคนนี้ดีเป็นหัวหน้าผู้ช่วยของโจวเฉาหลี่ ชื่อหลีหนานคนคนนี้เป็นเพียงคนเดียวในบริษัทที่รู้เรื่องความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาชิงอี้ขมวดคิ้ว มองไปยังทิศทางหนึ่งรถมายบัคคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักบริเวณประตูโรงเรียนอนุบาลไฮโซ ในบรรดารถหรูมากมาย รถของโจวเฉาหลี่ถือว่าไม่โดดเด่นมากนักความตั้งใจที่โจวเฉาหลี่มาเชิญตัวเธอไปนั้น เธอก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ อยู่นอกจากเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้หร่วนหนิงถังแล้ว เธอก็คิดไม่ออกว่ายังมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้เขาลงแรงถึงขนาดนี้ชิงอี้ไม่คิดสนใจทว่าหลีหนานยังคงยืนตระหง่านขวางเอาไว้ ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เขาไม่คิดจะปล่อยให้เธอไปจือจือขมวดคิ้วมุ่น มองหลีหนาน ความระอาผุดอยู่ในดวงตาชิงอี้สีหน้าเย็นชาขึ้นหลายส่วน “นี่คุณคิดจะทำเรื่องผิดกฎหมาย บังคับจับตัวพวกเราขึ้นรถสินะ?”หลีหนานสีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง “ไม่กล้าครับ แค่จะเชิญคุณนายขึ้นรถเฉย ๆ ”“ประธานโจวบอกว่า ประธานรู้ว่าของที่คุณนายต้องการอยู่ที่ไหนครับ”......หนึ่งนาทีต่อมาชิงอี้เตรียมจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังหลีหนานตรงเข้าไปขวาง แล้วเป

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 63

    “เธอ... จบแค่ปริญญาตรีจริง ๆ เหรอ?” เฉิงจิ้งขมวดคิ้วแน่น “อย่าบอกนะว่าปลอมประวัติการศึกษามา”ชิงอี้ปล่อยเมาส์ในมือ เธอยืดตัวตรง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจบปริญญาตรีจริง ๆ”บรรดาคนในห้องประชุมต่างมองหน้ากันและกันจะเป็นไปได้ยังไง?เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งถึงกับล้มนักศึกษาดีเด่นอย่างพวกเขาทุกคนได้ในพริบตาถึงกับคว่ำประธานลู่ของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ จะดีร้ายอย่างไรประธานลู่ก็เป็นถึงลูกศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์เฮ่อ เป็นนักเทคนิคคนสำคัญของสถาบันห้าหนึ่งหนึ่งหวังสี่ตกตะลึง “เสือซ่อนเล็บคนหนึ่งชัด ๆ ”เธอมองเฉิงจิ้ง “ตอนนี้เธอน่าจะยอมรับได้แล้วใช่ไหม? ควรจะขอโทษเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของพวกเราด้วยสักหน่อยนะ?” เฉิงจิ้งนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ด้วยมีความสามารถอยู่กับตัวจริง ๆ เธอกระวนกระวายเรื่องที่ลู่จินอันปฏิเสธหร่วนหนิงถัง แต่รับชิงอี้เข้ามาทำงานอยู่ตลอดทำให้ยิ่งไม่พอใจในตัวชิงอี้และตอนนี้ ความสามารถของชิงอี้ก็สูงกว่าหร่วนหนิงถังลิบลับเธอยอมรับว่าครั้งนี้เธอสะเพร่าไปสักหน่อยมันมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งในล้านล้านเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับเธอ เรื่องที่เด็กปริญญาตรีคนหนึ่งคว่ำพวกเธอทุกคนได

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 62

    เดิมทีเฉิงจิ้งนั้นไม่พอใจเธออยู่แล้วยิ่งตอนนี้มีมูลเหตุ ก็ยิ่งกัดไม่ปล่อย“ในเมื่อที่บ้านมีเรื่อง ก็จัดการให้เสร็จก่อนค่อยมา ไม่ต้องมาทำตัวขายหน้า เป็นตัวถ่วงอยู่ที่นี่”ตอนนี้เองที่หวังสี่ผู้เป็นสมาชิกทีมก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยปาก “พอแล้ว พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ไปประชุมที่ห้องประชุมได้แล้ว”ในเมื่อเธอมาถึงบริษัทและเข้าทีมแล้ว จะบีบคั้นยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเธอเข้ามาทำงานแล้วไม่ได้ เฉิงจิ้งแค่นเสียงเย้ยหยันอย่างเย็นชา แล้วหมุนตัวเดินไปห้องประชุมหวังสี่ก้าวเข้าไปมองชิงอิง เห็นใจไม่น้อย เลยเอ่ยปลอบ “เฉิงจิ้งก็นิสัยแบบนี้แหละ เธอมีความสามารถยอดเยี่ยม เลยหยิ่งผยอง คิดว่าเธอใช้เส้นสาย ไว้เธอเผยความสามารถของตัวเองออกมาก็ใช้ได้แล้ว”“ขอแค่มีความสามารถ เฉิงจิ้งก็จะยอมรับเธอเอง”ชิงอี้ยิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หวังสี่เห็นเธอวางตัวดี ไม่วางท่าอย่างใช้เส้นเข้ามาเลยดังนั้นเลยพูดต่ออีกสักหน่อย “ถ้าเธอไม่โอเค ก็พยายามเงียบ ๆ ไว้ ไม่ต้องไปโผล่หน้าให้เฉิงจิ้งเห็นก็พอ เจ้าตัวน่ะขึ้นชื่อว่าชอบกลั่นแกล้งคนอื่น”......ชิงอี้เข้าไปห้องประชุม ตรงหน้าของทุก

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 61

    หลี่หว่านฮุ่ยทำอาหารอยู่ที่บ้านเสร็จเรียบร้อย ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมคละคลุ้ง“จือจือยังไม่ตื่นเหรอคะ?”หลี่หว่านฮุ่ยส่ายหน้า “ยังเลย”“นี่มือลูกเป็นอะไร?”“ไม่มีอะไรค่ะ” ชิงอี้เม้มปาก “ไม่ทันระวังเลยบาดเจ็บเข้าน่ะ”หลี่หว่านฮุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเธอแกะผ้ากันเปื้อน “แม่ไม่อยู่กินข้าวนะ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้แม่ต้องไปจัดการ”ชิงอี้ชะงัก มองสีหน้าของคนเป็นแม่ “ให้หนูช่วยอะไรไหม?”“ดูแลตัวเองให้ดี”พูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินออกไป ฝีเท้าก้าวฉับ ๆ ดูเหมือนกำลังรีบร้อนไม่เบาชิงอี้มองเงาหลังที่เดินจากไปของแม่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่าเธอกลับไม่ได้คิดอะไรมาก หลงคิดแค่ว่าเป็นเพียงเรื่องทั่ว ๆ ไปเท่านั้นเดิมทีบริษัทก็ไม่ได้มั่นคงอยู่แล้ว การที่จะต้องยุ่งอยู่กับกิจการนับว่าเป็นเรื่องปกติบางทีเธออาจจะไม่ควรเอาแต่รบกวนให้แม่มาคอยดูแลจือจือ สังคมในทุกวันนี้ไม่มีใครที่มีชีวิตเรียบง่ายเลยสักคนยิ่งกว่านั้นคือหลี่หว่านฮุ่ยก็ยังต้องถูกพ่อของเธอตามวอแว ถึงจะหย่าแล้วก็ยังมาวุ่นวาย ตัดไม่ขาด ยิ่งสนใจก็ยิ่งยุ่ง......เรือนหอโจวเ

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 60

    ชิงอี้มองดูข้อความที่อยู่บนมือถือ หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันเขารักและทะนุถนอมหร่วนหนิงถังมากจริง ๆ กลัวว่าเธอจะน้อยเนื้อต่ำใจแม้เพียงเล็กน้อยถ้าเขาไม่ส่งข้อความมา เธอคงลืมไปแล้วว่ายังมีคนประเภทนี้อยู่ในรายชื่อของเธอชิงอี้ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น ลบและบล็อกอย่างรวดเร็วในทันทีถึงแม้เขาจะไม่ยอมเซ็นหย่า เธอก็ไม่จำเป็นต้องรอโทรศัพท์และข้อความจากเขา ไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ให้รำคาญใจอีกแล้วถ้าไม่เห็น ก็ไม่รำคาญใจ......หลังจากส่งจือจือกลับแล้ว ชิงอี้ก็ไปพบกับทนายหนิงทนายหนิงเป็นทนายใหญ่ พื้นฐานแล้วไม่รับคดีแพ่งที่เป็นคดีหย่าร้างพวกนี้เนื่องจากลู่จินอันแนะนำ เขาจึงยินดีที่จะช่วยสถานที่นัดหมายของพวกเขาอยู่ที่คลับเฮาส์ตอนที่พวกชิงอี้ถึง ทนายหนิงมาถึงเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะคะ มาช้าไปหน่อย”เมื่อทนายหนิงเห็นชิงอี้ ก็ยิ้มเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปที่เธอ “สวัสดีครับ ผมหนิงฉง”เขาท่าทางสง่างาม เป็นสุภาพบุรุษที่มีมารยาทหลังจากชิงอี้จับมือกับเขาแล้ว หนิงฉงก็เรียกให้เธอเข้าไปพูดคุยอย่างไม่อ้อมค้อมในทันทีหนิงฉงมีความสามารถเฉพาะทางสูงมาก เพียงสองสามประโยคก็สามา

  • วันแห่ศพคุณไม่ว่าง พอฉันเกิดใหม่แล้วได้ดีคุณกลับคลั่ง   บทที่ 59

    กระสุนลูกหนึ่งยิงมาที่ข้อมือของเธออย่างจัง ปวดแปลบเป็นระยะหน้าผากของเธอมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ”จือจือน้ำตาพร่ามัว ร้อนรนจวนจะร้องไห้ออกมาเมื่อคุณครูเห็น ก็ตกใจจนหน้าซีด “นี่คุณบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าแม่ใหม่ของโจวอวิ๋นเยว่อีก เมื่อกี้ทำไมไม่พูดล่ะคะ? รีบไปจัดการที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ”เมื่อเห็นมือมีเลือดไหลออกมามากมายขนาดนั้น ก็ตกใจอย่างมากเธอบาดเจ็บ ไม่สามารถขับรถได้ ทำได้เพียงเรียกแท็กซี่เท่านั้นจือจือตกใจจนน้ำตาไหลตลอดเวลา ในใจเป็นห่วงแม่ ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก“โทรหนึ่งหกหกเก้าเถอะ คุณแม่…คุณแม่เจ็บไหมคะ?”“ชิงอี้!”เสียงของลู่จินอันแว่วดังมาจากประตูใหญ่หลังจากที่ลู่จินอันได้รับข่าวว่าชิงอี้ขอลา ก็รู้สึกไม่วางใจ จึงตามมาที่นี่ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าพอมาถึงจะมองเห็นฉากแบบนี้ตรงหน้า“มือของเธอเกิดอะไรขึ้น? ร้ายแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?” ลู่จินอันขมวดคิ้วแน่น “ฉันจะส่งเธอไปโรงพยาบาล อย่าให้ติดเชื้อ”เขารู้สึกโชคดีที่ตนเองมาที่นี่ชิงอี้เป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความรับผิดชอบคนหนึ่ง ถ้าไม่เกิดเรื่อง เธอไม่มีทางออกจากตำแหน่งที่ทำงานง่าย ๆ แน่สามารถทำให้เธอร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status