(ต่อ)
ตึกแถวบริเวณนี้ดูเงียบผิดปกติ อีกทั้งยังดูเก่าจนทรุดโทรมเหลือเกิน ไม่น่าจะมีพวกผู้ดีมีเงินมาพักอาศัยอยู่ได้ เหตุไฉนสุดาพรรณจึงมีเพื่อนพักอยู่ในตึกแถวนี้ได้... นิดาคิดแอบสงสัย แต่ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป เพื่อจะได้รีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จๆไปเสียที เพราะนี่ก็เลยเวลาเที่ยงมาพอสมควร กลัวว่าจะกลับไปทำอาหารเมื่อเย็นให้คนที่บ้านวนาสินทธ์ไม่ทัน แล้วเธอจะต้องเจ็บตัวโดนทำโทษอีก...
หญิงสาวกวาดสายตามองโดยรอบอย่างนึกหวาดหวั่นใจ เพราะเท่าที่เธอเห็น หากสุดาพรรณจะเลือกคบค้าสมาคมกับใครสักคนหนึ่ง บุคคลนั้นจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับแวดวงไฮโซชั้นสูง และคนจำพวกนั้นก็ไม่หน้าจะมีที่พักอาศัยเป็นเพียงแค่ตึกเช่าโทรมๆจนดูรกร้างแทบไร้ผู้คนอาศัยแบบนี้ได้...
มันดูแปลกจนผิดปกติยังไงอยู่นะ... ตั้งแต่เธอเดินเลี้ยวเข้ามาในซอยเปลี่ยวแห่งนี้ เธอยังไม่เห็นว่าจะมีใครสักคน เดินผ่านเข้าออกสวนทางกับเธอเลย
นิดาได้แต่กำเอกสารในมือแน่น พยายามสอดส่ายสายตามองสำรวจรอบบริเวณทั้งสองข้างทาง หากมีอะไรผิดสังเกตขึ้นมา เธอจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทันเวลา ...
สายตาหวานก้มลงมองแผ่นกระดาษในมืออีกครั้ง เมื่อหมายเลขในกระดาษที่สุดาพรรณจดให้ ตรงกับตึกแถวหลังเก่าหลังนี้เข้าพอดี
“เฮ้อ!เจอสักที...” นิดาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็มาถึงที่หมายแล้ว ที่เหลือก็แค่ยื่นจดหมายฉบับนี้ให้เพื่อนของสุดาพรรณ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ เธอก็จะได้กลับไปเตรียมอาหารมื้อเย็นให้กับคุณผู้หญิงได้ทันเวลาอีกด้วย...
ทว่าใครจะล่วงรู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว...
“คงเป็นหลังนี้สินะ...” นิดาพึมพำเบาๆ เมื่อตัวเลขทั้งสองตรงกันอย่างไม่คลาดเคลื่อน หญิงสาวจึงไม่รอช้า รีบกดปุ้มอ๊อดเรียกคนข้างในทันที แต่ไม่ทันจะกดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ร่างงามก็มีอันต้องเซถอยหลังด้วยเพราะแรงกระชาก...
“อุ๊ย!!!” นิดาถึงกับอุทานตกใจ เมื่ออยู่ดีๆร่างงามก็ถูกชุดกระชากอย่างแรง จากด้านหลัง
“ว้าย!...” แรงกระชากอย่างรุนแรงนั้น ทำให้นิดาเซถลาไปด้านหลังทั้งร่าง ร่างบางปะทะเข้ากับอกแกร่งของผู้กระทำมิดีมิร้ายอย่างจังจนเธอรู้สึกเจ็บจุกขึ้นมา แต่สัญชาติญาณป้องกันตัวเร่งเร้าให้หญิงสาวไม่อนาทรต่อความเจ็บปวดนั้น เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้จนสุดกำลัง เพื่อให้ตัวเองได้หลุดพ้นออกจากร่างกายใหญ่โตทางด้านหลัง ซึ่งมันได้รัดร่างของเธอไว้อย่างแน่นหนาจากสองแขนแกร่งของมัน จนเธอรู้สึกเจ็บกระดูกแขนเหลือเกิน ต่อให้เจ็บปวดมากกว่านี้ เธอก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก นิดายังคงดิ้นรนเพื่อหาทางให้ตัวเองได้หลุดพ้นออกจากพันธนาการรัดรึงนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย...
“ฤทธิ์เยอะนักนะนังนี่...เดี๋ยวเหอะมึง จะได้ตายเสียก่อนได้ขึ้นสวรรค์กับกูหรอก...ฮ่า...ฮ่า...” คนร้ายถึงกับคำรามลั่น เมื่อนิดาพยายามเหวี่ยงขาไปเตะหน้าแข้งของมันเข้า ใบหน้าเหี้ยมเกรียมยิ้มเยาะมุมปาก รู้สึกเนื้อเต้นเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานปานนางฟ้าของเหยื่อสาว...
ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งเนื้อนางฟ้ามาให้กูกินวันนี้ มึงนี่มันคงจะหวานหอมดีพิลึก...มันคิดอย่างมีความสุข โดยไม่สนเรื่องผิดบาปกับเรื่องที่มันทำ มันคิดอยู่อย่างเดียว ใครให้เงินจ้างมัน มันก็ทำงานตามค่าจ้างนั้น ใครจะเดือดร้อนก็ช่างหัวมันไม่เกี่ยวอะไรกับมันสักหน่อยเดียว...
“ปล่อยนะ...” เหยื่อชิ้นโอชะยังคงดิ้นรนไม่หยุด จนไอ้โจรใจทรามต้องคำรามลั่นด้วยอารมณ์โมโห
“กูบอกให้มึงหยุดดิ้นไง...อีนี่วอนซะแล้วไหมล่ะ หรืออยากจะโดนกูเอามันเสียตรงนี้เลย จะได้ไม่มีแรงมาพยศกับกูอีก” เมื่อนิดาไม่หยุดดิ้นตามคำขู่ของชายใจทราม มันก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ คำขู่ของมันทำเอานิดาเกือบสิ้นสติ แรงมีเท่าไหร่เธอจึงฮึดขึ้นสู้อย่างมีมีถอย
“ไอ่...อ่อย...อะ” ถึงจะรู้สึกตกใจสุดขีดกับคำพูดของคนร้าย แต่นิดายังคงดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ไม่มีทางที่เธอจะยอมให้มันมารังแกเอาได้ตามอำเภอใจ ถ้าสู้มันไม่ได้จริงๆอย่างมากมากเธอก็จะกลั้นใจตาย ดีกว่าต้องทนให้มันข่มแหงรังแกให้ต้องอัปยศอดสูใจเอาได้
“ออย...อื่อๆ...” ร่างบางพยายามใช้แรงเท่าที่มีดิ้นหนีออกจากกรงแขนเหล็กนั้น ส่วนปากอิ่มก็พยายามจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกไป แต่เพราะโดนมือหยาบกร้านตะปบปิดปากเอาไว้ เสียงจึงเล็ดลอดออกมาได้เพียงแผ่วเบา ดวงตากลมโตเบิกโพรงขึ้น ก่อนภาพทุกอย่างจะลางเลือนจนค่อยๆดับมืดลงเรื่อยๆ และในที่สุดนิดาก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกต่อไป...
คุณพ่อคุณแม่ขา ได้โปรด ช่วยหนูนิด้วย...
นิดาทำได้เพียงสวดมนต์อ้อนวอนภาวนาในใจ ก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบลง น้ำตาแห่งความอาดูรไหลลงมาเพียงปลายหางตา เวรกรรมใดหนอถึงทำให้เธอพบเจอแต่ความเลวร้ายเช่นนี้...
“ไอ้เหี้ยเอ้ย! นั่นมึงกำลังจะทำอะไรผู้หญิงน่ะ?” คนมาทันเหตุการณ์เข้าพอดีสบทคำหยาบ พร้อมกับตะโกนเสียงกร้าวถามขึ้น ดวงตาสีสนิมส่องประกายความอำมหิตออกมา จนพาให้ใบหน้าหล่อเหลาถมึงทึงขึ้นจนดูน่ากลัว สองมือกำเข้าหากันแน่น หัวใจแกร่งของเขากระตุกวูบ เมื่อมองไปยังร่างบอบบางซึ่งตอนนี้อ่อนปวกเปียกไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ภายใต้วงแขนของไอ้ระยำนั่น
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะไอ้เวร...”
“กูจะเสือกแล้วมึงจะทำไม...” น่านพยัคฆ์ยียวนกลับ ในใจเดือดปุดๆ อยากจะขย้ำฆ่ามันให้ตายๆไปนัก มันกล้าดียังไงมาแตะเนื้อต้องตัวว่าที่เมียของเขาแบบนั้นได้ เดี๋ยวเถอะมึงจะได้รู้จักทางไปนรก...
“กูกับอีนี้เป็นผัวเมียกัน มันไม่สบายกูจะพามันไปหาหมอ” คนร้ายกุเรื่องทันที มันไม่อยากเสียเวลาจะขย้ำเนื้อหวานๆอีกต่อไปแล้ว ดูท่าไอ้หมอนี้คงไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆแน่
“เมียมึงเหรอ....ถามไอ้นี้ของกูดูก่อนดีกว่าไหม ไอ้ตอแหล...” เมื่อน่านพยัคฆ์ได้ยินสิ่งที่คนร้ายโมเมออกมา เลือดในกายของเขาก็เริ่มสูบฉีดขึ้นมาด้วยความบ้าคลั่ง น่านพยัคฆ์จึงชักปืนสีดำขึ้นมาเล็งไปยังไอ้โจรชั่วนั้นอย่างไม่กลัวเกรง กวนประสาทกูดีนักไอ้ห่า นั่นมันเมียกู ไม่ใช่เมียมึงโว้ย...
พอคนร้ายเห็นน่านพยัคฆ์ชักปืนออกมาเล็งเข้าที่ตัวมัน จึงรีบรนรานวางร่างบอบบางทิ้งลงบนพื้นมือไม้อ่อน ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นหายเข้าไปในตัวตึกหางจุกตูด ยอมทิ้งเนื้อหวานโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิดเดียว...
“โธ่! ไอ้เลว...กูก็นึกว่ามึงจะแน่ โธ่เอ๊ย...” น่านพยัคฆ์ตะโกนด่าไล่หลังเสียงข่ม สายตาเข้มมองคนร้ายแทบจะอยากฉีกเนื้อมันออกมาเป็นชิ้นๆเสียให้ได้ ก่อนจะรีบวิ่งมาช้อนร่างอรชรขึ้นด้วยความห่วงแหนแนบไว้กับอกแกร่งของตัวเอง มือหยาบกร้านจากการทำงานกลางแจ้ง ค่อยๆบรรจงปัดคราบดินออกจากใบหน้าสวยด้วยความระมัดระวัง ใจเขากลัวเหลือเกิน กลัวเธอจะได้รับความเจ็บปวดไปมากกว่านี้...
ของคุณพระเจ้า ที่ดลจิตดลใจให้เขาตามเธอมาวันนี้ นี่ถ้าหากเขาไม่เดินสะกดรอยตามเธอมาเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้น่านพยัคฆ์รู้สึกอารมณ์เดือดขึ้นมาอีก อยากจะฆ่าใครสักคนเพื่อระบายความโกรธนัก...
“โธ่โว้ย!!!” น่านพยัคฆ์ส่งเสียงคำรามก้องไปทั่วบริเวณนั้น เพื่อระบายอารมณ์เดือดของตัวเอง
แต่เอ... แล้วเธอมาทำอะไรแถวๆนี้กันนะ...นั่นสิ เธอมาทำอะไรกันแน่นิดา...ใบหน้าคมคายก้มลงมองใบหน้านวลละออในอ้อมแขนของตัวเอง ปลายจมูกโด่งก้มลงสัมผัสกับแก้มเนียนอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อเกิดขึ้นภายในใจของเขา ถึงไม่อาจจะยอมรับมันตั้งแต่แรก... แต่ยิ่งได้เห็น ได้อยู่ใกล้แม้เพียงลมหายใจเป่ารดกันแค่นี้ มันยิ่งทำให้เขาไม่สามารถปีนขึ้นมาจากหลุมพรางที่บิดาเขาเป็นขุดสร้างได้เลย...
**********************
(ต่อ)ติ๊ด...ติ๊ด... เสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องพักของโรงแรมระดับห้าดาว ร่างเปลือยเปล่าสองร่างยังคงอิงแอบแนบซบกันไม่ยอมห่างหาย หลังจากบทเพลงแห่งรักได้จบสิ้นลงไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน น่านพยัคฆ์ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างนุ่มนิ่มออกห่างแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เขายังคงตระกองกอดร่างงามเอาไว้ยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ กลิ่นกายหอมอ่อนจากเนื้อนวลทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย จนหลับสบายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต ตั้งแต่วัยเด็กจวบจนกระทั่งวัยหนุ่ม...บางอย่างที่เขาขาดหายและไม่เคยได้รับจากใคร แม้แต่ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดของตัวเองแท้ๆ เขาก็ไม่เคยได้รับจากท่านเลย มันรู้สึกอิ่มเอมหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หรือนี่เขาจะหลงแม่เนื้อหอมเข้าให้แล้วก็ไม่รู้...ส่วนนิดาเองก็หลับสนิทเพราะฤทธิ์ของยาสลบยังคงไม่หมดประสิทธิภาพ อีกทั้งผสมกับหญิงสาวถูกวายร้ายสูบเอาพลังแรงกายจนหมดสิ้นไปตอนสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับตัวร้ายอย่างหน้าด้านๆ หากหญิงสาวตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ยังไม่รู้เลย เธอจะทำเช่นไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ แต่ในความฝันอันเลวร้ายนั้น กลับมีบางอย่างทำให้นิดารู้สึกและรับร
(ต่อ) ร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า แสนอวบอิ่มเย้ายวนสายตาของน่านพยัคฆ์ไปทุกสัดส่วน ผ้าผืนน้อยชิ้นสุดท้ายได้หลุดล่วงออกจากร่างยวนตาหล่นลงสู่พื้นโดยฝีมือของตัวร้าย... โอ้พระเจ้า! อะไรมันจะขาวผ่องเป็นหยวกกล้วยได้ขนาดนี้วะ เมื่อผิวขาวดุจน้ำนมตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มถึงกับสายตาพร่ามัว ความอยากทางกามมารมณ์ขับเคลื่อนรุนแรง...น่านพยัคฆ์ถึงกับตะลึงงันกับสิ่งที่สายตาหื่นกระหายของเขาได้สัมผัส จนต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอเพื่อดับกระหายหิวใช่...เขากำลังรู้สึกหิวกระหายกับร่างงามร่างนี้เหลือเกิน เขาอยากจะจับร่างนี้กดให้จมเตียงก่อนจะกระแทกใส่ให้สุดแรง ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน กระตุ้นความรู้สึกทางเพศเขาได้มากเท่ากับนิดามาก่อนเลย ให้ตายสิ!!! เมื่อร่างขาวนวลละออตา ไร้ซึ่งไฝฝ้าหรือรอยตำหนิใดๆปรากฏแก่สายตาของชายหนุ่มแบบชัดแจ้งแดงแจ๋ โดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางใดๆมาขวางกั้น... ฝ่ามือแสนหยาบกร้านจากการทำงานในไร่ มันถึงขั้นสั่นเทา ชายหนุ่มค่อยๆลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งบนร่างอรชรอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดลงบนความอวบอัดของคู่แฝดเขย่าโลก ซึ่งมันกำลังขยายและเขย่าทั้งโลกและเขาไปในคราวเดียวกัน ยิ่งไอ้ลูกชายไม่รักดีของเขานั้นยิ่งไปกันย
(ต่อ) ตึกแถวบริเวณนี้ดูเงียบผิดปกติ อีกทั้งยังดูเก่าจนทรุดโทรมเหลือเกิน ไม่น่าจะมีพวกผู้ดีมีเงินมาพักอาศัยอยู่ได้ เหตุไฉนสุดาพรรณจึงมีเพื่อนพักอยู่ในตึกแถวนี้ได้... นิดาคิดแอบสงสัย แต่ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป เพื่อจะได้รีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จๆไปเสียที เพราะนี่ก็เลยเวลาเที่ยงมาพอสมควร กลัวว่าจะกลับไปทำอาหารเมื่อเย็นให้คนที่บ้านวนาสินทธ์ไม่ทัน แล้วเธอจะต้องเจ็บตัวโดนทำโทษอีก... หญิงสาวกวาดสายตามองโดยรอบอย่างนึกหวาดหวั่นใจ เพราะเท่าที่เธอเห็น หากสุดาพรรณจะเลือกคบค้าสมาคมกับใครสักคนหนึ่ง บุคคลนั้นจะต้องเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับแวดวงไฮโซชั้นสูง และคนจำพวกนั้นก็ไม่หน้าจะมีที่พักอาศัยเป็นเพียงแค่ตึกเช่าโทรมๆจนดูรกร้างแทบไร้ผู้คนอาศัยแบบนี้ได้... มันดูแปลกจนผิดปกติยังไงอยู่นะ... ตั้งแต่เธอเดินเลี้ยวเข้ามาในซอยเปลี่ยวแห่งนี้ เธอยังไม่เห็นว่าจะมีใครสักคน เดินผ่านเข้าออกสวนทางกับเธอเลย นิดาได้แต่กำเอกสารในมือแน่น พยายามสอดส่ายสายตามองสำรวจรอบบริเวณทั้งสองข้างทาง หากมีอะไรผิดสังเกตขึ้นมา เธอจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทันเวลา ...สายตาหวานก้มลงมองแผ่นกระดาษในมืออีกครั้
ตอน...เพลี่ยงพล้ำแต่แรกเจอบริเวณตลาดสดในยามเช้า พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ต่างก็มาจับจ่ายซื้อของกินและของใช้กันเป็นประจำอย่างเนืองแน่นแบบนี้แทบจะทุกวัน...มืดเมื่อเลี้ยวรถยนต์เข้ามาเทียบจอดยังบริเวณตลาดสด จึงค่อยๆหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทาง เมื่อเห็นว่าที่เมียของเจ้านาย เตรียมล้วงกระเป๋าสะพาย เพื่อชำระค่าโดยสารประจำทางกับพี่วินมอเตอร์ไซค์เจ้าประจำที่เธอมักใช้บริการอยู่บ่อยๆ...“เมียนายมาซื้อของในตลาดนี่เอง เป็นแม่บ้านแม่เรือนเสียด้วยแฮะ ถูกใจมืดอีกแล้วอะนาย...” สายตาดำเข้มทอประกายออกมาด้วยความชื่นชม แต่มันก็ทอประกายออกมาได้เพียงเดี๋ยวเดียว เมื่องเสียงดุกร้าวของคนด้านข้างดังขึ้นมาทำลายแสงนั้นเสียก่อน“ดัดจริตนะสิไม่ว่า...ว่าแต่แล้วแม่คนนั่นมาเป็นเมียข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะไอ้มืด เอ็งนี่มีปากก็ดีแต่พูดส่งเดชไปเรื่อย พูดแบบนี้ข้าเสียหายนะโว้ย เอ็งคิดมาได้ยังไง จะให้ข้ายกย่องแม่นั่นให้เป็นนายหญิงของไร่ราชพยัคฆ์ เหอะ!อย่างดีก็เป็นได้แค่คนงานในไร่นั่นแหละ ข้าไม่มีทางจะยกย่องผู้หญิงแบบนั้นให้ขึ้นมาชูคอเป็นคางคกขึ้นวอร์แน่ๆ เอ็งจงจ
(ต่อ)เมื่อตาที่เขามองผู้หญิงทั้งหลาย มันก็ไม่พ้นเรื่องเห็นแก่เงินทอง เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงมันก็เห็นแก่เงินกันหมดทั้งนั้นแหละวะ นี่ถ้าเขาเป็นเพียงชาวไร่จนๆธรรมดาๆคนหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าแม่นี่จะยอมแต่งงานกับเขาหรือเปล่าหรอก เพราะแม้แต่หน้าตาก็ไม่เคยได้เห็นกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ มองแค่นี้ก็รู้ไปถึงลำไส้กี่ขดต่อกี่ขดของเจ้าหล่อนแล้ว เขาก็ไม่ใช่ไก่อ่อนที่มองใครไม่ออกเสียเมื่อไหร่กัน...“สวยหวานเหมือนนางในละคร นายยังบอกงั้นๆอีกเหรอ อ้อ...แต่นายอย่าลืมคำพูดของตัวเองเมื่อกี้ด้วยนะ นายจะยกนางฟ้าให้มืด..” คนแอบหมั่นไส้เจ้านายตัวเองเอ่ยทักท้วงพร้อมรอยยิ้มจนหน้าบานเป็นจานเชิง น่านพยัคฆ์ได้แต่กัดกรามตัวเองกรอดๆ รู้สึกไม่พอใจไอ้ลูกน้องคู่กายขึ้นมาตงิดๆอย่างไม่รู้สาเหตุไม่ใช่เฉพาะปากของไอ้มืดที่เอ่ยชมแม่นั่น แม้แต่ดวงตาของมัน ก็ดูเยิ้มหยดย้อยจนน่านพยัคฆ์ยังอยากจะหาอะไรแข็งๆทิ่มเบ้าตาเข้าให้เสียเลย ...หึ...หมั่นไส้จริงโว้ย ชมกันเข้าไปฟังแล้วยิ่งระคายรูหูฉิบหาย คนบอกไม่สวยก็คือไม่สวย จะมองให้สวยได้ยังไงกันวะ...น่านพยัคฆ์รู้สึกหงุดหงิดในหัวใจ ถึงแม้จะพยายามบังคับสายตาให้มองผู้หญิงตรงหน้าไม่สวยยังไง ไอ้ค
ตอน...สะดุดใจตัวร้าย“นายๆ..นั่นๆ ใช่คนนั้นหรือเปล่านาย คนสวยๆคนนั้นน่ะ...” ลูกน้องคนสนิทรีบแหกปากบอกเจ้านายเสียงดังข่มไปทั้งรถ ทันทีที่มืดเห็นประตูรั้วเหล็กสีเหลืองทองเปิดอ้าออกทางฝั่งซีกขวามือ ปรากฏร่างอรชรอ่อนแอ้นของหญิงสาวนางหนึ่งเดินรอดรั้วเล็กนั้นออกมา การนั่งซุ่มแอบดูว่าที่เมียของเจ้านายนานกว่าสามชั่วโมงจึงสิ้นสุดลงเสียที...มืดเมื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย ไม่รู้นายคิดอะไรถึงได้ชวนมืดมาทำตัวไม่ต่างจากมหาโจรพวกถ้ำมองเขาทำกัน...คนแอบบ่นอุบในใจขยับร่างหลังพวงมาลัย สายตาก็เพ่งมองไปทางด้านหน้าตาเขม็ง...คุณพระ! นั่นคนหรือนางฟ้ากันแน่วะ ผู้หญิงอะไรสวยจนวัวตาย...มืดต้องยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองแรงๆ เพื่อให้แน่ใจ ภาพที่มันเห็นตรงหน้า นั่นคือคนจริงๆไม่ใช่นางฟ้าจำแลงแปลงกายมาจากบนฝากฟ้าไหน...ส่วนคนเป็นนายก็รีบหันไปมองตามนิ้วที่มืดชี้บอก แววตาหลังแว่นสีชา จ้องมองหญิงสาวในชุดเรียบจนดูเชยไม่กระพริบ เพราะชุดที่เธอผู้นั้นสวมใส่อยู่ เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนกับกางเกงผ้าขาบานสีดำเรียบอีกทั้งยังดูซีดเหมือนผ่านการใช้งานมานานหลายปี เธอผู้นั้นกำลังหันซ้ายหันขวา เหมือนกำลังรอคอยอะไรสักอย่