ในยามค่ำสงบเงียบ ลู่ซือหนานนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องพักของนางที่จวนนายอำเภอ แสงไฟจากโคมกระดาษสีเหลืองนวลส่องกระทบปลายพู่กันที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน นางเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ เพื่อกลั้นความคิดถึงก่อนจะเขียนต่อด้วยลายมือเรียบร้อยและมั่นคง
[ ถึงท่านพ่อท่านแม่ที่เคารพ
ลูกซือหนานขอแจ้งให้ทราบว่า ข้าจะยังคงอยู่ที่เมืองเห่ยโจวต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อดูแลใต้เท้าเผิงผู้เป็นคู่หมั้นซึ่งยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการป่วย แม้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ข้ายังไม่วางใจ และต้องการอยู่เป็นกำลังใจแก่เขาจนกว่างานก่อสร้างเขื่อนจะแล้วเสร็จ
ไม่ต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ ข้าพักอยู่ที่จวนนายอำเภอหลาน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและให้เกียรติเต็มที่ มิได้ลำบากอันใดเลย คุณหนูหลานก็มีไมตรีจิตดียิ่ง นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งในต่างถิ่น
ข้าจะเขียนจดหมายกลับมาอย่างสม่ำเสมอ ขอให้ท่านพ่อท่านแม่รักษาสุขภาพ ด้วยความเคารพยิ่ง
ซือหนาน ]
เมื่อเขียนจบ นางเป่าให้หมึกแห้งก่อน
ณ ห้องโถงตะวันออกของจวนเสนาบดีโจวในเมืองหลวง ซึ่งมักใช้เป็นสถานที่รับรองแขกคนสำคัญ วันนี้กลับจัดวางโต๊ะกลมตัวเล็กและพรมผืนงามคลุมพื้น เสนาบดีโจวเสวี่ยนั่งอยู่เบื้องหน้า แต่งกายด้วยชุดผ้าแพรเนื้อละเอียดสีหม่น ข้างกายมีบ่าวผู้ภักดีคอยรินชาชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามคือ ซ่งจื่ออวี้ ผู้สอบได้อันดับปังเหยี่ยน ในการสอบจอหงวนที่ผ่านมา รูปร่างสูงสมส่วน ท่าทางสงบนิ่ง แม้ยังเยาว์วัยแต่แววตาคมลึกคล้ายคนผ่านโลกมากพอ เขาสวมชุดขุนนางชั้นต้นของปลัดอำเภอเมืองตุนโจว สีเขียวเข้มปักดิ้นเงินสะอาดเรียบร้อยหลังรินชาให้แขก เสนาบดีโจวจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ“ซ่งจื่ออวี้ เจ้าเป็นบัณฑิตผู้มากฝีมือ อายุยังน้อยแต่สอบได้ถึงปังเหยี่ยน ขณะนี้รับราชการอยู่ที่ตุนโจว ถือว่าอนาคตไกลนัก”ซ่งจื่ออวี้ยกมือคารวะ “ขอบพระคุณใต้เท้าที่เมตตา ข้ายังต้องศึกษางานอีกมาก”“ด้วยสติปัญญาและจริยธรรมเช่นเจ้า หากมีผู้เกื้อหนุน ย่อมสามารถไต่เต้าขึ้นได้อย่างมั่นคง” โจวเสวี่ยยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวต่อโดยไม่อ้อมค้อม“บุตรีข้า จิงหยู แม
ท้องฟ้ายังคงปกคลุมด้วยเมฆฝน แต่แสงอาทิตย์ยามสายก็ยังส่องลอดลงมาทาบผืนดินที่กลายเป็นเขตก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์บริเวณเขื่อน เหล่าช่างฝีมือและชาวบ้านต่างเร่งมือ ช่วยกันขนหิน บดดิน ถมแนวเสริมกำแพงป้องกันน้ำ ผ้าผูกศีรษะเปียกเหงื่อแต่แววตากลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เผิงเหยียนเฉิงยืนกำกับการงานโดยมีขุนนางผู้ติดตามและหัวหน้าช่างรายงานอย่างต่อเนื่อง“อีกสิบวันก็คงแล้วเสร็จ ขอรับ ใต้เท้าเผิง”“ดีมาก ตรวจสอบฝั่งเหนือให้ถี่ถ้วน หากมีรอยรั่วต้องแก้ทันที”ทางฝั่งลานที่เป็นสำนักศึกษาชั่วคราว ลู่ซือหนานในชุดเสื้อผ้าธรรมดาแต่สะอาดตา กำลังเล่านิทานที่แฝงด้วยคติสอนใจ เด็ก ๆ ตั้งใจฟังนางสอนอย่างมีชีวิตชีวา เสียงหัวเราะค่อยๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงก่อสร้างที่ดังลั่นอยู่ไกล ๆ“จากนิทานที่ข้าเล่า ความกล้าหาญต้องใช้ให้ถูกทาง กล้าหาญทำในสิ่งที่ดี จำไว้นะเจ้าทั้งหลาย หากมีความรู้แล้ว ก็ต้องใช้ความกล้าหาญเพื่อสิ่งที่ดี”“ขอรับ/เจ้าค่ะ!” เสียงเด็กน้อยตอบอย่างพร้อมเพรียงข่าวความทุ่มเทของเผิงเหยียนเฉิงและลู่ซือหนานในเมืองเห่ยโจว ไม่อา
ท่ามกลางเสียงทุบหิน ขุดดิน และโห่ร้องกำลังใจของชายฉกรรจ์ที่ช่วยกันสร้างเขื่อนอย่างแข็งขัน ริมฝั่งแม่น้ำในเขตเมืองเห่ยโจวกลับเต็มไปด้วยพลังแห่งความสามัคคีอย่างไม่เคยมีมาก่อนเหล่าสตรีทั้งชาวบ้านและผู้ติดตามขุนนาง ต่างร่วมแรงร่วมใจตั้งครัวสนามหุงหาอาหารจัดเสบียงไม่ขาดตกบกพร่องแต่ในยามที่ลู่ซือหนานเดินผ่านบริเวณรอบจุดพักชั่วคราว สิ่งที่ดึงความสนใจของนางกลับมิใช่กลิ่นหอมจากข้าวร้อนหรือน้ำแกงซดคล่องคอ หากแต่เป็นภาพของเหล่าเด็กน้อยที่นั่งเล่นดิน หัวเราะ ร้องไห้ และวิ่งไล่จับกันโดยไร้ผู้ดูแลลู่ซือหนานขมวดคิ้ว เฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตรงไปยังจวนนายอำเภอเพื่อขอเข้าพบภายในห้องโถง นายอำเภอหลานพยักหน้าช้า ๆ หลังฟังคำเสนอของนาง“คุณหนูลู่คิดการณ์ลึกจริง ข้าเองก็สังเกตเห็นแต่ยังหาวิธีรับมือไม่ถนัด หากท่านยินดีจะเปิดสำนักศึกษาชั่วคราว ข้าย่อมให้การสนับสนุนเต็มที่”“ขอบคุณท่านนายอำเภอเจ้าค่ะ ข้าคิดเพียงว่า เด็กเหล่านี้ไม่ควรเสียเวลาเปล่าในยามเช่นนี้ อีกทั้งจะได้มีที่ปลอดภัย ไม่ต้องวิ่งเพ่นพ่านใกล้เขตก่อสร้าง”&ld
ในยามค่ำสงบเงียบ ลู่ซือหนานนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องพักของนางที่จวนนายอำเภอ แสงไฟจากโคมกระดาษสีเหลืองนวลส่องกระทบปลายพู่กันที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน นางเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ เพื่อกลั้นความคิดถึงก่อนจะเขียนต่อด้วยลายมือเรียบร้อยและมั่นคง[ ถึงท่านพ่อท่านแม่ที่เคารพลูกซือหนานขอแจ้งให้ทราบว่า ข้าจะยังคงอยู่ที่เมืองเห่ยโจวต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อดูแลใต้เท้าเผิงผู้เป็นคู่หมั้นซึ่งยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการป่วย แม้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ข้ายังไม่วางใจ และต้องการอยู่เป็นกำลังใจแก่เขาจนกว่างานก่อสร้างเขื่อนจะแล้วเสร็จไม่ต้องเป็นกังวลไปเจ้าค่ะ ข้าพักอยู่ที่จวนนายอำเภอหลาน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและให้เกียรติเต็มที่ มิได้ลำบากอันใดเลย คุณหนูหลานก็มีไมตรีจิตดียิ่ง นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งในต่างถิ่นข้าจะเขียนจดหมายกลับมาอย่างสม่ำเสมอ ขอให้ท่านพ่อท่านแม่รักษาสุขภาพ ด้วยความเคารพยิ่งซือหนาน ]เมื่อเขียนจบ นางเป่าให้หมึกแห้งก่อน
แสงแดดยามเช้าอ่อนโยนสาดลอดผ่านหน้าต่างไม้ของเรือนพัก ใต้แสงนั้นลู่ซือหนานนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง เผิงเหยียนเฉิงที่ยังดูอิดโรยแต่เริ่มมีสีหน้าดีขึ้น ดวงตาของเขาค่อยๆ เปิดขึ้นพร้อมเสียงไอแผ่ว นางรีบวางชามน้ำสมุนไพรลง แล้วประคองเขาขึ้นอย่างเบามือ“ตื่นแล้วหรือ” เสียงของนางแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยเขามองหน้านางอย่างซาบซึ้ง ใบหน้าอ่อนล้าแต่แววตาเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น “ข้าทำให้เจ้าต้องลำบาก...ต้องมาถึงถิ่นกันดารเช่นนี้...”“หากเป็นท่าน ข้าจะลำบากแค่ไหนก็ไม่ลังเล” ลู่ซือหนานตอบเสียงหนักแน่น“อีกอย่าง ยานี้ข้าหอบมาจากตำรับเก่าแก่ที่ท่านแม่เคยใช้รักษาไข้ป่าให้ท่านพ่อ ชงยาทุกเช้าค่ำ ท่านจะหายแน่”เผิงเหยียนเฉิงพยักหน้าเบาๆ แม้จะอ่อนแรง แต่หัวใจก็อุ่นขึ้นจนรู้สึกว่ากำลังไข้กำลังลดลงทีละน้อยหลายวันมานี้ ลู่ซือหนานยังคงดูแลเขาไม่ขาด ทั้งช่วยเช็ดตัว ป้อนยา ป้อนโจ๊ก ทำให้เผิงเหยียนเฉิงค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจนสามารถลุกนั่งได้ และพูดคุยได้ชัดเจนมากขึ้นเหล่าขุนนางที่ร่วมงานสร้างเขื่อนเมื่อมารู้ว่าสตรีผู
ในยามใกล้รุ่ง กลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ คลุ้งอยู่ในอากาศ ข้างเตียงที่เผิงเหยียนเฉิงนอนอยู่ ลู่ซือหนานยังคงเฝ้าอยู่ไม่ห่าง นางกำลังจัดผ้าห่มให้เขาอย่างเบามือเผิงเหยียนเฉิงขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาแม้จะยังพร่า แต่เมื่อมองเห็นหญิงสาวตรงหน้าอย่างชัดเจน ความยินดีก็ฉายชัดในแววตา“ซือหนาน…เจ้า…เจ้ามาจริงๆ” เสียงของเขาแหบพร่าแต่อ่อนโยน เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นนางยิ้มบาง เอียงหน้ามองเขาแล้วกล่าวเย้าเบาๆ“ท่านดีใจ…หรือเสียใจกันแน่ มิใช่ว่ามีหญิงงามคอยมาเฝ้าเจ้าก่อนข้าหรือ”คำพูดที่กล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่นทำให้ชายหนุ่มหน้าแดงจางๆ เขายกมืออย่างอ่อนแรงราวกับจะปฏิเสธ แล้วรีบพูดเสียงเบา“หาใช่เช่นนั้นไม่ ข้า…ข้ามิได้เต็มใจ…เพียงไม่รู้จะปฏิเสธน้ำใจนางอย่างไร ข้าไม่เคยคิดเกินเลย” ว่าแล้วเขาก็ไอแผ่วๆ ออกมา นางรีบประคองหมอนให้เขานั่งพิง แล้วยื่นถ้วยน้ำอุ่นให้เขาจิบอย่างอ่อนโยน“อย่าพูดมาก เจ้าพึ่งฟื้น นอนพักก่อนเถิด…โจ๊กกำลังต้ม อีกเดี๋ยวเสร็จข้