"เป็นเช่นไรฮูหยิน เสี่ยวฟาง" เมื่อทั้งสองนางก้าวออกมาจากห้องพร้อมกันหลิวตงฟางก็รีบเข้าไปถามเอาคำตอบอย่างร้อนรน ฮ่าวอี้เองก็เช่นกัน
"เอ่อ "
"เอ่อ อะไรกันเล่า รีบพูดมาฮูหยิน"
"เสี่ยวฟางของเรานางยังบริสุทธิ์เจ้าค่ะ"
"โธ่! หึ จริงรึ เสี่ยวฟางน้อยของพ่อ"
หลิวตงฟางดีใจจนเผลอกอดบุตรสาวไว้ ด้านเสี่ยวฟางนั้นตัวกลับแข็งทื่อใช่ว่าโตมาจนอายุได้ 18 ปี ท่านพ่อเคยกอดนางบ่อยเช่นตอนเป็นเด็กไม่ ครั้นโดนสวมกอดแบบไม่ตั้งตัวจึงได้แต่ยื่นตัวแข็งทื่อ ตาโตอย่างตกใจ
ฮ่าวอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่เสี่ยวฟางนางยังมิได้ถูกคุณชายฟู่ล่วงเกิน ดีจริง ๆ ความดีใจเก็บงำไว้ในใจไม่มิดจนต้องเผยยิ้มออกมา ทำให้เจิ้งซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับละเมอเพ้อพกกับรอยยิ้มหวานของ คุณชายฮ่าวอี้
"เช่นนั้นเสี่ยวฟางออกไปเที่ยวเล่นตลาดให้เบิกบานเสียหน่อยดีรึไม่" ฮ่าวอี้เอ่ยชวนได้ยินว่าโดนสั่งกักบริเวณคงจะอุดอู้อยู่ไม่น้อย จึงอยากพานางออกไปเที่ยวชมเมืองเรียกความสำราญใจเสียหน่อย
"แต่ท่านพ่อยังสั่งกักบริเวณข้าอยู่เลยเจ้าค่ะ"
"ไม่ ไม่ ไม่กัก ๆ พาเสี่ยวฟางไปเที่ยวเสียหน่อยเถอะนะฮ่าวอี้ พานางออกไปสูดอากาศเสียหน่อยนะ ไป ๆ ประเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน"
หลิวตงหยางเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี เสี่ยวฟางน้อยของเขายังงดงามไม่ บุบสลาย ฮึ! แล้วใครมันก่อเรื่องนี้ขึ้นมากันแน่ ผู้ใดจงใจให้บุตรสาวตนเสียชื่อกัน
"เย้ เช่นนั้นข้าไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียหน่อย พี่ฮ่าวอี้รอข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"
ไม่นานเสี่ยวฟางก็ก้าวออกจากห้องด้วยอาภรณ์สีชมพูสวยงาม ร่างอวบยามเมื่อแต่งแต้มใบหน้าและสวมอาภรณ์สีสดช่างดูน่ามองยิ่งนักราวดอกท้อบานประหนึ่งอย่างนั้น รอยยิ้มหวานถูกส่งให้พี่ชายคนสนิท ก่อนจะก้าวเท้าออกไปด้วยกันโดยฮ่าวอี้ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือให้หญิงสาวได้จับยามขึ้นนั่งบนรถม้าคันงาม
"พี่ฮ่าวอี้ วันนี้เราไปเที่ยวที่ไหนดีรึเจ้าคะ"
เสี่ยวฟางมองใบหน้าพี่ชายที่นางเคารพรักเอ่ยถามเสียงใสอย่าง เบิกบาน ก็มีแต่พี่ฮ่าวอี้ที่ดีต่อนาง
"นายท่าน น่าเสียดายนะเจ้าคะ เด็กทั้งสองคนดูไปดูมาช่างเหมาะสมกันจริง ๆ" ว่านเจียอีเอ่ยขึ้นกับสามีอย่างนึกเสียดายคุณชายตระกูลบัณฑิตอย่างคุณชายมู่
"ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ฮ่าวอี้มีคู่หมั้นแล้วเจ้าอย่าได้คิดไปอีกเลย หากคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอกน่า"
ไม่นานรถม้าคันหรูก็จอดลงที่หน้าตลาด ที่บัดนี้เริ่มประดับประดาตกแต่งร้านอย่างงดงามเตรียมต้อนรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง
เป็นที่เลี่ยงลือกันไปถึงต่างแคว้นว่ายามเมื่อฤดูร้อนมาเยือนเจียงซี สตรีงดงามผลิบานราวดอกไม้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อถึงคราหน้าร้อนบรรดาสาว ๆ ก็จะพากันสวมอาภรณ์บางเบา อวดรูปโฉมแข่งกันด้วยชุดสีสันฉูดฉาดเพื่อดึงดูดใจเหล่าชายหนุ่ม ทำให้หน้าร้อนของทุกปีมีบรรดาเหล่าบุรุษต่างแคว้นเดินทางมาพำนักที่เจียงซีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี
"ปีนี้การค้าคงคักคักน่าดูเลยสิพี่ฮ่าวอี้ โรงเตี๊ยมน้อยใหญ่ต่างทยอยปิดป้ายประกาศว่าเต็มแล้วกันทั้งนั้นเลย ท่านดูสิ"
เสี่ยวฟางเลิกผ้าชี้ชวนฮ่าวอี้ให้มองสองข้างทางที่รถม้าวิ่งผ่าน เป็นเช่นนี้อาภรณ์ฤดูร้อนปีนี้เห็นทีคงต้องให้ท่านพ่อเร่งวางขายเสียแล้ว ประเดี๋ยวช้าไปเห็นจะต้องเเข่งกับร้านตะกูลฟู่เป็นแน่ ตระกูลฟู่เป็นตระกูลใหญ่แถมฮูหยินใหญ่ของตระกูลยังเป็นถึงหลานของไทเฮา ทำให้เชื้อพระวงศ์นิยมชมชอบซื้ออาภรณ์จากตระกูลฟู่ ทำให้เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่เลือกนิยมซื้อตามไปด้วย แม้แต่หญิงสาวชาวบ้านยังทำงานเก็บเงินทั้งปีเพื่อซื้อชุดเพียงชุดเดียวจากร้านตระกูลฟู่ แต่เป้าหมายสูงสุดของบรรดาสาวงามเกรงว่าคงไม่พ้นคุณชายรูปงามของตระกูลเสียกระมัง
คิดมาถึงตรงนี้พลางใบหน้าร้ายกาจของบุรุษรูปงามที่ล่วงเกินนางพลันกระจ่างขึ้นในความคิด เสี่ยวฟางนึกรังเกียจเขายิ่งนัก หลังจากได้พูดคุยแนบชิดในเช้าวันนั้นที่เตียงของเขา ก็เปลี่ยนจากชื่นชมในความหล่อเหลาเป็นเกลียดขี้หน้าในทันที 'ฟู่หลางเทียน' คนถ่อย นึกแล้วก็อยากตบใบหน้าหล่อ ๆ สักครั้งให้หายเจ็บใจยิ่งนัก ฮึ!
"เสี่ยวฟาง เสี่ยวฟาง! "
"ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าคะ"
"ถึงแล้วล่ะ มาสิ"
เสี่ยวฟางที่จมอยู่กับความคิดพลันได้สติเมื่อเสียงฮ่าวอี้ร้องบอกเมื่อถึงโรงเตี๊ยมชื่อดังที่ฮ่าวอี้ตั้งใจพามากินของอร่อย
คุณชายรูปงามที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งเมือง ก้าวเดินเคียงข้างมากับสาวเจ้าเนื้อซึ่งมิใช่คู่หมายตน จึงเรียกความสนใจจากบรรดาลูกค้าในโรงเตี๊ยมให้หันมามองอย่างสนอกสนใจจนเกิดเสียงกระซิบกระซาบให้ได้ยินแว่วมาตลอดการก้าวเดินของทั้งสอง ไม่เว้นแม้แต่ห้องรับรองพิเศษที่หลางเทียนได้จองไว้เพื่อนัดสตรีที่ตนคบหาอยู่ด้วยมาพลอดรักกัน ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นทั้งสองมาด้วยกัน
"หึ ช่างเป็นสตรีที่ทำตัวน่ารังเกียจยิ่งนัก"
"พี่หลางเทียน ว่าเช่นไรนะเจ้าคะ"
"อะเอ่อ เปล่า ๆ พอดีข้าเจอสหายที่ไม่ได้พบกันเสียนาน ประเดี๋ยวข้าขอตัวไปทักทายซักหน่อยดีกว่า เจ้าอยู่คนเดียวได้รึไม่ ไม่นานเดี๋ยวข้ากลับมา"
ฟ่านหลี่หลินแม้จะขัดใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกขัดจังหวะพลอดรักของตน แต่ก็มิอาจจะแสดงอาการเผยออกมาให้ชายหนุ่มได้รู้ได้ จึงได้แต่ยิ้มรับและแสร้งเอ่ยอย่างใจกว้าง
"พี่หลางเทียนไปทักทายเขาเสียหน่อยเถิดเจ้าคะ ข้าอยู่ได้"
"เจ้าช่างเข้าใจข้าเสียจริง ไว้ข้าจะรีบกลับมานะเด็กดี" ปากบางก้มลงจุมพิตที่ผมสลวยก่อนจะก้าวอาด ๆ หันหลังเดินออกไปนอกห้อง สอดสายตาส่องหาบุรุษและสตรีที่ตนหมายจะเข้าไปเล่นงานด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้นในอกแกร่ง
“ข้ากับเสี่ยวฟางเอ่อเราทั้งคู่รักกันขอรับ ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอกับนายท่านหลิวในวันพรุ่งขอรับ”“เฮ้ย! บ๊ะ! ฟู่หลางเทียนเจ้าลูกบ้า! หน้าที่หาแม่สื่อมันเป็นของข้าต่างหากเล่า นี่เจ้าใจร้อนจัดหาเองเลยรึ ห๊า!” ฟู่ตี้เหรินตบเข่าฉาดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าบุตรชายแสร้งโมโห‘บ๊ะ!ไอ้เจ้าลูกคนนี้ครั้งนั้นทำเป็นปฏิเสธยัยหนูหลิว มาครานี้มันจัดแจงเองเสียเสร็จสรรพ ไม่ได้การล่ะ! กลับไปข้าต้องไปจัดเตรียมสินสอดให้เสียยิ่งใหญ่ ตระกูลฟู่จะมีงานมงคลจะให้น้อยหน้าไม่ได้’“โธ่ท่านพ่อ” ฟู่หลางเทียนแสร้งโอดโอย“ฮ่า ๆ ดี ๆ ดียิ่งนักเสี่ยวฟางเราในที่สุดก็จะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เฒ่าฟู่ข้ากับเจ้าในที่สุดก็ได้เกี่ยวดองกันแล้วสิ” หลิวตงหยางเอ่ยอย่างปลื้มปิติ ลูกเขยคนนี้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแม้ไม่มีสินสอดสักตำลึงตนก็ย่อมเห็นดีเห็นงาม“ฮ่า ๆ นั่นสิ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมสินสอดเสียก่อนนะเฒ่าหลิว จะให้น้อยหน้าไม่ได้ ๆ” ฟู่ตี้เหรินลุกขึ้นเตรียมกลับจวนอย่างตื่นเต้น“ไม่รีบ ๆ เฒ่าฟู่ ฮ่า ๆ ”ฟู่หลางเทียนและเสี่ยวฟางมองภาพครอบครัวที่ชื่นมื่นยินดีกับพวกตนด้วยแววตาเปี่ยมล้นด้วยความสุข มือใหญ่โอบรั้งดึงเอาร่างอวบเข้ามากอดแนบอก
เช้าตรู่ยามยามเฉิน [07.00 น.] คนทั้งสองตระกูลได้มารวมกันที่ว่าการอำเภอพร้อมพยานทั้งหมดที่ฟู่หลางเทียนติดตามหามาได้จนครบถ้วนไม่ต้องหล่น ส่วนอีกฝั่งเป็นคนจากตระกูลเจียงและตระกูลฟ่าน และรอเพียงไม่นานผู้ว่าการศาลต้าหลี่ก็นั่งประจำตำแหน่ง“เอ้าล่ะ ไหนคุณชายฟู่เจ้าลองว่ามาเหตุใดจึงกล่าวหาว่าการปล้นในครานั้นเป็นฝีมือของคนตระกูลเจียง!”“ข้าล้วนสืบจนแน่ชัด” ฟู่หลางเทียนลุกขึ้นมายืนตรงกลาง ก่อนจะเอ่ยต่อ“ข้าสงสัยว่าสินค้าจำนวนไม่น้อยและเงินจำนวนมากหายไป ทำไมคนตระกูลเจียงถึงไม่เดือดร้อนเท่าที่ควร ข้าจึงให้คนของข้าไล่กว้านซื้อผ้าไหมทั้งเจียงซีและแคว้นโดยรอบมาไว้เองเสียหมดเพื่อปั่นราคาผ้าไหมให้แพงขึ้นบีบให้...คนร้ายนำของกลางออกมาขาย”เอือก! ที่แท้พ่อค้าที่ต้องการผ้าไหมจำนวนมากและซื้อในราคาแพงคือ ฟู่หลางเทียนรึนี่ เฮอะ! เล่นกันเช่นนี้เลยรึ เหงื่อกาฬเจียงจื่อหยวนและขุนนางฟ่านเริ่มไหลแตกพลั่ก ๆ อย่างนึกหวั่นใจ ไม่นึกว่าไอ้หนูหน้าอ่อนนี้จะใช้วิธีเช่นนี้มาล่อพวกตน“และข้าพบว่าผ้าไหมที่ตระกูลเจียงนำมาขายให้ข้านั้น เท่ากับสินค้าที่ถูกปล้นไปไม่ขาดไม่เกิน! ขอรับ” ฟู่หลางเทียนพูดจบก็แสยะยิ้มร้ายอย่างน่
หลิวฟางอี้ได้ฟังก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ให้ตายเถอะนางช่างไม่ชินกับคุณชายฟู่ในครั้งนี้เอาเสียเลย“ดูท่านสิ! ชักเหลวไหลไปใหญ่”“เจ้าไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนไปลอบสืบมาแล้วล่ะ สินค้าในครานั้นที่ถูกปล้นไปล้วนเป็นคนในปล้นกันเอง และข้าได้ซื้อกลับมาไว้เองเสียหมดแล้ว วันพรุ่งไปที่ว่าการอำเภอกัน พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ตระกูลเจียงหายไปจากเจียงซี พ่อค้าชั่วช้าเช่นนี้สมควรได้รับโทษให้สาสม”“ฮื้อ! เช่นไรกันเจ้าคะ”“ไว้เจ้ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันขอแค่เชื่อมั่นในข้า ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้าและนายท่านหลิวเอง” ฟู่หลางเทียนที่แอบสืบเรื่องนี้มานานในที่สุดความจริงก็ได้กระจ่าง“ขะข้าไม่รู้จะตอบแทนท่านเช่นไร” หลิวฟางอี้มองฟู่หลางเทียนอย่างนึกขอบคุณ“ทุกอย่างล้วนทดแทนที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้า เฮ้อ! ช่วยพ่อตานับว่าเป็นเรื่องที่ควรทำมิใช่รึ ฮ่า ๆ”“ฟู่หลางเทียนท่านคิดไปเองเก่งเสียจริง อ๊ะ!” ยังพูดมิทันจบปากบางก็ถูกปากหนาปิดประทับ ก่อนที่หลางเทียนจะค่อย ๆ อ้อยอิ่งถอนออกอย่างนึกเสียดาย“พี่หลาง เสี่ยวฟาง ต่อไปเรียกข้าพี่หลางเด็กดี” หลางเทียนมองใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสของสตรีตรงหนาด้วยแววตาเอ็นดูระคนรักใคร่‘อันตรายน
หลิวเสี่ยวฟางเดินสำรวจดูห้องใหญ่ไปมาก่อนจะก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้กลับเข้าที่เพื่อรอเวลา เสียงแว่วขับเพลงทุ่มเบา ๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องอาบน้ำให้ได้ยิน ทำเอาหลิวฟางอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างนึกหมั่นไส้ คุณชายฟู่ช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเสียสิ้นเชิงสินะด้านในอ่างอาบน้ำไม้เนื้อดีมีร่างแกร่งของบุรุษแช่กายอยู่ภายใน มือแกร่งตั้งใจถูไถ อาบน้ำอย่างพิถีพิถันกว่าทุกครา นึกอยากเรียกเจียวมิ่งเข้ามาขัดตัวให้เสียจริงเชียว มือใหญ่จับผ้าถูไปมาตามมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นจนมั่นใจว่าสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงลุกก้าวออกจากอ่างสวมเพียงอาภรณ์ชุดคลุมเดินออกมาใช่! เขาชินแต่มีคนคอยเตรียมไว้ให้ไปเสียหมดจนลืมไปเสียสนิทยังดีหน่อยที่เจียวมิ่งยังทิ้งเสื้อชุดคลุมไว้ด้านในอยู่บ้าง“สูด ฮืม!”“อ๊ะ!” หลิวฟางอี้ตกใจที่ฟู่หลางเทียนเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำเอานางที่เก็บของที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นอยู่ต้องตกใจ“อื้ม ตัวเจ้าหอมข้าชอบยิ่งนัก ชักอดใจไม่ไหวเสียแล้วสิ วันพรุ่งข้าให้ท่านพ่อจัดหาแม่สื่อไปสู่ขอเจ้าเลยดีรึไม่ หื้ม” ฟู่หลางเทียนคิดเช่นนั้นจริง ๆ เขาอยากไปขอหมั้นนางให้เป็นทางการเสียทีหลัง
“ฮึก ฮือ ขะข้าทนไม่ไหว ข้าไม่อาจแสร้งว่าไม่รู้สึกกับท่านได้ ฮึก ฮื้อ ทั้ง ๆ ที่ขะข้า อยากจะลืมท่านไปเสียสิ้น ฮือ ฮึก ๆ” ยิ่งได้ฟังสิ่งที่หลิวฟางอี้เอื้อนเอ่ย ฟู่หลางเทียนคล้ายกับปลาได้น้ำในหน้าแล้ง ใจแกร่งสั่งไหวเบ่งบานอย่างดีใจด้วยความหวัง ใจที่หนักอึ้งหมดอาลัยกับทุกสิ่งโปร่งโล่งอย่างอัศจรรย์ ใบหนาคมคายเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้อย ๆ อย่างปิติดีใจอย่างเหลือล้น“เสี่ยวฟาง! ข้าได้ยินแล้วข้าช่าง ๆ ดีใจยิ่งนัก เด็กดีข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงเหลือเกิน” ฟู่หลางเทียนคลายอ้อมกอดเพื่อจะได้พินิจจ้องมองใบหน้านางได้อย่างเต็มรัก มือหนาสั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นลูบไล้กอบกุมที่กรอบหน้าของนางอย่างทะนุถนอม นิ้วแกร่งเกลี่ยเช็ดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จรดฝังริมฝีปากหนาลงช้า ๆ กับริมฝีปากบางนุ่นแผ่วเบา เพียงเท่านี้คล้ายมีกระแสดึงดูด จูบที่เพียงแผ่วเบาราวผีเสื้อโบยเมื่อครู่ เริ่มจะดุดันวาบหวามขึ้นอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกความดูดดึงทุกซอกทุกมุมทั่วปากเล็กอย่างเต็มรักก่อนจะค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งอย่างนึกตัดใจ หากไม่แล้วฟู่หลางเทียนกลัวห้ามใจตนเองไม่ได้ เขาไม่อยากหักหาญน
ยามซวี [20.00 น.]ในที่สุดหลิวฟางอี้ก็ไม่อาจหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่านางไม่รู้สึกใด ๆ กับฟู่หลางเทียน ร่างอวบอิ่มภายใต้ชุดคลุมเดินตรงเข้าไปยังเรือนที่ป้ายเขียนด้วยอักษรจีนโบราณ[เรือนซูเมิ่ง ตระกูลฟู่]หลิวฟางอี้เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อเรือน ก่อนจะหยุดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เมื่อเรียกกำลังให้ตัวเองแล้วนางทำใจอยู่พักใหญ่ เท้าเล็กค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางเดินที่ประตูจวนเปิดอ้าไว้คล้ายกับรู้ว่านางจะมาอย่างไรอย่างนั้น“คุณหนู! เจียวมิ่งรู้อยู่แล้วว่าท่านจะมา” เจียวมิ่งถลาวิ่งเข้ามาหานางด้วยความดีใจ“อืม” หลิวฟางอี้เพียงขานรับเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที“คุณชายอยู่ในนี้ขอรับ เชิญขอรับ”พรึบ!“อ๊ะ” หลิวฟางอี้ตกใจที่หลังจากนางก้าวเข้าไปในห้องเจียวมิ่งก็ปิดประตูลงทันที และทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพลันจมูกนางก็ได้กลิ่นเหม็นแรงของเหล้าคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง จนหลิวฟางอี้อดที่จะยกมือขึ้นมาปัดไล่กลิ่นพร้อมทั้งยกมืออีกข้างขึ้นปิดจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นแรงฉุนที่ลอยตีปะทะคลุ้งไปทั่วเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตพยายามมองฝ่าความมืดสลัวเพื่อมองหาเป้าหมายที่ทำให้นางต้องถ่อมาหาถึงที่ตึก ตึก ตึก! ฟู่หลาง