เข้าสู่ระบบทวีออกตารางเดินสายพบปะกับลูกค้า โดยจุดประสงค์หลักของเขาคือจะวางมือจากตำแหน่งประธาน และดันลูกชายคนเดียวเป็นผู้รับตำแหน่งต่อ การต่อยอดธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น
“คดีฟ้องร้องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่ทีมกฎหมายเบอร์หนึ่งของกิตติณรงค์ดำเนินการไปก่อนหน้า กับบริษัทคู่แข่งทางการค้าที่ตกเป็นจำเลย ได้ส่งตัวแทนเข้าไกล่เกลี่ยนอกศาลและจบลงด้วยดีแล้ว โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดสู่สาธารณะ”
คือข้อความที่ระบุในหน้าข่าวธุรกิจในวันนี้ ถือเป็นข่าวดีต้อนรับตำแหน่งประธานหนุ่มคนใหม่ของกิตติณรงค์ “จักรพรรดิ กิตติณรงค์”
ส่วนประเด็นที่ยังค้างอยู่และต้องเคลียร์ให้จบ คือ การโปรโมทประชาสัมพันธ์คอนโดมิเนียมหรูของลูกค้าที่เลื่อนออกไปในครั้งก่อน เพราะปัญหาข้อมูลรั่วไหล ได้มีการนัดประชุมตกลงร่วมกันกับลูกค้าใหม่อีกครั้ง
จากมติการประชุมคือการจัดทำขึ้นใหม่ยกเซท เพื่อไม่ให้ซ้ำกับข้อมูลเก่าที่ถูกขโมยก่อนมีการฟ้องร้องคดี และกิตติณรงค์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ลูกค้า โดยถือเป็นการชดเชยที่ผิดสัญญาจนต้องเลื่อนแผนออกไปจนทำให้เกิดความล่าช้า
ปัญหาต่อมาคือนางแบบที่จะมาร่วมการถ่ายทำวิดีโอและถ่ายภาพในการโปรโมทครั้งนี้ ประสบอุบัติเหตุไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ ถูกเปลี่ยนให้เป็นชายหนุ่มบุตรชายเจ้าของธุรกิจคอนโดมิเนียม “กวินวัฒน์” มาเสียบเป็นพรีเซนเตอร์เอง
โดยคอนเซปการนำเสนอคือใช้ห้องชุดสวีทเป็นหลัก กับสโลแกน “ห้องเซทคู่รัก” โดยการถ่ายทำจะจัดให้มีนายแบบและนางแบบเพื่อให้เข้ากับสโลแกน แต่เนื่องจากตารางงานกระชั้นชิดเกินไป ทำให้ไม่มีเวลาในการจัดหานางแบบมาทดแทนได้ทัน
เพื่อให้งานเดินต่อได้ตามกำหนดการ มติที่ประชุมเห็นชอบให้ กุลวดี รับหน้าที่ “นางแบบจำเป็น” ในโครงการนี้ร่วมกัน กวินวัฒน์ และกำหนดแผนงานเร่งดำเนินการโดยทันที
กุลวดีถูกเรียกเข้าพบที่ห้องเจ้านายหนุ่มทันที หลังจากที่อ่านบันทึกการประชุมที่สรุปร่วมกับลูกค้าในวันนี้ จากที่เธอวางไว้บนโต๊ะทำงานของเขา หน้าตาที่บอกบุญไม่รับมองหญิงสาวเหมือนแค้นมาเป็นปี
“ทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้?” ถามเสียงห้วนและเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
“แต่ลูกค้าพอใจมากนะคะ”
“แต่ผมไม่พอใจ คุณควรจะถามผมสักคำก่อนไหม๊”
“เซทคู่รักบ้าบออะไร”
เมินหน้าไปทางอื่นและข่มอารมณ์หงุดหงิด ในอนาคตคนเขาจะคิดยังไงที่เห็นภาพ และวิดีโอนี้ของเธอกับกวินวัฒน์ ประธานบริษัทให้เมียถ่ายรูปคู่กับชายอื่นเพื่อโปรโมทงานให้ลูกค้า ภาพและวิดีโอนี้ต้องอยู่ไปอีกนานกี่ปีที่คนจะเห็นและพูดถึงกันอยู่ ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจเพียงคนเดียว แต่ไม่ยอมบอกเหตุผลของตัวเองออกไปสักคำ
“แต่คุณบอกให้มายด์ตัดสินใจได้เลยนี่คะ”
เสียงออดอ้อนหวังให้เขาอารมณ์เย็นลง
“แล้วแผนดำเนินงานก็แบ่งความรับผิดชอบให้ทุกส่วนไปหมดแล้วด้วย ยกเลิกไม่ได้แล้วนะคะ มายด์ไม่อยากมีปัญหากับลูกค้า”
“แต่ผมไม่ชอบ ดูสายตาที่เขามองคุณสิ หมายังมองออกเลย”
เขาเอาเวลาไหนมาเห็นตอนเธอกับกวินวัฒน์คุยงานกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ส่วนนัดกินข้าวกับลูกค้าก็ไปกันตั้งหลายคน
“คิดแค่เรื่องงานเสียที่ไหน อย่าบอกนะว่าคุณมองไม่ออก”
หัวคิ้วย่นจ้องหน้าหญิงสาวแบบไม่สบอารมณ์
“แต่มายด์ไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย ก็แค่เรื่องงานเท่านั้น”
“คุณอย่าหงุดหงิดเลยนะคะ”
เดินเข้าไปใกล้เขย่งปลายเท้าพร้อมจูบลงที่ปลายคางสากของเขา สิ่งยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า หวังให้หัวคิ้วที่ผูกกันอยู่คลายออก
“พรุ่งนี้เรียกประชุมใหม่อีกครั้ง ผมจะคุยกับลูกค้าเอง”
เขาตัดบทจูบหวานของเธอไม่เป็นผลสักนิดกับอารมณ์ของชายหนุ่มตอนนี้
“ไม่ได้นะคะ ทุกอย่างเซทไว้ลงตัวหมดแล้ว”
“ดูคนจะอยากถ่ายจนออกนอกหน้านะ”
ไม่เพียงแต่คิ้วไม่คลายออก ดูเหมือนมันจะผูกให้ย่นขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ จ้องหน้าคนตัวเล็กอย่างหงุดหงิด
“คุณไม่มีเหตุผลน่ะ” เธอจ้องหน้าเขาเริ่มหัวร้อนขึ้นมาบ้าง
อะไร ๆ ก็อ้างลูกค้า ลูกค้า และลูกค้า นี่แหละคือเหตุผลที่เขาไม่ชอบงานเอเจนซี่ของจิดาภา แต่จนแล้วจนรอดก็หนีไม่พ้น เอาไว้โอกาสเหมาะจะโยนออกให้พ้นอกเสียให้หมดเขาคิดในใจ
“ครั้งนี้คุณให้มายด์ตัดสินใจมันก็ควรจบตามนั้นไม่ใช่เหรอ”
“แล้วต่อไปคนอื่นเขาจะคิดยังไง ใครเขาจะอย่างทำงานด้วยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่เป็นมืออาชีพสักนิด”
“ตกลงคุณจะถ่ายให้ได้ใช่ไหม๊?”
“ค่ะ”
ตอบเสียงหนักแน่น ลงนามร่วมกับลูกค้าไปแล้วคิดจะเปลี่ยนตามใจตัวเองได้ที่ไหนกัน
“งั้นผมคงไม่มีอะไรจะพูด”
เดินหัวเสียออกจากห้องไป กุลวดีมองตามร่างสูงที่เดินออกไปจนลับตา คนอะไรไม่มีเหตุผล จะอะไรหนักหนาก็แค่ถ่ายรูปคู่ ช่างเถอะอยากโกรธก็โกรธไปเธอทำเพื่อตัวเองเสียที่ไหน ทุกอย่างก็เพื่องานทั้งนั้น ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
จักรพรรดิมองรูปภาพในหน้าจอโทรศัพท์ที่อภินันท์ส่งมาให้อย่างหัวเสีย สองหนุ่มสาวที่อยู่ในตำแหน่งคู่รักสมมุติ ทำท่าทางสวีทหวานบนเตียงนอนนุ่มในคอนโดหรูหรา ภาพหันหลังพลอดรักโอบกอดบนมุมสูงของคอนโดมิเนียม และย้ายไปห้องครัว จับมือถือแขนในมุมนั่งเล่นที่โซฟา ต่อด้วยห้องอาบน้ำ
เลือดในกายมันฉีดขึ้นหน้าจนร้อนวูบวาบ และยิ่งเวลาคุยงานกับไอ้หน้าอ่อนนั่นดูหล่อนจะระริกระรี้จนเกินงาม สงสัยคงต้องเรียกมาเตือนสติอยู่บ่อย ๆ แล้วกระมัง ไม่อย่างนั้นคงจะลืมตัวว่าตัวเองมีเจ้าของแล้ว เที่ยวหว่านเสน่ห์จนเคยตัว นี่ถ้าไม่ติดงานด่วนจะไปนั่งดูต่อหน้าการถ่ายทำ ดูซิว่าเธอจะยังกล้าส่งสายตาหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขาอีกหรือเปล่า
สิ้นสุดงาน ห้องเซทคู่รัก ผ่านไปอย่างราบรื่นพร้อมความพึงพอใจของลูกค้า แต่ไม่พึงพอใจของเจ้านายหนุ่ม ประเด็นต่อมาหล่อนจะง้อเขายังไง กับคนที่เคยบอกหล่อนให้แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน แต่ตัวเองกลับทำไม่ได้
วันนี้ทวีและจักรพรรดิออกไปคุยงานข้างนอกบริษัทตั้งแต่เช้า หลังจากกุลวดีเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ให้เรียบร้อย และรอเจอหน้าคนเอาแต่ใจจนค่อนบ่ายก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาที่จะกลับเข้ามาในสำนักงาน ตกเย็นทวีกลับเข้าบ้านคนเดียว คำบอกกล่าวของเขาคือผู้เป็นลูกชายรู้สึกไม่ค่อยสบายขอนอนพักที่คอนโด นี่เขายังโกรธหล่อนอยู่แน่ ๆ
กุลวดีเปิดเข้าไปในห้องคอนโดที่เขาเคยให้รหัสไว้ หลังจากโทรเข้าแล้วแต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับสาย ส่งข้อความอ่านแล้วแต่ไม่ตอบ ภาพข้างหน้าที่เห็นคือเขานั่งดื่มคนเดียวบนระเบียงมุมสูงของคอนโด หันมามองผู้มาเยือนด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าตึงยิ่งกว่าฉีดโบท็อก กุลวดีอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนเดินไปหา
“มายด์โทรหาคุณไม่รับสายก็เลยเป็นห่วงว่าคุณไม่สบายหรือเปล่า”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
เอียงหน้าก้มลงมองเขาไม่มีเสียงตอบรับแถมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ยกแก้วขึ้นดื่ม
“เลิกงานแล้วแทนที่จะพักผ่อน ยังมานั่งดื่มอีก”
พูดพลางดึงแก้วจากมือเขาออกวางบนโต๊ะ โอบกอดเขาจากด้านหลังวางคางไว้ที่ไหล่เขา เอียงหน้าฝังจมูกลงที่แก้มฟอดใหญ่
“ไปอาบน้ำนะคะ”
อ้อนเหมือนเขาเป็นเด็ก เมื่อไม่มีเสียงตอบรับก็ลุกมายืนเผชิญหน้ากับเขาคล้องแขนที่คอแข็งแรง วางศีรษะพิงหน้าผากเขาจุ๊บลงที่ริมฝีปากหนาที่เจือด้วยกลิ่นไวน์อ่อน ๆ โชยเข้าจมูก
“ยังไม่หายโกรธมายด์อีกเหรอคะ?”
“ไหนคุณเคยบอกว่าให้แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานไง”
เธอพูดเสียงง๊องแง้งต่อว่าเขา
“ดูคุณจะแยกเก่งนะ” เขาประชดประชัน ตวัดตาขึ้นมองใบหน้าสวย
“มันเป็นเรื่องงานนะคะมายด์ไม่ได้ไปนอนกับเขาสักหน่อย”
เธอเถียงสู้ แต่ก็แกล้งหน้าหงอยลงทันทีเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังง้อเขาอยู่ นั่งลงที่ตักเขาแขนยังคล้องที่คออยู่ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปมายด์จะกอดคุณคนเดียว”
“โอเคไหม๊คะ” ยิ้มออดอ้อน
“หายโกรธนะคะ” วางหน้าผากลงที่ศีรษะแข็งแรงดันตัวเข้าใกล้ เลื่อนมือมาประคองใบหน้าเขาไว้
“งั้นมายด์ไปอาบน้ำก่อน”
จูบลงที่ปากคนหน้าบึ้งก่อนลุกออกจากตักเขาและเดินเข้าห้องน้ำไป อาบน้ำเสร็จออกมานอนนั่งเล่นที่โซฟาไม่สนใจคนหน้าบึ้งที่ลอบมองตลอดเวลา ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าไปอาบน้ำ กลับออกมาเธอก็เปลี่ยนอิริยาบถนอนเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์ หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มสวมเสื้ออย่างหงุดหงิด ก่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเขี่ยบ้าง
กุลวดีเดินมาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ แต่ไม่พูดไม่จาซุกตัวลงไปใต้ผ้าห่ม นอนหันหลังให้เขา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงที่นอนบ้าง นอนตะแคงหันหลังให้คนตัวเล็กความหงุดหงิดเพิ่มเป็นสองเท่า
ก่อนหญิงสาวจะพลิกตัวหันมามองเจ้าของแผ่นหลังหนาที่นอนไม่พูดไม่จา ยกตัวขึ้นขยับเข้าไปใกล้แนบหน้าลงไปใกล้อยู่ซอกหูเขา
“หลับแล้วเหรอคะ?”
กัดติ่งหูเขาเบา ๆ และแกล้งขบริมฝีปากลงที่ต้นคอ เลื่อนไซร้ซอกคอแบบที่เขาเคยทำกับเธอ แต่มันคนละแบบกัน ทำให้จั๊กกี้มากกว่าจะเคลิบเคลิ้ม สิ่งยิ้มให้เขา
ดูเธอจะมีความสุขที่แกล้งเขาให้อารมณ์ขุ่นมัวได้ ดันตัวเองขึ้นเกยอยู่บนตัวเขา มองหน้าบึ้ง ๆ นั้นอย่างอารมณ์ดี
“มายด์คิดถึงคุณ”
ยื่นหน้าเข้าใกล้แตะริมฝีปากที่ปากเขาเบา ๆ และส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนชายหนุ่มจะพลิกตัวดันคนตัวเล็กให้อยู่ข้างล่าง เพียงแค่นี้อารมณ์ขุ่นมัวก็ละลายเสียแล้ว ริมฝีปากได้รูปของเขาที่ยังคงมีกลิ่นไวน์อ่อน ๆ เจืออยู่ บดขยี้ปากเล็กแทบระบม จนต้องเผยอออกรับลิ้นอุ่น ๆ ของเขาไว้และส่งความหวานมอบให้โดยที่เขาไม่ต้องควานหาให้เสียเวลา ต่างฝ่ายต่างแลกจูบกันอย่างดูดดื่มเนิ่นนาน
เพียงครู่เดียวก็ไม่มีอาภรณ์ใดปกปิดร่างอรชรแล้ว สัมผัสจากมือใหญ่ตอนนี้ไม่ได้อ่อนโยนเสียแล้ว และดูเหมือนเจ้าของร่างเล็กจะไม่สะทกสะท้านกับแรงสัมผัสอันดุดันของเขาเลยสักนิด เบียดตัวเข้าหาเขารับสัมผัสที่เร่าร้อนอย่างเอาใจ
มือบางจับชายเสื้อของเขาดึงขึ้นและถอดมันออกโยนลงข้างล่าง โอบกอดแผ่นหลังเขาไว้และเลื่อนมือสอดเข้าท้ายทอย พร้อมเสียงแผ่วเบาที่หลุดออกจากปากทันทีที่เขาขบริมฝีปากลงตรงกลางยอดดอกบัว เก็บความหอมของกลิ่นกายไว้ด้วยริมฝีปากและจมูก จนร่างเล็กสะท้าน และป้วนเปี้ยนอยู่แถวเนินเนื้อนุ่มอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะวนกลับมาหาซอกคอและริมฝีปากอีกครั้ง ดันลิ้นหาความหอมหวานด้านใน
ร่างหล่อนสัมผัสได้ถึงความแข็งแรงบนกายเขาที่ดันกางเกงออกมา มือเล็กรั้งขอบกางเกงเขาลงก่อนที่จะถูกกำจัดออกไป มือที่บีบเคล้นเนินเนื้อนุ่มกลางอกอย่างหนักหน่วง จนร่างเล็กแอ่นตามแรงสัมผัส เลื่อนไปประสานมือกับคนด้านล่าง
หญิงสาวเผยอปากส่งเสียงแห่งความสุขออกมาโดนไม่อาจต้านทาน ตาพร่ามองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้จนภาพเบลอ ประคองใบหน้าเขาด้วยมือข้างเดียวเข้ามาใกล้ ร้องขอจุมพิตจากเขา เมื่อส่วนแข็งแรงของความเป็นชายป้วนเปี้ยนอยู่หน้าขาและท้องแบนราบ ก่อนที่ร่างเล็กจะยุบลงที่นอนนุ่มเพราะแรงกดจากร่างกำยำ
สองร่างกลมกลืนเป็นร่างเดียว โยกขยับตามจังหวะควบคุมของคนที่อยู่ด้านบนอย่างคึกคะนอง พร้อมเสียงกระเส่าที่ไม่อาจต้านทานไว้ได้กับรสสัมผัสที่เขามอบให้จนแทบแผดเผาร่างเล็กด้วยแรงไฟปรารถนา และเหมือนจะไม่จบลงง่าย ๆ ในคืนนี้ ให้สาแก่ใจชายหนุ่มที่เธอบังอาจทำให้อารมณ์เขาคุกรุ่นอยู่ตลอดทั้งสัปดาห์
กุลวดีรู้สึกตัวในเช้าของวันใหม่ขยับตัวบิดเหยียดร่างกายไปมา รู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างยาวนาน แต่ร่างกายยังคงมีความเพลียหลงเหลืออยู่จนอยากนอนต่ออีกสักงีบ วันนี้วันอะไร? ใช่วันทำงานหรือเปล่า? ถามตัวเองทั้งที่ตายังหลับอยู่และเรียบเรียงคำตอบให้ตัวเองลำดับเหตุการณ์ในความจำในขณะที่ยังสะลึมสะลือ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีกับภาพที่พอจะจำได้เลือนรางในเหตุการณ์ของเมื่อวาน“ตื่นแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างเตียง หันไปมองเจ้าของเสียงและกวาดตาไปทั่วห้องสับสนมึนงงไปชั่วขณะ นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ใครพาเธอมา…เขาเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?และสารพัดคำถามในหัวตอนนี้พร้อมกับเสียงเคาะประตู เมยาวีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับถ้วยข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ตามด้วยร่างของทวี“ตื่นแล้วเหรอ?” ถามคำถามเดียวกันเมยาวีทักทายผู้เป็นน้องสาว ในใจนึกโมโหยัยตัวแสบอยู่ไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่จักรพรรดิถ่ายทอดให้ฟังกับการกระทำของเธอ แต่คงไม่มีประโยชน์หากจะตำหนิและดุด่าเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ในตอนนี้ ชายหนุ่มรับถ้วยเข้าต้มจากมือของเธอและวางลงตรงโต๊ะข้างหัวเตียง ลุกไปนั่งท
กุลวดีวางสายจากเมยาวีหลังจากโทรนัดผู้เป็นพี่ให้มาหาที่สำนักงานคอนโดเพราะมีข่าวเรื่องแม่จะหาหรือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปหาที่กิตติณรงค์เพราะไม่อยากเจอใครบางคนที่นั่น“เก่งส่งถ้าไม่คิดจะจริงจังก็ปล่อยไปข่าวมาบอกว่าตอนนี้แม่กับไอ้เจิดอยู่ในคุก”“ครั้งนี้ไม่ใช่คดีเล่นพนันเหมือนทุกครั้ง เจ้าทุกข์เขาไม่ยอม”พูดเรื่องปวดหัวเดิม ๆ ของผู้เป็นแม่“พี่รู้แล้วล่ะมีคนส่งข่าวมาบอกแล้ว พี่จะจัดการเองมายด์ไม่ต้องกังวลหรอก”ไม่อยากให้ผู้เป็นน้องต้องหนักใจ สังเกตจากสีหน้าและแววตาเรื่องกังวลในใจของเธอคงยังไม่ถูกเคลียร์ ไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่มีวันจบสิ้นของผู้เป็นแม่ยัดเข้าไปในหัวให้เธออีก“มายด์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”เธอหมายถึงนอกจากเรื่องของแม่ กุลวดีส่ายหน้าฝืนยิ้มจืด ๆ ให้ผู้เป็นพี่“เปล่า”“มายด์นอนดึกไปหน่อยเลยรู้สึกเพลีย ๆ” โกหกด้วยแววตาหม่นเมยาวีช้อนตามองหน้าคู่สนทนาตรงหน้าที่พยายามยิ้มฝืนซ่อนความรู้สึกข้างในไว้ แต่กระนั้นก็ยังโผล่พ้นมาให้เห็นอยู่ ซึ่งไม่ต่างจากจักรพรรดิแม้แต่น้อยกับภาพที่เมยาวีเห็นและรับรู้ ที่วัน ๆ มีแต่ความขุ่นมัวบึ้งตึงบนใบหน้า โดยเฉพาะเรื่องงานที่มีปัญหาโดนเรียกเ
เหมือนตกจากที่สูงหัวใจกุลวดีหล่นวูบลงรู้สึกชาที่ใบหน้าไปชั่วขณะ ใครกันสาวสวยคนนี้ที่เดินเคียงข้างมากับเขา? ไหนบอกว่าไปรับแขกคนสำคัญ?หรือแขกที่ว่าคือเธอคนนี้?“ไอ้เสือมาพอดี”เสียงทวีปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ กุลวดีเหมือนถูกตรึงอยู่ชั่วขณะลืมแม้กระทั่งการขยับตัว จักรพรรดิพาสาวงามไปนั่งที่โต๊ะพูดคุยกันสักครู่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะส่งสัญญาณให้เดินมาหา เมยาวีที่จูงมือกุลวดีเดินไปพร้อมกันเพื่อทำความรู้จักแขกผู้ใหญ่ในงาน“ขอให้มีความสุขสุขภาพแข็งแรงนะครับคุณทวี”“ขอบคุณครับ” สองผู้สูงวัยยื่นมือสัมผัสกันด้วยรอยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณจักรพรรดินะครับ ได้เจอตัวจริงเสียที”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ชายหนุ่มสัมผัสมือเป็นการทักทายอย่างสุภาพ“ไม่ทราบว่าสาวสวยข้างคุณจักรพรรดิคนนี้…”“ใช่ว่าที่สะใภ้ของกิตติณรงค์ไหม๊ครับ?”ชายสูงวัยมองมาที่กุลวดีที่คาดเดาว่าต้องเป็นคนรักของเขาเป็นแน่ หลังจากส่งคำถามมาที่เธอ หญิงสาวที่ถูกเอ๋อกินส่งยิ้มให้ผู้อาวุโสยังคงปั้นหน้าไม่ถูกเพราะในหัวมีเรื่องให้กังวลอยู่ พร้อมสีหน้าผู้ถามที่รอคำตอบจากเธอ“เอ่อ…” ยังตั้งสติอยู่ก่อนจะยกมือไห
จักรพรรดิขับรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัวตรงไปดักรอที่คอนโดของเธอทันที นี่เธอจะกล้าเกินไปแล้วที่ปิดโทรศัพท์ท้าทายเขา นั่งรอในห้องรับรองดูซิว่าจะมาถึงกี่โมงนี่ขนาดออกมาพร้อมกันแท้ ๆ อารมณ์หงุดหงิดวิ่งพล่านทั่วตัวแสงไฟหน้ารถสาดส่องตามท้องถนนที่โล่งตาในตอนกลางคืน สองหนุ่มสาวพูดคุยทำลายความเงียบในรถ กวินวัฒน์ที่ดื่มมาบ้างแม้ไม่ได้มากมายก็ระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ คนจรจัดที่หอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรังอยู่ข้างถนนมองเห็นแต่ไกลลิบ ๆ จากแสงไฟของเสาไฟฟ้าข้างทางทันใดทันเขาก็วิ่งข้ามถนนมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พร้อมกันกับที่มอเตอร์ไซค์ขับตรงมาด้วยความเร็วสูงหักหลบกะทันหันทำให้เสียหลักล้มไถลไปตามถนน เสียงโลหะครูดกับคอนกรีตดดังสนั่นชวนเสียวฟัน พร้อมกับร่างคนขับที่ไถลไปคนละทางกับรถ และชายคนจรที่หายไปในความมืด“จอดก่อนค่ะคุณกวิน”ตีไฟกะพริบเข้าจอดข้างทางพร้อมโทรแจ้งเหตุ ก่อนรอรถเจ้าหน้าที่มาถึงและนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลจักรพรรดิที่นั่งดื่มย้อมใจรอการกลับมาของใครบางคน ยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกา กดข่มอารมณ์ไว้พร้อมความร้อนวูบวาบที่ใบหน้า แก้วเหล้าในมือแทบแตกเป็นจุณจากการบีบ“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะที่มาส่ง”“ยิน
จักรพรรดิที่นั่งจิบกาแฟในห้องรับรองของสำนักงานคอนโดเพียงลำพัง ถึงแม้งานจะล้นตารางแต่ชายหนุ่มก็ปลีกตัวออกมานั่งรอเธอ เพื่อออกไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาก็โดนเธอเทโดยข้ออ้างคือยังติดลูกค้าอยู่ ตั้งแต่เปิดโครงการมาเธอแทบไม่มีเวลาโทรหาเขาเลย ข้อความหวาน ๆ ที่เคยส่งหาเขาเป็นประจำทุกวันก็เริ่มห่างหายไปกุลวดีเปลี่ยนไปมากทั้งสไตล์การแต่งตัวและบุคลิก ดูมีชีวิตชีวาและสดใสตลอดเวลาในการทำงาน เธออาจจะอึดอัดในตำแหน่งเลขาของเขาแต่ไม่กล้าขัดทวี และคงชอบงานในลักษณะนี้มากกว่า ขืนปล่อยไว้แบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับเขาแน่“โทษทีให้รอนาย”เสียงพีรภัสปลุกให้ตื่นจากความคิด ทักทายและนั่งลงตรงข้าม สุดท้ายเขาก็กลับมาตายรังกับเพื่อนรัก สองเพื่อนซี้พูดคุยสับเพเหระไปตามเรื่อง นั่งดื่มจนเริ่มได้ที่“นั่นคุณเมย์กับคุณมายด์นี่”พีรภัสเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มหันออกไปมองสองพี่น้องสาวสวยเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชายสูงอายุและชายหนุ่มหน้าตาดีทรงสมาร์ท และเลือกนั่งโซนหน้าร้านในขณะที่เขาและพีรภัสนั่งมุมด้านในจักรพรรดิมองภาพข้างหน้าไม่วางตา หนุ่มรูปหล่อที่ดูจะใส่ใจกุลวดีเป็นพิเศษอย่างสุภาพบุรุษ ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาในร้าน
ชิดสุดารับหน้าที่เป็นศิราณีนั่งฟังเพื่อนระบายความอัดอั้น พร้อมทั้งกระดกเครื่องดื่มแก้วแล้วก็เล่า แต่ไม่คิดจะห้ามเพราะถ้าเมาแล้วจะได้รีบส่งเพื่อนกลับบ้าน เพราะวันนี้เธอมีนัดพิเศษ แต่ดูเหมือนกุลวดีจะไม่มีท่าทีว่าจะกลับและยังดื่มต่อได้อีกหลังจากตารางงานวันนี้เสร็จสิ้นจนมืดค่ำ อภินันท์ที่มีนัดดินเนอร์กับชิดสุดาหลังจากเริ่มสานสัมพันธ์กันตั้งแต่วันที่ไปส่งหญิงสาวที่บ้านในคืนนั้น แต่ฝ่ายสาวยกเลิกนัดเนื่องจากต้องนั่งเฝ้ากุลวดีเพื่อนรักที่เริ่มเมาแอ๋ แต่ยังหัวชนฝาว่าจะไม่ยอมกลับและขอไปค้างกับเธอที่บ้าน ทั้งที่บอกเหตุผลไปแล้วว่าไม่ว่างแต่ดูเหมือนกุลวดีจะฟังไม่เข้าใจเสียแล้ว อภินันท์ครุ่นคิดแผนอยู่ในหัว“ผมขอรบกวนประธานสักเรื่องได้ไหมครับ?”“ผมติดต่อคุณเมย์ไม่ได้”“จะเรียนคุณเมย์ให้ส่งคนไปรับคุณมายด์”“ตอนนี้เมามากและไม่ยอมกลับบ้าน ชิดสุดาคนเดียวน่าจะเอาไม่อยู่ครับ”จักรพรรดิที่หันขวับมองหน้าทันที หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเธอไปไหน พร้อมอภินันท์ที่พอจะรู้ตัวเมื่อถูกมองหน้า“ชิดสุดาโทรบอกผมครับ”นี่คือแผนของอภินันท์เพื่อดึงชิดสุดาออกมาและตัวเองกลับบ้านแต่งตัวเพื่อรอออกไปดินเนอร์ และยิ้มให้กับความชาญฉล







