Share

8

last update Huling Na-update: 2025-07-18 09:41:32

อาคารพักฟื้นผู้ป่วยชาย

“สวัสดีค่ะคุณประมวล ฉันแพทย์หญิงอารียาค่ะ” อารียากล่าวทักทายและแนะนำตัวกับคนขับรถมอเตอร์ไซค์วินที่ทำให้พี่สาวของตนประสบอุบัติเหตุ

“สวัสดีครับคุณหมอ” ประมวลไม่รู้เลยว่าหญิงสาวที่ทักทายตนนั้นไม่ใช่หมอประจำโรงพยาบาลแห่งนี้ สูดปากด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ศีรษะ

“ยังปวดที่ศีรษะอยู่เหรอคะ”เธอถามจากอาการที่เห็น

“ปวดมากเลยครับคุณหมอ ช่วยฉีดยาระงับปวดที่แรงกว่านี้ให้ผมได้ไหมครับ”

“มันจะค่อยๆ ดีขึ้นนะคะ อดทนนิดหนึ่ง” หญิงสาวทิ้งระยะการพูด ใช้สายตายากจะคาดเดามองคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียง “คุณประมวลทราบไหมคะ ว่าผู้หญิงที่ซ้อนรถคุณประมวลอาการเธอหนักกว่าคุณมาก”

ใบหน้าที่ถูกความเจ็บปวดเล่นงานเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นยิ่งกว่าเดิม เม้มปากเข้าหากันอย่างลืมตัวขณะที่สายตาเหม่อลอยไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

“คืนนั้นผมไม่น่ารับเธอเลย เพราะผมก็กำลังจะเลิกพอดี แต่ผมเห็นเธอกำลังทะเลาะกับแฟนของเธอ ผมกลัวว่าเขาจะทำร้ายเธอก็เลยตัดสินใจเข้าไปรับเธอ.. ถ้ารู้ว่ารับแล้วเป็นแบบนี้ ผมยอมให้เธอทะเลาะกับเขาต่อดีกว่า” ประมวลกล่าวอย่างรู้สึกผิด “แล้วตอนนี้อาการของน้องคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ”

“มีโอกาสรอดแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นค่ะ”

มือใหญ่กร้านดำที่มีบาดแผลถลอกอยู่หลายส่วนยกขึ้นจรดหน้าผาก

“ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยปกป้องคุ้มครองให้เธอแคล้วคลาดปลอดภัยด้วยเถอะ สาธุ”

“คุณบอกว่าเธอทะเลาะกับแฟนเหรอคะ” อารียาดึงเขากลับเข้าประเด็นที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้

“ครับคุณหมอ”

“บอกหมอได้ไหมคะว่าพวกเขาทะเลาะเรื่องอะไรกัน.. ผู้หญิงคนนั้นคือพี่สาวของหมอเองค่ะ” บอกความจริงเมื่อถูกมองด้วยสายตาสงสัย “ส่วนผู้ชายคนนั้นคือคนที่พี่สาวของหมอจะแต่งงานด้วยเร็วๆ นี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน”

“ผมได้ยินพวกเขาทะเลาะกันเรื่องแต่งงานนี่แหละครับ ผู้ชายบอกว่าจะไม่ยกเลิกงานแต่งงานเด็ดขาด ผู้หญิงก็เลยบอกว่ายอมตายดีกว่าต้องแต่งงานกับเขาครับคุณหมอ”

หลังจากฟังคำบอกเล่า จิตใจที่ห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงยิ่งกว่าเดิม เพราะพี่สาวของตนไม่ได้บอบช้ำเพียงร่างกาย แต่จิตใจก็บอบช้ำอย่างหนักไม่ต่างกัน

“ได้ยินแค่นี้เหรอคะ”

“ก็ไม่มากไปกว่านี้เท่าไหร่หรอกครับ พวกเขาน่าจะทะเลาะกันมาก่อนแล้ว เพราะผมเห็นพวกเขาเดินหน้าตาเคร่งเครียดออกมาจากหอพัก  แล้วผู้หญิงก็ขึ้นไปสตาร์ทรถแต่รถสตาร์ทไม่ติด ก็เลยเรียกผมให้ไปส่งที่หน้าโรงเรียนนายร้อยครับ” ประมวลมองคุณหมอสาวที่ดวงตาเริ่มแดงด้วยความสงสาร “ผู้ชายคนนั้น..” 

“เขาทำไมเหรอคะ” เธอเห็นความลังเลในแววตาคู่นั้นของเขา จึงถามออกไปเพราะเขาทำท่าจะไม่ยอมพูดต่อ

“ผมเคยเห็นเขากับนักศึกษาคนหนึ่งอยู่บ่อยๆ เธอชอบมาหาเขาที่หอพัก วันที่เขากับพี่สาวของคุณทะเลาะกันผู้หญิงคนนั้นก็มานะ”

ใจของอารียากระตูกวูบ “แน่ใจเหรอคะ”

“แน่ใจครับ เพราะเธอลงรถตรงหน้าวินผมพอดี” แม้จะปวดศีรษะอย่างมากแต่ก็อดทนเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างเต็มใจ เพื่อลบล้างความรู้สึกผิดออกไปบ้าง “ที่พี่สาวคุณบอกยกเลิกงานแต่งงาน อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้นะครับ”

ไช่ถินค่อยๆ เดินโซเซห่างออกไปจากห้องผู้ป่วยรวมที่มีลูกสาวคนที่สองอยู่ในนั้น มันเป็นความบังเอิญที่ประจวบเหมาะ จึงทำให้เขาได้รับรู้ความเลวของชายหนุ่มที่จะมาเป็นลูกเขยอย่างไม่คิดไม่ฝัน

‘กูจะฆ่ามึงไอ้ติ๊ก! ไอ้ระยำ!  มึงกับกูคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว มึงต้องชดใช้ที่ทำให้ลูกสาวของกูเป็นแบบนี้’ พร่ำด่าอีกฝ่ายในใจด้วยความเคียดแค้นจนเดินมาถึงรถ ไม่สนใจกับอาการเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในทรวงอกสักนิด คิดแต่เรื่องจะไปพบกับธนายุทธให้เร็วที่สุด

เปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ แต่ขณะที่กำลังเสียบกุญแจรถอยู่นั้นหัวใจของเขาก็เจ็บแปลบจนสุดจะทน ต้องเอนหลังกับเบาะแล้วกดที่หน้าอกด้านซ้ายไว้แน่น แต่อาการปวดกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มตัว

ปวดจนเริ่มหายใจขัด ไม่มีแรงแม้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ลมหายใจเริ่มติดขัดมากขึ้นจนกลายเป็นหายใจไม่ออก ดวงตาเหลือกโตด้วยความทรมาน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเกร็งขึ้นเพื่อหาอากาศเฮือกสุดท้าย

และทุกอย่างก็ดับวูบลงไป

“อาจารย์เสียใจด้วยนะอารียา ตอนที่เราพบพ่อเธอหัวใจท่านหยุดเต้นแล้ว อาจารย์ได้ทำการปั๊มหัวใจและให้ยากระตุ้นแต่พ่อเธอก็ไม่ตอบสนองเลย”

อารียาทรุดลงไปกองกับพื้น กอดมารดาที่ร้องไห้ปริ่มใจจะขาดเอาไว้ทั้งน้ำตา ใครเลยจะคิดว่าเรื่องร้ายๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นในครอบครัวเกือบจะพร้อมๆ กัน และตอนนี้เธอก็สูญเสียบิดาไปแล้วหนึ่งคน

บิดาของเธอถูกพบศพโดยเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัย ที่ได้รับแจ้งจากรถคันข้างๆ ว่าเห็นมีคนนอนหลับอยู่ในรถตั้งแต่ตอนที่เอารถมาจอด จนกระทั่งจะกลับก็ยังเห็นนอนอยู่ เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงไปเคาะกระจกเรียกแต่ก็ไร้การตอบรับ จึงโทรประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ จนสามารถเปิดรถได้ และพบว่าเสียชีวิตแล้ว

“เรากลับบ้านกันก่อนนะแม่ ส่วนเรื่องทางนี้ปล่อยให้นกมันจัดการไปนะแม่” ลูกชายคนโตของตระกูลปลอบใจมารดา พยายามกลั้นน้ำตาไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ท่านได้เห็น

“แม่จะอยู่ที่นี่ แม่จะอยู่เป็นเพื่อนเตี่ยเขา แม่จะกลับบ้านพร้อมกับเตี่ยเขาลูก” เมตตาสะอื้นไห้ไม่หยุด

“แม่จ๋าอย่าร้องไห้สิจ๊ะ แม่ต้องเข้มแข็งไว้นะ แม่ยังมีพวกเราอีกห้าคนนะจ๊ะ” ลูกสาวคนสุดท้องร้องไห้ไปพูดไป กลัวเหลือเกินว่ามารดาจะตรอมใจจนจากไปอีกคน

“กลับบ้านก่อนนะแม่ ถึงอย่างไรเตี่ยก็จากพวกเราไปแล้ว เราควรกลับไปปรึกษากันว่าจะส่งเตี่ยครั้งสุดท้ายอย่างไรดีกว่านะแม่นะ” ในบรรดาพี่น้องห้าคนที่อยู่ในนี้ อารียาคือคนที่ตั้งสติได้ดีกว่าใครเพื่อน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอาชีพหมอของเธอ และด้วยอาชีพหมอนี่เอง เธอจึงมีแผนที่จะส่งเตี่ยจากไปอย่างมีความสุขเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • สลักรักอ๋องนักรบ   30

    วันต่อมา วันต่อมา และวันต่อมาที่โต๊ะอาหารเช้าภายในจวนใต้เท้าเฟิ่งจะมีแขกพิเศษมาร่วมด้วยทุกวัน และคนที่ฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจมากที่สุดก็คือเฟิ่งต้าชวี่ เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาไม้นี้เมื่อสี่วันก่อนหลังจากที่นางยืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่กลับไปกับเขา เขาก็ยอมเดินออกจากจวนของนางไปอย่างสงบ นางก็คิดว่าทุกอย่างจะจบแล้ว แต่นางคิดผิดถนัด เพราะนางจะถูกปลุกให้ตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิมเป็นเวลาสามวันติดกันแล้ววันนี้เป็นวันที่นางโมโหมากที่สุด เพราะถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ยามเหม่า ต้องตื่นก่อนพระอาทิตย์เริ่มทำงานเสียอีก ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือสาวใช้ตัวแสบจะปิดประตูขังนางไว้กับเขาเพียงสองต่อสองทุกวันจนถึงเวลาอาหาร และนางก็ต้องเสียจูบให้เขาทุกครั้งที่เจอหน้า“ถ้าวันนี้เจ้าไม่กลับไปกับท่านอ๋อง ข้ากับแม่ของเจ้าจะไปส่งเจ้าด้วยตนเอง” ใต้เท้าเฟิ่งบอกกับธิดาหัวแก้วหัวแหวนที่ไม่รู้ไปเอาความดื้อรั้นแบบนี้มาจากไหน“ท่านพ่อกำลังไล่ลูกหรือเจ้าคะ” ฝ่ายลูกสาวถามบิดาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเฟิ่งเจิงจงปวดใจกับคำตัดพ้อของธิดายิ่งนัก แต่ก็ไม่ยอ

  • สลักรักอ๋องนักรบ   29

    อ๋องใหญ่เกาหรงซานกระตุกยิ้มมุมปากแทบจะมองไม่เห็น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าอันสับสนวิ่งแว่วมาแต่ไกล ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกวิทยายุทธ์ และมีพลังลมปราณที่แข็งแกร่งจะก็ไม่รู้สึกได้เร็วแบบเขารับรู้ถึงกลิ่นกายหอมกรุ่นที่คุ้นจมูกใกล้เข้ามาเต็มที จึงลุกขึ้นยืนรอท่าเฟิ่งต้าชวี่หยุดนิ่งที่ด้านหน้าของบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง จ้องเขาตาไม่กะพริบ“เจ้าคงดีใจที่ได้เห็นหน้าข้า” แม้แต่กระเซ้านางเล่นหน้าตาก็ยังดุดันไม่แสดงอารมณ์“ใช่ ข้าดีใจมาก” พูดจบนางก็รัวกำปั้นใส่แผ่นอกหนากว้างของเขาไม่ยั้ง ดับอารมณ์โกรธแค้นที่เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วย แต่ทั้งหมดก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุแม่ทัพผู้เกรียงไกรปล่อยให้นางที่อยู่ในดวงใจตลอดหลายสิบวันลงมือทำร้ายจนเรี่ยวแรงของกำปั้นน้อยๆ นั้นเริ่มแผ่วลง เขายอมนางเพราะคิดว่านางโกรธแค้นที่ไม่เคยเอาใจใส่มาตลอดสองปีกว่าที่ได้แต่งงานกัน หลังจากนั้นจึงรวบร่างระหงเอาไว้กับอก อยากจะฝังปลายจมูกลงไปที่ไหล่กลมกลึงกับไหปลาร้างามได้รูป แต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้“เจ้าโกรธข้าหรือ”“ข้าเกลีย

  • สลักรักอ๋องนักรบ   28

    เรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งสะดุดตาหายลงไปในน้ำอีกครั้งเหลือเพียงแต่ศีรษะ คำพูดเงียบไปชั่วเวลาครึ่งเค่อ มีแต่เสียงหายใจของเจ้านายกับบ่าวเท่านั้น ตลอดระยะเวลานั้นต้าชวี่คิดทบทวนคำพูดของสาวใช้คู่ใจอย่างรอบคอบ และสรุปกับตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนางจะยอมรับชะตากรรมทุกอย่างแต่โดยดี แต่นางจะไม่ยอมยกโทษให้เขาคนนั้นง่ายๆ เหมือนที่ใครอีกคนเคยเป็น ถ้าต้องกลับไปอยู่ด้วยกันจริงๆ นางจะสั่งสอนให้เขารู้ว่านางไม่ใช่ของตาย นางก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเหมือนที่เขามีต้าชวี่ลุกขึ้นแล้วยื่นแขนให้หลี่ประคองออกจากอ่างอาบน้ำ จากนั้นกางแขนให้นางช่วยซับตัวจนแห้ง แล้วจึงสวมเสื้อคลุมเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ลงมือประทินโฉมให้ตัวเอง เพราะไม่ชอบการแต่งหน้าที่เหมือนงิ้วของสาวใช้“เจ้าทำอะไรของเจ้า” ผู้เป็นนายถามสาวใช้ที่เริ่มเกล้าผมขึ้นกลางศีรษะ“วันนี้คุณหนูจะมวยผมง่ายๆ เหมือนเดิมไม่ได้นะ คุณหนูต้องมวยผมแบบสตรีที่ออกเรือนแล้วเจ้าค่ะ”“พอเลย เจ้าไม่ต้องทำให้ข้าแล้ว ข้าจะทำของข้าเอง” พูดจบนางก็แย่งหวีจากมือสาวใช้ ใช้มือสางผมให้สยายแล้วค่อยเ

  • สลักรักอ๋องนักรบ   27

    ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นคนแข็งกระด้าง แววตาไม่เคยสื่อความรู้สึกใดๆ สามารถฆ่าคนได้ในพริบตา แต่จิตใจข้างในนั้นมีแต่ความห่วงใยและความจงรักภักดี ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด ไม่ยอมอยู่อย่างสุขสบายเช่นองค์ชายองค์อื่นๆ เป็นพี่ชายที่ไม่เคยมีความอิจฉาริษยามีแต่ความรักและเอาใจใส่ให้พระองค์มาตลอด พระองค์จึงรักและเคารพในตัวพี่ชายคนนี้มาก“เข้าใจก็ควรรีบปราม อย่าปล่อยให้นางหลงระเริงจนลืมตัวมากไปกว่านี้”“ข้าจะบอกกับพี่สาวของนางให้ตักเตือน เช่นนี้พี่ใหญ่พอใจหรือยัง”“พี่กับน้องก็ไม่ต่างกันหรอก” เกาหรงซานตำหนิผู้เป็นพระมเหสีต่อหน้าพระสวามีของนาง“เรื่องนั้นข้าก็รู้พี่ใหญ่ แต่นางคงไม่กล้าให้ท้ายน้องสาวของนางจนออกนอกหน้าหรอกพี่ใหญ่ อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของตำหนักฝ่ายใน ข้าไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายมากนัก” โอรสสวรรค์บอกเหตุผลแก่พี่ชาย เพราะกลัวเขาจะคิดว่าพระองค์ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“ข้าเตือนเพราะกลัวพระองค์จะลืมว่าพวกนางเป็นพี่น้องกัน แต่ในเมื่อพระองค์มั่นใจว่าพระมเหสีจะจัดการอย่างเป็นธรรมข้าก็พอใจ ข้าจะกลับล

  • สลักรักอ๋องนักรบ   26

    “ทำไมพี่สะใภ้ถึงดุนักล่ะพี่ใหญ่” องค์หญิงสามที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ด้วยความบังเอิญ กระซิบถามบุรุษที่อำพรางกายเพื่อชมเหตุการณ์อยู่หลังพุ่มไม้“นางไม่ได้ดุหรอก นางแค่ปกป้องเกียรติของนางเท่านั้น เจ้าก็เห็นอย่างที่ข้าเห็นมิใช่หรือ” เขาตั้งใจมาดักพบนางตรงนี้ เพราะรู้ว่าเส้นทางนี้คือเส้นทางหลัก ที่ทุกคนต้องไปยังที่จอดรถม้าก่อนออกจากกำแพงวังหลวงแต่ขณะที่นางกำลังจะเดินมาถึงทางแยกแห่งนี้ หมินหมิ่นก็ตามมาหาเรื่องนางเสียก่อน ตอนที่เห็นนางถูกตบเขาแทบจะออกไปฆ่าหญิงสาวคนนั้นด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อเห็นนางสวนกลับไปทันควันอย่างไม่น้อยหน้า เขาจึงหักห้ามใจเอาไว้ แล้วน้องสาวคนนี้ก็เดินเข้ามาสะกิดถามว่าทำอะไรอยู่ตรงนี้ เขาจึงบอกให้นางเงียบๆ และชวนให้ดูด้วยกัน“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าหมินหมิ่นจะร้ายได้ขนาดนี้ ที่แท้นางแสร้งทำเป็นอ่อนโยนหรือเพราะว่านางโมโหกันแน่พี่ใหญ่”“เจ้าเป็นผู้หญิงเหมือนกันเจ้าดูไม่ออกหรือ” นางก็เหมือนกับพี่สาวของนางนั่นแหละ ต่อหน้าพระสวามีผู้เป็นโอรสสวรรค์ก็แสร้งทำเป็นจิตใจงดงามอ่อนโยนต่อพระสนมองค์อื่น แต่พอล

  • สลักรักอ๋องนักรบ   25

    หลี่รีบวิ่งไปหาคุณหนูของตนพร้อมรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นนางเดินลงมาจากศาลาวิหคเหิน“งานเลี้ยงสนุกไหมเจ้าคะ.. คุณหนูได้กำไลเป็นรางวัลหรือเจ้าคะ” คำถามของนางเปลี่ยนไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองเห็นกำไลหยกขาวที่ข้อมือซ้ายของเจ้านาย“อือ” ตอบสั้นๆ แล้วดึงสาวใช้ไปยังมุมหนึ่งของสวนหย่อม “เจ้าจำแม่ทัพใหญ่เกาหรงซานได้หรือไม่”ใบหน้าที่คลี่ยิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพยายามคลี่ยิ้มกลบเกลื่อน“ทำไมหรือเจ้าคะ”“เขาแต่งงานแล้วหรือยัง”“แต่ง.. แต่งแล้วๆ เจ้าค่ะ คุณหนูรู้อะไรมาหรือเจ้าคะ” หรือว่านางจำได้แล้วว่าชื่อเกาหรงซานที่คุ้นหูนักคุ้นหูหนานั้นชื่อเหมือนสามีของตัวเอง และเขาคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือสามีของนาง“แล้วฮูหยินของเขามาร่วมงานวันนี้ด้วยหรือไม่”“ไม่.. ไม่นี่เจ้าคะ ข้าไม่เห็นนางเลย เรารีบกลับจวนกันเถอะเจ้าค่ะ หิมะเริ่มตกแล้ว เสื้อคลุมก็ไม่ได้หยิบลงมาจากรถม้า เดี๋ยวคุณหนูจะไม่สบายเอานะเจ้าคะ” หลี่รีบบอกปัดเพื่อไม่ให้นางสนใจคนผู้นั้นมากไปกว่านี้ ไม่ได้รู้เลยว่าคนผู้นั้นทำให้คุณหนูของนางใจเต้นไม่เป็นจังหวะไปหลายรอบแล้วตอนที่อยู่บนศาลาวิหคเหินจิตใจของต้าชวี่เหี่ยวเฉาลงไปเล็กน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status