ครู่เดียวต่อมา เผิงเหยียนเฉิงกลับมาถึงจวนตามคำสั่งของภรรยา สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่บ่อยนักที่ลู่ซือหนานจะใช้ถ้อยคำเร่งร้อนเช่นนี้ในการเรียกตัวเขากลับจวน
เมื่อเข้ามาถึงห้องหนังสือ ลู่ซือหนานยืนรออยู่ก่อนแล้ว เบื้องหน้าไม่มีน้ำชา ไม่มีขนมหวาน หรือแม้แต่รอยยิ้มประจำของนาง มีเพียงสีหน้าจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้น” เผิงเหยียนเฉิงขมวดคิ้วทันที
ลู่ซือหนานผายมือเชิญให้นั่ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เสี่ยวหนิวเพิ่งเปิดเผยให้อย่างละเอียดทุกถ้อยคำ น้ำเสียงของนางมั่นคง ไม่ใส่อารมณ์ แต่ก็เจือด้วยความเจ็บปวดและโกรธเคืองอยู่ลึกๆ
“เจ้ามั่นใจหรือว่าเสี่ยวหนิวไม่ได้โกหก” เผิงเหยียนเฉิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งหลังฟังจบ
“ข้าจับพิรุธทุกถ้อยคำ นางหวาดกลัวมากกว่าจะคิดสร้างเรื่องโกหกเช่นนี้”
เผิงเหยียนเฉิงถอนหายใจยาว “ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง แม้จะไม่มีพยานที่เป็นต้นตอ แต่แค่หลักฐานว่าผู้ป่วยถูกพาออกจากโรงหมอก็เพียงพอให้เป็นเงื่อนสงสัยแล้ว”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูโจวนางจะทำเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้เพราะต้องการให้สา
ครู่เดียวต่อมา เผิงเหยียนเฉิงกลับมาถึงจวนตามคำสั่งของภรรยา สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะไม่บ่อยนักที่ลู่ซือหนานจะใช้ถ้อยคำเร่งร้อนเช่นนี้ในการเรียกตัวเขากลับจวนเมื่อเข้ามาถึงห้องหนังสือ ลู่ซือหนานยืนรออยู่ก่อนแล้ว เบื้องหน้าไม่มีน้ำชา ไม่มีขนมหวาน หรือแม้แต่รอยยิ้มประจำของนาง มีเพียงสีหน้าจริงจัง“เกิดอะไรขึ้น” เผิงเหยียนเฉิงขมวดคิ้วทันทีลู่ซือหนานผายมือเชิญให้นั่ง ก่อนจะเล่าเรื่องที่เสี่ยวหนิวเพิ่งเปิดเผยให้อย่างละเอียดทุกถ้อยคำ น้ำเสียงของนางมั่นคง ไม่ใส่อารมณ์ แต่ก็เจือด้วยความเจ็บปวดและโกรธเคืองอยู่ลึกๆ“เจ้ามั่นใจหรือว่าเสี่ยวหนิวไม่ได้โกหก” เผิงเหยียนเฉิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งหลังฟังจบ“ข้าจับพิรุธทุกถ้อยคำ นางหวาดกลัวมากกว่าจะคิดสร้างเรื่องโกหกเช่นนี้”เผิงเหยียนเฉิงถอนหายใจยาว “ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง แม้จะไม่มีพยานที่เป็นต้นตอ แต่แค่หลักฐานว่าผู้ป่วยถูกพาออกจากโรงหมอก็เพียงพอให้เป็นเงื่อนสงสัยแล้ว”“ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูโจวนางจะทำเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้เพราะต้องการให้สา
หลายวันผ่านไป เสี่ยวหนิวเริ่มปรับตัวกับงานในโรงซักล้าง แม้จะลำบากแต่กลับสงบกว่าช่วงเวลาที่อยู่ในจวนสกุลโจวและจวนสกุลซ่งมากนักนางใช้ชีวิตอย่างระวัง ไม่ยุ่งกับใครมาก และเก็บความลับทุกอย่างไว้กับตนคนเดียว จนกระทั่งข่าวหนึ่งมาถึงในเช้าวันหนึ่งอาหมิงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ท่าทางเคร่งเครียด ผ้าพันเอวเบี้ยวจากการวิ่ง“นายหญิง นายหญิงขอรับ อยู่หรือไม่?”เมื่อเห็นลู่ซือหนานกำลังดูความเรียบร้อยของงานอยู่ใกล้บ่อน้ำ อาหมิงจึงรีบเข้าไปกระซิบข้างหู“มีคนจากเรือนสกุลโจว มาแอบด้อมๆ มองๆ ที่จวนเราขอรับ ข้าไม่มั่นใจว่ามีจุดประสงค์อันใด เกี่ยวกับนายท่านโดยตรงหรือว่ารู้เรื่องที่สาวใช้เสี่ยวหนิวอยู่ที่จวนเผิง”ลู่ซือหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แน่ใจหรือ”“ข้าให้คนตามไปสืบแล้ว เป็นคนของสกุลโจวจริง แต่ว่าจุดประสงค์นั้นน่าเคลือบแคลงเป็นอย่างยิ่ง”สายตาของลู่ซือหนานมองไปยังมุมหนึ่งอย่างครุ่นคิด แล้วเดินไปยังเรือนซักล้างชั้นใน เมื่อเห็นเสี่ยวหนิวกำลังซักผ้าเงียบๆ อยู่เพียงลำพัง นางจึงหยุดยืนที่หน้าประตู
ค่ำวันนั้น เผิงเหยียนเฉิงกลับเข้ามาที่ห้องหนังสือหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบตัวสาวใช้ที่เพิ่งถูกซื้อกลับมาจากพ่อค้าทาส อาหมิงรายงานทุกอย่างอย่างรอบคอบ และเมื่อได้ฟังเรื่องราว เผิงเหยียนเฉิงก็นิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งให้พาตัวนางเข้ามาพบในห้องด้านในของเรือนรับรองหญิงสาวในชุดผ้าหยาบสีเทา ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูแห้งกรัง ร่างกายผ่ายผอม ดวงตาคล้ำลึกจากความเหน็ดเหนื่อยและความหวาดกลัว เสี่ยวหนิวเดินเข้ามาอย่างประหม่า คุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะกับพื้น“บ่าวขอคารวะท่านโหวเจ้าค่ะ”เผิงเหยียนเฉิงวางมือลงบนพนักเก้าอี้เบื้องหน้า สายตาคมดั่งเหยี่ยวจับจ้องไปยังร่างหญิงสาว“เงยหน้าขึ้นเถอะ ข้าไม่ใช่คนใจร้าย จะถามแค่สองสามคำเท่านั้น ว่าเจ้าถูกขายไปได้อย่างไร”เสี่ยวหนิวเงยหน้าขึ้นอย่างลังเล ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว“บ่าวเคยเป็นสาวใช้ในเรือนคุณหนูโจวจิงหยูเจ้าค่ะ แต่ช่วงโรคระบาดที่ผ่านมา บ่าวมีอาการขึ้นผื่นและไข้สูงอยู่หลายวัน เมื่อหายดีกลับพบว่าคุณหนูบอกว่าบ่าวเอาโรคไปติดนาง จึงถูกขับไล่ออกจากจวน แล้วขายบ่าวให้พ่อค้าทาสเจ้าค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง ในเรือนสกุลโจว โจวเสวี่ยนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ กลิ่นชาจางๆ จากถ้วยเคลือบดินเผาลอยขึ้น แต่เขากลับไม่ได้ดื่มแม้สักอึก ดวงตาคมใต้คิ้วขมวดแน่น เขามองจดหมายข่าวที่ส่งมาอย่างไม่พอใจ“สำนักศึกษาสตรีหรือ” เขาทวนถ้อยคำเสียงต่ำ สีหน้ามืดครึ้ม “ไม่เพียงไม่ถูกลดขั้น กลับได้รับความชื่นชมและให้สร้างผลงานเพิ่มอีก”ข้างตัวมีขุนนางอาวุโสผู้ แสดงสีหน้าครุ่นคิดเช่นกัน ก่อนจะพูดเบาๆ“ดูเหมือนว่าแม้เราจะยังไม่เคลื่อนไหว แต่เขากลับยิ่งเจริญขึ้นทุกที อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากเบื้องบน เรื่องนี้ไม่ควรเร่งขยับ หากยังไม่มีช่องให้สั่นคลอน”โจวเสวี่ยบีบถ้วยชาจนแน่น เสียงเคลือบดินแตกร้าวดังขึ้นน้อยๆ เขาเอ่ยเสียงเย็น“เจ้าหนุ่มนั่น คิดจะเล่นบทขุนนางคุณธรรมงั้นหรือ” แล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ“เราจะรอดูว่าเขาจะตั้งมั่นได้นานแค่ไหนในที่ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บเช่นนี้”เขาหันไปมองทางหน้าต่าง เห็นดอกเหมยบานเต็มต้นในลานหน้าจวน ท่ามกลางความเงียบงันนั้น เขากลับนึกถึงบุตรีของตน ตอนนี้ยังคงอยู่ตุนโจว
หนึ่งเดือนผ่านไป บรรยากาศในเมืองหลวงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่วังเวงด้วยความระแวงระหว่างฝ่ายขุนนาง กลับอบอวลด้วยความครึกครื้นของกิจกรรมการศึกษาและการปฏิรูปที่กำลังเบ่งบาน ภายใต้แผนงานของเผิงเหยียนเฉิงสำนักศึกษาหลวงเปิดคาบเรียนใหม่หลายแขนง ทั้งด้านการปกครอง การทหาร วิทยาศาสตร์พื้นฐาน และยังมีวิชาคุณธรรมและจริยธรรมตามแนวคิดของปราชญ์เก่าถูกบูรณาการเข้าด้วยอย่างลงตัววันหนึ่ง เผิงเหยียนเฉิงเดินตรวจเยี่ยมการเรียนการสอน พร้อมกับรองเจ้ากรมและอาจารย์อาวุโสอีกหลายคน เขาสวมชุดขุนนางเรียบง่าย ไม่ต้องการให้เหล่านักเรียนหลงใหลในเกียรติยศเพียงเปลือกนอก“นักเรียนคนนี้ตอบได้แม่นยำมาก” เขากล่าวพลางพยักหน้าให้เด็กชายวัยสิบหกที่เพิ่งตอบคำถามเกี่ยวกับกฎหมายราชสำนักโบราณ“แต่ข้าอยากให้เจ้าคิดต่อ...ว่ากฎหมายนี้หากนำมาใช้ในปัจจุบัน จะส่งผลอย่างไรบ้าง?”เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ใช้ความคิดก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ “อาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่าถูกบีบบังคับเกินไป ขอรับ ข้าเห็นว่า ควรมีการปรับใช้ให้เหมาะกับยุคปัจจุบันมากกว่าใช้ทั้งฉบับ”เส
ยามค่ำในคืนหนึ่ง ลู่ซือหนานจัดการทุกอย่างในเรือนอย่างเรียบร้อย เมื่อทราบว่าสามีกลับมาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า นางจึงไม่ซักไซ้ให้มากความ เพียงแต่รับเสื้อคลุมจากมือเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วนำไปแขวนไว้ตามเดิมเผิงเหยียนเฉิงนั่งลงที่ตั่งริมหน้าต่างโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใด นัยน์ตาเขามองออกไปยังลานด้านหน้า ท่ามกลางแสงโคมที่ส่องสลัว ราวกับกำลังไตร่ตรองเรื่องบางอย่าง ลู่ซือหนานจึงเดินไปหยิบขวดน้ำมันหอมแล้วนั่งลงด้านหลังสามี“ให้ข้าบีบนวดให้นะเจ้าคะ” เสียงของนางนุ่มนวล ชวนให้ใจคนฟังละลายมือของนางนวดเบาๆ ที่บ่ากว้างด้วยความชำนาญ แรงกดที่พอเหมาะส่งผ่านความอบอุ่นไปถึงหัวใจ เผิงเหยียนเฉิงหลับตาลงช้าๆ ราวกับปล่อยให้ความหนักอึ้งจากทั้งวันละลายหายไปกับปลายนิ้วของภรรยา เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแต่ยื่นมือไปจับมือนางไว้เบาๆ“เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน ฮูหยิน” เขากล่าวเสียงแผ่วลู่ซือหนานยิ้มจางๆ แล้วเอนตัวลงแนบหลังสามี “ข้าก็เป็นภรรยาของท่านนี่ ไม่ดีต่อท่าน แล้วจะให้ดีต่อใคร”“วันนี้ในที่ประชุมเร่งรัดให้ข้านำเสนอหนังสือปฏิรูปฉบับเ