เฉินชิงซงกลับมาถึงเรือนนอนก็พลบค่ำแล้ว เขาเดินทอดน่องมุ่งตรงไปยังเตียงนอน ตั้งแต่ฤทธิ์สุราราคะหมดไป รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายตามไปด้วย ความง่วงงันเข้าครอบงำอย่างรวดเร็ว
“ท่านปั๋ว” อาหู่ที่ยืนหน้าห้องนอนยอบกายคารวะ
“ฮูหยินเล่า อยู่ไหน” เฉินชิงซงถามเสียงเนือย พร้อมปิดปากหาวหวอด ๆ หนึ่งครั้งจนน้ำตาเล็ด
“พักผ่อนตั้งแต่บ่าย ตอนนี้ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะ” อาหู่ก้มหน้าลงอย่างเหนียมอาย พลางหวนคิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วหัวใจชวนสยิว เจ้าบ่าวเจ้าสาวกระหวัดเกี่ยวเป็นร่างเดียวกันอยู่ค่อนคืน กว่าฤทธิ์สุราราคะจะทุเลา
“วันนี้เวรยามเจ้ารึ”
เฉินชิงซงทบทวนความจำ สินเดิมของฮูหยินมีบ่าวไพร่ติดตามมาด้วยจำนวนหนึ่ง และสองสาวใช้ที่เขาพบหน้าเมื่อวานคงเป็นคนสนิท เช่นนั้นก็เหมือนกับเป็นคนใต้บัญชาของเขาไปด้วย
“เจ้าค่ะ” อาหู่ก้มหน้ารับคำ ไม่กล้าสบตาท่านแม่ทัพหนุ่มผู้หล่อเหลา นางหวั่นในใจกลัวจะหลงรักประมุขในจวน เหมือนในนิยายประโลมโลกที่ตนนั้นชอบอ่านนักหนา
“รบกวนเจ้าแล้ว” ผู้เป็นนายกล่าวสั้น ๆ แล้วก้าวเท้าข้ามธรณีประตูเข้าด้านในห้องนอน มิได้แทะโลมสาวใช้ใบหน้าอ่อนเยาว์แลดูงดงามแต่
อันใด แม้เขาจะมีสิทธิ์เต็ม ๆ ก็ตามบ่าวไพร่ก็เหมือนสิ่งของชิ้นหนึ่งจะหยิบฉวยมาดมดอมอย่างไรก็ได้...
ทว่านิสัยเฉินชิงซงมิได้มักมากในกามอารมณ์ เฉกเช่นบุรุษมากรักพวกนั้น หัวใจเขาย่อมมีเพียงดวงใจเดียวที่ปรารถนา ถึงตอนนี้ยังไม่ได้รักใคร่ในตัวจางเหม่ยอวี้อย่างลึกซึ้ง แต่หวังสักวันหัวใจที่เคยปิดตายจะเปิดรับนางเข้ามามากกว่าตอนนี้
เฉินชิงซงเดินมาถึงเตียงนอน พลางเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งทอดสายตามองจางเหม่ยอวี้ หัวใจที่เคยเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเหลวเป็นน้ำ
นางนอนริมนอกเว้นด้านในไว้ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ทั้งที่เขาไม่อยู่เรือน แท้ ๆ หากจะนอนกลิ้งไปทั่วก็ยังได้ แต่นางกลับนอนในท่านอนแบบที่ ฮูหยินพึงกระทำเป็นการให้เกียรติสามี“ลำบากเจ้าแล้ว” เฉินชิงซงอมยิ้ม แล้วโน้มกายไปอุ้มฮูหยินตัวน้อยให้ขยับไปนอนด้านในของเตียง
คู่ข้าวใหม่ปลามันหลับลึกจนถึงเช้าตรู่ ด้วยร่างกายจางเหม่ยอวี้
ชินกับการตื่นยามเหม่า นางงัวเงียลืมเปลือกตาขึ้นมา แล้วลุกนั่งบิดขี้เกียจอย่างลืมตัว“อา...ท่านพี่” สตรีตัวน้อยสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นสามีนอนด้านนอก ส่วนตัวเองนอนด้านในของเตียง นางมึนงงสับสน ทบทวนความจำว่า
ตนนอนด้านนอกเมื่อวานตั้งแต่บ่าย เพราะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเลยหลับ ลากยาวถึงเช้าอีกวัน ทว่าตอนนี้กลับเปลี่ยนที่นอน ซึ่งผิดธรรมเนียมยิ่ง“เช้าแล้วหรือ”
เฉินชิงซงถามอย่างเป็นกันเอง เขาก็เป็นคนเช่นนี้ ไม่คิดถือสา
หาความ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง นอนฝั่งไหนก็คือนอนหลับพักผ่อนได้เหมือนกันทั้งนั้น เกิดมาเป็นเจ้าคนนายคน ไยต้องยึดหลักปฏิบัติเล็กน้อยพวกนี้ให้มากความกัน“น้องหญิงนอนต่อเถอะ พี่จะออกไปฝึกยุทธ์กับเหล่าพลทหาร”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ น้องต้องเข้าครัว” จางเหม่ยอวี้รู้สึกขายหน้าเป็นที่สุด ลนลานลุกจากเตียง นึกคิดไปถึงเรื่องโรงครัว ทว่านางกลับถูกสามีรวบกอดจนจมแผ่นอกไปเสียก่อน
“ทะ…ท่านพี่!”
“ชู่ว…อย่างเสียงดังสิ”
“แต่ว่าท่าน…”
“ข้าทำไมรึ” เฉินชิงซงเห็นฮูหยินหน้าแดงก็เกิดพึงพอใจ เขาไม่เคยเห็นสตรีใดน่ารักน่าชังเท่านี้มาก่อน “ที่นี้จวนปั๋วเฉิน บ่าวไพร่มีเป็นร้อย ไยต้องให้ฮูหยินมือเปื้อนด้วย” เอ่ยไปมือหนาก็ลูบศีรษะทุยของภรรยาด้วยความเอ็นดู
ฮูหยินของเขาถูกเคี่ยวเข็ญให้อยู่แต่ในกรอบธรรมเนียมปฏิบัติ
จนเคร่งเครียด ต่างจากจวนแม่ทัพฝ่ายทหารที่สิ่งไหนหย่อนได้ก็ปล่อย สิ่งไหนควรตึงก็ต้องเข้มงวด“นอนต่ออีกหน่อยเถิด วันนี้ยามสายจะมีแขกมาเยือนที่จวน”
เขาบอกกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำต่อผู้ใด
“แขกที่ไหนเจ้าคะ”
จางเหม่ยอวี้ย่นหว่างคิ้วถาม ตามหลักกฎเกณฑ์แล้ว ขุนนางที่เพิ่งแต่งงานมีวันลาได้หนึ่งเดือน ห้ามยุ่งเกี่ยวราชสำนัก
“พยานมาชี้ตัวคนร้าย” เขาเอ่ยปากอย่างสบายอารมณ์ สุ้มเสียงของเขาอ่อนโยนสุดจะเปรียบ
“ท่านพี่ หมายถึง…”
“บ่าวคนสนิทของคุณชายกัว”
เมื่อได้รับคำตอบ จางเหม่ยอวี้ถึงกับลอบกลืนน้ำลาย บรรยายไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนรู้จักที่คุ้นเคยสนิทชิดเชื้ออย่างฉางทิงบ่าวรับใช้ของอดีตคนรัก
“เจ้ามีปัญหาหรือที่คนฝั่งนั้นมา”
คำถามนี้ทำเอาจางเหม่ยอวี้ใจเต้นสะท้านไหว หากอกนางเป็นภูเขาก็คงกร่อนร่วงลงสู่พื้นดิน อย่างยากจะหาความมั่นคงใดมาประสานให้ใจแข็งแกร่งดังเดิม
“เปล่าเจ้าค่ะ”
แต่สุดท้ายนางก็ยิ้มให้แก่สามี เมื่อเห็นว่าเขามีแววตาสงสัยใคร่รู้
หนักหนา และแววตาเช่นนั้นก็ดูดุกร้าวอย่างคนไม่พอใจยิ่ง“น้องขอไปเตรียมน้ำให้ท่านพี่นะเจ้าคะ” จางเหม่ยอวี้ขยับตัวออกจากสามี ทว่านางกลับถูกดึงรั้งตัวให้ล้มนอนไปบนเตียงกว้าง
“ถ้าพี่ไม่ให้ไป เจ้าจะไปได้รึ”
“เล่นอะไรเจ้าคะ” จางเหม่ยอวี้ตกใจกับท่าทางคร่อมกายนางของเขา แม้ว่านางจะรับรู้ว่านี่คือเรื่องธรรมชาติของสามีภรรยา แต่ครานี้นาง
แค่ตั้งรับไม่ทัน“แม่ทัพอย่างพี่ไม่ชอบเล่นสนุกหรอกนะ มีแต่จะทำจริง และจะตั้งใจทำให้ดีเลิศกว่าผู้ใดด้วย”
เอ่ยจบปลายจมูกคมก็ซุกลงกับซอกคอขาว เฉินชิงซงจำได้ว่า
เขาสัญญากับตนเองว่าจะไม่ฝืนใจนาง แต่เพราะอาการไม่สบายใจของนาง ที่มีต่อคนของสกุลกัว มันทำให้เขาหลงลืมคำสัญญาของชาติทหาร จึงลงมือดื่มกินความหอมหวานที่เขาเพิ่งประจักษ์ได้คราวนี้ว่าชื่นชอบมันมากเพียงใดร่างเล็กถูกเขาจับไว้ ก่อนจะถูกเขาลูบไปทั่วอณูผิวกาย พร้อมมอบบทรักแสนรัญจวนที่ปนมากับความเสียวกระสันอย่างยากจะห้ามเสียงร้องแห่งความสุขให้แก่ภรรยา
เตียงนอนไหวระรัว เสียงเนื้อถึงเนื้อดังต่อเนื่องด้วยแรงอารมณ์ใคร่อันเกินทานทนไหว สองมือประสานเกี่ยวกันแน่น พอ ๆ กับช่วงล่างที่ขับเคลื่อนรัวเร็วไหลลื่น ดั่งคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งคราแล้วคราเล่า
“ท่านพี่…น้อง...อะ...อื้อ”
“พี่จะทำให้เจ้าลืมทุกอย่าง” เขาบอกแค่เพียงนั้น ความเร่าร้อนก็ทบทวีขึ้นมาทันตา
สุดท้ายทั้งเขาและนางก็ร่วมบรรเลงเพลงรัก แทนที่จะได้อาบน้ำเตรียมตัวไปรอต้อนรับแขก และกว่าบทเพลงนี้จะจบก็คงทำให้แขกต้องรอนานเกือบร่วมชั่วยาม
ตอนพิเศษ 2.2ส่วนคุณหนูรองจางเหม่ยอวี้ ดูเหมือนว่าจะมีนิสัยตรงกันข้ามกับพี่สาว หยิ่งผยองเงียบขรึมพูดน้อย ดื้อรั้นเอาแต่ใจ รักความสงบเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงเข้าสังคม แต่นับเป็นคนมีวาสนาดี เพราะคบหาอยู่กับคุณชายกัว ชาวเมืองครหาไว้อย่างนั้นแต่เพราะแม่ทัพปั๋วเฉินชิงซงอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบมาทั้งชีวิตย่อมเข้าใจเรื่องที่ว่า ‘การศึกไม่เคยหน่ายอุบาย’ ฉะนั้นเสียงนกกาสุนัขหมาป่าเห่าหอนที่ชาวเมืองคอยเต้าข่าว เขาไม่คิดเชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองชายหนุ่มต้องการดูเนื้อแท้ของสองตัวเลือก เพราะพวกนางหนึ่งในนี้จะต้องกลายเป็นสตรีที่เคียงข้างกายเขาไปตลอดชีวิต ในใจเขาจึงคิดไว้ว่านางต้องอ่อนโยนรู้กาลเทศะ ละเอียดลออเคร่งครัดจนไร้ช่องโหว่ อีกทั้งยังต้องฉลาดหัวไว ใจเยือกเย็น รู้เท่าทันเล่ห์อุบายต่ำทรามนานา เพราะจะได้สามารถเอาตัวรอดจากภัยอันตรายที่ซุ่มซ่อน ในขณะที่แม่ทัพเช่นเขาออกศึกไม่พำนักอยู่จวนทาสอัปลักษณ์หลังค่อมเดินลัดเลาะมาถึงระเบียงทางเดินดักรอคุณหนูรอง ส่วนคุณหนูใหญ่ยังคงอยู่แต่ในเรือนนอนไม่ได้ออกไปไหน“โอ๊ย! เดินอย่างไรไม่ดูตาม้าตาเรือ” จื่อผิงเอะอะโวยวายขึ้นหลังมีทาสชายหลังค่อมถอยมาชนปึก!ทาสอัปลักษณ
ตอนพิเศษ 2.1“เจ้าว่าอะไรนะ”ขุนนางฝ่ายบู๋ลำดับศักดิ์ปั๋ว ตระกูลเฉินนามชิงซง หรือแม่ทัพกองทัพจูเชว่คุ้มครองแดนใต้เงยหน้าขึ้นจากรายงานทางการทหาร หว่างคิ้วยับย่นฉับพลัน อดย้อนถามอย่างตกใจไม่ได้ หลังฟังคำบอกเล่าจากปากลูกน้องคนสนิท“เมื่อครู่ใครมาเข้าพบท่านแม่ แล้วชี้นำให้ท่านแม่ทำอะไรนะ...เปลี่ยนตัวเจ้าสาวพระราชทานอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มเปี่ยมด้วยความสนอกสนใจ ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งสับสนสงสัย ทั้งตะลึงและประหลาดใจ ก่อนตบท้ายด้วยขุ่นเคือง หากสิ่งที่ได้ฟังมาเป็นความจริง‘ตระกูลจางคิดจะสลับตัวเจ้าสาว’รองผู้บัญชาการกองทัพจูเชว่เผิงเสียนจือ ลอบกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า อดคิดในใจไม่ได้ว่าท่านแม่ทัพจะเพิกเฉย ไม่นึกยี่หระเสียอีก เขามารายงานตามปกติประจำวันไม่ได้เน้นเสียง หรือจงใจให้เจ้านายหันเหสนใจเรื่องดังกล่าวแต่งคนไหนก็เหมือนกันมิใช่รึ อย่างไรก็ไม่ได้แต่งด้วยความรัก รองแม่ทัพหนุ่มชะงักพักหนึ่งหยุดไปประมาณห้าอึดใจ จึงเริ่มเล่าวกเรื่องเมื่อครู่อีกครั้ง“ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหไม่น้อยเลยขอรับ” คนรายงานตามจริงถอนใจเศร้าๆ หลายครา นึกสงสารชะตากรรมคุณหนูรองที่มีแม่เลี้ยงเฉกเช่นอ
ตอนพิเศษ 1.2ชายหนุ่มกำลังจะโผกายสวมกอดภรรยา ทว่านางบีบจมูกและย่นหว่างคิ้ว เขาจึงเข้าใจทันทีว่า มันเป็นเพราะกลิ่นกายตนที่ทำให้อีกฝ่ายอาเจียนมากมายขนาดนั้น จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าใกล้อย่างคราแรก ๆ อีกทว่าในจังหวะแห่งความปลื้มปีตินั้นเอง อยู่ ๆ รองแม่ทัพเผิงวิ่งเข้ามาขัด พร้อมรายงานด่วนทางการทหาร บอกแก่เขาว่ามีข้าศึกโจมตี ทำให้แม่ทัพหนุ่มจำต้องโบกมืออำลาภรรยาที่กำลังแพ้ท้องอย่าหนักหน่วงด้วยความห่วงอาลัยยิ่ง“พี่จะรีบกลับมา น้องหญิงรอพี่ก่อนนะ” เขากล่าวคำลาด้วยใจที่ย่ำแย่ มองใบหน้าฮูหยินคนงามที่มองเขาตอบด้วยสายตาอย่างยากจะคาดเดาออกในวันนั้นจางเหม่ยอวี้ไม่มีคำลาใด ๆ หรืออวยพรให้เขาชนะศึก การกระทำที่นิ่งเฉยของนาง ทำเอาแม่ทัพผู้เด็ดเดี่ยวใจสั่นไหว เสมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจจนปวดหนึบนับจากวันอำลา เฉินชิงซงรู้สึกเดียวดายเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก เขาเอาแต่คิดถึงใบหน้าหวานของภรรยาตลอดทั้งวันทั้งคืน ความห่วงหาอาทรแผ่ซ่านทุกห้วงอณู ศึกก็ต้องรบ ทว่าหัวใจหดหู่ทำให้ส่งผลกระทบต่อการวางแผนกลศึก กระทั่งเหล่านายกอง รวมถึงรองแม่ทัพต่างวิตกว่าสุขภาพของท่านแม่ทัพจะย่ำแย่ จึงแนะนำให้เขาเขีย
ตอนพิเศษ 1.1หลังจากเข้าพิธีสมรสได้หนึ่งเดือน เฉินชิงซงต้องวุ่นวายกับการโยกย้ายจวน เดินทางจากเมืองหลวงลงแดนใต้ กว่าจะถึงเมืองชายแดนจูเชว่ต้องใช้เวลาไปอีกหนึ่งเดือนครึ่ง ระยะนี้เขากับฮูหยินตัวน้อยจึงมิได้สานสัมพันธ์แนบแน่นกันเลยวันนี้ตั้งใจแน่วแน่ จะร่วมคืนวสันต์แสนหวานกับผู้เป็นภรรยา แค่คิดเรื่องสัปดน หัวใจก็เต้นโครมครามยากระงับไหว เลือดลมสูบฉีดจนใบหน้าคมคายแดงซ่าน ดวงตาคมทอประกายวาบวาม มิต่างอันใดกับทะเลยามราตรีที่เต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ“อวี้เอ๋อร์ เจ้ากำลังรอเหมือนพี่อยู่หรือไม่นะ” แม่ทัพหนุ่มรำพึงรำพันด้วยความสุขล้น สองมือเร่งหยิบรายงานทางการทหารที่กองพะเนินมาเปิดอ่าน เขาต้องประทับตราลงนามให้เสร็จแล้วรีบกลับจวนเฉินชิงซงใจเริ่มคุ้นชินกับการมีจางเหม่ยอวี้อยู่ข้างกาย ไม่ว่าตอนตื่นลืมตาช่วงเช้า รับสำรับมื้อแรกช่วงสาย ปิ่นโตมื้อกลางวัน และสำรับเย็นที่เรือนท่านแม่ก่อนปิดท้ายวันด้วยการเข้านอนทว่าพอถึงเวลาค่ำคืนของสามีภรรยา เขากับนางกลับทำเพียงแค่โอบกอด แล้วพากันสู่นิทรามิได้ลึกซึ้งเหมือนเช่นคืนเข้าหอแต่ในคืนนี้เฉินชิงซงตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า เขาจะต้องร่วมหอกับภรรยาตัวน้อยให้จงไ
บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(3) จากประโยคนี้ของสามี จางเหม่ยอวี้ถึงกับโผเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้ บุรุษผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก นางทำตัวร้ายกาจ วางแผนสังหารคนขนาดนี้ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่เคียงข้างและปกป้องนาง เช่นนี้แล้วนางจะไม่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในใจได้อย่างไร“ท่านพี่ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ”“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีเรื่องที่ต้องเกรงใจ”เฉินชิงซงยิ้มให้กับภรรยา หลังจากนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเรื่องใดผ่านเข้ามาทำให้ภรรยาของเขาต้องเคร่งเครียดและเสียน้ำตาอีกแล้วจวนปั๋วเฉินแห่งแดนใต้จูเชว่หนึ่งปีแล้ว หลังจากโยกย้ายครอบครัวมาอยู่แดนใต้ เริ่มแรกก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายยกใหญ่ จางเหม่ยอวี้สตรีเมืองหลวงผู้เพียบพร้อมจรรยามารยาทงดงาม ไม่คุ้นชินกับชาวบ้านชนบทที่พูดจาเสียงดัง ท่าทางกร่างจัด ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติ หลักการข้อไหนก็ไม่ยึดถือจางเหม่ยอวี้โชคดีที่มีสามีคอยแนะนำ มีแม่สามีสอนสั่ง ประเพณีที่นี่เป็นเช่นไร พึงศึกษาอยู่ไม่นานนักก็สามารถปรับตัวได้ทางด้านจื่อผิงออกเรือนแต่งเป็นอนุให้รองแม่ทัพเผิง ไม่รู้ไปต้องตาพึงใจกันตอนไหน จื่อผิงอยู่ชนชั้นทาสมาตั้งแต่เกิด
บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(2)เตียง ทั้งสองแลกเปลี่ยนจุมพิตกันอย่างยาววนาน ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร่าร้อนขึ้น ด้วยการสอดประสานกายเป็นหนึ่งเดียวกัน เช้าวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาเดินทางไปยังกองบัญชาการแห่งทัพจูเชว่ ซึ่งจางเหม่ยอวี้ได้พบกับจือหมิ่น น้องสาวของจือลิ่ว อดีตคนสนิทของอนุหลินจริง ๆ ทันทีที่จือหมิ่นเห็นว่าคนที่ก้าวเข้ามายังห้องที่นางถูกควบคุมตัวไว้เป็นใครก็มีสีหน้าซีดเผือด แข้งขาของเจ้าตัวพลันอ่อนแรง ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ปากคอสั่นจนหาเสียงตนเองไม่พบ“ดูท่าเจ้าคงจดจำนางได้สินะ”เฉินชิงซงมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด และคนตรงหน้าก็ยิ่งตัวสั่นกว่าเดิม เมื่อมองไปยังจางเหม่ยอวี้ที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา“คุณหนูรอง”“เจ้ารู้จักข้าด้วย ทั้งที่เราไม่เคยพบกันแท้ ๆ” จางเหม่ยอวี้กล่าวเหมือนนึกทึ่ง พลางเดินเข้าไปนั่งอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาจากนั้นเฉินชิงซงก็เริ่มสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้วิธีทรมานใด ๆ เพื่อให้จือหมิ่นยอมพูดความจริง หญิงสาวตรงหน้าที่มีความผิดบาปฝังมาในใจเนิ่นนานแล้วก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกและแล้วเรื่องราวตลอ
บทส่งท้าย บทสรุปของคำว่าครอบครัว(1)“นี่ข้าวของของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงโยกย้ายมันโดยพลการ!”ภายในจวนปั๋วเฉินเกิดความวุ่นวายขึ้น เสียงแว้ด ๆ ที่ดังอยู่ผู้เดียวจะเป็นใครได้ หากไม่ใช่น้องสาวของรองแม่ทัพเผิงชิ่นหลิงถลึงตามองจางเหม่ยอวี้ ดวงตาวาววับแทบลุกเป็นไฟ นางจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างไร จู่ ๆ ภรรยาของแม่ทัพที่เพิ่งตบแต่งได้ไม่นานก็ทำท่าวางอำนาจ ฉวยโอกาสตอนนางออกไปเที่ยวใช้ทาสมาเก็บข้าวของในเรือนรับรองใส่หีบ“เพราะข้าเป็นฮูหยินของจวนเฉินอย่างไรเล่า เจ้าเล่า! มีสิทธิ์อันใดอาศัยที่นี่ กาฝากรึ” จางเหม่ยอวี้ตอกกลับได้อย่างแสบทรวง “อีกประการข้าถามท่านพี่กับท่านแม่แล้ว พวกเขาไม่ได้เต็มใจต้อนรับเจ้า เพียงแต่ยังเกรงใจท่านรองแม่ทัพเผิงเท่านั้น”“นี่เจ้า!” เผิงชิ่นหลิงกรีดร้องด้วยความเดือดดาล นางชี้นิ้วใส่เฉินเย๋ปั๋วฟูเหรินอย่างไร้มารยาทยิ่งจางเหม่ยอวี้ที่ดำรงตำแหน่งภรรยาของจวนแม่ทัพไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยว นอกเสียจากเหยียดยิ้มชั่วร้ายให้กับท่าทางของสตรีที่ทำตัวไม่ต่างกับหนูสกปรกตัวหนึ่ง“ท่านรองแม่ทัพเคลื่อนกำลังพลกลับจูเชว่ตั้งแต่ราชโองการออกมาแล้ว เจ้ายังหน้าด้านอยู่จวนเฉินอีกรึ”“เจ้
บทที่ 15สุขทุกข์ร่วมแบ่งเบาเฉินชิงซงเห็นภรรยามีท่าทีไม่สบายใจมาหลายวันแล้ว อีกทั้งหลายครั้งนางก็เหมือนจะเหม่อลอย เวลาเขาสนทนาด้วยบางทีก็ตอบช้าไปกว่าทุกครั้งคล้ายมีเรื่องครุ่นกังวล“น้องหญิง เจ้ากังวลเรื่องใดหรือ เหตุใดพักนี้เจ้าจึงเหม่อลอยพิกล”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย ฝ่ายผู้เป็นภรรยาทำสีหน้าไม่ถูก ที่ผ่านมานางถูกสอนสั่งให้เอาใจใส่สามี เมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจ กังวลไปว่าตนเองบกพร่องในหน้าที่ฮูหยินของเขาหรือไม่“ขออภัยเจ้าค่ะท่านพี่”“ไม่มีเรื่องใดต้องขอโทษ เจ้าไม่สบายใจ พี่ควรช่วยเจ้าแบ่งเบา มีอะไรก็ว่ามาเถิด เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ”เขาเว้นคำพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาที่หม่นแสงของภรรยา ฉวยจับมือเล็กไว้มั่น แม้แต่งงานกันได้ไม่นาน แต่เขาก็เอื้ออาทรในตัวของจางเหม่ยอวี้อย่างยิ่ง จึงไม่ต้องการเห็นนางมีเรื่องหม่นหมองในใจ“จำไว้...ไม่มีเรื่องใดที่บอกกล่าวพี่ไม่ได้”แววตาของสามีที่ทอดมองมาอ่อนโยนยิ่งนัก หญิงสาวเห็นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งในใจ เฉินชิงซงอาจเป็นคนเย็นชาพูดน้อย แต่แท้จริงกลับใส่ใจทุกเรื่องของนาง ขนาดเขาออกไปตรวจค่ายทหารทุกวัน และเจอนางไม่
ตอนที่14.2 มดปลวกรวมตัว(2)ฉางทิงกับบ่าวฉกรรจ์อีกสามคนฉุดกระชากลากถูคนร้ายไปตามระเบียงไม่คิดไว้ไมตรีทะนุถนอมอันใด ฟู่หว่ากรีดร้องจนสุดเสียงก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยฮูหยินผู้เฒ่ายืนทอดสายตามองฟู่หว่า เด็กสาวที่นางเลี้ยงดูมากับมือทว่ากลับหลงเดินทางผิดถูกคนเลวหลอกใช้“ท่านแม่ อากาศเย็นแล้ว กลับเข้าห้องเถอะเจ้าค่ะ” จางเหม่ยอวี้ปั้นหน้าแย้มยิ้มระรื่น ทำเป็นมองไม่เห็นแม่สามีที่กำลังตรอมตรม“อือ รบกวนเจ้าแล้ว” หรูหรั่นเซียงถอนหายใจ ล้วงผ้าเช็ดหน้าซับหยดน้ำตา แล้วให้ลูกสะใภ้ประคองเข้าห้องนอน“แม่ขอโทษนะที่ตัดวาสนาของเจ้ากับคุณชายกัว”“อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” จางเหม่ยอวี้สั่นศีรษะพร้อมกับส่งยิ้มให้กับแม่สามีอย่างจริงใจ “ลูกรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคดีนัก ที่วันนั้นท่านแม่เลือกให้ลูกมาเป็นสะใภ้”“ไม่เคืองจริงหรือ” แม่สามีเย้าลูกสะใภ้ โดยที่มีจินหรงมามาอมยิ้มปลื้มปริ่มเดิมตามหลัง“ความจริงครั้งแรกก็รู้สึกโกรธเคืองไม่น้อยเจ้าค่ะ เพราะลูกฝึกฝนจรรยาฮูหยินเรือนหลังจวนขุนนางฝ่ายบุ๋นอย่างลำบากมานาน” ลูกสะใภ้หัวเราะเบาๆ อย่างเหนียมอายแม่สามีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าอกเข้าใจ จรรยาสตรี