"ฟู่หลางเทียน เจ้ารู้ตัวรึไม่กระทำสิ่งใดลงไป ข้า ข้า ล่ะ โอ๊ย ปวดหัว ปวดหัว"
"นายท่าน หยุดต่อว่าลูกฟู่เสียที คุณชายผู้สง่างามเช่นคุณชายฟู่นี่รึ จะไปขืนใจหญิงอัปลักษณ์อย่างคุณหนูหลิว เฮอะ! นางก็เสียกระไร อัปลักษณ์เช่นนางใครจะกล้าแต่งเข้าบ้านกัน เว้นแต่นางอยากแต่งเป็นฮูหยินตระกูลฟู่ เฮอะ!!
เฒ่าฟู่นายท่านใหญ่ของตระกูลฟู่ ครานี้ถึงกับเอ่ยปากตำหนิบุตรชายของตน
ด้านฟู่หลางเทียนยังคงเงียบ ไร้เสียงเอ่ยโต้ตอบใด ๆ อย่าว่าแต่แตะต้องเลย แม้จะเฉียดเข้าไปใกล้ตนล้วนรังเกียจนาง หากนางไม่ไปพัวพันกับว่าที่น้องเขยตนจนจะทำให้น้องน้อยของเขา 'ฟู่ฮวาซิน' ต้องเสียใจละก็เขาคงไม่ลดตัวลงไปนอนร่วมเตียงกับนางให้เสียเวลาเสียหรอก
"ฟู่หลางเทียน ไม่รู้แหละ เช่นไรข้าจะต้องทำให้ถูกต้อง เจ้าต้องหมั้นหมายกับนางมิเช่นนั้นถึงคราข้าดินกลบหน้าข้าคงมิมีหน้าไปพบท่านแม่เจ้าแน่”
นายท่านฟู่เอ่ยบอกบุตรชายด้วยน้ำเสียงเข้มและจริงจัง มารดาของยัยหนูหลิวและหลางเทียนนั่นเป็นสหายรักกัน หากรับรู้ถึงเรื่องที่บุตรตนทำวิญญาณนางเกรงว่าจะไม่เป็นสุขกระมัง เช่นนั้นตนต้องรีบทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก่อนที่ข่าวจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองเสียก่อน
"เป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่นายท่านฟู่เถอะขอรับ ลูกไปล่ะ แม่เล็กข้าจะออกไปดูร้านผ้าเสียหน่อย "
ใช่เขาอยากทำเช่นนี้เสียหน่อย เป็นนางที่ตอแยฮ่าวอี้ไม่เลิก ทำให้ฮวาซินต้องแอบมาร้องไห้กับตนอยู่หลายครั้ง ด้วยความรักน้องแล้วมีรึพี่ชายเช่นตนจะไม่หาวิธีช่วยนางจนต้องใช้วิธีนี้แหละ ทันใดนักพลันนึกไปถึงใบหน้าหวานของสตรีที่ตนกำลังเกี้ยวอยู่ในตอนนี้ 'ฟ่านหลี่หลิน' สาวงามผู้เป็นเพื่อนคนสนิทกับสาวเจ้าเนื้ออย่างเสี่ยวฟาง นางจิตใจดีที่ลดตนเองไปคบกับสตรีร้อยเล่ห์มารยาอย่างหลิวฟางอี้สตรีที่ตนนึกเกลียด
ส่วนร้านผ้าที่ฟู่กลางเทียนเอ่ยถึง คือหนึ่งในกิจการหลักของตระกูลฟู่ บรรดาลูกค้าที่มาซื้อมีตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงคุณหนูคุณชายตระกูลใหญ่ และบรรดาราชวงศ์ก็มีมาซื้อเช่นกันจึงทำให้ร้านฟู่เทียนหลงเป็นที่ชื่นชอบของทั้งเหล่าสตรีและบุรุษในเมืองแห่งนี้ ซึ่งตั้งแต่บิดาวางมือให้ตนมาบริหารกิจการของร้านก็รุ่งเรืองขึ้นทำกำไรเข้าจวนนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียวและชื่อเสียงก็เริ่มตีคู่ร้านของตระกูลหลิวขึ้นมาได้ในที่สุด
[จวนตระกูลหลิว]
"อ้าว คุณชายมู่ เชิญ ๆ นั่งก่อน ๆ วันนี้ลมอะไรหอบมารึนี่ถึงได้มาถึงตระกูลหลิวได้"
"ท่านลุงหลิว ข้ามาหาเสี่ยวฟางขอรับ เอ่อเรื่องนั้น"
ห่าวอี้เอ่ยคล้ายลำบากใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวฟางนั้นตนที่ฟูมฟักนางมาตั้งแต่เด็กก็ใจหายอยู่มิน้อย เสี่ยวฟางน้อยของเขาป่านนี้คงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเสียแล้วกระมัง
"อ่อ ลูกคนนี้ช่างทำให้ข้าขายหน้ายิ่งนัก นี่ทางนั้นก็ยังคงเงียบอยู่ หากข้าไปทวงถามเกรงว่าจะเป็นการเร่งรัดขายลูกสาวกินให้ชาวบ้านชาวเมืองได้นินทากันสนุกปากนั่นแหละ เฮ้อ "
เฒ่าหลิวมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ไหนแต่ไรล้วนรับรู้ความทุกข์ของบุตรสาวตนมาตลอดแต่ด้วยภาระหน้าที่ ที่ต้องดูแลและทำอยู่จึงไม่ได้ตามใจรึเอาใจบุตรสาวคนเดียวของตนมากนัก เขารึคงไม่สามารถอยู่ดูแลนางไปได้ตลอดจึงได้แต่สอนให้นางเข้มแข็ง เข็ญเคี้ยววิชาทางการค้าให้นางตั้งแต่เด็กมิเช่นนั้นเมื่อสิ้นเขาแล้วเกรงว่าภายหน้านางคงจะต้องลำบากอยู่มาก
"ข้าได้ยินมาจากฮวาซินว่าตระกูลฟู่กำลังจัดเตรียมสินสอดเพื่อมาขอน้องเสี่ยวฟางอยู่ขอรับ ท่านลุงอย่าห่วงเลยเช่นไรมารดาฟู่หลางเทียนก็เป็นสหายคนสนิทกับท่านป้าหลิวเกรงว่าตระกูลฟู่คงมิละเลยหรอกขอรับ"
ห่าวอี้เองกล่าวออกมาก็อดใจหายเสียมิได้ เมื่อเอ่ยถึงเรื่องสินสอดที่ตระกูลฟู่เตรียมมาสู่ขอนาง
"อ้าว ห่าวอี้"
"ฮูหยินรอง"
"ไม่มากความ ๆ คนกันเองทั้งนั้น นี่มาหาเสี่ยวฟางรึ นางถูกตาเฒ่านี่กักบริเวณหนะ เสี่ยวฟางของข้าน่าสงสารยิ่งนัก"
ฮูหยินว่าน หรือแม่เล็กภรรยารองของบิดาเสี่ยวฟางป้องมือเอ่ยกระซิบ ห่าวอี้ เป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้ช่วยลูกเลี้ยงตนด้วย ซึ่งตอนนี้นางถูกบิดาสั่งกัก บริเวณให้สำนึกตนอยู่ในเรือน ว่านเจียอีช่วยทั้งพูดทั้งเกลี้ยกล่อมก็แล้ว หลิวตงหยาง สามีตนหาได้ใจอ่อนไม่ เห็นทีคราวนี้คงจะโกรธจริง
"ฮึ หยุดเลยนะว่านเจียอี เจ้าไม่ต้องไปขอให้ห่าวอี้ช่วยให้เสียเวลาหรอก ปล่อยให้เสี่ยวฟางได้สำนึกตนเองเสียบ้าง เจ้าหนะตามใจนางจนเสียคน ฮึ! เป็นยังไงล่ะ นางถึงทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้ยังไงเล่า"
"นายท่านก็ ข้า"
ว่านเจียอีเมื่อถูกพูดดักไว้ก็ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ฟึดฟัดไปมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าตนนั้นตามใจลูกเลี้ยงจริง ๆ นางเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กนางจึงรักและเอ็นดู เสี่ยวฟางเช่นบุตรสาวคนหนึ่ง เมื่อเห็นนางทุกข์ใจนางในใจของนางเองย่อมทุกข์ใจไปด้วยไม่ต่างกัน
"ท่านลุง ขอข้าพบเสี่ยวฟางเถอะนะขอรับ หากนางเสียใจจนเกิดเอ่อ คิดทำร้ายตนเองขึ้นมาจะทำเยี่ยงไรเล่าขอรับ"
มู่ฮ่าวอี้เอ่ยใช้ไม้ตายสุดท้ายจี้ใจนายท่านหลิว แต่ในใจตนนั้นกลับกังวลไม่น้อยเมื่อคิดไปถึงว่าสาวน้อยเสี่ยวฟางอาจจะเลอะเลือนคิดมากจนทำร้ายตนเองขึ้นมา เขานั้นจะทำเช่นไร
"เช่นนั้นก็รีบไปเถอะ เสี่ยวฟางของข้า เร็วเข้า ๆ ว่านเจียอี ข้าลืมนึกไปเลย เจิ้งซิน ยังคอยรับใช้นางอยู่ใช่รึไม่ ฮึ"
"ยังอยู่เจ้าค่ะ"
คนทั้งสามเร่งก้าวฝีเท้าเดินอาด ๆ ผ่านสวนดอกไม้ ลานน้ำพลุ ไปยังท้ายเรือนที่แบ่งให้เป็นพื้นที่ของบุตรสาวตน
"ควรวะนายท่าน"
เจิ้งซินที่กลับจากการเตรียมของว่างให้เสี่ยวฟาง รีบก้มหน้าทำความเคารพเมื่อเห็นนายท่านใหญ่ของจวน และฮูหยินเล็ก พร้อมทั้งคุณชายมู่ มายืนที่หน้าเรือนของคุณหนูตน
"เจิ้งซิน เสี่ยวฟางนางเป็นเช่นไรบ้าง"
"สบายดีเจ้าค่ะ คุณชายมู่ ตอนนี้คุณหนูกำลังท่องตำราอยู่เจ้าค่ะ"
"ว่าไงนะ/ห๊ะ"
หลิวตงหยางฉงนอยู่ไม่น้อย เจ้าเด็กเสี่ยวฟางนี้ขนาดถูกคุณชายตระกูลฟู่รังแกมา นางมิได้โศกเศร้าอยู่รึ เช่นใดถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเพียงนี้กัน เมื่อเช้ายังร่ำไห้ปานจะขาดใจอยู่เลย เหตุไฉนเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วยิ่งนัก
มู่ฮ่าวอี้เองก็ไม่ต่างกัน ที่รีบเร่งมาหานางหวังว่าจะมาปลอบใจสาวน้อยให้หายโศกเศร้าเหตุใดยามนี้ถึงได้มีอารมณ์มาท่องหนังสือกันล่ะ
"เสี่ยวฟาง!!"
หญิงสาวที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง มือกำลังป้อนองุ่นเข้าปากตนเองพร้อมกับพลิกอ่านตำราไปมาอย่างอารมณ์ดีถึงกับตกใจสำลักองุ่นออกมา เมื่อจู่ ๆ ก็มีคนเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องนอนนาง คราแรกนึกว่าเจิ้งซินที่รีบร้อนเกินเหตุแต่กลับเป็นบิดา แม่เล็ก และพี่ฮ่าวอี้ พลันใบหน้าก็สว่างวาบจากรอยยิ้มสวย รีบลุกขึ้นไปหาพวกเขาทันที
"ท่านพ่อ ท่านหายโกรธลูกแล้วรึเจ้าคะ/พี่ฮ่าวอี้"
เสี่ยวฟางรีบรัวถามบิดาและหันไปทักทายพี่ชายสุดหล่อที่ตนนับถือ
"เสี่ยวฟาง เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่ได้ยินข่าวจากท่านแม่ก็รีบตรงมาหาเจ้าเลย ข้าเป็นห่วงยิ่งนัก"
เสี่ยวฟางด้วยความดีใจที่หลายวันมานี้ไม่ได้เจอฮ่าวอี้นานเสียหลายจึงโผเข้าไปกอดด้วยความดีใจอย่างเคยชิน
"นี่ ๆ! น้อย ๆ เสี่ยวฟางเจ้าเป็นสตรีใยตรงเข้ากอดบุรุษอย่างฮ่าวอี้กันฮึ นี่โตกันแล้ววหาใช่ยามวัยเด็กไม่ อีกอย่างหากผู้ใดมาพบเจอคงเอาไปเล่าลือกันสนุกปากเป็นแน่ อีกอย่างฮ่าวอี้มีคู่หมั้นแล้ว ข้าเกรงว่าตระกูลฟู่จะเข้าใจผิดได้"
หลิวตงหยางเมื่อเห็นบุตรสาวโผเข้ากอดฮ่าวอี้ก็ตรงเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันทันที พอพูดถึงตระกูลฟู่ก็นึกโมโหสหายตนยิ่งนัก ที่ไม่ดูแลบุตรชายตนให้ดีปล่อยให้มาย่ำยีบุตรสาวของตนได้
"โธ่ ท่านพ่อข้ากับพี่ฮ่าวอี้เป็นพี่น้องที่นับถือกันและรักใคร่กันมากก็เท่านั้น ท่านก็รู้นี่นาข้าไม่มีพี่ชาย ยามโดนรังแกหากไม่ได้พี่ฮ่าวอี้ละก็ ข้า"
ใบหน้างามแกล้งหยุดพูดเสียงเศร้า ทำหน้าสลดมองมือที่ประสานกันอยู่อย่างน่าสงสาร
"เอ่อ เอาล่ะ ๆ พอ ๆ หากพวกเจ้าบริสุทธิ์ใจแก่กันข้าก็มิได้อะไร ไว้ก็อย่าไปทำเยี่ยงนี้ให้เป็นที่โจ่งแจ้งจนเป็นที่นินทาก็แล้วกัน เจ้าไม่เสียใจแล้วรึ"
"ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ เกรงว่าน่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเสียมากกว่า ข้ามั่นใจว่าข้ายังมิได้โดนคุณชายฟู่เด็ดบุปผาแน่นอนเจ้าค่ะ"
"จริงรึ!!"
"แน่นอนเจ้าค่ะ!" เสี่ยวฟางเอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
"เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าได้เช่นไร เรื่องแบบนี้เกรงว่าเจ้าปกปิดข้ามิให้จับเจ้าแต่งงานกับฟู่หลางเทียนเสียกระมัง นี่! เสี่ยวฟางลูกพ่อ หลางเทียนก็มิได้เลวร้าย เจ้าลองพิจารณาเขาหน่อยนะอ่ะ อย่างน้อยก็ได้ร่วมหอกันแล้ว แม้นิสัยจะขัดใจพ่ออยู่หลายส่วน นะ"
"ไม่นะท่านพ่อ ให้คนมาตรวจข้าสิ ข้ามั่นใจจริง ๆ นะเจ้าคะ"
ไม่ถูกทำไมคนอย่างเสี่ยวฟางต้องยอมกันละ ในเมื่อข้ายังคงเป็นสาวบริสุทธิ์เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนคงมีคนเล่นแง่เป็นแน่ หากจะเป็นคุณชายฟู่ ย่อมเป็นไปไม่ได้นางกับเขาพูดกันนับคำได้แถมยังเคยโดนบุรุษเช่นเขาทำหยาบคายพูดจาดูถูกนางสารพัดยามเมื่อเห็นนางอยู่กับพี่ฮ่าวอี้ คู่หมั้นน้องสาวของตน แน่ถ้า..
"เช่นนั้น ข้าตรวจให้เอง"
"แม่เล็ก!"
ฮูหยินเล็กหรือแม่เล็กของเสี่ยวฟางเอ่ยขึ้น
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง