แสงแดดเจิดจ้าเหนือทุ่งหญ้าเขียวขจีริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ เมืองเห่ยโจวคลาคล่ำด้วยชาวบ้านที่หลั่งไหลกันมาดูผลการทดสอบเขื่อนใหม่ที่สร้างขึ้นภายใต้การควบคุมของเผิงเหยียนเฉิง
เขื่อนหินรูปโค้งขนาดใหญ่ทอดยาวคล้องแนวแม่น้ำอันเชี่ยวกราก โครงสร้างซับซ้อนถูกวางเรียงอย่างเป็นระบบ หินก้อนใหญ่ถูกบีบอัดเข้าหากันตามหลักการคำนวณ ที่แม้แต่ชาวบ้านก็ยังอดทึ่งไม่ได้
ข้างล่างทางทิศใต้มีช่องทางน้ำไหลผ่านที่เปิดและปิดได้ด้วยประตูเหล็ก ซึ่งจะช่วยระบายน้ำส่วนเกินในยามน้ำหลาก
เผิงเหยียนเฉิงในชุดขุนนางยศรองสวมหมวกผ้าฝ้ายธรรมดา กำลังยืนมองกระแสน้ำที่เริ่มไหลทะลักผ่านช่องทดสอบ สายน้ำปะทะแนวเขื่อนก่อนจะไหลพุ่งออกไปอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีการรั่วซึมหรือสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย
ขุนนางในคณะ ทั้งจากกรมโยธา กรมคลัง และทหารคุ้มกัน ต่างมองหน้ากันด้วยความยินดีและชื่นชม
“ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม หากถึงฤดูน้ำหลากปีหน้า เขื่อนนี้จะช่วยรักษาแหล่งน้ำให้ชาวเมืองได้มหาศาล”
“ใต้เท้าเผิง ท่านมีความสามารถเหนือคาด แม้จะไม่ใช่ขุนนางฝ่ายโยธา แต่ยังสามารถจัดการงานได้รัดกุมถึงเพียงนี้&rdquo
บ่ายวันหนึ่งในเมืองเจียงเฉิน ลู่ซือหนานเดินทอดน่องอย่างสงบอยู่ในตลาดกับเสี่ยวหลาน ผู้คนเริ่มหันมามองและกระซิบกันเบาๆ เมื่อนางผ่านไป ในน้ำเสียงนั้นมีทั้งชื่นชมและเหยียดหยามปะปนกันขณะนางยืนเลือกซื้อผ้าลายสวย เสียงใสของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ดังขึ้นอย่างนอบน้อม“คุณหนูลู่”ลู่ซือหนานหันกลับไป ก็พบกับคุณหนูซุนบุตรีนายอำเภอเจียงเฉินในชุดผ้าสีเขียวอ่อน กิริยาเรียบร้อยและท่าทางนอบน้อมกว่าแต่ก่อนมาก“ข้าดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง” คุณหนูซุนกล่าวพร้อมโค้งศีรษะเบาๆ“ข้าอยากกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจต่อสิ่งที่เคยเกิดขึ้น... ข้าเคยหลงกลและเป็นเครื่องมือของคุณหนูโจวโดยไม่รู้ตัว” นางกล่าวถึงเรื่องราวที่ผ่านมานานตั้งแต่ปีก่อน เพราะเพิ่งมีโอกาสได้เจอหน้ากันลู่ซือหนานพยักหน้าช้าๆ ก่อนคลี่ยิ้มบาง“เรื่องผ่านไปแล้ว หากท่านรู้ผิดและตั้งใจจะไม่ให้ซ้ำอีก ข้าก็ไม่ถือโทษ”ขณะทั้งสองยืนคุยกันอย่างสงบ เสียงกระซิบที่เคยแว่วมาก่อนหน้านี้ก็ดังชัดขึ้นจนเกินพอดี“นี่ใช่ไหมล่ะ นางที่ตามบุรุษไปอยู่เมืองอื
เช้าวันรุ่งขึ้น ม่านหมอกบางที่ปกคลุมจวนโหว ลู่ซือหนานสวมเสื้อคลุมผ้าต่วนสีอ่อนเรียบง่าย ท่ามกลางขบวนรถม้าที่เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางกลับเจียงเฉินเผิงเหยียนเฉิงยืนส่งนางอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ของจวน ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดปลายผ้าแพรปลิวไสว ดวงตาเขามองนางไม่กะพริบ ราวกับจะจดจำทุกเสี้ยวภาพของนางไว้ให้ลึกสุดหัวใจ“ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าฝืนงานหนักจนล้มป่วยอีก ข้าจะรอจดหมายจากท่าน” ลู่ซือหนานยิ้มอ่อน สายตานางหม่นเศร้าเล็กน้อยแต่เปี่ยมไปด้วยความอุ่นใจ“ข้ารู้” เขากล่าวเสียงเบา“รักษาตัวด้วย” พูดจบนางก็ขึ้นรถม้า เสี่ยวหลานยกม่านลงอย่างเงียบงัน ขบวนเดินทางค่อยๆ เคลื่อนออกจากจวนท่ามกลางเสียงกีบม้ากระทบพื้นและฝุ่นดินเบาๆเผิงเหยียนเฉิงยังคงยืนมองจนกระทั่งปลายขบวนลับสายตาไปนานแล้ว เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าจวนขณะเดินเข้าไปในลานกลาง อาหมิงที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ก็เดินเข้ามาถามเสียงเบา“นายท่าน ในเมื่อท่านตั้งใจจะแต่งงานกับคุณหนูลู่หลังจากภารกิจสร้างเขื่อนเสร็จสิ้นอยู่แล้ว เหตุใดจึงกราบทูลข
เมื่อเผิงเหยียนเฉิงกลับถึงจวนเผิงซึ่งบัดนี้กลายเป็นจวนโหวอย่างเป็นทางการ บรรยากาศในเรือนใหญ่ก็พลันเปลี่ยนแปลงไป เหล่าบ่าวไพร่ต่างมีสีหน้าปีติยินดีเร่งตกแต่งประตูหน้า ประดับผ้าแดงและผืนแพรทองตามธรรมเนียมแสดงความยินดีที่นายของตนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ใหม่ขณะเดินผ่านลานกว้าง เผิงเหยียนเฉิงมองไปยังเรือนรับรองที่ลู่ซือหนานพักอยู่ รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นบนใบหน้า เขาตัดสินใจจะยังไม่บอกนางเรื่องราชโองการสมรส เพื่อให้นางประหลาดใจในภายหลังเมื่อเข้าไปถึงเรือน ลู่ซือหนานนั่งอยู่กับเสี่ยวหลาน จิบชาช้าๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตานางจับจ้องที่ดวงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อย ซึ่งบอกให้รู้ว่า เวลาพักอยู่ที่เมืองหลวงใกล้จะหมดลงแล้วทันทีที่เห็นเขา นางลุกขึ้นรับอย่างเรียบร้อย“พี่เหยียนเฉิง”เผิงเหยียนเฉิงพยักหน้ายิ้มบาง เดินเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้างนางอย่างเป็นกันเอง“เจ้ารู้ข่าวดีแล้วใช่หรือไม่”“ข่าวดีหรือเจ้าคะ” นางถามพลางเอนตัวมาทางเขาเล็กน้อย“ข้าเลื่อนขั้นเป็นเจ้ากรมพิธีการ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
รุ่งเช้าในเมืองหลวงแคว้นสือ แสงอาทิตย์สีทองสาดส่องต้องยอดหลังคากระเบื้องมังกรของพระราชวังหลวง แววระยับของเงาอาคารสะท้อนแสงรุ่งอรุณจนงดงามดั่งภาพวาดขบวนขุนนางทยอยเดินเข้าสู่ท้องพระโรงทีละคณะ เครื่องแต่งกายสีเข้มปักลวดลายตามยศถาบรรดาศักดิ์ปลิวไสวไปตามลมเผิงเหยียนเฉิงอยู่ในชุดเต็มยศของขุนนางกรมพิธีการ ปักลายเมฆมงคลสีเงินบนพื้นผ้าไหม สวมหมวกขุนนางทรงกลม เขาค้อมตัวเข้าไปในท้องพระโรงพร้อมเหล่าขุนนางที่ร่วมงานสร้างเขื่อนด้วยกัน ทั้งหมดต่างรอถวายรายงานผลงานการควบคุมและก่อสร้างเขื่อนเห่ยโจวภายในท้องพระโรงใหญ่ พระที่นั่งมังกรตั้งอยู่เบื้องสูงเหนือชั้นบันไดหินอ่อน ฮ่องเต้ทรงประทับในฉลองพระองค์ลายมังกรห้ากรงเล็บ ประดับด้วยมงกุฎทองคำอย่างสง่างาม ข้างพระองค์มีฮองเฮาประทับด้วยในที่ประทับด้านข้าง พระพักตร์ของทั้งสองเปี่ยมด้วยความสงบ เย็นขรึมและเปี่ยมด้วยอำนาจขณะเผิงเหยียนเฉิงคุกเข่าทูลถวายรายงานโดยละเอียด เสียงของเขาชัดถ้อยชัดคำ กิริยาสงบ สมกับเป็นขุนนางหนุ่มที่เปี่ยมด้วยวุฒิภาวะ แม้จะยังหนุ่มแน่นแต่ก็ครองสติและหลักการมั่นคงนัก“ทูลฝ่าบาท เขื่อนที่เมืองเ
รถม้าสีเรียบแต่งอย่างเรียบหรูของสกุลลู่เคลื่อนตัวช้าๆ รั้งท้ายขบวนของเหล่าขุนนางที่เดินทางกลับไปยังเมืองหลวง มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ลัดเลาะผ่านภูเขาและลำธารท้องฟ้าโปร่งใส แดดยามสายส่องลอดม่านบางเข้ามาในรถม้า เกิดแสงอ่อนๆ สะท้อนผิวถ้วยชาของลู่ซือหนานที่ถือไว้ในมือภายในรถม้ากว้างขวางพอสมควร มีเบาะรองนุ่มและหมอนพิงตัดเย็บจากผ้าชั้นดี นั่งอยู่ในรถม้าคือเผิงเหยียนเฉิงและลู่ซือหนาน ทั้งสองอยู่ใกล้กันในระยะพอเหมาะ มีเพียงกล่องขนมงาและชาอุ่นคั่นกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นอย่างเงียบงันหลังจากเดินทางผ่านมาหลายลี้ เผิงเหยียนเฉิงจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ“ข้ารู้ว่าการเดินทางเช่นนี้ ลำบากนักสำหรับสตรีเช่นเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ลังเลที่จะมาร่วมทุกข์กับข้า แม้ไม่สนเสียงครหาใดๆ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก ซือหนาน”นางเงยหน้ามองเขา แววตาทอประกายอ่อนโยน มือเรียวแตะถ้วยชาวางลงเบาๆ ก่อนเอ่ย“ท่านคิดว่าข้าจะปล่อยให้ท่านเผชิญทุกอย่างตามลำพังได้หรือ หากข้าอยู่แต่ในเรือนอย่างสตรีในวังทองแล้วไม่อาจเคียงข้างท่านในยามลำบาก เช่นนั้นจะเรียกว่าคู่ชี
แสงแดดเจิดจ้าเหนือทุ่งหญ้าเขียวขจีริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ เมืองเห่ยโจวคลาคล่ำด้วยชาวบ้านที่หลั่งไหลกันมาดูผลการทดสอบเขื่อนใหม่ที่สร้างขึ้นภายใต้การควบคุมของเผิงเหยียนเฉิงเขื่อนหินรูปโค้งขนาดใหญ่ทอดยาวคล้องแนวแม่น้ำอันเชี่ยวกราก โครงสร้างซับซ้อนถูกวางเรียงอย่างเป็นระบบ หินก้อนใหญ่ถูกบีบอัดเข้าหากันตามหลักการคำนวณ ที่แม้แต่ชาวบ้านก็ยังอดทึ่งไม่ได้ข้างล่างทางทิศใต้มีช่องทางน้ำไหลผ่านที่เปิดและปิดได้ด้วยประตูเหล็ก ซึ่งจะช่วยระบายน้ำส่วนเกินในยามน้ำหลากเผิงเหยียนเฉิงในชุดขุนนางยศรองสวมหมวกผ้าฝ้ายธรรมดา กำลังยืนมองกระแสน้ำที่เริ่มไหลทะลักผ่านช่องทดสอบ สายน้ำปะทะแนวเขื่อนก่อนจะไหลพุ่งออกไปอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีการรั่วซึมหรือสั่นสะเทือนแม้แต่น้อยขุนนางในคณะ ทั้งจากกรมโยธา กรมคลัง และทหารคุ้มกัน ต่างมองหน้ากันด้วยความยินดีและชื่นชม“ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม หากถึงฤดูน้ำหลากปีหน้า เขื่อนนี้จะช่วยรักษาแหล่งน้ำให้ชาวเมืองได้มหาศาล”“ใต้เท้าเผิง ท่านมีความสามารถเหนือคาด แม้จะไม่ใช่ขุนนางฝ่ายโยธา แต่ยังสามารถจัดการงานได้รัดกุมถึงเพียงนี้&rdquo