ชายหนุ่มตกตะลึงไปในทันทีที่เห็นหญิงสาวตรงหน้าชัดๆเขาพยายามเพ่งมองว่าตนเองไม่ได้ตาฝาดไปและท่าทียืนนิ่งอย่างผิดปกติของเขา ก็ทำให้จีน่าเป็นฝ่ายแนะนำขึ้นมาว่า
“นี่น้องไอ้ซีล”
“ชื่อน้องไอซ์” กานต์หันไปบอกเขตแดน
“…” ด้านเขตแดนไม่พูดอะไร เพราะเขายังตะลึงยืนจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา ซึ่งธารทีราก็จ้องหน้าเขากลับไปเช่นกัน
เมื่อเพื่อนไม่มีทีท่าจะเอ่ยทักหรือพูดอะไร จีน่าก็ละสายตาจากเขตแดน แล้วหันมาเรียกน้องสาวของเพื่อนว่า
“ไอซ์”
“คะ” ด้านธารทีราสะดุ้งตกใจเมื่อจีน่าสะกิดเรียกก่อนจะหันมาให้ความสนใจจีน่าอีกครั้ง “พี่จีน่ามีอะไรเหรอคะ”
“นั่นน่ะดิน เป็นเพื่อนสนิทพี่ชายเรา และเป็นเจ้าของผับนี้ด้วย” จีน่าแนะนำธารทีราให้รู้จักเขตแดน
“สะ...สวัสดีค่ะ” เธอสบตาสีเข้ม แล้วยกมือไหว้เขาด้วยความประหม่าเล็กน้อย เนื่องจากตอนนี้เขตแดนก็ยังไม่ละสายตาไปจากเธอเลย
ด้วยความที่ชายหนุ่มยังคงยืนอึ้ง และไม่ยอมรับไหว้หรือทักทาย น้องสาวของหนึ่งนที ทำให้ภูริทถึงกับต้องเอ่ยกระเซ้าเพื่อนว่า
“ไอ้ดิน มึงจะมองน้องเขาให้ละลายเลยใช่ไหม”
เสียงของเพื่อนที่ดังขึ้นมานั้น ทำให้เขตแดนถึงกับสะดุ้ง ชายหนุ่มรีบรับไหว้โดยอัตโนมัติจากนั้นก็ยอมละสายตาจากดวงหน้าหวานหันไปมองเพื่อนๆ
“มานั่งนี่ กว่าจะลงมาได้นะ นึกว่าจะต้องให้พวกกูแต่งขันธ์ห้าไปเชิญถึงจะลงมาได้ซะแล้ว” กานต์บ่นเพื่อน ในขณะที่เขตแดนเดินไปนั่งข้างๆ ภูริท ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามธารทีรา
“เทเหล้าให้มันสิไอ้กานต์” ภูริทบอกกับกานต์
“เพียวๆ หรือผสมวะ”คราวนี้กานต์หันไปถามเขตแดน
“จะถามมันทำไม รู้ๆ อยู่ว่ามันชอบ...” ภูริทพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงัก แล้วหันไปมองจ้องเพื่อนตาเขม็ง
“ไม่ว่ะ” เขตแดนบอกปัดเพราะตอนนี้เขากำลังสนใจหญิงสาวหน้าหวานที่นั่งอยู่ตรงหน้ามากกว่าเพราะคนตรงหน้าเหมือนคนที่เขาเคยรู้จัก
ถ้าหากตอนนี้หญิงสาวมัดหางม้าแล้วไม่ได้มีผมสีน้ำตาลทองแบบตอนนี้ละก็...เขามั่นใจมากว่าจะต้องเป็นเธอคนนั้นแน่
“อะไรนะ” ธนัททำเสียงดัง เมื่อเพื่อนปฏิเสธที่จะดื่ม
“กูไม่ดื่ม” เขตแดนบอกเสียงดัง
“ทำไมวะ” ภูริทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถาม พร้อมหันหน้ามองอย่างสงสัย
“กูยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยว่ะ ขืนดื่มไปมีหวังท้องไส้กูพังแน่”
เขตแดนเอนหลังพิงพนักโซฟา แล้วถอนหายใจอย่างเบื่อๆ เมื่อไอ้พวกบรรดาเพื่อนๆ ชอบถามซอกแซก
“อะไรวะ นี่น้องไอซ์ก็บอกว่ายังไม่กินข้าว เหมือนมึงกับน้องพร้อมใจกันบอกปัดพวกกูนะ” กานต์เอ่ยขึ้นพลางมองหน้าเขตแดนกับธารทีราสลับกันไปมา
“เอ่อ ไอซ์...” ด้านธารทีราทำท่าจะแก้ตัว แต่ยังไม่ทันได้พูดออกไป ภามก็ก้าวเข้ามาเสียก่อน
“อาหารมาแล้วครับ คุณไอซ์ให้ผมจัดโต๊ะที่ไหนดีครับ” ภามเดินยิ้มร่าเข้ามาหา
“ขอบคุณค่ะ ที่ไหนก็ได้ค่ะ” คนถูกถามหันไปยิ้มให้ภาม
และยิ้มของธารทีราก็ทำให้ภามเขินจนหน้าแดง
“งั้นผมจัดข้างนอกที่บาร์นะครับ”
“ค่ะ”
ภามยิ้มตอบหญิงสาว แล้วหันไปถามเจ้านาย
“ผมได้ยินมาว่าคุณดินก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหมครับ”
ภูริทเองพูดตัดหน้าเขตแดนขึ้นมาว่า
“มึงรีบไปหาข้าวมาให้เจ้านายมึงกินเลยไอ้ภาม ก่อนที่มันจะโมโหหิว แล้วอาละวาดใส่พวกกู”
“แล้วคุณดินจะกินพร้อมคุณไอซ์เลยไหมครับ” ภามสอบถามเจ้านาย
“อืม” เขตแดนพยักหน้าให้ลูกน้อง ทั้งที่ยังคงมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“งั้นรอสักครู่นะครับ” ภามรับคำ แล้วรีบร้อนเดินออกจากห้อง เพื่อไปสั่งอาหารเพิ่มอีกชุด ทว่าก่อนออกไปก็แจ้งเจ้านายไปว่า
“ผมไปจัดโต๊ะที่บาร์นะครับ”
บทที่ 8หลังจากภามสั่งให้คนจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้ามาเชิญทั้งคู่ออกไปรับประทานอาหาร ธารทีราทำตัวไม่ถูก เมื่อภามเชิญให้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขตแดน เพราะตอนนี้เธอและเขตแดนได้อยู่กันตามลำพังสองคน ซึ่งชายหนุ่มก็ยังคงไม่ยอมละสายตาจากเธอเลย“เอ่อ...” ธารทีราอึกอัก เมื่อเหลือบตามองเขตแดน“ชื่อธารทีราอย่างนั้นเหรอ” เขตแดนถามเสียงนิ่งๆ ทั้งยังนั่งกอดอกหลังพิงพนักเก้าอี้คนที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ก้มหน้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเมื่อถูกถาม ก่อนจะตอบรับเบา ๆ“ค่ะ”“ไม่เคยได้ยินไอ้ซีลพูดถึง” เขตแดนเริ่มถามในสิ่งที่เขาสงสัย“พี่ซีลคงไม่อยากเปิดเผยให้คนรู้มั้งคะ คือไอซ์ถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ” ธารทีราบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“แต่ฉันรู้จักกับไอ้ซีลมาตั้งแต่เด็ก มันไม่เคยพูดสักคำว่ามีน้องสาวด้วย” เขตแดนยังคงเอ่ยออกมาเช่นนั้น เพราะเขาเป็นเพื่อนรักกับหนึ่งนทีมาตั้งแต่เด็กซ้ำยังสนิทสนมกันมากเหมือนครอบครัว เขาไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ และคิดหาทางที่จะไล่ต้อนอีกฝ่ายให้พูดอะไรบางอย่างออกมา“ไอซ์ก็ไม่เคยได้ยินชื่อพี่จากปากพี่ซีลเลยนะคะ เพราะงั้นก็คงไม่แปลกหรอกค่ะที่พี่จะไม่รู้เรื่องของไอซ์
บทที่ 9“เป็นยังไงบ้าง” หนึ่งนทีที่กำลังนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีนิ่งๆ หันมาเอ่ยถามน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งแม้ว่าทั้งสอง จะโทรคุยกันตลอดแต่มันก็ไม่เหมือนกับตอนที่ได้เจอหน้ากันอยู่ดี“ไอซ์สบายดีค่ะ แต่น้อยใจพ่อและพี่ชายนิดหน่อย ที่ไม่เคยไปหาเลย”ธารทีราพูดเสียงสั่น และทำท่าจะร้องไห้ด้วยความน้อยใจ ที่พี่ชายและพ่อไม่เคยไปหา มีแค่แม่และคุณป้าที่รู้จักเท่านั้นที่ไปหาบ่อยๆ“ไอซ์ก็รู้ว่าพี่ไปไม่ได้ คุณพ่อก็เหมือนกัน”ชายหนุ่มรีบยกขาลงแล้วขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อจะยื่นมือไปปาดซับน้ำตาที่ติดอยู่บนขอบตาของน้องสาวอย่างอ่อนโยน“ค่ะ ไอซ์รู้ ไอซ์เลยกลับมาหาทุกคนนี่ไง”ธารทีราเห็นพี่ชายมีสีหน้ากังวลจึงยิ้มกว้าง แล้วรีบพูดเอาใจเขา เธอไม่ได้โกรธจริงจังเสียหน่อยพี่ชายของเธอคนนี้คิดมากเกินไปจริง ๆ“คราวหลังถ้าจะมาก็บอกพี่ล่วงหน้าบ้างนะ ไม่ใช่หนีมาแบบนี้”หนึ่งนทียิ้มเอ็นดูน้องสาวแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงติดกังวลเล็กน้อย เพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย นี่ดีนะที่เขารู้เมื่อวานจากปากของเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศว่าธารทีรากำลังจะกลลับมาเมืองไทย เขาจึงได้ติดต่อเธอไปก่อนจะนัดแนะให้ซันไปรับที่สนามบิน“ค่ะ ต
บทที่ 10 หญิงสาวก็เห็นชายหน้าตาดีและสูงเท่าๆ ซัน เดินมาหาและเข้าไปช่วยซันขนกระเป๋าของเธอลงจากรถ“นี่พี่แวนใช่ไหมคะ”“ครับ” แวนคนสนิทอีกคนที่เปรียบเสมือนมือซ้ายของหนึ่งนทีพยักหน้ารับ แล้วมองคุณหนูของตัวเองด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน“สวัสดีค่ะ” ธารทีรายิ้มแล้วรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม แม้ตอนที่เธอจากที่นี่ไปจะยังเด็กมาก แต่เธอก็จำพี่ชายตรงหน้าได้ดี“ครับ ยินดีต้อนรับกลับนะครับคุณหนู” แวนยิ้มจนแก้มแตก และรู้สึกดีใจที่คุณหนูยังคงจำเขาได้ด้านหนึ่งนทีเมื่อเห็นน้องสาวทักทายลูกน้องพอหอมปากหอมคอแล้วก็หันไปบอกเธอว่า“พี่ว่าเราเข้าบ้านกันเถอะ คุณพ่อคุณแม่คงรอเราแย่แล้ว”“ค่ะ” ธารทีราละสายตาจากแวน แล้วหันมายิ้มจนตาหยีใส่พี่ชาย“ส่วนพวกนายเอากระเป๋ายัยไอซ์ไปไว้บนห้องของยัยไอซ์ด้วย”หนึ่งนทีบอกลูกน้องทั้งสอง แล้วเดินตามหลังน้องสาวเข้าไปในบ้าน…ธารทีราเดินเข้ามาในบ้านได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องชะงักและรีบเปลี่ยนเป็นรองเท้าสลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อหันไปเห็นว่าคนที่เธอคิดถึงมากที่สุดคนหนึ่งกำลังเดินมาหา พร้อมกับรอยยิ้มปลาบปลื้มใจ“ไอซ์ลูกแม่” คุณหญิงโสภาอ้าแขนรอรับลูกสาวสุดที่รัก
บทที่ 11เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น ทุกคนในบ้านก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหาร วันนี้คุณหญิงโสภาลงครัวโชว์ฝีมือการทำอาหารเมนูโปรดให้กับบุตรสาวสุดที่รักด้วยตนเอง โดยเน้นแต่ของที่ธารทีราชอบกินเป็นหลักอย่างเอาใจธารทีราเอาแต่นั่งเงียบใจของเธอเหม่อลอยไป เมื่อสายตาคู่โตจับจ้องไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่อยู่อีกฝั่งของคุณจอห์น“ไอซ์” คุณหญิงโสภาเห็นดังนั้นจึงเอ่ยเรียก เพื่อให้ความสนใจของลูกสาวมาตกอยู่ที่ท่าน“คะคุณแม่” ธารทีราสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงของแม่ เธอปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วยิ้มหวานเพื่อนเอาใจแม่“กินนี่สิลูก นี่ของโปรดของหนูเลยนะ แม่ทำเองกับมือเลย แถมวันนี้ยังมีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลยจ้ะ”คุณหญิงโสภาพูดพร้อมตักอาหารที่ลูกสาวชอบกินตั้งแต่เด็กใส่จานให้“ขอบคุณค่ะ” ธารทีรายิ้มให้ทุกคน แล้วก้มมองอาหารบนโต๊ะ ที่มีแต่ของโปรดของเธอจริงๆ อย่างที่แม่บอก“กินเยอะๆ นะคะ” ป้านมช่วยตักข้าวใส่จานให้ธารทีราเมื่อคุณหญิงของบ้านพยักหน้าให้“ขอบคุณมากค่ะป้านม”ธารทีรายกมือไหว้หญิงชราที่มีอายุมากกว่าแม่ของเธอห้าหกปี ส่วนพ่อของเธออายุหกสิบเจ็ดปีแต่ก็ดูยังแข็งแรงส่วนแม่นั้นอายุห้าสิบปี แต่ก็ยังสวยและดูอ่อนวัยกว่าอา
บทที่ 12“คุณแม่ใจเย็นๆ ครับ”“จะให้แม่เย็นได้ยังไง น้องมีคนสะกดรอยตาม” คุณหญิงโสภาหน้าตาซีดเผือดด้วยความตกใจ เรื่องที่ได้ยินจากลูกชายทำให้ท่านเป็นกังวลอย่างมากทีเดียว“ใจเย็นๆ ก่อนคุณ ฟังลูกเล่าให้จบก่อน” คุณจอห์นกุมมือของภรรยาไว้เพื่อปลอบใจ“ซีล ว่าไง เล่ามาให้หมด” คุณหญิงโสภาถามลูกชายอย่างเร่งเร้า“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ช่วงเวลาที่มีคนตามยัยไอซ์นั้น ผมได้ให้ซันพาน้องไปหลบที่ผับของไอ้ดินครับ”“แล้วไงต่อ” คุณหญิงยังคงถามต่อ“ผมจับพวกมันมาได้ และกำลังสั่งให้คนรีดความจริงจากปากของพวกมันอยู่ครับ ว่าใครส่งพวกมันมา” หนึ่งนทีหันไปพูดกับพ่อ เมื่อพ่อของเขาทำหน้าเครียดขรึม“คิดว่าเป็นพวกไหน” คุณจอห์นถาม เพราะเขาเองก็กังวลใจไม่แพ้ภรรยา“ผมไม่มั่นใจครับ เพราะไอ้พวกที่ผมจับมาได้มันยังไม่ยอมพูดครับ”หนึ่งนทีเองก็ไม่กล้าที่จะฟันธงว่า คนที่ตามน้องสาวเป็นใครเช่นกัน เพราะศัตรูของเขาและครอบครัวไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว“ถ้าเป็น...” คุณหญิงโสภาพูดขึ้นแล้วหยุดไว้แค่ตรงนั้นเมื่อคุณจอห์นจับมือของภรรยามากุมไว้ แล้วรีบบอกให้ภรรยามั่นใจในสิ่งที่เขาคิด“ไม่ใช่หรอก คุณหญิงอย่าคิดมากสิ”“คุณรู้ได้ยังไงคะ
บทที่ 13ธารทีราตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อใส่บาตรทำบุญกรวดน้ำให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อใส่บาตรเสร็จเธอก็แยกจากคนรับใช้หญิงสาวเดินเล่นที่สนามหน้าบ้านเพลินไปหน่อยจนเดินเลยมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ ภาพบ้านหลังที่คุ้นเคยตรงหน้าค่อยๆ เลือนหายไป เพราะม่านตากำลังมีน้ำใสเอ่อคลอเธอสาวเท้าเข้าไปยืนตรงหน้าประตูบ้าน แล้วยกมืออันสั่นระริกขึ้นกดรหัสผ่านสำหรับเปิดประตู จากนั้นก็ผลักเข้าไปด้านในทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน หญิงสาวก็มองไปรอบบ้านทั้งน้ำตา แม้บ้านหลังนี้จะเก่าลงไปตามวันเวลาที่ผ่านเลยไป แต่ก็ยังคงได้รับการดูแลอย่างดีธารทีราเดินตรงไปที่ห้อง ๆ หนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านในก็ถึงกับชะงักไป ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมา จนทำให้เธอยากที่จะระงับความทุกข์ไว้ได้“อึก หนูกลับมาแล้วนะคะ” เธอพูดเสียงสั่นเครือกับภาพของครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักราวกับว่าแทบจะขาดใจเมื่อภาพครอบครัวในความทรงจำค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในมโนนึก แม้จะยังเด็ก แต่เจ้าตัวก็ยังจำได้ไม่เคยลืม“ทุกคนคิดถึงหนูไหมคะ” เธอยิ้มทั้งที่มีน้ำตาไหลไม่ขาดสาย ยามยกมือขึ้นลูบภาพครอบครัวตรงหน้าอย่าง
บทที่ 14ถึงแม้ว่าข้างในใจจะยังอมทุกข์และไม่หายจากอาการโศกเศร้า มิหนำซ้ำดวงตายังแดงช้ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แต่เธอก็พยายามที่จะปรับสภาพจิตใจให้เป็นปกติ เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน แล้วเอ่ยถามว่า“ใครจะไปไหนกันเหรอคะ”ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงพี่ชายอุทานขึ้นพร้อมกัน และต่างหันไปมองคนที่พวกเขาทั้งสามกำลังพูดถึง“ว่าไงคะ ใครจะไปไหนกันเหรอคะ”ธารทีรายิ้มแฉ่ง แล้วเดินไปยืนเกาะข้างหลังเก้าอี้ตัวที่พี่ชายนั่ง“ไม่มีใครไปไหนหรอก” คุณจอห์นบอกลูกสาว“งั้นก็แล้วไป นึกว่าพี่ซีลจะไปไหนเสียอีก”เธอทำหน้าทะเล้นใส่พี่ชายที่กำลังเอียงหน้ามามองเธอ“พี่จะไปไหนได้ครับ” หนึ่งนทีเอ่ยออกมา พลางเอื้อมมือ ไปกุมมือของน้องที่วางอยู่บนบ่าของเขา“ทำไมคะ”น้องสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น“ก็ตอนนี้พี่เป็นบอดี้การ์ดของเธอไง” ผู้เป็นพี่ชายกระเซ้า“ชิ!”ธารทีราทำเสียงขึ้นจมูกใส่พี่ชาย เมื่อได้สบดวงตาสีนิลที่ฉายแววขี้เล่น“อย่ามัวแต่พูดกันเลยลูก มา ๆ มานั่งนี่มา” คุณหญิงโสภาบอกพร้อมกวักมือเรียกลูกสาว“คุณพ่อคุณแม่ขา ไอซ์ขอโทษนะคะที่มาช้า”ธารทีรารีบเดินเข้าไปกอดคุณจอห์นจากทางด้านหลัง แล้วก่อนจะนั่งเธอก็ถลันเข้าไปกอ
บทที่ 15ณ ไร่ทานตะวันตรงบริเวณสวนหย่อมหลังบ้าน มีสองสามีภรรยานั่งกินอาหารเช้ากันโดยสามีนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย ส่วนภรรยานั้นก็จิบน้ำส้มคั้น และรับประทานไข่ดาวกับขนมปังปิ้งอยู่ข้างๆ สามี พร้อมกับพูดคุยกันอย่างมีความสุขครืดด!! ครืดดด!!!..แรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว ทำให้ทั้งสองต้องหันไปมอง ก่อนที่พ่อเลี้ยงสิงหาจะหยิบโทรศัพท์ของภรรยาขึ้นมาดู“ใครโทรมาคะ” แม่เลี้ยงม่านแก้วถามสามีด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าสามีเอาแต่มองโทรศัพท์ของเธอ“ลูกชายของคุณไง” พ่อเลี้ยงสิงห์หาบอกพร้อมหันจอโทรศัพท์ให้ภรรยาดู“ตาดินโทรมาเหรอคะ” แม่เลี้ยงม่านแก้วขมวดคิ้วยุ่ง เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายจะโทรมาหา เพราะปกติแล้วลูกชายไม่เคยติดต่อมาก่อนเลย“อื้อ” พ่อเลี้ยงสิงหายื่นโทรศัพท์ให้ภรรยาเมื่อแม่เลี้ยงม่านแก้วรับโทรศัพท์จากมือสามีมาถือไว้ก็เปิดลำโพง แล้วเอาวางไว้บนโต๊ะ พลางเอ่ยทักคนในสายว่า“ว่าไงลูก”“แม่ว่างหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มที่ติดจะเย็นชาเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของแม่“ว่างจ้ะ ดินมีอะไรหรือเปล่า” แม่เลี้ยงม่านแก้วหันไปสบตาสามีเล็กน้อย ขณะตอบคำถามลูกชาย“เมื่อวานไอ้ซีลมันพาน้อ
บทที่ 97สองอาทิตย์แล้วที่นักรบกลับมาอยู่บ้าน และวันนี้เป็นวันแรกที่ธารทีราต้องไปยังบริษัทอีกแห่ง ซึ่งพ่อของเธอและพ่อของเขตแดนหุ้นกันเปิดขึ้นมาตั้งแต่เธอยังเล็ก ๆ“มาหาใครคะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“คุณเขตแดนค่ะ” ธารทีราบอกพนักงาน“เอ่อ คุณได้นัดไว้ไหมคะ แล้วคุณ…”ธารทีราไม่รอให้พนักงานถามจนจบ เธอก็บอกไปว่า“ฉันชื่อธารทีราค่ะ เป็นน้องสาวของคุณหนึ่งนที” เธอบอกออกไปก่อนจะส่งบัตรวีไอพีของที่นี่ให้อีกฝ่ายดู“อ๋อค่ะ สวัสดีค่ะ” พนักงานฟังแล้วก็รีบเอ่ยทักทายอย่างรวดเร็วจากนั้นพนักงานก็เชิญเธอไปที่ลิฟต์“ชะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ”เมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงหน้าห้องทำงานของเขตแดน พนักงานก็ขอตัวทันที ทำให้หญิงสาวเคาะประตูขออนุญาต“เชิญ”เมื่อได้รับอนุญาตจากคนด้านใน ธารทีราก็เปิดประตูเข้าไปทันทีด้านเขตแดนที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย พอเห็นว่าใครเปิดประตูเข้ามาก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหา“น้ำมาได้ยังไงครับ”“ทำอะไรอยู่คะ น้ำมากวนหรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายคว้าร่างของเธอไปกอด“ไม่กวนครับ” เขตแดนเอ่ยอย่างนุ่มนวล พลางฉวยโอกาสหอมแก้มไปหนึ่งที“พี่ดิน” เธอตีที่ท่อนแขนแข็
บทที่ 96“ป้านมคือคนที่คอยเลี้ยงเราสองคนไง” ธารทีราหันไปอธิบายให้พี่ชายฟังด้วยรอยยิ้ม“ขอโทษด้วยครับ ผม…” นักรบเอ่ยด้วยเสียงที่ขาดห้วงไป ด้วยรู้สึกผิดที่ตนเองจำคนใกล้ตัวในอดีตไม่ได้เลย ป้านมเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีอึดอัดใจจึงเอ่ยแทรกขึ้นว่า“ไม่เป็นไรนะคะ ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะที่คุณรบกลับมา”“นี่เป็นเอกสารใหม่ของรบนะ คุณลุงทำไว้ให้จ้ะ” คุณหญิงโสภายื่นซองเอกสารไปให้หลานชายนักรบหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดู ซึ่งมันคือเอกสารการเปลี่ยนชื่อและเอกสารกรรมสิทธิ์ต่าง ๆ ของเขา ทั้งเรื่องบ้านและตัวธุรกิจที่เคยเป็นส่วนแบ่งของหมอคาร์ล“ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของรบนะ”“แล้วน้ำล่ะครับ บ้านหลังนี้ก็ของพ่อแม่นี่ ทำไมถึง…” นักรบถามไม่ทันจบคำ ธารทีราก็พูดขึ้นว่า“คุณแม่จะยกบ้านหลังโน้นของคุณแม่ให้น้ำค่ะ ส่วนของพี่ซีลคุณแม่จะยกบ้านตากอากาศอีกหลังหนึ่งให้แทน”นักรบมองตามมือน้องสาวที่ชี้ให้เขาดูบ้านที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังนี้ ซึ่งอยู่ข้าง ๆ กัน โดยแค่มีรั้วต้นไม้กั้นไว้เท่านั้น“รบคงไม่ว่าป้านะ ถ้าในช่วงนี้ป้าจะให้น้ำไปอยู่กับป้า”"ผมเข้าใจครับ มีน้ำไปอยู่กับคุณป้าก็ดีแล้วล่ะครับ““ขอบใจมากจ้ะ ตอนนี้ซีลไปพักท
บทที่ 95พอมาถึงเจดีย์สีขาวสะอาดที่โดยรอบมีการทำความสะอาดและมีดอกไม้พร้อมกระถางธูปจัดวางอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มก็หันมาหาน้องสาว“น้ำมาที่นี่บ่อยใช่ไหม”“คุณพ่อ...เอ่อ...ลุงจอห์นให้คนจัดการให้ตลอดค่ะ มันก็เลยดูดีแล้วก็สะอาดแบบนี้” หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะทุกวันนี้เธอก็ยังคงเสียใจอยู่ จนพี่ชายต้องยกมือขึ้นไปจับที่บ่าบางแล้วบีบเบา ๆ“น้ำ ไม่เป็นไรนะ”“ค่ะ น้ำก็แค่คิดถึงอดีตที่ดี ๆ น่ะค่ะ คุณพ่อดีกับน้ำมาก ทั้งที่น้ำเป็นแค่หลานเท่านั้นเอง” เธอหันไปบอกพี่ชาย ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่รูปของพ่อแม่ที่กำลังอุ้มพี่ชายของเธอตอนเล็ก ๆ อยู่ด้วย“เอาไว้น้ำจะให้คนมาเปลี่ยนรูปให้ใหม่นะคะ คุณพ่อคุณแม่”ธารทีราเอ่ยกับพ่อแม่ ทำเหมือนกับว่าท่านทั้งสองได้ยินสิ่งที่พูดไป จากนั้นก็หันมายิ้มให้พี่ชายสลับกับการมองเจดีย์ตรงหน้า“พ่อคะ แม่คะ น้ำพาพี่รบมาหาค่ะ”“พ่อครับ แม่ครับ ผมมาหาแล้วนะครับ” นักรบยกมือไหว้พ่อแม่ แม้หมอจะบอกว่าเขาคงไม่อาจจดจำอะไรได้แล้ว แต่เขาก็รู้ว่าพ่อกับแม่จะต้องรักเขามากอย่างแน่นอน จึงรู้สึกดีใจระคนเศร้าที่ได้มาหาพวกท่านจากนั้นสองพี่น้องต่างก็จมอยู่ในห้วงคิดส่วนตัว แต่แววตาของค
บทที่ 94หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...เมื่อรถจอดตรงลานจอด เขตแดนก็ลงจากรถเดินอ้อมไปฝั่งข้างคนขับเพื่อเปิดประตูให้ธารทีรา“นี่ถ้าคุณแม่ไม่บอกให้มา น้ำก็ไม่อยากมาหรอกนะคะ”“พี่เข้าใจ ยังไงเขาก็ตายแล้ว น้ำก็อโหสิกรรมให้เขาเถอะ”“ก็เพราะว่าอโหสิกรรมให้ไงคะน้ำถึงมา” ธารทีราย่นหน้าใส่เขตแดน เอาจริงๆ ถึงจะโกรธและแค้นดาเนียลมากแค่ไหนพ่อแม่เธอก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี“งั้นเข้าไปกันเถอะ” เขตแดนบอก พร้อมจับมือหญิงสาวมากุม แล้วพาเดินเข้าไปในวัดช่วงเวลาที่เดินเข้าไปในวัดนั้น ธารทีราก็ถามเพราะสงสัยมากที่ดาเนียลซึ่งเป็นลูกครึ่งนั้นนับถือศาสนาพุทธ“ตอนแรกนึกว่าเขาจะจัดงานศพแบบคริสต์นะคะเนี่ย”“เห็นว่าเขานับถือศาสนาตามภรรยาน่ะ”“อ้อ...” ธารทีราตอบรับ ก่อนจะถามถึงเรื่องอื่น “พี่ดิน พี่รู้ไหมว่าพี่ซีลไปไหน ตั้งแต่เสร็จงานศพคุณพ่อก็ไม่ยอมกลับบ้านเลยค่ะ โทรไปหาก็บอกแต่ว่าขอไปพักผ่อนเงียบ ๆ สักพัก พอถามก็ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน”“ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่เห็นมันไปที่ผับนานแล้วนะ ปกติมันจะเข้าผับทุกคืน นี่มันยังทิ้งงานที่บริษัทให้พี่ทำเลย บอกแค่ว่าอยากไปทำใจสักพัก”“ความจริงงานศพของดาเนียลคุณแม่จะให้พี่ซีลมานะ แต่พี่ซีลเล่น
บทที่ 93นักรบเองก็อึ้งไปเช่นกัน แต่แล้วชายหนุ่มก็ดึงสติกลับมาเมื่อมีมือของนาเดียร์ยื่นมาจับมืออีกข้างของเขาไว้ โดยที่มีอีกข้างตอนนี้มีธารทีราจับไว้เช่นกัน“แล้วแม่ล่ะ” นักรบถามเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกำลังห่วงใยมาดามอันนาอย่างที่สุด“คุณแม่ความดันกำเริบหมดสติ ตอนนี้นอนพักอยู่ที่ห้องพักฟื้นค่ะ” หญิงสาวร้องไห้ออกมาอีก ตอนนี้เธอเอาแต่ก้มหน้า เพราะไม่กล้าจะสู้หน้าใคร ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองมาตลอด“แม่...” นักรบเอ่ยเสียงสั่น ครั้งนี้เขายอมปล่อยมือน้องสาวแท้ ๆ เพื่ออ้าแขนโอบกอดน้องสาวอีกคนไว้ ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่เขาก็รักเธอเหมือนน้องสาว“ไม่ต้องร้องไห้นะ เงียบซะ” นักรบกอดนาเดียร์ไว้แน่น และพูดปลอบขวัญอย่างอ่อนโยน“พี่ไทด์อยู่เป็นเพื่อนเดียก่อนได้ไหม เดียไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ป๋ายังนอนอยู่ในนั้น คุณแม่ก็…” นาเดียร์ไม่ทันได้พูดจบประโยค เสียงทุ้มต่ำที่เธอไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น“ไอ้รบ ถ้ามึงช่วยเป็นธุระจัดงานศพให้ไอ้ฆาตกรที่มันฆ่าพ่อแม่มึงและฆ่าพ่อกู กูจะขอเป็นศัตรูกับมึงตลอดไป” หนึ่งนทีปล่อยแม่ให้ยืนอยู่กับธารทีรา แล้วเดินเข้าไปยืนใกล้นักรบที่กำลังยืนกอดนาเดียร์อยู่“ซี
บทที่ 92ณ โรงพยาบาลคุณหญิงโสภรีบเดินทางมายังโรงพยาบาลทันทีหลังทราบว่าสามีของตนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ“ซีล น้ำ พ่อเป็นยังไงบ้าง” เสียงสั่นเครือของคุณหญิงดังมาก่อนตัว โดยตอนนี้ที่หน้าห้องฉุกเฉินมีทั้งธารทีรา นักรบ หนึ่งนที รวมถึงเขตแดนยืนออกันอยู่“หมอยังไม่ออกมาบอกเลยค่ะ”“เกิดอะไรขึ้น ใครยิงพ่อ” คุณหญิงโสภามองลูกสาวและลูกชายที่ยังยืนหันหลังให้ เพราะหนึ่งนทีเอาแต่ยืนมองประตูห้องฉุกเฉินอย่างไม่ยอมละสายตาคำถามของแม่ ทำให้หญิงสาวหันไปมองนักรบ เมื่อพี่ชายพยักหน้าจึงเล่าให้แม่ฟัง“น้ำไม่แน่ใจค่ะว่าใครยิงคุณพ่อ เหตุการณืตอนนั้นวุ่นวายไปหมด แต่ที่แน่ ๆ ดาเนียลสั่งลูกน้องให้ยิงพวกเราค่ะ”“ไอ้ดาเนียล มึงทำร้ายพ่อกู ถ้าพ่อกูเป็นอะไรขึ้นมา กูจะฆ่าล้างโคตรมึง” หนึ่งนทีมองนักรบด้วยแววตาไม่พอใจ แม้เขาจะไม่โทษอีกฝ่ายออกมาตรง ๆ แต่ลึก ๆ ธารทีรารู้ดีว่าหนึ่งนทีคงไม่พอใจนักรบอย่างมากที่เอาตัวเข้าไปเสี่ยง จนทำให้พ่อของเขาต้องตามไปช่วย“คุณหมอ คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ” เขตแดนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีหมอคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้านคุณหมอมีสีหน้าเคร่งเครียด เขามองหน้าทุกคน โดยเฉพาะคุณหญิงโสภา ก่อนจะพูดอ
บทที่ 91“พี่รบ” ธารทีรากรีดร้อง ขณะถูกผลักให้พ้นจากวิถีกระสุน“ไม่เป็นไรนะน้ำ” นักรบถามพร้อมกับเข้าไปกอดน้องสาวไว้ แล้วยิงสวนกลับไปแต่ก็พลาดเป้าเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามหลบเข้าที่กำบังได้ทันเวลา“ไทด์ ไม่ต้องห่วงแม่ พาน้องไทด์หนีไป” มาดามอันนาตะโกนบอกลูกชายดาเนียลจึงหันไปยิงปืนขู่ภรรยาทันที ทำให้ทั้งอันนาและนาเดียร์ต่างก็กรีดร้อง และกระโจนเข้ากอดกันด้วยความกลัว“กูบอกให้เงียบ!” ดาเนียลสั่งพร้อมชี้ปืนใส่ภรรยากับลูกสาว“พอได้แล้วดาเนียล” คุณจอห์นที่เข้ามาใกล้ตัวดาเนียลมากขึ้นพยายามห้าม แต่ตอนนี้ดาเนียลได้คลั่งไปแล้ว ทั้งยังสั่งให้ลูกน้องกราดยิงไปทั่ว“กูไม่หยุด วันนี้พวกมึงกับกูต้องตายกันไปข้าง ยิงพวกมันให้ตายไปให้หมด!”หลังจากที่คาเนีลออกคำสั่งก็เกิดการชุลมุนกันเกิดขึ้น กระสุนจำนวนมากสาดไปทั่วทุกทิศ ทว่านัดหนึ่งกลับพุ่งเข้าใส่คุณจอห์นที่หลบไม่ทัน“โอ๊ย!” คุณจอห์นใช้มือกุมหน้าอกที่เลือดค่อยๆ ไหลออกมา ทำให้เขาทรุดลงไปนอนนิ่งบนพื้น“คุณพ่อ!” ธารทีราที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยความตกใจด้านนักรบทนเห็นดาเนียลทำร้ายใครต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจยิงไปที่อีกฝ
บทที่ 90หลังวางสายจากดาเนียลเมื่อวาน ในที่สุดนักรบก็ออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่ยังบาดเจ็บและหมอก็ห้ามแต่เขาไม่ฟัง และในตอนนี้ทั้งธารทีรากับนักรบก็เดินทางมาถึงโกดังร้างที่นัดหมายไว้กับดาเนียลเรียบร้อยแล้ว โดยมีน้องสาวเป็นคนขับรถมาให้“ผมมาแล้ว” นักรบลงจากรถ แล้วเดินอ้อมไปยืนข้างน้องสาว พร้อมพูดเสียงเรียบใส่มือถือที่กำลังสนทนาอยู่กับดาเนียล“เข้ามา” ดาเนียลพอใจที่เห็นสองพี่น้องมากันแค่สองคนผ่านกล้องวงจรปิด เขาละสายตาจากกล้องที่ดูอยู่หันไปหัวเราะใส่ภรรยา“ฮ่า ๆ มันรักเธอจริง ๆ นะอันนา”“คุณมันเลว” มาดามอันนาโกรธจัด จึงต่อว่าสามีที่เอาเธอกับลูกสาวมาเป็นเหยื่อล่อดาเนียลหัวเราะเสียงดัง เขาไม่สนใจความรู้สึกของภรรยาและลูกสาว เพราะตอนนี้เขามีความสุขมากที่กำลังจะได้ทวงแค้นคืนจากครอบครัวนั้น และช่วงที่เขากำลังมีความสุขกับเสียงหัวเราะ ดาเนียลก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อสองพี่น้องก้าวเข้ามา“หวัดดี ไอ้ลูกรัก หนูธารทีรา” ดาเนียลทักทายทั้งสองคนด้วยท่าทางสบาย ๆ“พี่รบ” ธารทีรารีบขยับไปยืนข้างหลังของพี่ชาย เพราะรู้สึกกลัวสายตาของคนตรงหน้าที่มองมา“น้ำไม่ต้องกลัว” นักรบกระซิบบอกน้องสาว พลางใช้ร่างของตนบังอีกฝ่ายเ
บทที่ 89เมื่อได้ยินเสียงปืนและเสียงร้องของแม่กับน้องนักรบก็ยิ่งร้อนรน เขาพยายามจะลงจากเตียง ทำให้น้องสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้องถลันเข้าไปหา“พี่รบ อย่าค่ะ” ธารทีราพยายามห้ามพี่ชาย แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้นกับมาดามอันนาและนาเดียร์แน่นอน พี่ชายของเธอถึงได้ร้อนรนปานนี้“ว่ายังไง”เสียงถามจากคนในสาย ทำให้นักรบหลือบตามองธารทีราครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับไปว่า“ที่ไหน”“โกดังร้างนอกเมืองที่มึงก็น่าจะรู้จักดี”เมื่อได้บอกที่นัดหมายแล้ว ดาเนียลก็วางสายไปทันทีด้านนักรบเมื่อได้คำตอบแล้ว ชายหนุ่มก็ทรุดนั่งบนขอบเตียง มือใหญ่กำมือถือไว้แน่นจนเส้นเอ็นปูด“พี่รบเกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม พร้อมทั้งเอามือถือจากมือพี่มาเก็บไว้ “คลายมือออกก่อนนะคะ เลือดย้อนขึ้นไปในสายน้ำเกลือหมดแล้ว”“น้ำ…” นักรบยังไม่ทันได้บอกน้องสาว ทั้งสองก็ต้องหันไปมองที่ประตูที่มีคนเปิดเข้ามา“มีอะไรกัน” คุณจอห์นเอ่ยถามขึ้น เพราะเมื่อครู่เหมือนจะทันได้ยินเสียงร้อนรนของลูกสาว ในขณะที่คุณหญิงโสภา หนึ่งนที รวมถึงเขตแดนที่ตามเข้ามาด้วยก็มองมาอย่างห่วงใยเช่นกัน“คุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวเรียกท่านทั้งสอง แต่ยังไม่กล