"เดี๋ยวให้องครักษ์ด้านนอกจัดการต้นไม้แห้งพวกนั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"
อาถังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คุณหนูของนางเบา ๆ
"ซากต้นไม้?"
เฟิงซูเหยารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
วันนี้นางเดินทางออกจากจวนฟ่างซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งจวน ทว่าสองแม่ลูกศัตรูคู่กัดของนางกลับไม่ห้ามปรามหรือโผล่หน้ามาให้เห็นสักนิด แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงซูเหยาตะขิดตะขวงใจว่าสองแม่ลูกนั้นต้องวางแผนอะไรอยู่เป็นแน่ หากนางคิดมากไป ขอให้ต้นไม้ที่ขวางทางนี้เกิดจากภัยจากธรรมชาติ แต่ถ้านางเดาถูก...
ไม่! ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้
"พวกเจ้าเป็นใคร อ๊าก!!"
"คุณหนูหนีเร็ว โจร.. โจรภูเขา! เฮือก!"
เสียงองครักษ์สองคนด้านนอกดังขึ้น ทำคนที่อยู่ด้านในตกใจตาม อาถังรีบเข้าไปกอดขวางเฟิงซูเหยาเอาไว้อย่างเป็นห่วง
"ทำไมถึงมีโจรภูเขาได้ล่ะ" เสียงอาถังสั่นเครือ
เสียงสู้กันด้านนอกเงียบลงแล้ว ทว่าเฟิงซูเหยารับรู้ได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่หลายคนและคงเป็นคนของนางที่ตายหมด
"ไม่ใช่โจรภูเขาหรอก นี่ไม่ใช่วิถีของพวกนั้น"
"เหตุใดคุณหนูดูมั่นใจเช่นนั้นเจ้าคะ"
จะไม่ให้เฟิงซูเหยามั่นใจได้เช่นไรในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของนางก็เกลือกกลั้วอยู่กับกองโจรนั่นแล้ว
ทั้งนิสัย ทั้งวิถีการปล้นฆ่า เฟิงซูเหยารู้ดีว่ากองโจรภูเขาที่ถูกแอบอ้างนั้นทำอย่างไรบ้าง
"เจ้าไม่ต้องกังวล สักประเดี๋ยวโจรพวกนั้นจะเข้ามาจับพวกเรา เจ้าห้ามสู้ห้ามขัดขืน ปล่อยให้พวกนั้นจับไปอย่างจำยอม"
อาถังอยากค้านคุณหนูนางเสียเหลือเกิน แต่พอขบคิดดูแล้ว เหลือเพียงสตรีสองนางเช่นนี้ต่อให้สู้หรือขัดขืนไปก็คงมิรอดอยู่ดี
"ไปเอาตัวพวกมันมา"
เป็นดั่งที่เฟิงซูเหยาคาดเดา องค์รักษ์สองคนของนางตายหมดแล้ว ประตูรถม้าเปิดออกทำให้เฟิงซูเหยาเห็นการแต่งกายของโจรกลุ่นี้ถนัดตา
คนกลุ่มนี้มิใช่คนของโจรภูเขาอย่างที่นางคิด เป็นเพียงพวกอันธพาลที่ปิดหน้าคาดหัวให้ดูเหมือนโจรภูเขาตบตาพวกขี้ขลาดรักตัวกลัวตายเชื่อพวกมันแล้วส่งทรัพย์สมบัติให้พวกนี้ปล้นไปอย่างง่ายดาย
"ปล่อยคุณหนูนะ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือบุตรีของท่านแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่"
อาถังที่ถูกคุมตัวลงมาจากรถม้าตะโกนสุดเสียงอย่างเป็นห่วงคุณหนูสาม
ทว่าสตรีที่ถูกเป็นห่วงกลับเดินลงมาพร้อมโจรกลุ่มนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งสายตาดูเฉยชาราวโจรกลุ่มนี้เป็นเพียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไร้พิษสงใด
"เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่รู้หรือไรว่านี่คือบุตรีของแม่ทัพฟ่าง แต่ใครจะกลัว นี่คือกองโจรภูเขาเฟิงเสี้ยวที่แม้แต่บิดาของเจ้ายังปราบมิได้"
คิ้วสวยกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อกองโจรที่คุ้นหูนั้น
แซ่เฟิงที่นางได้มาก็มาจากชื่อของกองโจรภูเขาผู้เกรียงไกรเรื่องความเหี้ยมโหดเฟิงเสี้ยว เด็กขวางฆ่าเด็ก คนแก่ขวางฆ่าคนแก่ แม้แต่พระก็มิเว้น นั่นคือคำสอนสั่งของกองโจรนี้
"เฟิงเสี้ยวเกรียงไกร ใครขวางข้าฆ่า เด็ก คนบ้า พระ คนแก่ฆ่าไม่ปรานี ภูติผียังต้องหลบทาง"
"เจ้าท่องอะไร หนวกหู!"
หึ! แค่คำปลุกขวัญประจำกองโจรก่อนออกปล้นคนพวกนี้ยังไม่รู้จักยังคิดจะเอาชื่อเสียงเขามาแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อกองโจรเฟิงเสี้ยวอีก
ถ้าหากประมุขกองโจรมาเห็นโทษของสามคนนี้มีเพียงแล่เอาเนื้อพวกมันตอนยังหายใจไปเก็บไว้เป็นอาหารของสุนัขล่าเนื้อตัวโปรดของประมุขเท่านั้น
"พวกเจ้ารับเงินมากี่ตำลึงกัน"
เฟิงซูเหยายกมือขึ้นเกาหางคิ้วด้วยท่าทางห้าวหาญ
อาถังหวั่นใจกับท่าทางยั่วโมโหของคุณหนูนางจนแทบจะเป็นลม
"เจ้าจะเสนอให้พวกข้าเยอะกว่าเพื่อเอาตัวรอดหรือไร"
หนึ่งในโจรกลุ่มนี้ถามขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะขบขัน
"ข้าให้พันตำลึงทอง"
"พะ พัน... พันตำลึงทอง"
หัวหน้าโจรถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินจำนวนเงินมหาศาลที่เฟิงซูเหยาเสนอให้
เงินมากมายขนาดนั้นตายกี่ชาติพวกโจรกระจอกกลุ่มนี้ถึงจะหาได้
"เจ้าอย่ามาหลอกพวกข้าเพื่อหวังเอาตัวรอดเลย"
เงินก็หอมหวน แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้จริงดั่งที่ถูกเสนอมาหรือเปล่า ขอแข็งใจไว้สักหน่อยก่อนแล้วกัน
"คนอย่างฟ่างเซียนเซียนมิเคยพูดปด ไม่เชื่อเจ้าถามสาวใช้ข้าดู"
อาถังยังไม่เข้าใจว่าคุณหนูนางมีแผนการอันใด แต่สายตาดุดันที่มองมาทำให้อาถังเชื่อใจคุณหนูของนางจึงเอ่ย
"คุณหนูข้าพูดจริงทำจริง เงินแค่พันตำลึงทองยังไม่ถึงครึ่งของทรัพย์สินที่คุณหนูข้าครอบครองด้วยซ้ำ"
โจรกระจอกเริ่มสองจิตสองใจต่างพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เฟิงซูเหยามองอาการเลิ่กลั่กของหัวหน้าโจรได้แต่ยิ้มในใจ
เงินซื้อได้ทุกสิ่ง แม้แต่คนที่ร่ำรวยอยู่แล้วยังต้องการเพิ่มกำลังทรัพย์ตนเอง เหตุใดพวกชั้นต่ำที่คงเคยจับแค่เงินไม่กี่อีแปะจะปฎิเสธข้อเสนอนาง
"อยู่ไหน เงินที่ว่าอยู่ไหน"
โจรอีกคนที่จับอาถังอยู่ถามเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
"หลังรถม้านั่น หีบที่ใหญ่ที่สุด"
อาถังตาเบิกโต หีบนั้นบรรจุเพียงแค่เสบียงอาหารที่ไว้กินระหว่างเดินทาง คุณหนูนางพูดเช่นนี้มีแต่จะทำให้โจรพวกนี้โกรธ
"คุณหนู .."
"เจ้าไม่ต้องเสียดายแทนข้า ไปสิ ใครจะเป็นคนไปเอาเงินนั้นกับข้า"
หัวหน้าโจรรีบปรี่เข้ามาใช้กระบี่จ่อคอเฟิงซูเหยา ท่วงท่าน่าหวั่นว่าคมกระบี่จะบาดลำคอระหง แต่เฟิงซูเหยากลับไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ กับกระบี่ที่จ่อคอ นาง ค่อย ๆ เดินนำหัวหน้าโจรไปยังหลังรถม้า
"พวกเจ้าไม่ต้องตาม"
ภายในฐานทัพของศัตรู เฟิงซูเหยาทำร้ายทหารของข้าศึกเพื่อชิงชุดของฝั่งนั้นมาใส่จะได้เดินไปไหนมาไหนในฐานทัพศัตรูได้ง่าย ๆ"ช้าก่อน!"เสียงนายกองที่เดินลาดตระเวนผ่านมารั้งไว้"พลทหารลาดตระเวนกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด"เฟิงซูเหยาได้ยินคำถามคิดครู่หนึ่งจึงดัดเสียงให้ใหญ่ตอบ"ข้าน้อยจะไปเข้าห้องน้ำขอรับ"เฟิงซูเหยาตอบแต่ไม่หันหน้ากลับไป"เจ้าเป็นทหารใหม่หรือถึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทิศทางใด"คนถูกถามในชุดที่ปลอมตัวอยู่ถึงกับเลิ่กลั่ก หูที่แสนดีได้ยินเสียงทหารด้านหลังชักกระบี่ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าเขาไม่เชื่อใจนางแล้วมือแน่งน้อยค่อย ๆ หยิบเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในผ้ารัดข้อมือออกมาเตรียมซัดใส่ศัตรู ทว่า..."อั่ก!"เสียงหล่นตุ้บของร่างกำยำดังขึ้นทำเอานางรีบหันกลับไปดู"อาเฟย"ทันทีที่เห็นว่าเป็นฝีมือผู้ใดเฟิงซูเหยาถึงกับตกใจเล็กน้อย"ท่านมาได้เยี่ยงไร"เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ทักทายกลับจึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วชวนคุย"หากข้ามาช้างานแต่งอีกสามวันข้างหน้าคงไร้เจ้าสาวเคียงข้างไปแล้ว"อี้เฟยพูดตัดพ้อใบหน้าเงียบขรึม"ท่านช่างพูดเกินไปเมื่อครู่ข้าคนเดียวก็เอาอยู่"เฟิงซูเหยาย่นจมูกทำท่าทางแง่งอนใส่อีกคน"เอาอยู่น่
“เช่นนั้นช่วยป้าล้างผักตรงนั้นแล้วกัน”เสิ่นอี้มองตาเด็กน้อยก็รู้แล้วว่านางคงมีความทุกข์ในใจจึงไม่ใส่ใจถามสิ่งที่เฟิงพูดค้างคาเอาไว้ต่อ“วันนี้ท่านป้าจะทำกับข้าวเลี้ยงฉลองหรือเจ้าคะ”เฟิงมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้วนางเห็นความเป็นอยู่ของทั้งสองคนว่ากินอยู่เช่นไร พอมาวันนี้เห็นของที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้านางรู้ในทันทีว่าต้องเป็นของที่ทำเพื่อเลี้ยงฉลองแน่นอน“วันนี้วันเกิดเฟยเอ๋อร์”เฟยเอ๋อร์หรืออี้เฟยดรุณที่เป็นคนยื่นมือพาเฟิงน้อยคนนี้ออกมาจากตรอกน่ากลัวแห่งนั้น“ข้ามิรู้ว่าวันนี้วันเกิดเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้เตรียมของขวัญไว้”เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณสำหรับนาง วันสำคัญเช่นนี้เฟิงยังตอบแทนอี้เฟยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้ช่างไม่สมกับที่เขาให้ชีวิตใหม่นางเอาเสียเลย“ไม่ต้องคิดมาก งั้นวันนี้ป้าจะสอนเฟิงทำอาหารโปรดเฟยเอ๋อร์ดีหรือไม่”เฟิงพยักหน้าอย่างระรื่น นางไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญที่เป็นสิ่งของเสมอไป หากเป็นการทำอาหารแม้รสชาติจะไม่ได้เลิศรสเท่ากับพ่อครัวแม่ครัวที่อื่น แต่นางก็จะตั้งใจเรียนรู้และทำให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดในวันนี้“ทานสิ”เฟิงคะยั้นคะยอให้บุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารลองทานอา
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กเสียงหอบเหนื่อยที่ดังเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยินแม้แต่ตัวเองดังขึ้นเด็กน้อยวัยสักสิบขวบเศษกำลังวิ่งหลบไปตามต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อหลีกหนีการตามล่าของกองโจรที่แสนน่ากลัวเฟิงเสี้ยว“รอยเท้ามันมาทางนี้ อย่าให้มันหนีรอดไปไหนได้”เสียงหนึ่งในกลุ่มโจรที่ออกตามล่าเด็กน้อยผู้นี้ดังขึ้นร่างบอบบางคุดคู้อยู่ด้านหลังโขดหินที่มีตะไคร่น้ำเกาะจนเป็นสีเดียวกับต้นไม้เพื่ออำพลางไม่ให้ถูกโจรกลุ่มนั้นตามล่าเข้า“เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าแอบซ่อนอยู่แถวนี้”รองหัวหน้ากองโจรเฟิงเสี้ยวเอ่ยชื่อของนักโทษหลบหนีเสียงเรียบเย็นดรุณีน้อยได้แต่ขดตัวสั่นแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ“ออกมาเถอะน่า ประมุขเฟิงรอเจ้าอยู่”เสียงอีกคนที่ออกตามล่าเอ่ยเรียกอีกแรง“ไม่ ข้าไม่ออก ข้าไม่อยากกลับไปฆ่าคนอีกแล้ว”เฟิงน้อยเอ่ยอย่างรู้สึกหวาดกลัวตลอดเวลาสิบปีมานี้ แม้คนในกองโจรเฟิงเสี้ยวจะดีกับนาง แต่ก็ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น เห็นดรุณีน้อยฉลาดหัวไว สอนอะไรก็เก่งกาจไปเสียหมด ไม่ว่าจะเรื่องพิษ เรื่องต่อสู้ เฟิงผู้นี้ไม่เคยทำให้ประมุขแห่งกองโจรนี้ผิดหวังสักเรื่อง เพราะแบบนี้เขาเลยไม่ยอมเสียหมากตัวนี้ให้หนีออกไปจากกองโจรแห่งนี้“ระวังต
"อั่ก! จ...เจ้า"ดวงตาอี้ซินเบิกโพลง เลือดมากมายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากและจมูก เฟิงซูเหยาที่ถูกกระบี่ของเขาแทงไหปลาร้าก็มีสภาพไม่ต่างจากอี้ซินเช่นกัน"รสชาติของมีดเล่มนี้ยามปักที่อกท่านเป็นเช่นไรบ้างเพคะ คุณชาย"เฟิงซูเหยากระซิบออกมาแผ่ว ๆ นางเรียกอี้ซินอย่างที่เคยเรียกตอนเป็นเฟิงซูเหยา ทำเอาคนที่คุ้นชินทั้งเหตุการณ์ทั้งสรรพนามที่เคยถูกเรียกหลุบตามองนางด้วยแววตาสั่นไหว"ตอนที่ข้าปักมันลงบนอกด้วยมือของข้าเองท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่เจ็บปวดเลย เพราะตอนนั้นหัวใจข้าได้ตายลงก่อนที่ข้าจะแทงขั้วหัวใจตัวเองแล้ว"เฟิงซูเหยาพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่นางอยากเล่าในชาติที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสให้เขาฟังด้วยความขมขื่น"เจ้าเป็นใครกันแน่"อี้ซินฝืนรวบรวมแรงทั้งหมดเอื้อมมือที่แสนจะหนักอึ้งขึ้นมากระชากผ้าปิดหน้าของสตรีตรงหน้าออกดวงตาเขาสับสนปนวูบไหวเมื่อใบหน้านี้คือใบหน้าของฟ่างเซียนเซียน แต่ประโยคที่นางเอ่ยกับตนกลับเป็นเหตุการณ์ของอีกคนที่นางผู้นี้ไม่มีวันรู้ว่าวันนั้นเมื่อสองเดือนก่อนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"คุณชายคงกำลังสับสนใช่หรือไม่ว่าข้ารู้เรื่องราวของเฟิงซูเหยาได้เช่นไร"รอยยิ้มแห่งชัยชนะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าสว
"อย่าคิดหนี อ๊ะ!"เฟิงซูเหยาตั้งใจจะตามสามคนนั้นไปแต่ถูกฉินเทาเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อนเสียงกระบี่ทั้งสองฟาดฟันกันอย่างเอาเป็นเอาตายจวบจนเฉินเทาเพลี่ยงพล้ำเสียท่าถูกเฟิงซูเหยาปลิดชีพ"สุนัขรับใช้ที่แสนซื่อสัตย์ สุดท้ายเจ้าก็ตายอย่างโดดเดี่ยวอย่างน่าเวทนา"นางกล่าวอย่างสมเพชร่างไร้ลมหายใจของฉินเทา จากนั้นจึงเร่งตามสามคนนั้นไปเพื่อไม่ให้เสียเวาไปมากกว่านี้มีดสั้นที่นางเก็บไว้กับตัวถูกขว้างออกไปแต่พลาดเป้า"เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยเสียจริง อยากรู้นักว่พวกนั้นจ้างวานเจ้าเท่าใดถึงยอมเสี่ยงตายขนาดนี้"เมื่อหนีไม่พ้นอี้ซินมีเพียงทางเลือกเดียวคือหันหน้าเผชิญกับนักฆ่าสาวที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้"อย่าใช้นิสัยตนเองตัดสินผู้อื่น ไม่มีผู้ใดจ้างวานข้าทั้งนั้น หากแต่วันนี้ข้าจ้องการคิดบัญชีแค้นกับท่านด้วยเหตุผลส่วนตัว""ข้าไม่เคยรู้จักนักฆ่าเช่นเจ้ามาก่อน"หึ! แน่แหละที่เขาไม่รู้จักนางในร่างของผู้อื่นเช่นนี้"ท่านไม่รู้จักข้าแล้วเช่นไร ขอเพียงข้าจดจำความแค้นที่ท่านเคยมอบให้ข้าแต่เพียงผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว"เฟิงซูเหยาไม่อยากเปลืองน้ำลายยิ่งกว่านี้ นางตั้งท่ากระบี่วสันหวนคืนทันที อี้ซินเห็นท่วงท่าของเพลงกระ
"ดาบนี้ตอบแทนที่ท่านพ่อชุบเลี้ยงข้ามาด้วยความเลือดเย็น"เฟิงซูเหยากระซิบแผ่วเบาข้างหูเฟิงเสี้ยวที่ถามว่านางเป็นใครเพียงแค่ได้ยินถ้อยคำนั้นดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ"จ...เจ้า เจ้ายังไม่ตาย"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเบาจนเฟิงซูเหยาเองก็แทบจะไม่ได้ยิน"ข้าจะตายก่อนได้แก้แค้นคนชั่วช้าเช่นพวกท่านได้เยี่ยงไร"น้ำเสียงที่ส่งออกมามีแต่ความเคียดแค้น"จ...เจ้า ..เฮือก!"มีคำพูดมากมายที่เฟิงเสี้ยวอยากเอ่ยแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเฟิงซูเหยาแทงกระบี่เข้าไปจนสุดด้ามปลิดลมหายใจเขาจนสิ้นในครั้งเดียว"แม่นางระวัง!"เฟิงซูเหยาที่ไม่ทันระวังตัวเกือบถูกมีดจากฉินเทาปลิดชีพไปแล้ว โชคดีที่ได้ฟ่างเสวียนสวี่ร้องเตือน"ยานี้ช่วยถอนพิษได้"นางรีบยื่นขวดยาถอนพิษที่พกติดตัวมาเผื่อให้ฟ่างเสวียนสวี่ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปปิดบัญชีแค้นในครั้งนี้หมับ!ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อนด้วยฝ่ามือแกร่งของฟ่างเสวียนสวี่เอง"เซียนเอ๋อร์ นั่นเจ้าใช่หรือไม่"บิดาที่ไหนกันจะจำเพียงแววตาของบุตรสาวตนเองไม่ได้ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นเพียงแววตาของฟ่างเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังประมุขเฟิงเขาก็จับได้ในทันทีเฟิงซูเหยาไม่มีเ