Masukบทที่ 5
ค่ำนั้นเอเดนควบแม็คลาเรน 12 ซี สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนแล่นโฉบเฉี่ยวมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของ ‘แมทธิว ไครซ์ตัน’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผู้มีคุณสมบัติน่าตะครุบไม่แพ้กัน ว่ากันว่าถ้าเอเดนเปรียบเสมือนซูสกลับชาติมาเกิด แมทธิวก็คือโพไซดอน
ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น เจ้าของคฤหาสน์ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มวัยสามสิบสองก็เลิกคิ้วเข้มขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อนรัก
“เป็นอะไรวะเอเดน ทำหน้ายังกะแบกทวีปอเมริกาเอาไว้ทั้งทวีปอย่างนั้นล่ะ” เจ้าของดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ถามอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนใจเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่แมทธิวได้โมโหขึ้นมา ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลองไม่ต่างอะไรกับการถูกคลื่นยักษ์ถล่ม
“อย่าเพิ่งถามได้ไหมวะแมท นายให้คนไปเอาเหล้ามาดื่มก่อนเถอะ”
“อะไรของนายวะ มาถึงก็จะซัดเหล้าเลยเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” แมทธิวเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมทำตามความต้องการของเพื่อนรักโดยการหันไปสั่งพ่อบ้านที่เข้ามาคอยอำนวยความสะดวกเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีแขก
“เปล่า แค่อยากดื่มเฉยๆ” คนปากแข็งแบมือยักไหล่ พลางทรุดตัวนั่งลงและพาดแขนทั้งสองข้างไปตามพนักโซฟาด้วยท่วงท่าแบบสบายๆ
ไม่ถึงห้านาทีพ่อบ้านของแมทธิวก็นำเหล้าวิสกี้แมคคัลเลนชั้นเลิศมาวางให้ที่โต๊ะพร้อมกับแก้วสองใบ แมทธิวจัดการรินใส่แก้ว ก่อนจะส่งให้เอเดนด้วยตัวเอง ชายหนุ่มรับไปดื่มสองสามอึก แล้วคลึงแก้วราคาแพงใบนั้นเหมือนเป็นของเล่นที่น่าสนใจ
“คราวนี้จะบอกได้หรือยังว่านายมีเรื่องอะไร ถึงได้ถ่อสังขารมาซดเหล้าที่บ้านฉัน”
“มาดามแทลลีย์หาเมียให้ฉันว่ะ” เอเดนยอมเปิดปากในที่สุด
“เฮ้ยจริงน่ะ! ไม่อยากจะเชื่อ!” เจ้าของดวงตาสีเทอร์ควอยซ์อุทานเสียงดัง ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ
“อืม” คนถูกหัวเราะตอบเนือยๆ “นายหยุดหัวเราะได้หรือเปล่าวะ ฉันซีเรียสนะโว้ย”
“โทษทีว่ะ ก็มันขำจริงๆ นี่หว่า ใครจะคิดว่าเพลย์บอยตัวพ่ออย่างนายถูกแม่บังคับให้มีเมีย แล้วว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่นายเป็นใครวะ”
“หลานสาวของคุณซาร่าภรรยาเพื่อนพ่อฉัน”
“สาวไทยหรือ?” แมทธิวถามอย่างจำคนที่เพื่อนพูดถึงได้ แม้จะไม่สนิทสนมเป็นการส่วนตัวแต่ก็เคยถูกแนะนำให้รู้จักกับซาร่าหรือมาดามแซนด์เบิร์กในงานราตรีสโมสรซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของเหล่าบรรดานักธุรกิจชั้นนำ
“ใช่”
“ที่ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าเจอกับว่าที่เมียแล้วใช่ไหม”
“เพิ่งเจอวันนี้ล่ะ เธอมาที่บ้านกับคุณซาร่า”
“เป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่เลว” เอเดนตอบสั้นๆ ก่อนจะสาดน้ำสีอำพันในแก้วลงคอพรวดเดียว
“เฮ้ยเบาๆ สิ นั่นเหล้านะเว้ย ไม่ใช่น้ำหวาน” แมทธิวเตือนพลางส่ายศีรษะเพราะรู้ดีว่าเตือนไปก็เท่านั้น คนอย่างเอเดนเพื่อนของเขาถ้าคิดจะทำอะไรแล้วไม่มีใครห้ามได้
“กลัวอะไร เมาก็แค่นอนบ้านนาย”
“ถ้างั้นก็เชิญซดตามสบาย”
เอเดนเทเหล้าใส่แก้วแล้วสาดลงคอพรวดเดียวจนหมด ความร้อนของแอลกอฮอล์ที่ถูกบ่มมาอย่างดีบาดคอลงไปถึงท้อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกระคายแต่อย่างใด
“แล้วทำไมนายต้องมานั่งซัดเหล้าอยู่อย่างนี้วะ ถ้าเธอน่ารัก นายก็น่าจะแฮปปี้ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่าน่ารัก”
“แต่แม่นายก็ปลื้ม ท่าทางงานนี้นายจะตกที่นั่งลำบากว่ะ”
“นั่นล่ะที่น่ากลุ้ม ฉันกลับดีกว่าว่ะ” เอเดนระบายลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วลุกขึ้น
“อะไรของนายวะ เมื่อกี้ยังบอกว่าจะนอนบ้านฉันอยู่เลย”
“เอาไว้วันหลังแล้วกัน ไปล่ะ” เขายกมือโบกให้เพื่อน แล้วก้าวดุ่มๆ ออกไปโดยไม่สนใจอะไรอีก
พาหนะสมรรถนะสูงแล่นออกจากคฤหาสน์สุดหรู หลังจากที่มาจอดได้ไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยความเร็วค่อนข้างสูง แต่คนขับไม่ได้มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ของตัวเองอย่างที่บอกกับเพื่อนรักเอาไว้ เอเดนเหยียบคันเร่งและบังคับพวงมาลัยให้รถแล่นไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย ความจริงเขากะจะเมาแล้วนอนค้างที่คฤหาสน์ของแมทธิว แต่ที่ต้องหนีมาก่อนนั้นก็เพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องของว่าที่เจ้าสาว
“รดาดาว...” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเอง พลางคิดถึงใบหน้าหวานๆ ของเธอ ไม่ใช่แค่หน้าที่หวาน แต่ปากของเธอก็หวานเป็นบ้า หวานเสียจนอยากชิมอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ชิมที่ปาก แต่เขาอยากชิมทุกตารางนิ้วบนเรือนกายของเธอ!
เอเดนขยับตัวอย่างหงุดหงิดเมื่อตัวตนของเขาคึกคักประเจิดประเจ้อขึ้นมาประจานตัวเองไม่น่าเชื่อว่าแค่จูบเดียวจะทำให้เขาอยากได้เธอจนแทบคลั่ง สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่ากุลสตรีเช่นรดาดาวพร้อมจะกลายเป็นไฟได้เสมอหากได้รับการสอนที่ดี และคนที่จะมอบประสบการณ์นั้นให้เธอเป็นคนแรกก็ควรจะเป็นเขา ความปรารถนาเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรงทันทีที่ริมฝีปากของเขาประกบลงบนเรียวปากกระจับสีหวานของเธอ แต่เอเดนรู้ดีว่าแม่ของเขาไม่มีทางยอมให้ทำเล่นๆ กับรดาดาวเป็นแน่ ดังนั้นหากเขาจะได้เธอก็มีวิธีเดียวคือต้องแต่งงานซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้
บทที่ 5ค่ำนั้นเอเดนควบแม็คลาเรน 12 ซี สไปเดอร์ ซูเปอร์คาร์เปิดประทุนแล่นโฉบเฉี่ยวมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของ ‘แมทธิว ไครซ์ตัน’ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผู้มีคุณสมบัติน่าตะครุบไม่แพ้กัน ว่ากันว่าถ้าเอเดนเปรียบเสมือนซูสกลับชาติมาเกิด แมทธิวก็คือโพไซดอนทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น เจ้าของคฤหาสน์ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มวัยสามสิบสองก็เลิกคิ้วเข้มขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อนรัก“เป็นอะไรวะเอเดน ทำหน้ายังกะแบกทวีปอเมริกาเอาไว้ทั้งทวีปอย่างนั้นล่ะ” เจ้าของดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ถามอย่างอารมณ์ดีตามประสาคนใจเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีเสมอ แต่ถึงกระนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่แมทธิวได้โมโหขึ้นมา ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลองไม่ต่างอะไรกับการถูกคลื่นยักษ์ถล่ม“อย่าเพิ่งถามได้ไหมวะแมท นายให้คนไปเอาเหล้ามาดื่มก่อนเถอะ”“อะไรของนายวะ มาถึงก็จะซัดเหล้าเลยเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” แมทธิวเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมทำตามความต้องการของเพื่อนรักโดยการหันไปสั่งพ่อบ้านที่เข้ามาคอยอำนวยความสะดวกเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีแขก“เปล่า แค่อยากดื่มเฉยๆ” คนปากแข็งแบมือยักไหล่ พลางทรุดตัวนั่งลงและพาดแขนทั้งสองข้างไปตามพ
บทที่ 4เมื่อสาวน้อยไม่ขัดขืน มือหนาราวกับหนวดปลาหมึกของนักรักตัวพ่อจึงไม่วางเฉย ฝ่ามือร้อนๆ ขยับลงมาตามเอวอ้อนแอ้น ผ่านสะโพกผายอ้อมไปหาบั้นท้ายกลมกลึง ลูบไล้เบาๆ ก่อนจะฟอนเฟ้นก้อนเนื้อหนั่นแน่นทั้งสองเป็นจังหวะหนักหน่วง ออกแรงกดส่วนนั้นเพื่อให้ร่างนุ่มนิ่มแนบชิดกับร่างใหญ่ของเขามากยิ่งกว่าเดิม แล้วค่อยๆ บดเบียดความคึกแข็งที่ขยายเหยียดดันซิปกางเกงขึ้นมาจนนูนเป็นสันเข้ากับหน้าท้องของเธอรดาดาวสะท้านเฮือก! รู้สึกถึงความใหญ่โตโอฬารอันร้อนผ่าวดุจแท่งเหล็กที่ใช้ในการตีดาบ ซึ่งกำลังกดแน่นแนบกับแผ่นท้องของเธอ สัมผัสเสียดสีนั้นมันทำให้ความตื่นเต้นและซ่านสยิวพุ่งแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ อารมณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน เสียงหวานได้แต่ครางประท้วงตัวเอง พยายามจะตั้งสติไม่ให้ปล่อยอารมณ์ไปกับเขา แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินในเมื่อเรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่เหลือ อา...ผู้ชายอย่างเอเดนช่างเร่าร้อนและอันตรายเหลือเกิน“อืม...” เอเดนครางลึกๆ ในลำคอเป็นเชิงพึงพอใจ การปล้นจูบจากว่าที่ลูกสะใภ้ของมาดามแทลลีย์ใช้เวลานานเกินคาด ตอนแรกเขาแค่จะจูบเล่นๆ แต่พอได้ลิ้มรสความหวานล้ำก็เลยยืดเยื้อกว่าที่ควรจะเป็นหนุ่มนั
บทที่ 3“ไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นในประโยคซึ่งทำให้คนที่นั่งลุ้นอยู่ต้องหูผึ่งไปตามๆ กันก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปโดยไม่รอคำตอบ“เอ่อ...” รดาดาวทำท่าเงอะงะ ได้แต่หันไปมองผู้เป็นอาอย่างขอความช่วยเหลือ ซึ่งอาสาวของเธอก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าให้ตามเขาไป“ไปเถอะหนูนิ่ม เอเดนไม่ดุหรอก จะได้คุยกันเป็นการส่วนตัวและรู้จักกันมากขึ้นด้วย” มาดามแทลลีย์สนับสนุนอีกคน ทำให้รดาดาวต้องลุกขึ้นแล้วเดินตามร่างสูงองอาจที่ก้าวออกไปก่อนหน้านี้แล้วเอเดนยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่กลางสนามหญ้าในสวนหย่อมของคฤหาสน์ แสงแดดสีส้มยามเย็นระบายร่างสูงตระหง่านให้ดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม สาวน้อยเกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาโดยพลัน แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าก้าวไปหาเขา และแม้เสียงฝีเท้าของรดาดาวจะเบามาก เอเดนก็หันมาทันทีที่เธอเดินไปหยุดอยู่ด้านหลัง“คุณมีอะไรจะคุยกับนิ่มเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานเป็นฝ่ายถามก่อนอย่างอ้อมแอ้ม“เปล่า...” เอเดนยักไหล่พรืดด้วยท่าทางยียวน “ก็แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้น”“ค่ะ คุณอยากรู้อะไรคะ”“อายุเท่าไหร่แล้ว”“ปีนี้ย่างยี่สิบสามค่ะ”“ก็ยังเด็กอยู่มาก นึกยังไงถึงอยากรีบมีผัว
บทที่ 2“ดิฉันเอาขนมมาฝากคุณจูเลียด้วยนะคะ ฝีมือของน้องนิ่มค่ะ รายนี้ทำอาหารและขนมอร่อยทุกอย่าง คงได้วิชาจากยายของเขา” ชมพูนุชบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและภูมิใจในตัวหลานสาวไม่น้อย“ขนมอะไรเหรอหนูนิ่ม” จูเลียหันไปถามคนทำ“เป็นขนมชั้นสูตรชาววังของไทยค่ะคุณป้าจูเลีย” รดาดาวตอบพร้อมกับหยิบเอากล่องพลาสติกออกมาจากตะกร้าที่ถือติดมือมาด้วย ก่อนจะเปิดฝาให้เจ้าของคฤหาสน์ดู ในนั้นเป็นขนมชั้นสีเขียว สีชมพู และสีม่วง ซึ่งถูกตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมมาเรียบร้อยแล้ว กลิ่นกะทิหอมๆ โชยมาเตะจมูกของจูเลียจนอยากจะลิ้มลองรสชาติของมันขึ้นมาทันควัน“หน้าตาน่ากินมาก ป้าขอชิมเลยก็แล้วกัน”มาดามแทลลีย์สั่นกระดิ่งเรียกคนรับใช้ ไม่กี่อึดใจสาวใช้ก็เข้ามารับเอากล่องขนมไปแบ่งจัดใส่จานมาให้ จูเลียใช้ส้อมจิ้มขนมชิ้นแรกเข้าปาก ความเหนียวนุ่มและรสชาติหอมหวานถูกใจมากจนต้องจิ้มคำต่อไปอีกอีกเรื่อยๆ และขนมในจานก็หมดลงอย่างรวดเร็ว“อร่อยจริงๆ หนูนิ่ม อยากกินอีก แต่ต้องเก็บไว้ให้เอเดนชิมด้วย” จูเลียชมเปาะทันทีหลังจากยกน้ำขึ้นดื่มด้วยความรู้สึกที่ถูกใจสาวน้อยว่าที่สะใภ้ยิ่งกว่าเดิม“ขอบคุณค่ะคุณป้าจูเลีย นิ่มดีใจที่คุณป้าชอบ”“ไว้วัน
บทที่ 1 เมืองคลีฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาหลังจากผู้เป็นอาจอดรถเรียบร้อยแล้ว เท้าเล็กๆ ซึ่งรองรับด้วยรองเท้าส้นสูงแบบหุ้มส้นก็ก้าวลงมายืนที่ลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์สีขาวสุดหรูมูลค่ากว่าสองพันล้านดอลลาร์ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวางเกือบสิบไร่ บริเวณรอบๆ นั้นถูกรายล้อมไปด้วยสนามหญ้า สระน้ำใสแจ๋ว และไม้ประดับนานาพรรณ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติเย็นสบายชวนให้นึกอิจฉาผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้อยู่ไม่น้อยสาวน้อยเจ้าของใบหน้าหวานใสอดตื่นเต้นไม่ได้ ดวงตาคู่สวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีครีมประกายทองแบบบางเบา แอบมองสำรวจไปรอบๆ อาณาบริเวณอย่างทึ่งๆ แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกอาสาวเรียกให้เข้าไปข้างในร่างอรชรอ้อนแอ้นสมส่วนเดินตัวลีบตามผู้เป็นอาต้อยๆ ไปยังห้องรับแขกซึ่งถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหราเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของคฤหาสน์ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงตึกๆ เป็นจังหวะระรัวราวกับกำลังลั่นกลองรบ เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่วินาทีจะต้องเผชิญหน้ากับใคร“สวัสดีค่ะคุณจูเลีย” ชมพูนุชยื่นมือไปให้เจ้าของคฤหาสน์จับเป็นการทักทาย และจูเลีย แทลลีย์ สตรีวัยกลางคนเชื้อสายอเมริกัน-ไอริชซึ่งย







