“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าคุณหนูของข้านะ พวกเจ้ามันก็แค่นางบำเรอ แต่คุณหนูของข้าคือพระชายาของอ๋องใหญ่แต่เพียงผู้เดียว”
“พระชายาที่ไม่เคยได้ร่วมหอกับสามีอย่างนางพวกข้าไม่สนหรอก พวกข้าต่างหากที่ท่านอ๋องเรียกหาให้อุ่นเตียงอยู่ทุกค่ำคืน”
“พวกเจ้าก็เลยกล้าทำตัวเหยียบหัวคุณหนูของข้าอย่างนั้นหรือ”
“คุณหนูของเจ้าทั้งโง่ทั้งอ่อนแอเอง จะมาโทษพวกข้าฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ ไม่รู้จักสู้ก็ไม่ได้หรอกชัยชนะ”
“มันจะมากไปแล้วนะ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่ออ๋องใหญ่เมื่อท่านกลับมา”
“กว่าท่านอ๋องจะกลับมาจากชายแดนก็คงใช้เวลาเป็นเดือน ถึงเวลานั้นเจ้าอาจจะตรอมใจตายตามคุณหนูของเจ้าไปแล้วก็ได้”
“พวกเจ้าสามคนคิดจะทำร้ายข้าหรือ”
“ถ้าเจ้าไม่เสนอหน้าอยู่พบอ๋องใหญ่ข้าก็จะละเว้นเจ้าไว้ ถ้าเจ้าฉลาดก็รีบส่งข่าวไปให้ใต้เท้าเฟิ่งมารับศพลูกสาวของเขาไปดีกว่า”
“เจ้าสามคนช่างเลวร้ายยิ่งนัก คุณหนูของข้าดีต่อพวกเจ้าทุกอย่างเจ้าก็ยังทำให้นางตรอมใจจนตายจาก สักวันเวรกรรมจะตามสนองพวกเจ้าคอยดู”
“ถ้าเจ้ายังพูดมากเจ้าอาจจะไม่ได้อยู่เห็นวันนั้นก็ได้นะอาหลี่”
“เจ้าจะทำอะไรข้าน่ะสุ่ย อย่าเข้ามานะไม่อย่างนั้นข้าจะร้องให้คนช่วยนะ”
“ใครจะมาช่วยเจ้าได้ คุณหนูผู้สูงส่งของเจ้าก็กลายเป็นผีไปแล้ว พวกเจ้าสองคนจับมันเอาไว้” สุ่ยออกคำสั่ง
เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ!
สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ถูกจับมือไว้ทั้งสองข้างจนไม่มีทางสู้ และนางก็ถูกฝ่ามือของสุ่ยฟาดใส่ใบหน้าติดๆ กันจนเจ็บระบม
“พวกเจ้าสามคนกำลังทำอะไรกัน!”
“ข้าก็แค่สั่งสอนนางนิดหน่อยเท่านั้นแม่บ้านหวัง”
“ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงอ๋องใหญ่รีบออกไปให้หมด”
“แม่บ้านหวังควรจะให้เกียรติพวกข้าบ้างนะ เพราะพวกข้าคืออนุของอ๋องใหญ่”
“อ๋องใหญ่ยังไม่เคยแต่งใครเป็นอนุนอกจากแต่งคุณหนูเฟิ่งต้าชวี่เป็นพระชายา พวกเจ้ามันก็แค่นางบำเรอที่เอาไว้อุ่นเตียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น อย่ามาผยองกับข้านัก รีบไปให้พ้นหน้าข้าถ้ายังอยากอาศัยอยู่ในจวนหลังนี้”
“เจ้าค่ะ” สามสาวเสียงอ่อย รีบเดินออกไป
“เป็นอย่างไรบ้างอาหลี่ เจ็บมากไหม ดีนะที่ข้าเข้ามาทันไม่อย่างนั้นเจ้าคงโดนหนักกว่านี้”
“เจ็บสิป้าหวัง แต่เจ็บที่ใจมากกว่าหลายส่วน ฮือๆๆ ฮือๆๆ”
“อย่าร้องไห้ไปเลยนะ ร้องไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ถ้าวิญญาณของคุณหนูเจ้ายังอยู่แถวนี้ นางอาจจะไม่สบายใจนะที่ปกป้องเจ้าไม่ได้”
“ฮึกๆ แต่ป้าหวังก็ฮึกๆ มาปกป้องข้าฮึกๆ แทนนางแล้ว ฮึกๆ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะสาวใช้วิ่งไปส่งข่าว ข้าก็คงมาช่วยเจ้าไม่ทันเหมือนกัน”
ทุกการสนทนาที่ได้ยิน รนิดาเอามาประมวลด้วยมันสมองอันชาญฉลาด จนได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่าตัวเองคงได้มาสิงอยู่ในร่างของหญิงสาวในยุคโบราณของจีน เพราะมีทั้งอ๋อง พระชายา คุณหนู อนุ แม่บ้านและสาวใช้
ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือเธอดันมีสามีเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แล้วสามีอ๋องของเธอจะแก่หงำเหงือกแค่ไหนกันนะ ผู้ชายที่ตำแหน่งใหญ่โตแบบนี้คงไม่แก่ธรรมดาแต่ต้องโคตรแก่แน่ๆ
‘เฮ้อ!แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตหลังความตายนี้ดี ฮือๆๆ คิดแล้วอยากตายอีกรอบให้รู้แล้วรู้รอด ท่านมัจจุราชมารับฉันกลับไปนรกที ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันไม่อยากมาเกิดใหม่อีกแล้ว ขอให้ฉันเป็นวิญญาณไปจนถึงอายุเจ็ดสิบสี่เลยก็ได้’
“ข้าจะเอาศพคุณหนูไปทำพิธีที่จวนของท่านพ่อนาง ป้าหวังจะว่าอะไรไหม”
“รอจดหมายจากอ๋องใหญ่ก่อนไม่ดีกว่าหรือ อีกไม่กี่วันนกพิราบส่งข่าวก็คงมาถึง”
“รอทำไม ท่านจะให้ข้ารอคนที่กล้าเขียนหนังสือหย่าทิ้งไว้ให้คุณหนูของข้าในห้องหอ ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานกันคนนั้นได้อย่างไร ข้าทำต่อไปไม่ได้หรอก ข้าหมดความอดทนตั้งแต่ตอนที่คุณหนูของข้าสิ้นใจ เพราะพิษรักอันตรอมตรมต่อหน้าข้าแล้วป้าหวัง”
“แต่เจ้าได้รับปากคุณหนูของเจ้าไว้แล้ว”
“ข้าก็แค่รับปากให้นางสบายใจเท่านั้น นางจะได้จากไปอย่างสงบ”
“แต่นางเป็นคนของตำหนักอ๋องใหญ่นะอาหลี่”
“ก่อนตายคุณหนูของข้าพิมพ์ลายนิ้วมือบนหนังสือหย่าเอาไว้เรียบร้อยแล้วป้าหวัง ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คนของตำหนักอ๋องใหญ่อีกต่อไป ข้าฝากหนังสือฉบับนี้ให้อ๋องใหญ่ของท่านลงนามด้วย ส่วนข้าจะรีบกลับไปส่งข่าวให้ใต้เท้าเฟิ่งมารับศพคุณหนูกลับไปทำพิธีที่จวน”
“อ๋องใหญ่ของข้าไม่เคยเกลียดคุณหนูของเจ้า ก่อนจากกันข้าอยากให้เจ้ารับรู้เอาไว้”
“ไม่เกลียดแต่ก็ไม่ต้องการ คุณหนูของข้าคือของพระราชทานที่อ๋องใหญ่ต้องจำใจยอมรับเอาไว้ ข้อนี้ทุกคนในจวนตระกูลเฟิ่งต่างก็รู้ดี ถ้าคุณหนูของข้าไม่ขาดคุณสมบัติไปหนึ่งข้อ นางคงสุขสบายอยู่ในพระราชวังอันใหญ่โตแล้วป้าหวัง ข้าไม่โทษอ๋องใหญ่หรอก แต่ข้าก็ไม่โกรธเขาไม่ได้เช่นกัน เมื่อท่านอ๋องใหญ่ลงนามในหนังสือหย่าแล้ว รบกวนป้าหวังส่งคนไปบอกข้าด้วย ข้าจะมาเอามันด้วยตนเอง ข้าไปก่อนนะป้าหวัง”
รนิดานอนฟังคำพูดเหล่านั้นด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรง ทั้งที่ความจริงแล้วร่างกายของเธอยังไม่มีอาการเหล่านั้นปรากฏขึ้นแม้แต่นิด
“พระชายา ข้าขอโทษแทนอ๋องใหญ่ของข้าด้วยนะเจ้าคะที่ไม่เคยดูแลพระชายาเลยแม้แต่นิด จริงๆ แล้วข้ารู้ดีว่าอ๋องใหญ่ไม่ได้รังเกียจท่านเลยสักนิด เพียงแต่ท่านโกรธที่ถูกบังคับให้แต่งงานเท่านั้น จึงทิ้งหนังสือหย่าแล้วเดินทางจากท่านไป ท่านโปรดยกโทษให้ท่านอ๋องด้วยนะเจ้าคะ”
ความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาวที่เธอมาสิงร่างค่อยๆ ไหลเวียนเข้าสู่สมองทีละนิดๆ จนเริ่มชัดเจนขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าความจำเหล่านั้นถูกถ่ายทอดมาหมดหรือไม่ แต่ก็ทำให้รู้เรื่องราวของหญิงสาวผู้นี้ได้ดีระดับหนึ่ง
ตอนนี้จึงรู้สึกอยากฟื้นขึ้นมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด เพราะอยากจะเห็นหน้าของเธอและคนอื่นๆ ที่อยู่ในความทรงจำของเธออย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อ ท่านแม่ อ๋องใหญ่ ป้าหวัง พ่อบ้านหวัง หลี่ สุ่ย จวง สวี่ หรือแม้กระทั่งพี่อู๋ซื่อที่แสนจะใจดีกับเธอ ในบรรดาที่เธอนึกถึงนี้ เธอรู้ด้วยว่า สุ่ย จวง สวี่ คือคนที่ไม่เป็นมิตรกับเธอที่สุด
“ฉันฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่หล่อนสามคนเตรียมตัวเจ็บได้เลย”
บทส่งท้าย (ตอนที่ 2)ตอนนั้นนายหญิงของนางแทบจะพลิกแคว้นหม่าตามหาลูกเหมือนคนบ้า หาในแคว้นหม่าไม่เจอก็ยังกลับไปที่เมืองหลวงของต้าหมิง เพื่อไปถามเกาอ๋องและชายาของเขาว่ารู้เห็นกับเรื่องนี้หรือไม่คุกเข่าขอความเมตตาขอลูกคืนจากเขา ขอโทษสำหรับเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เคยทำไว้กับครอบครัวเขา เพราะคิดว่าพวกเขาขโมยลูกของนางไป แต่สุดท้ายฝ่ายนั้นก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ตั้งแต่วันที่นางหนีออกไปจากจวน ถ้าไม่เชื่อก็ให้คนค้นจวนได้เลยด้วยความเป็นห่วงลูกน้อย นางจึงทำตามที่เกาอ๋องบอกอย่างไม่กริ่งเกรงใจ ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่เจอ นางจึงคว้าน้ำเหลวกลับมาอีกครั้งกลับมาจากเมืองหลวงนางก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจอยู่เป็นปี แต่ก็ยังส่งคนคอยตามสืบตามหาคุณหนูอันอันจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิก ด้วยหวังว่าจะได้เจอนางในสักวันความเศร้าโศกเสียใจของนางในครั้งนั้นเดือดร้อนถึงฮ่องเต้และฮองเฮาของแคว้นหม่า ต้องเรียกนางเข้าไปพบและพูดคุยให้สติ เยียวยาจิตใจนางด้วยคำพูดและความหวังจากนั้นนา
บทส่งท้าย (ตอนที่1)สิบสองปีผ่านไป“ซินเอ๋อร์”“เจ้าค่ะท่านพ่อ” สาวน้อยวัยสิบสองขานรับคำเรียกบิดาแล้วรีบวิ่งออกจากกระท่อม “โอ้ว! น่ารักจังเลยท่านพ่อ” บอกบิดาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี รีบเอาลูกสุนัขที่ท่านอุ้มไว้มาอุ้มแทน “มันชื่ออะไรหรือเจ้าคะ”“พ่อหามาให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ลูก ลูกตั้งชื่อตามใจลูกได้เลย”“เช่นนั้นลูกขอตั้งชื่อมันว่าซิงน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ ลูกอยากให้มันเป็นน้องชายของลูกมากกว่าสัตว์เลี้ยงเจ้าค่ะ”“แต่พ่อไม่ค่อยชอบชื่อนี้เลย” อาซิงหรือในอดีตที่มีชื่อว่าตงไห่ทำท่าไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสาว “เพราะมันบังอาจชื่อเหมือนลูกสาวคนเดียวของพ่อ”“เช่นนั้นลูกเปลี่ยนเพื่อท่านพ่อก็ได้” เด็กน้อยยอมเปลี่ยนใจง่ายดายเพื่อท่านพ่อของนาง“เจ้าไม่เสียใจหรือลูกซิน”“ไม่เลยเจ้าค่ะ ลูกเป็นลูกของท่านพ่อ สิ่งไหนที่ทำให้
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้านะ เอาไว้ข้าจะให้ป้าเซียวทำอาหารแห้งมาฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน”“ขอบคุณลุงเซียวมาก ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก”“มีเด็กก็ต้องมียาติดบ้านไว้บ้างนะ บ้านข้าก็มีลูกอ่อนเหมือนเจ้า เดี๋ยวข้าจะให้เมียข้าฝากป้าเซียวมาให้นะ”“ขอบคุณพี่ชายมาก” ตงไห่กล่าวอย่างซาบซึ้งน้ำใจ แต่ความจริงเขาก็มียาหลายเทียบติดตัวมาแล้ว“พวกข้าไปก่อนนะอาซิง มีอะไรก็ไปบอกพวกเราได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ”ตงไห่พยักหน้ารับ ยืนส่งจนพวกเขาเดินจากไปไกลจึงเดินเข้าไปในกระท่อมเขาเดินไปที่เปลที่มีทารกเพศหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มนอนหลับสบายอุรา ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใด ๆ“ลูกเอ๋ย พ่ออยากฆ่าแม่ของเจ้านัก แต่เห็นแก่ความดีที่นางยอมคลอดเจ้าออกมา พ่อจึงไว้ชีวิตนาง ให้นางได้อาศัยอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความทุกข์ไปตลอดชีวิตแทน ส่วนเจ้า..พ่อขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องกำพร้าแม่ ต่อจากนี้ไปเราสองคนจะเป็นคนใหม่ พ่อไม่ใช่ตงไห่แต่เป็นอาซิง ส่วนเจ้าไม่ใช่ลูกหลานตระกูลฉง
ฉงเถียนค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แข้งขาแทบไม่มีแรงแต่ก็ยังฝืนประคองตัวเอาไว้ แล้วเดินโซซัดโซเซออกไปจากห้องตามหลังเสี่ยวผิงยืนมองสาวใช้ที่กำลังไล่ถามทุกคนในร้านด้วยความร้อนใจ แต่ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าให้นาง“ทุกคนฟังทางนี้” นางรวบรวมเรี่ยวแรงแล้วตะเบ็งเสียงออกไปอย่างดังที่สุดเท่าที่ทำได้ เห็นทุกสายตามองมาก็พอใจยิ่ง “เมื่อคืนนี้ลูกสาวที่เพิ่งเกิดของข้าหายไปจากห้อง ถ้าใครสามารถชี้เบาะแสแก่ข้าได้ ข้าจะมอบบ้านและเงินให้เป็นรางวัล” พูดพร้อมกับชูตราประจำตระกูลขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นเสียงของคนในโรงเตี๊ยมดังระเบ็งเซ็งแซ่แทบจะทันทีเมื่อได้ยินและได้เห็นป้ายที่หญิงสาวถือไว้“ท่านคือธิดาของแม่ทัพฉงเหรอ” ชาวบ้านผู้หนึ่งตะโกนถามสตรีที่ยืนอยู่ชั้นบนของโรงเตี๊ยม“ใช่ ข้ามีนามว่าฉงเถียน เป็นธิดาเพียงคนเดียวของฉงเฉิน แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นนี้ ถ้าใครให้เบาะแสแก่ข้าได้ ท่านสามารถเลือกเอาได้เลยว่าอยากมีบ้านอยู่ในเมืองไหน ข้าจะเนรมิตให้ท่านทันที&rdquo
น้ำตาสาวใช้เอ่อล้นตา ต่อให้อีกฝ่ายใช้คำพูดสวยหรูเพียงใด นางก็ไม่สบายใจเลยสักนิด แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคำขอ“ได้เจ้าค่ะ บ่าวสัญญาว่าจะเลี้ยงดูคุณหนูอย่างดีที่สุด”“ขอบใจมากนะเสี่ยวผิง” ฉงเถียนยิ้มกว้างด้วยความสบายใจ มองสาวใช้ด้วยความซาบซึ้ง ‘ข้าจะไม่ให้เจ้ากับลูกของข้าต้องอยู่อย่างลำบากหรอก ข้าจะต้องพาพวกเจ้ากลับถึงจวนของบิดาข้าให้ได้ ข้าถึงจะยอมตาย’ คิดในใจโดยไม่พูดออกไปเมื่อทำสำเร็จอย่างที่ตั้งใจแล้ว ต่อให้ตงไห่หรือคนของเกาอ๋องตามมาเอาชีวิต นางก็ยินดีก้มรับชะตากรรม“ท่านหญิง บ่าวขอถามได้หรือไม่ เหตุใดท่านจึงต้องแบกท้องแก่หนีมายังแคว้นหม่าด้วย ทำไมไม่คลอดลูกที่จวนเกาอ๋องเล่า ก่อนหน้านี้บ่าวเคยชวนท่านหนีท่านก็ไม่เห็นด้วย ยืนกรานว่าจะคลอดลูกที่จวนเกาอ๋องให้ได้ แต่ทำไมตอนหลังถึงเปลี่ยนใจง่ายดาย”“.....” ถึงแม้จะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องถูกถาม แต่มันก็ยากที่ต้องตอบความจริงออกไป ฉงเถียนจึงได้แต่นิ่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
“หยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดเจ้าค่ะ บ่าวยอมพาท่านเสี่ยงชีวิตข้ามแดนมาคลอดลูกที่แคว้นของเราแล้ว ต่อไปนี้ก็เชื่อฟังบ่าวบ้างเถิดนะเจ้าคะ” เมื่ออยู่ในแคว้นบ้านเกิดแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาปกปิดฐานะเพราะกลัวใครจะจับได้อีก“แต่ข้ายังไม่สบายใจจนกว่าจะกลับถึงบ้านของข้า”“ท่านหญิงกำลังกลัวอะไรกันแน่ บอกให้บ่าวเข้าใจหน่อยเถิด” เสี่ยวผิงเริ่มสงสัย“เปล่าหรอก ข้าก็แค่อยากพาลูกกลับบ้าน จะได้มีแม่นมช่วยดูแลนางเร็ว ๆ ก็เท่านั้น” ฉงเถียนสร้างเรื่องโกหก“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าได้ใช้พิราบสื่อสารส่งข่าวไปทางบ้านแล้ว อีกไม่เกินสามถึงสี่วัน คนของเราน่าจะมาถึงที่นี่ ก็น่าจะเป็นเวลาที่ท่านรักษาตัวจนแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้พอดี และข้ายังได้บอกให้พวกเขาพาแม่นมมาด้วย”“..เจ้าช่างรอบคอบนัก ขอบใจนะเสี่ยวผิง” เจอความรอบคอบของสาวใช้ นางก็จนปัญญาจะแต่งเรื่องมาโกหก จึงได้แต่ดื่มยาในถ้วยจนหมด“อมบ๊วยแก้ขมสักหน่อยนะเจ้าค