บทที่ 2 อดีตอันฝังใจ 2/2
ก๊อก ก๊อก เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องบัวบูชาก็ถึงกับสะดุ้งตัว ดูเหมือนว่าเวลาที่เธอไม่อยากให้มาถึงที่สุดมันจะเดินทางมาถึงแล้ว หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง พอเห็นป้าชื่นยืนอยู่หน้าห้องบัวบูชาก็เผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนแทบเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกกลัวปนประหม่า “ได้เวลาแล้ว” “ค่ะ ป้าชื่น” บัวบูชาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้กับตนเอง ก่อนจะก้มหน้าเดินตามแม่บ้านวัยกลางคนไปยังห้องนอนของลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน ทางด้านเจตนิพัทธ์เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ มันควรจะรู้สึกสดชื่น แต่ร่างกายเขากลับรุ่มร้อน ลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ไหนจะความต้องการเรื่องอย่างว่าที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสมองเขาแทบเบลอนี่อีก คราวแรกเจตนิพัทธ์คล้ายจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองกันแน่ แต่เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงของป้าชื่น เจ้าของใบหน้าคมเข้มก็คล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว "คุณเจต ป้าชื่นเองค่ะ" คนสนิทของคุณนายจิตรลดาเอ่ยออกไปหลังเคาะประตูห้องคุณชายของเธอไปสองครั้ง เจตนิพัทธ์เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ เขาจ้องมองป้าชื่นก่อนจะชายตามองผู้หญิงแปลกหน้าอีกคน ซึ่งเอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตา “เข้าไปสิหนูบัว” ป้าชื่นบอกคนข้าง ๆ นั่นจึงทำให้เด็กสาวเดินเข้าไปข้างในห้อง บัวบูชายังเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าจะเงยขึ้นมองเจ้าของห้องสักนิด “นี่แม่ทำแบบนี้ทำไมครับป้าชื่น ถึงกับต้องทำแบบนี้กับผมเลยเหรอครับ” “อย่าโทษคุณนายเลยนะคะคุณเจต คุณนายหวังดีกับคุณเจตจริง ๆ ค่ะ” บัวบูชาไม่เข้าใจกับบทสนทนาของคนทั้งคู่นัก เธอเข้าใจแค่เพียงว่าน้ำเสียงของเจตนิพัทธ์ดูไม่พอใจที่เธอมาที่ห้องนี้เป็นมากก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังมีอารมณ์บางอย่างก่อตัวขึ้นด้วยฤทธิ์ยาที่เผลอกินไปโดยไม่รู้ตัว ป้าชื่นพูดจบก็เดินออกไปจากหน้าห้องนอนของคุณชายของเธอทันที ทำให้ตอนนี้ในห้องกว้างมีเพียงสองหนุ่มสาวเท่านั้น บัวบูชาได้แต่ยืนก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่นอย่างคนไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือทำอะไรดี เจตนิพัทธ์จับจ้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาไม่พอใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ตามที่แม่เขาสั่ง ครุ่นคิดไม่นานเจ้าของร่างสูงโปร่งก็ส่งเสียงหัวเราะคล้ายเย้ยหยันออกมา เหตุผลก็คงไม่พ้นคำว่า 'เงินและอยากสบาย' สินะ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็ยอมทำทุกอย่างได้เพียงเพราะทั้งสองอย่างนี้ ต่อให้จะเป็นเรื่องไร้ยางอายอย่างการเป็นเมียเก็บของผู้ชายรวย ๆ ก็ยังยอมได้ เจตนิพัทธ์หวนนึกถึงอดีตคนรักที่สร้างแผลใจให้กับเขา ทั้งที่ตอนนั้นเขาทุ่มเทความรักให้ ซื่อสัตย์และมั่นคงกับเธอแค่เพียงคนเดียว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเลือกจะสวมเขาให้กัน ยอมทอดกายให้ผู้ชายคนอื่นได้เชยเพื่อหวังสุขสบายในวันข้างหน้า ยอมเป็นเมียน้อยของผู้ชายรวย ๆ คนหนึ่ง ยอมทิ้งศักดิ์ศรีและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เพียงเพราะสิ่งที่เรียกว่า 'เงินทองและความสุขสบาย' เสียงหัวเราะในลำคอของคนตรงหน้าที่ดังขึ้น ทำให้บัวบูชาเผลอเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย วินาทีที่ได้จ้องมองผู้ชายตรงหน้าเต็มสายตา เธอยอมรับว่าท่าทางของเขาดูน่าเกรงขามมากจริง ๆ แววตาของอีกฝ่ายดูดุดันจนทำให้เธอตัวแข็งทื่อขึ้นมาซะอย่างนั้น “เพราะเงินสินะ” เป็นประโยคแรกที่เจตนิพัทธ์เอ่ยพูดกับผู้หญิงที่แม่หามาให้ ผู้หญิงในแบบที่เขาเกลียดที่สุด “คะ?” บัวบูชาทำหน้าไม่เข้าใจกับคำพูดของคนตรงหน้า นั่นจึงทำให้เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งสืบเท้าเข้ามาหาเธอทันที ความตกใจมันทำให้คนตัวเล็กถอยหลังหนี แต่กลับถูกเขาคว้าแขนทั้งสองข้างไว้ไม่ให้หนีได้อีก “จะหนีทำไม เธอต้องการแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรอ ทำหน้าที่ของเธอสิ” เขาว่าก่อนจะปล่อยมือออกราวกับไม่อยากจะสัมผัสร่างกายผู้หญิงตรงหน้านานอย่างไรอย่างนั้น บัวบูชาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอตกใจและก็กลัวไม่น้อย แต่ก็อย่างที่เขาพูด เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ที่เธอฝืนใจเลือก “ค่ะ บัวเข้าใจแล้ว” “เข้าใจแล้วก็ถอดเสื้อผ้าออก อย่ามาทำตัวเหมือนสาวน้อยอ่อนต่อโลกต่อหน้าฉัน ฉันไม่ชอบ ในเมื่อเธอกล้าตกลงทำตามข้อเสนอของแม่ฉัน เธอก็ต้องกล้าจะทำทุกอย่างให้ฉันพอใจไม่ใช่รึไง”บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 2/2"พี่เจต" บัวบูชาเรียกชื่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา หัวใจยังสั่นไหวรุนแรงด้วยความกลัว"เป็นอะไรรึเปล่าบัว เจ็บตรงไหนไหม""เจ็บท้องค่ะ" เธอบอกเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดจากแรงบีบรัดที่เกิดขึ้นตรงช่วงหน้าท้อง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายตามกรอบหน้าหวานมากขึ้นเรื่อย ๆอรรถพลไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าลูกสาวและหลานของตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เขารีบก้มเก็บกระเป๋าเงินและถุงกำมะหยี่สีแดงคล้ายถุงใส่ทองขึ้นมาจากพื้นก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งหนีไปไกลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็เข้ามารวบตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทันท่วงทีเจตนิพัทธ์ไม่ได้สนใจความวุ่นวายรอบข้าง สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือความปลอดภัยของลูกและเมียเท่านั้น เจ้าของร่างสูงโปร่งรีบอุ้มคนท้องกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลและตามหมอให้มาดูอาการอย่างร้อนใจเขากลัวจนแทบบ้าว่าบัวบูชาและลูกจะเป็นอะไรรึเปล่า และเอาแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่ทิ้งเธอไว้เพียงลำพังจนเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบนี้ถ้าหากเขามาไม่ทัน บัวบูชากับลูกจะเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นแบบนั้นเขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่"ทั้งแม่และเด็กปลอดภัยดีค่ะ น่าจะเกิดจากอาการวิตกกังวลขอ
บทที่ 20 ผู้หญิงเนรคุณ 1/2ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเจตนิพัทธ์ก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้เห็นภาพอัลตราซาวด์ของเจ้าลูกชาย ในขณะที่มือยังกอบกุมมือแม่ของลูกไว้ ทว่าดวงตาคู่คมกลับเอาแต่จ้องหน้าจอแสดงผลของคุณหมอแทบไม่กระพริบ เสียงเต้นของหัวใจลูกดังชัดเจนในสองหูคนเป็นพ่อ อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์เด็กที่เขาเห็นผ่านจอตรงหน้านี้ก็จะลืมตาดูโลกแล้ว ยิ่งคิดหัวใจคนเป็นพ่อยิ่งโลดแล่นอย่างดีใจเขาพาบัวบูชามาพบคุณหมอด้วยตัวเองทุกครั้ง แม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายหมอจะนัดว่าที่คุณแม่บ่อยแทบทุกสัปดาห์แต่คนที่ยุ่งมากอย่างพ่อเลี้ยงเจตก็ไม่เคยให้บัวบูชาต้องมาเพียงลำพังเลยแม้แต่ครั้งเดียว"เจ้าตัวเล็กแข็งแรงดีมากค่ะคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าช่วงนี้ต้องควบคุมเรื่องน้ำตาลหน่อยนะคะ"ว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ตั้งใจฟังสิ่งที่คุณหมอแนะนำกันอย่างดี พูดคุยกับคุณหมอเสร็จก็พากันออกมารอรับยาบำรุงด้านนอก"เหนื่อยไหม" เขาถามหลังประคองคนท้องโตมานั่งยังที่นั่งรอรับยา"นิดหน่อยค่ะ""ดื่มน้ำก่อน" เจตนิพัทธ์ยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ที่เสียบหลอดให้เรียบร้อยไปให้คุณแม่ที่ตอนนี้ดูอวบอิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นในสายตาของเขาบัวบู
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 4/4เดิมทีบัวบูชาก็เล่านิทานให้ลูกในท้องฟังอยู่บ่อยครั้ง เพราะศึกษามาว่าการเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องมันช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองของลูก และยังทำให้ลูกจดจำเสียงของพ่อและแม่ได้ด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเจตนิพัทธ์เองก็จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ตอนที่เขาชวนเธอไปซื้อหนังสือเมื่อช่วงบ่ายก็เอาแต่พูดไม่หยุดว่าอยากอ่านเรื่องอะไรให้ลูกฟังบ้าง แถมยังซื้อกลับมาจนแทบทำเป็นชั้นหนังสือได้เลยเสียงเล่านิทานยังติด ๆ ขัด ๆ เพราะเพิ่งจะเคยเล่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเจตนิพัทธ์ก็ยังตั้งใจเล่าต่อไปและบอกตัวเองตลอดว่าพรุ่งนี้เขาจะต้องเล่าให้ดีกว่านี้ให้ได้ และเมื่อนิทานจบลงว่าที่คุณพ่อถึงได้รู้ว่าคนบนเตียงนอนหลับสนิทไปแล้ว"ไม่ใช่ว่าน่าเบื่อจนหลับหรอกใช่ไหม" เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง ก่อนจะดึงผ้าห่มมาห่มให้คนบนเตียง วันนี้เขายังจับจองพื้นข้างเตียงของบัวบูชาเป็นที่หลับนอนเช่นเคยเจตนิพัทธ์นั่งมองหน้าคนหลับสลับกับหน้าท้องที่มีลูกของเราอยู่ในนั้นนานจนเริ่มง่วง แต่ก่อนจะนอนเขาก็อยากจะสัมผัสเนื้อตัวแม่ของลูกนิด ๆ หน่อย ๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ใบห
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 3/4"แล้วต่อจากนี้บัวมีสิทธิ์ไหมคะ สิทธิ์ที่จะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณเจตให้มากขึ้น"ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มกว้าง ดวงตาคล้ายมีประกายระยิบระยับอยู่ด้านในนั้น เขาก้าวเข้าไปใกล้คนท้องขึ้นอีกหน่อยก่อนจะเอื้อมไปจับมือของเธอไว้"ได้สิ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่บัวถามได้เลยนะ ถามได้ตลอดเวลา อยากรู้ตอนไหนก็ถามออกมาได้เลยพี่พร้อมจะบอกทุกเรื่อง" เขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มของตัวเองตอนนี้เรียกว่ายิ้มจนแก้มแทบปริได้ไหม รู้แค่เพียงดีใจเหลือเกินที่คนตรงหน้าอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นบัวบูชาไม่รู้ว่าเธอคิดผิดหรือถูกที่พูดออกไปแบบนั้น เพราะมันทำให้เจตนิพัทธ์ยิ้มกว้างอย่างที่เธอชอบ เธอชอบมองเขายิ้มและหัวเราะที่สุด และตอนนี้รอยยิ้มของเขาก็ทำเอาหัวใจเธอสั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน"คือ...เอ่อ" อยู่ ๆ เธอก็คล้ายคนสมองเบลอไปชั่วขณะคิดอะไรไม่ออกเพียงเพราะรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่ง "บัวว่าบัวหิวแล้วค่ะ""กับข้าวเสร็จหมดแล้ว บัวไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย เดี๋ยวพี่ยกไปให้"เธอเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินหน้าร้อนออกมาจากจุดที่ยืนอยู่ และไม่รู้เลยว่าตอนนี้บนใบหน้ากำลังมีรอยยิ้มแห่งความดีใจประด
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 2/4คนท้องรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของวัน อาการแพ้ท้องดีขึ้นมากกว่าช่วงเช้า ว่าที่คุณแม่ที่หน้าท้องเริ่มนูนเด่นค่อย ๆ ขยับตัวลุกจากเตียง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอน และเพราะมีเสียงดังมาจากในห้องครัวเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ซึ่งก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็นคนที่อยู่ในครัวไม่ใช่ป้าชื่น แต่เป็นเจ้าของร่างสูงโปร่ง อีกทั้งเจตนิพัทธ์ตอนนี้ยังอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนอีกด้วย"คุณเจตทำอะไรอยู่คะ""ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันมายิ้มกว้างให้คนท้อง ก่อนจะรีบล้างไม้ล้างมือแล้วก้าวเดินเข้าไปหาเธอ ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อเช้า เพราะบัวบูชาเริ่มเหม็นกลิ่นตัวพ่อของลูกอีกแล้ว"อย่าเข้ามาใกล้เกินค่ะ" เธอรีบยกมือขึ้นห้ามเขาไว้ ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี"ยังคลื่นไส้อยากอ้วกอยู่อีกไหม""ห่างเท่านี้ก็ไม่ค่อยได้กลิ่นแล้วค่ะ ว่าแต่ป้าชื่นล่ะคะ" ดวงตาคู่สวยมองหาคนที่อยู่ดูแลเธอมาเกือบจะสองเดือน ปกติทุกเช้าหลังตื่นนอนบัวบูชามักจะเห็นป้าขื่นคลุกตัวอยู่แต่ในห้องครัวนี่นา"พี่ให้แกกลับไปแล้ว เพราะต่อจากนี้พี่จะเป็นคนดูแลเธอกับลูกเอง อีกอย่าง...ก็ถือเป็นการซ้อมอยู่ด้วยกันแบบพ่อแม
บทที่ 19 วันแรกของการดูแลคนท้อง 1/4คนที่เพิ่งจะได้นอนช่วงเช้ามืดเพราะมัวแต่หาข้อมูลในการดูแลคนท้องสะดุ้งตัวตื่นทันที เมื่อได้ยินเสียงคนอ้วกดังมาจากในห้องน้ำ เจตนิพัทธ์รีบลุกทั้งในสภาพที่ใบหน้ายังงัวเงียและผมเผ้าไม่ได้จัดทรง เขาเดินตรงไปหน้าห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบขวดน้ำเปล่าไปให้คนท้องใช้ล้างคอว่าที่คุณแม่อ้วกจนแทบไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาอีกแล้ว บัวบูชาไม่มีแรงพอจะยืนด้วยซ้ำจึงต้องนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำก่อน ทว่าก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ ๆ ร่างกายก็ถูกช้อนอุ้มขึ้น"จะทำอะไรคะ""พาไปนอนที่เตียง เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอ" ร่างสูงถามขณะอุ้มว่าที่คุณแม่กลับมานอนพักยังเตียงนอน เขาวางเธอลงอย่างเบามือ ก่อนจะจัดการนำหมอนมารองแผ่นหลังเพื่อให้คนท้องนั่งได้อย่างสบายขึ้น"บัวแพ้ท้องช้า เพิ่งจะมาแพ้หนักก็ตอนที่เข้าเดือนที่สี่ค่ะ ช่วงเช้าก็จะแพ้ท้องหนักกว่าช่วงอื่น ๆ สาย ๆ หน่อยอาการก็จะดีขึ้นเองค่ะ""รอแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำขิงกับขนมมาให้ เห็นเขาบอกว่ามันช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้""ใครบอกคะ" บัวบูชาเอียงคอสงสัย และก็ได้รับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมาจากใบหน้าคมเข้ม"ในเน็ตน่ะ"เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง