หญิงสาวมองกระดาษในมืออย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องลงชื่อในสิ่งที่เรียกว่า สัญญา กับเขาด้วย
อาเธอร์ คิงส์ ในที่สุดเธอก็รู้จักชื่อของเขา แต่ชื่อนี้เธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ แต่เธอไม่เข้าใจว่าเธอตกเป็นเชลยของเขาได้อย่างไร ซ้ำอาเธอร์ยังทำท่าราวกับเธอคือตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ สายตาของเขาที่มองมา มันไม่เป็นมิตร และเธอรู้สึกได้ถึงความเกลียดชัง
เขาเกลียดเธอหรือ เกลียดด้วยเรื่องอะไรล่ะ เธอไปทำอะไรให้เขา... พลอยไพลินคิดอย่างวิตกและอยากรู้
“ในสัญญานั้นจะทำให้เธออยู่ในสายตาฉัน และยังได้เงินเดือนอีกด้วยแค่ช่วยฉันตามหาพี่สาวเธอ”
“แต่ฉันไม่ต้องการ ฉันแค่อยากกลับบ้าน คุณยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแค่พี่สาวฉันคนเดียว คุณก็คงจัดการได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
หญิงสาวบอกเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเก็บอาการอย่างที่สุด ตอนนี้เธออยู่ในถิ่นของคนที่เรียกได้ว่าเข้าใกล้คำว่ามาเฟียมาก ดูสิลูกน้องเขาเต็มบ้านหน้าตาไม่ยินดียินร้ายกับใคร และทุกคนก็มองเธอด้วยความเฉยเมย เหมือนเธอไม่มีตัวตน ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ บ้านหลังงาม ที่นึกนิยมในใจว่ามันงดงามน่าอยู่ ร่มรื่นติดภูเขาและทะเล แต่คนที่นี่โดยเฉพาะเจ้าของบ้านไม่น่าอยู่ใกล้เลยสักนิด
“เธอไม่มีทางเลือก... ตอนนี้แม่ของเธอขายบ้านขายทุกอย่างเพื่อใช้หนี้สินที่พี่สาวเธอก่อไว้ เพื่อสร้างตัวเองให้ดูเป็นสาวไฮโซไว้หลอกฝรั่งหน้าโง่ สุดท้ายพี่เธอก็โดนหลอกเสียเอง ไม่แน่นะ ตอนนี้พี่สาวเธออาจจะอยู่ในซ่องที่ไหนสักแห่ง ไม่อยากช่วยพี่สาวหรอกเหรอ”
“แต่ว่าฉัน...” หญิงสาวลังเลในใจ กระหวัดถึงมารดาที่เธอนึกกังวลว่าหากมารดารู้เรื่องพี่สาวจะเสียใจมากแค่ไหน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องแม่ของเธอหรอก ตอนนี้แม่ของเธอถูกควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้สร้างปัญหา” อาเธอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันเล็กน้อย และมันทำให้พลอยไพลินมองเขาอย่างขุ่นเคืองที่ไม่มีหญิงสาวคนไหนเคยมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจนัก
“สุดท้ายคุณมันก็เห็นแก่ตัว เลวเหมือนกันกับไอ้ดอนนั่นล่ะ หลอกใช้ผู้หญิง” พลอยไพลินทนไม่ไหวโพล่งออกมาอย่างระงับความรู้สึกไม่อยู่ แล้วก็ต้องหน้าซีดเมื่อเขาเข้ามาประชิดตัวกุมแขนเรียวไว้แน่นจนเธอรู้สึกเหมือนแขนจะหัก
“ระวังปากเธอด้วยนะพลอยไพลิน เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไรกับฉัน ฉันใจดีกับเธอมากนะจำใส่หัวเธอไว้ หากฉันไม่เข้าไปวันนั้น เธอก็ถูกไอ้ดอนมันขายทอดตลาดหลังจากที่มันฟันเธอจนฉ่ำปอดแล้วก็ได้”
อาเธอร์พูดลอดไรฟันจ้องหน้าใสซีดนั้นเขม็ง เมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดและน้ำใสคลอครองหน่วยตากลมโตนั่นล่ะเขาถึงได้รู้ตัวว่าเธออาจจะเจ็บก็เป็นได้
อาเธอร์ปล่อยร่างบางที่ดูบางกระจ้อยร่อยไปเมื่อเทียบกับร่างใหญ่โตของเขา ร่างบอบบางถอยห่างเขาไปไกล ด้วยความตระหนกหรือกลัวก็ไม่ทราบได้ ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กที่เดินไปนั่งลงบนโซฟารับรอง แล้วจรดปากกาเซ็นชื่อลงไปในสัญญาที่เขาร่างมันขึ้นมาเมื่อคืนด้วยความพอใจ ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่มองดูหญิงสาวเงียบๆ อย่างพิจารณา
ในวันที่เขาพาพลอยไพลินมาด้วยสภาพร่างกายบอบช้ำ ในแวบแรกเขารู้สึกสงสาร และคิดว่าดอนช่างโหดร้ายทารุณกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ แม้ว่าเขาเกลียดผู้หญิงไทยที่โลภมากพวกนี้ก็ตาม แต่รอยฟกช้ำบนร่างกายบอบบางที่ดูเหมือนจะแตกหักได้ทุกเวลานั้น ทำให้เขาตัดสินใจพาเธอกลับมารักษาตัวที่บ้านพักหลังงามของเขา แทนที่จะส่งไปโรงพยาบาล อีกทั้งแพรดาวพี่สาวของเธอก็เป็นคนที่ดอนใช้ให้ไปส่งของ ซึ่งเขามั่นใจว่าตอนนี้ของของเขา ได้อยู่กับนักธุรกิจชาวอิตาเลี่ยนคนหนึ่ง พลอยไพลินอาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากนัก แต่เขาจำเป็นจะต้องกักตัวเธอไว้ เพราะหญิงสาวอาจจะรู้เห็นมากเกินไป อย่างน้อยๆ เธอคงเห็นว่าเขายิงดอนล้มลงจมกองเลือด แม้จะเป็นแค่การยิงขู่ก็เถอะ...
“เสร็จแล้ว อยากให้ฉันทำงานให้เลยมั้ยคะเจ้านาย”
“อย่าประชดฉันนะพลอยไพลิน” เขารับกระดาษกลับคืนมาเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เปล่าค่ะ ฉันพูดจริงๆ” หญิงสาวกล่าวเหมือนยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ใบหน้าขาวซีดของเธอดูหม่นหมอง แต่มันไม่ได้ช่วยให้อาเธอร์ ใส่ใจมากไปกว่านึกทึ่งที่เธอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วทีเดียว
“ทำไมเธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องจัง หรือว่ารับแขกบ่อย”
“นี่คุณ....” หญิงสาวหน้าแดงอย่างขุ่นเคืองกับคำพูดเหมือนเหยียดหยันนั้น
“นี่ล่ะคือสิ่งที่เจ้านายอย่างฉันอยากรู้” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมอง อย่างท้าทายและแอบพอใจกับใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ
เอ๊ะพอใจเหรอ... ไม่จริง... อาเธอร์รู้สึกตกใจตัวเองไม่น้อยแล้วรีบกลบเกลื่อนเป็นโกรธเธอแทน
“เอาเถอะ เธอจะพูดได้เก่งเพราะรับแขกหรืออะไรก็แล้วแต่เธอ ฉันไม่สนหรอก ฉันหิวแล้วไปทำอาหารเที่ยงให้ฉันกินหน่อยสิ”
“ค่ะ เจ้านาย... ว้ายยยย” หญิงสาวรับคำอย่างข่มความไม่พอใจนิดๆ แล้วตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องทำงานโอ่อ่าของเขาแต่ขาเจ้ากรรม ดันไปสะดุดกันเองจนร่างบางถลาลิ่วไปหาร่างสูงที่กำลังจะเดินไปเช่นกัน จนคนตัวโตที่ไม่ทันตั้งตัวเซทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นพรมนิ่ม พร้อมกับมีร่างเล็กๆ ของเธอเกยอยู่บนตักกว้าง ใบหน้านวลซุกอยู่กับอกกว้างรีบเงยขึ้นอย่างตระหนกและเป็นจังหวะเดียวกับที่อาเธอร์ก้มลงมามองเธอเช่นกัน ทำให้ใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่เพียงเส้นด้ายกางกั้น...
“เอ่อ... คือ ฉัน... ปละ ปล่อ...” ไม่ทันที่เธอจะทันได้อ้าปากให้เขาปล่อยเธอ อาเธอร์ก็ผลักร่างเล็กๆ นั้นออกจากตักทันทีอย่างไม่เบานัก จนพลอยไพลินนั่งจุกอยู่กับพื้นพรมมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินหน้าตึงออกไป อย่างเจ็บใจและเจ็บก้น เพราะเหมือนเธอโดนเขาโยนลงมาจากตักเขาเมื่อครู่ ทั้งหัวใจสาวก็ยังเต้นตึกๆ ดังโครมครามๆ อย่างหวั่นไหว...
“โอ๊ย... ไอ้ฝรั่งบ้า คนใจร้าย อูย... เจ็บไปทั้งตัวเลยที่นี้ ทำไมพลอยไพลินถึงได้ซวยนักนะเจอแต่ฝรั่งโรคจิต”
ตอนที่ 59.อาเธอร์กับพลอยไพลินจดทะเบียนกันก่อนที่เธอจะคลอดและเขาก็ขอเธอว่าจะจัดงานแต่งงานหลังจากที่คลอด เพื่อจะให้ลูกชายได้เข้าฉากถ่ายรูปพร้อมๆ กับพวกเขาด้วย ซึ่งหญิงสาวก็ยินดี และงานนี้พลอยไพลินขอร้องให้เขาจัดเล็กๆ ก็พอ เพราะเธอไม่ต้องการอะไรที่เอิกเกริกใหญ่โต สำหรับพลอยไพลินแล้วแค่มีคนที่เธอรัก และครอบครัวที่อบอุ่น พิธีการต่างๆ ไม่สำคัญเลย และพลอยไพลินเอง ก็พอใจแค่ได้อยู่เคียงข้างเขากับลูกก็พอ...“ขอบคุณนะคะพี่อาร์ที่รักลินกับลูก และมอบของขวัญล้ำค่าให้ลิน แต่แค่มีพี่อาร์กับน้องอลัน ลินก็พอใจแล้วค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณพี่อีกครั้งสิจ๊ะลิลลี่จ๋า”ออดอ้อนเสียงหวานนัยน์ตาพราวระยับ แล้วก้าวขึ้นมาบนเตียง ตวัดผ้าห่มออกห่างจากกายสาวอวบอิ่มมีน้ำมีนวลของเธออย่างร้อนรน เพราะอาเธอร์พยายามอดกลั้นตั้งหลายนาที เพื่อจะสวมสร้อยให้เธอ และตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว“อุ้ย พี่อาร์นี่ล่ะก็ มันสายแล้วนะคะเดี๋ยวทุกคนจะรอ”“งานเลี้ยงของเราเริ่มตอนเย็นจ้ะที่รัก นี่มันเพิ่งสิบโมงเช้าเรามีเวลาเตรียมตัวอีกนาน คุณพ่อกับริค แล้วก็โจรับหน้าที่ดูแลน้องอลันกับน้องเรนนี่แล้ว เรามาทำน้องให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับน้องอลันดีกว
ตอนที่58.“พี่ทำลิลลี่เจ็บเหรอจ๊ะ คนดีอย่าร้องไห้นะ หากลินไม่ อยากให้พี่เข้าใกล้ พี่ไปนอนที่อื่นก็ได้”เขารีบถามเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบว่าเธอกำลังน้ำตาไหลพราก เขารีบมาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน“หากพี่อาร์ไปนอนที่อื่น ลินจะโกรธและไม่ให้พี่อาร์กลับมาหาพวกเราแม่ลูกอีกเลยคอยดูสิ”“ลิน... ลิลลี่ โอ ที่รักยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย เย้ ดีใจจังเลย”อาเธอร์ร้องออกมาอย่างยินดี แล้วโผกอดเธออย่างรวดเร็วจูบแก้มซ้ายขวาของคุณแม่คนสวยอย่างแสนรัก จนหญิงสาวต้องผลักอกกว้างออกไปแล้วค้อนเขาอย่างหมั่นไส้“นอนได้แล้วค่ะ ดึกแล้ว”“งั้น พ่อขอนอนกอดหนูได้มั้ยครับลูกพ่อ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ ได้คืบจะเอาศอก“ไม่มั้งคะ เพราะคุณแม่ยังไม่หายงอนดีสักเท่าไหร่เลย”“โธ่ พ่อไม่กวนนะครับขอกอดนิดเดียว”อาเธอร์พูดเองเออเอง แล้วล้มตัวลงนอนกอดร่างอวบอิ่ม ที่นอนตะแคงหันหลังให้ด้วยความขัดเขิน แขนแกร่งโอบรอบกายคนตัวอวบอย่างแสนรัก กดจมูกลงบนพวงแก้มนุ่มอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ เลื่อนใบหน้าไปหาริมฝีปากนุ่มที่ เผยอค้างอย่างเชิญชวนอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้อีกพลอยไพลินเผยอปากรับจุมพิตอ่อนโยนจากเขาโดยดีหัวใจหนุ่มสาวที่แห้งแล้งมานาน พลันช
ตอนที่ 57.“เราออกไปทานข้าวกันได้แล้วค่ะ มิเชลทำอาหารเสร็จแล้ว”มิเชลเดินมาตามทุกคนไปรับประทานอาหารเย็น อาเธอร์ ลูเซียส ไรอัล และรสิตาลุกขึ้นเดินตามมิเชลไป แต่ในขณะที่พลอยไพลินกำลังจะลุกเดินออกไป เสียงคุณอีธานก็ดังขึ้นร้องเรียกเธอเบาๆ “ลิน อยู่คุยกับครูก่อนสิลูก”“ค่ะครู” หญิงสาวรับคำแล้วเดินไปนั่งข้างเตียงของท่าน ส่วนคนอื่นๆ ก็ออกไป แต่อาเธอร์ก็ยังเก้ๆ กังๆ อยากอยู่กับเธอก่อน แต่ลูเซียสกับไรอัลมาดึงเขาออกไปจนได้“ลินคิดอย่างไรกับพี่เขาบ้างล่ะลูก” คุณอีธานเอ่ยถามเมื่ออยู่กันลำพัง“ไม่รู้สิคะ”“ลิน ถามใจตัวเองดีๆ นะลูก ชีวิตคนเรานั้นสั้นนักและครูก็อยากได้ลินมาเป็นสะใภ้ อยากให้หลานของครูเป็นคิงส์โดยสมบูรณ์”“แต่คุณอาร์เคยบอกว่า... เอ่อ...”“สายเลือดของคิงส์จะไม่มีเลือดของผู้หญิงไทยอย่างลินปะปนอยู่” ผู้สูงวัยเอ่ยขึ้น และหญิงสาวก็พยักหน้าช้าๆ อย่างยอมจำนน“แล้วตอนนี้ลินคิดว่าเขายังรู้สึกอย่างนั้นอยู่รึเปล่าล่ะ”“ลินไม่รู้ค่ะ”“อาร์ไม่เคยง้อผู้หญิง และไม่เคยมีความอดทนกับอะไรนานๆ แต่กับลิน อาร์อดทนและยอมรับผิด ลินจะไม่ให้โอกาสเขาหรือลูก อะไรที่ผ่านๆ มาให้มันผ่านไปได้หรือไม่ ลินเองก็รู้ดีว
ตอนที่56.ดวงตาที่เริ่มพร่ามัวของหญิงชราค่อยๆ ปิดลง เมื่อนางได้พูดในสิ่งที่ควรจะพูด พลอยไพลินได้แต่สะอื้นไห้ จนไม่สามารถจะพูดอะไรได้ และเมื่อมือบางของมารดาที่เอื้อมมาลูบใบหน้าเธอด้วยความรักนั้น ทิ้งร่วงลงข้างลำตัว ที่ชุ่มโชกด้วยเลือด พลอยไพลินก็ฟุบหน้าลงกับอกของมารดาด้วยหัวใจที่แตกสลาย...งานศพของแม่ชีเดือนผ่านไปด้วยดี ด้วยความช่วยเหลือของครอบครัววาปีกับคนในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ แต่เจ้าภาพใหญ่ที่จัดการทุกอย่างและทุกเรื่องนั้นก็คือ หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่ทั้งหล่อและอัธยาศัยดี ที่ชาวบ้านต่างชื่นชม และดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็ทำตัวตามสบาย และเป็นกันเองกับชาวบ้านทุกคนอย่างที่พลอยไพลินไม่เคยคิดว่า คนที่ถือตัวและค่อนข้างมีอคติกับคนไทยอย่างเขาจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนั้น แต่เธอก็ไม่ได้ปักใจเชื่อภาพลักษณ์จอมปลอมที่เขาสร้างขึ้นมา แม้ว่าทุกอย่างที่อาเธอร์ทำนั้น สื่อให้เห็นว่าเขาทำเพื่อเธอก็ตาม และแม้ว่าจะคลายความโศกเศร้าเรื่องมารดาลงบ้างแล้ว แต่เธอก็จะไม่มีวันยอมใจอ่อนกับเขาเด็ดขาด...“ลินจ๋ามาทานข้าวก่อนเร็ว วันนี้พี่อาร์ของลินเขาเข้าครัวทำเองเลยน้า..”วาปีเดินมาหาเพื่อนรักในห้องและพยายามชักชวนให้
ตอนที่55.คริสทิน่าก็เปิดฉากทันที ไม่จำเป็นต้องอารัมภบทมากมายเพราะคาดว่าพลอยไพลินน่าจะรู้ทุกอย่างแล้ว และยิ่งเธอเห็นว่าพลอยไพลินผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ที่เมื่อเทียบกับตนแล้ว ความงดงามของพลอยไพลินนั้นเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำแต่วันนี้คริสทิน่ารู้แล้วว่าความสวยงามของเธอนั้น เป็นรองพลอยไพลินไปทันที เพราะบัดนี้พลอยไพลินดูงดงามเปล่งปลั่งผิวขาวลอออมชมพู มีน้ำมีนวลผ่องใส ไม่เหมือนเธอที่ดูทรุดโทรมและไม่มีความสุข และหากเธอไม่มีความสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะมี... หญิงสาวคิดอย่างเห็นแก่ตัว มองคนตรงหน้าตาขวางพร้อมจะทำร้ายทุกคนที่เธอเกลียด ซึ่งคริสทิน่าเกลียดทุกคนที่ทำท่าว่าจะไปได้ดีกว่าเธอ...“เราไม่ได้มีอะไรบาดหมางกัน คุณทำร้ายพวกเราทำไมคะ..” พลอยไพลินถาม เมื่อมองไม่เห็นเหตุผลเลยว่า ทำไมคริสทิน่าต้องจงเกลียดจงชังอะไรพวกเธอนัก“ทำไมจะไม่มี ก็เพราะแกกับพี่สาวร่านๆ ของแกไง ที่เข้ามาขวางทางฉัน หากไม่มีแกสองคน อาร์อาจจะหันมาสนใจฉัน และหากพี่สาวเธอมันไม่ร่าน คิดอยากมีผัวฝรั่งรวยๆ อย่างอาร์ มันก็คงไม่คิดจะกำจัดฉัน อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะโง่รู้ไม่ทันเกมของพวกแกนะ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะฉันมีแผนที่จะกำจัดมันก่อน
ตอนที่54.“สวัสดีค่ะแม่ชี” หญิงสาววางผลไม้ลงบนม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ซึ่งใกล้กันนั้น แม่ชีเดือน กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงโรยเกลื่อนลานวัดด้วยกิริยาสงบงาม“มาแล้วเหรอลูก ไม่น่าลำบากมาเองเลยให้เด็กๆ ที่บ้านของหนูวาเอามาให้ก็ได้ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป”“ไม่เป็นไรค่ะ ลินอยากมาหาแม่ชีทุกวันอยู่แล้ว”พลอยไพลินหยิบไม้กวาดมาช่วยแม่ชีกวาดใบไม้อย่างแข็งขัน ใบหน้าผุดผ่องยิ้มละไมเหมือนเคย ใบหน้าที่แม่ชีเคยเมินเฉยไม่ใส่ใจ ที่เคยละเลยมาแสนนาน...“วันนี้ไม่มีสอนหนังสือหรือลูก”“ไม่ค่ะ วันนี้บังเอิญว่าทางโรงเรียนเขาพานักเรียนไปทัศนศึกษา ลินเลยว่างงานตั้งสองวัน เหงาจะแย่ยายวาก็ไปด้วย”หญิงสาวคุยกับมารดาอย่างมีความสุข ตอนนี้เธอรู้สึกปลดปลงอะไรได้เยอะ หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่สาวเมื่อแรกพบแม่ชีเดือน พลอยไพลินเองก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่มาพบมารดาอยู่ในวัด ที่ค่อนข้างห่างไกลสังคมเมือง หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ได้มีอะไรศิวิไลซ์อย่างที่มารดาเคยชอบ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มารดาเคยมี แต่แม่ชีเดือนที่พบในวันนั้น หาใช่คนที่เธอเคยสัมผัสมาทั้งชีวิตมารดาของเธอเปลี่ยนไปจากเดิมมา