“ออมเองค่ะ...คุณอิทนอนไปเลยค่ะเดี๋ยวออมขอเก็บห้องให้คุณอิทก่อน...อ้อแล้วเมื่อวานคุณอิทก็ไม่ได้ทานข้าวนี่คะวันนี้ยังไงคุณอิทก็ต้องทานนะคะ”
อินทิราตั้งหน้าตั้งตารวบรวมขวดน้ำเมาของชายหนุ่มไปทิ้งให้หมดนี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วแต่เขาดันตื่นขึ้นมาก่อนเธอว่าเธอพยายามเบามือที่สุดแล้วนะ
“เธอนี่มัน!!...แล้วต้องเก็บอะไรนักหนา”
เขาไม่เข้าใจว่าหญิงสาวยังจะบอกให้เขาหลับลงได้อย่างไรทั้งที่เธอมาก่อกวนส่งเสียงรบกวนเขาอยู่แบบนี้
“ก็พวกขวดเครื่องดื่มพวกนี้ไงคะออมเอาไปทิ้งเกือบจะหมดแล้วนะคะต่อไปนี้ออมจะไม่ให้คุณอิทดื่มของพวกนี้แล้วค่ะเมื่อเช้าออมให้แม่บ้านเอาน้ำผลไม้มาไว้ในบ้านแทนถ้าคุณอิทอยากดื่มน้ำผลไม้อะไรก็บอกออมนะคะเดี๋ยวออมจะไปเอามาให้ค่ะ”
อินทิราตั้งเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินการอยู่ของชายหนุ่มใหม่เสียตั้งแต่วันนี้โดยเริ่มจากสิ่งแรกเธอต้องเก็บขวดน้ำเมาพวกนี้ไปทิ้งให้หมดเสียก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ให้ชายหนุ่มแทน
“เธอกล้ามากนักนะยัยจุ้นจ้าน”
เคร้ง...เพล้ง...ๆๆ
อิทธกรได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูดก็ลุกพรวดขึ้นมาอาละวาดด้วยความโมโหขว้างปาสิ่งของที่มือสัมผัสได้ในตอนนี้อย่างหงุดหงิด
“ว้ายยยย...คุณอิทอาละวาดอะไรแต่เช้าคะ”
อินทิราแทบหลบของที่กระเด็นใส่เธอไม่ทันพร้อมทั้งต่อว่าชายหนุ่มที่ตื่นมาก็โมโหแต่เช้า
“ก็เป็นเพราะเธอไง...หึ้ยยย”
อิทธิกรเดินไปหาที่ต้นเสียงตอนนี้มือของเขากำลังถือโคมไฟอยู่ด้วยความโมโหจนคุมสติไม่อยู่เขาก็ง้างมือที่ถือโคมไฟอยู่นั้นจะฟาดไปที่หญิงสาว
“อ๊ายยย...อย่าตีออมค่ะ.”
อินทิราร้องออกมาด้วยความกลัวและผวาอย่างหนักตอนนี้ตัวเธอชาไปหมดมือไม้ก็ปัดป้องตัวเองเอาไว้เพราคิดว่าเธอต้องเจ็บตัวเป็นแน่
“เธอจะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะไปจากชีวิตฉัน”
อิทธิกรเกือบพลั้งมือทำร้ายผู้หญิงด้วยความโมโหเสียงร้องของเธอทำให้เขาชะงักมือเอาไว้ได้แต่ก็ยังมีความโกรธอยู่ไม่น้อยเขาจำต้องกัดฟันถามหญิงสาวให้แน่ใจเสียทีว่าเข้าต้องทำยังไงหญิงสาวจึงจะออกไปจากชีวิตของเขาเสียทีหากเธอต้องการเงินเท่าไรเขาก็จะให้
“ก็ไม่ต้องทำยังไงค่ะยังไงออมก็ไม่ไป”
อินทิราส่ายหัวพัลวันเธอไม่มีที่ไปที่ไหนยังไงเธอก็ต้องทนอยู่ที่นี่ให้ได้
“เฮ้ออ!!...ได้งั้นก็ทนอยู่ที่นี่ไปก็แล้วกันแต่ฉันบอกเธอเอาไว้ก่อนเลยนะว่าในเวลาเธออยู่ที่นี่ฉันจะทำให้เธอเหมือนตกนรกทั้งเป็นคอยดู”
อิทธิกรจนปัญญาที่จะไล่หญิงสาวไปแล้วจริงๆแต่ถึงเขาจะยอมให้เธออยู่ที่นี่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้เธออยู่ที่นี่อย่างสงบสุข
2 ชั่วโมงต่อมา
“อาหารมาแล้วค่ะคุณอิท...เอ่อ...”
หลังจากที่กัดกับชายหนุ่มตอนเช้ามรอบหนึ่งแล้วอินทิราก็เลือกที่จะเข้าครัวทำอาหารเช้าให้ชายหนุ่มกับตัวเองต่อเช้านี้คงหนีไม่พ้นเมนูข้าวต้มกุ้งเพราะเป็นเมนูที่เธอคิดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
ขณะที่หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องของชายหนุ่มโดยที่ไม่ได้เคาะประตูภาพตรงหน้าของหญิงสาวตอนนี้ก็เป็นชายหนุ่มที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำพันผ้าขนหนูเพียงแค่ท่อนล่างแผงอกกว้างและกล้ามแขนที่ปรากฏแก่สายตาของเธอทำให้หญิงสาวต้องรีบหลบสายตาลงและรีบเดินเข้าไปวางถาดอาหารอย่างรวดเร็ว
“เข้ามาไม่ได้ดูตาม้าตาเรือวางไว้แล้วก็ออกไปได้แล้ว...”
“ค่ะ”
อิทธิกรส่ายหัวให้กับหญิงสาวที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะประตูก่อนดีที่เขาไม่แก้ผ้าเดินอยู่ในห้อง
“ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าคุณโป๊อยู่”
อินทิรารีบเดินออกมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าที่เสียเล็กน้อยพร้อมทั้งตักข้าวต้มที่ตัวเองพึ่งทำเสร็จใหม่ๆเข้าปากแก้เขินกับภาพที่เห็นเมื่อครู่เธอไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากเมื่อครู่ชายหนุ่มไม่มีอะไรปิดตัวเลยจะเป็นยังไงยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุก
หลังจากหญิงสานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินเล่นสำรวจรอบๆเป็นครึ่งชั่วโมงเธอชอบแปลงดอกไม้หลังบ้านอย่างมากยิ่งนั่งดูก็ยิ่งสบายตา
“สงสัยจะทานเสร็จแล้วล่ะมั้ง”
หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มน่าจะทานข้าวต้มที่เธอวางไว้ให้เมื่อพักใหญ่หมดแล้วหละจึงคิดว่าควรที่จะไปเก็บถ้วยมาล้างเสียเลยจะดีกว่า
ก๊อกๆๆ
แกร๊ก
“อ้าว...ทำไมคุณอิทไม่ทานอาหารเช้าอีกล่ะคะ...อยู่ได้ยังไงเนี่ย”
อินทิราเคาะประตูก่อนเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อเช้าเมื่อไม่มีเสียงตอบรับเธอเลยค่อยๆแง้มประตูมองดูรอบๆก่อนเมื่อเห็นชายหนุ่มนอนอยู่ที่เตียงเลยเดินเข้าไปด้านใน
แต่หญิงสาวก็ต้องหน้ามุ่ยกะทันหันเพราะชายหนุ่มไม่แตะข้าวต้มที่เธอทำมาให้เลยสักนิดเธอปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วยังไงเธอก็จะต้องทำอะไรสักอย่างพลางคิดในใจว่าการดูแลคนที่ป่วยทางกายยังง่ายกว่าคนที่ป่วยทางใจเสียอีกเธอรู้ว่าเขากำลังอกหักจากคำบอกเล่าของอรุณาแต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มจะทำร้ายตัวเองแบบนี้แล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นมา
“ลุกมาค่ะคุณอิทยังไงก็ต้องทานข้าวบ้างค่ะ”
อินทิราเดินเข้าไปรั้งแขนแกร่งทั้งสองของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อทานข้าวแต่ดูท่ารงของเธอจะขยับตัวชายหนุ่มไม่ได้แม้แต่น้อย
“อะไรของเธออีก...หึ้ยย”
อิทธิกรรู้สึกรำคาญหญิงสาวเต็มทนเขาเหวี่ยงแขนหญิงสาวออกไปอย่างไม่สนใจเพราะว่าเขาต้องการจะพักผ่อนต่อตอนนี้เขาไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น
ปั้กกก
“โอ้ะ...โอ้ยยยย...”
แรงเหวี่ยงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวหัวไปฟาดกับขอบโต๊ะจนหางคิ้วแตกก่อนที่จะล้มลงกองกับพื้น
“ออม!!!...เธอเป็นอะไร.”
“โอ้ยย”
“..ละ..เลือดนี่”
อิทธิกรถึงกับลุกพรวดไม่คิดว่าแรงเหวี่ยงของเขาเมื่อครู่จะทำให้หญิงสาวไปกระแทกกับโต๊ะแรงขนาดนั้นถึงเขาจะมองไม่เห็นแต่เมื่อได้ยินจากเสียงกระทบมันก็คงทำให้หญิงสาวเจ็บอยู่ไม่น้อยเขาค่อยๆย่อตัวลงคลำหาตัวหญิงสาวจนจับตัวเธอได้มือของเขาบังเอิญไปโดนกับใบหน้าของเธอจนทำให้หญิงสาวร้องออกมา
“ใกล้จะถึงแล้วเราไปกั้นประตูเงินประตูทองกันเถอะ”เมื่อขบวนใกล้ถึงพีรยาก็ดึงมือพรณภัทร์ออกไปด้านนอกทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวกั้นประตูเงินประตูทองกับคนอื่นๆที่รออยู่ที่นี่“ออม”“พี่อิท”และแล้วก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสวมแหวนแต่งงานและทำพิธีลดน้ำสังข์เสียทีทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เรื่อยๆต่างยิ้มให้กำลังใจกันและกันและปลื้มปริ่มอยู่ในใจอย่างมากที่พวกเขานั้นได้แต่งงานกันอย่างเป็นพิธีเสียทีช่วงเย็นของวันอินทิราอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงสุ่มที่ดูเหมือนตุ๊กตามากๆหลังจากที่ช่างแต่งตัวให้เธอเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หาเวลาเดินมาดูเพื่อนเธอเสียหน่อยว่าเป็นยังไงกันบ้างเพราะตั้งแต่เช้าก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันเลย“เหนื่อยไหมแก”พีรยาเห็นอินทิราเดินเข้ามาในห้องก็เอ่ยถามคนเป็นเจ้าสาวว่าวันนี้รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่ากำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย“ไม่เลยพวกแกนั่นแหละที่ฉันต้องถามว่าเหนื่อยไหม”อินทิราคิดว่าคำถามนี้ควรจะเป็นเธอที่ถามมากกว่าเพราะว่าเธอนั้นแค่เข้าพิธีเฉยๆส่วนงานอย่างอื่นเพื่อนๆเธจัดแจงเองหมด“ไม่เลยพวกฉันเต็มใจทำให้แก”พรณภัทร์ยิ้มกว้างพร้อมหันไปตอบอินทิราพวกเธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดกับอ
บริษัทXXX17.00 น.“ทำอะไรอยู่เหรอ”“ออมถักกระเป๋าจิ๋วอยู่ค่ะเสร็จแล้ว2ใบน่ารักไหมคะ”อิทธิกรหิ้วคนเป็นภรรยามาที่ทำงานด้วยแทบจะทุกวันให้เธอมานั่งๆนอนๆที่นี่จนเธอเบื่อต้องหาอะไรทำในระหว่างที่เขาทำงานอยู่“พี่ชักจะอิจฉาไหมพรมในมือออมซะแล้วสิดูออมจะสนใจมันมากกว่าพี่”ชายหนุ่มลงนั่งบนโซฟาข้างๆกับภรรยาพร้อมใช้มือโอบไหล่ของเธอเอาไว้หลวมๆมีสีหน้าที่แกล้งทำเป็นแอบงอนเล็กน้อยที่วันนี้เธอเอาแต่นั่งจดจ่ออยู่กับก้อนไหมพรม“หืม..ออมก็สนใจพี่อิทตลอดนั่นแหละค่ะทำเป็นน้อยใจไปได้”อินทิราถึงกับต้องหยุดมือแล้วหันมาโอบกอดสามีขี้งอนของเธอที่อิจฉาแม้กระทั่งไหมพรมพร้อมบอกกับเขาใจจริงว่าเธอไม่เคยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว“แหม..เอมมาผิดจังหวะหรือเปล่าคะพี่อิท”ไอรดาเผลอเข้าห้องทำงานพี่ชายเธอโดยที่ไม่ได้เคาะประตูไม่คิดว่าทั้งสองกำลังหวานกันอยู่“มีอะไรเหรอเอม”อิทธิกรหันไปถามคนเป็นน้องสาวว่าที่เข้ามามีเรื่องอะไร“พอดีเอมนัดช่างที่เราสั่งตัดชุดเอาไว้ที่บ้านค่ะตอนนี้ชุดเสร็จแล้วเหลือแค่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปลอง”ไอรดาต้องการมาบอกให้ทั้งสองรีบกลับบ้านเพราะตอนนี้เธอนัดช่างที่ตัดชุดให้ไปรอที่บ้านหลังจากที่พวกเธอเล
“อิๆๆๆ”พีรยาเองไม่ได้ไปหายาให้พี่ชายเธอที่ไหนเพียงแต่กลับเข้าไปในห้องของเธอก็เท่านั้นตอนนี้หญิงสาวดีดดิ้นดีใจอยู่บนเตียงนอนที่แผนของเธอสำเร็จอีกแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พี่ชายเธอเองเท่านั้นที่จะช่วยให้ตัวเองได้สมหวังหรือเปล่าแกร็กกกกก“......”ภัคดนัยที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ถึงกับเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสีหน้าที่แปลกใจเล็กน้อยที่เธอรีบร้อนเข้าห้องของเขามาด้วยในมือถือกะละมังน้ำเข้ามาอย่างรีบร้อน“พี่ภาคย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะเดี๋ยวพลอยจะเช็ดตัวให้ก่อนนะคะยัยพลอยน่าจะกำลังไปหายามาเป็นถึงหมอทำไมไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้ป่วยหนักแบบนี้ได้ไงล่ะคะ”พรณภัทร์วางกะละมังน้ำที่โต๊ะวางของข้างเตียงของชายหนุ่มพร้อมใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเตรียมที่จะเช็ดตัวให้คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่“........???”ภัคดนัยมองการกระทำของหญิงสาวอย่างสงสัยในคราแรกแต่เมื่อได้ยินว่าน้องสาวของเขากำลังจะไปเอายามาให้จากปากหญิงสาวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คงจะเป็นการเล่นอะไรแผลงๆของน้องสาวของเขาอีกแล้วสินะ“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา”พรณภัทร์นั่งลงข้างๆชายหนุ่มในมืออีกผ้าถือผ้าเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปแตะที
“แม่ว่าคงต้องปล่อยให้อัญชัญได้เรียนรู้ด้วยตัวเองสักพักไม่นานคงจะปรับตัวได้เอง”“ค่ะคุณแม่”อรุณาเองก็พอจะรู้อยู่ว่าอัญชัญเป็นอย่างไรแต่คนเรามันก็ต้องโตขึ้นไปทุกวันยังไงเธอก็คิดว่าชีวิตที่อัญชัญจะต้องเจอจะเป็นการสอนเด็กสาวเองว่าจะต้องรับมือกับมันยังไงเธอเชื่อว่าคนที่มีสำนึกดีอย่างอัญชัญจะต้องผ่านมันไปได้บ้านโรจน์วินิจวรกุล18.00 น.“ช่วงนี้อินเลิฟวันหยุดก็หายไปแต่เช้ากลับมาซะเย็นทุกเลยนะ”ภัคดนัยที่นั่งอยู่หน้าบ้านในช่วงเย็นเห็นคนเป็นน้องสาวกลับมาเห็นเดินอารมณ์ดีเข้ามาก็ต้องเอ่ยปากพูดตามประสาพี่ชายหยอกน้องสาว“น้องก็ขอมีความสุขอยู่ใกล้แฟนบ้างอะไรบ้าง...ใครจะไปเหมือนคนบางคนที่น่าอิจฉาได้อยู่ใกล้คนที่อยากอยู่ใกล้ตลอด”พีรยาไม่เองก็ไม่ลืมที่จะยอกย้อนพี่ชายเธอกลับตามนิสัยของเธอ“พีคกลับมาก็ดีแล้วฉันมีเรื่องจะคุยกับแกอยู่พอดี”พรณภัทร์รีบเดินมาจูงมือเพื่อนสาวของเธอเข้าไปคุยอย่างรีบร้อนตอนนี้หญิงสาวเดินเหินได้สะดวกขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นเพราะถอดเฝือกออกนานแล้ว“อ๋อ..อืมไปคุยกันในห้องดีกว่า” พีรยาเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็พอจะเดาออกว่ามีธุระสำคัญจึงให้เข้าไปคุยในห้องเธอจะดีกว่า“มีอะไรหรือเ
เดือนต่อมากรุงเทพมหานครอิทธิกรพาอินทิรามาพักอยู่บ้านที่กรุงเทพของเขาสักพักแล้วเพราะเขาต้องเข้ามาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”เมื่ออินทิราเห็นคนเป็นสามีกลับบ้านมาก็รีบเอาน้ำเย็นๆมาต้อนรับเพราะเห็นสามีของเธอดูยุ่งๆทุกวัน“เห็นหน้าออมพี่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”อิทธิกรเองถึงจะเหนื่อยเพียงใดแต่เขาก็รับมือไหวและไม่เอามาพูดในบ้านให้คนเป็นภรรยาที่กำลังท้องอยู่กังวลกับเขาไปด้วยเด็ดขาด“วันนี้คุณแม่กับยัยเอมกลับมาแล้วพวกเค้าจะมาทานข้าวที่บ้านเราด้วย”อิทธิกรรู้ว่าแม่กับน้องของเขากลับมาได้เป็นวันแล้วบ่นอยากจะมาหาอินทิราใจจะขาดเพราะอยากรู้ว่าหลานในท้องมีพัฒนาการไปอย่างไรบ้างแล้ว“ตายจริงพี่อิทไม่บอกออมให้เร็วกว่านี้คะออมจะเตรียมอาหารไว้รอ”อินทิราตำหนิคนเป็นสามีเพราะหากบอกเธอให้เร็วกว่านี้เธอเองก็จะเข้าครัวทำอาหารไว้ต้อนรับแม่และน้องสามีของเธอเอง“ออมไม่ต้องทำหรอกพี่สั่งแม่บ้านไว้แล้วขืนพี่บอกออมก่อนก็คงจะต้องลงมือทำเองใช่ไหมล่ะ”“..ค่ะ..”อิทธิกรคิดถูกที่บอกแม่บ้านอย่างเดียวจะดีกว่าเพราะไม่เช่นนั้นคนเป็นภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยทำอาหารอีเป็นแน่ท้องยังอ่อนๆอยู่เขาไม่อยากให้หญิงสาวทำอะ
“ก็พี่ห่วงของพี่นี่นา”อิทธิกรหน้าเสียเล็กน้อยที่โดนหญิงสาวตอกลับมาแบบนั้นเขารู้ว่าเธอแค่ท้องแต่เขาเองก็แค่ห่วงคิดในใจว่าทำไมหญิงสาวไม่เข้าใจเขาบ้าง“อะไรของพี่อิทเนี่ย”อินทิราส่ายหัวหงึกหงักพร้อมหน้าตึงเล็กน้อยเดินจ้ำอ้าวหนีชายหนุ่มไปให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องคอยมาบ่นให้เธอระวังใกล้ๆหูอีก“เดี๋ยวพลอยเดินรอพี่ด้วยสิ...เดินช้าๆเดี๋ยวหกล้ม”อิทธิกรจำต้องสาวเท้ายาวๆให้เดินตามคนเป็นภรรยาทันพร้อมปากก็ยังปรามไม่ให้หญิงสาวเดินไปไวแบบนั้นอีกหลังจากที่ทุกคนเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเช้าในสวนดอกไม้เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามาทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อทานเสร็จต่างก็แยกย้ายกันพักและเดินชมวิวกันต่อเพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่แปลงดอกไม้เพียงอย่างเดียวยังมีสถานที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปเป็นตามจุดอีกมากมายที่จัดเอาไว้“พลอย”ภัคนัยเห็นพรณภัทร์ปลีกตัวมานั่งคนเดียวที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับซุ้มทานข้าวข้างๆก็มีไม้ค้ำยันคู่ใจของเธอวางพาดอยู่ใกล้ๆเขาจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอ“....”พรณภัทร์หน้าตึงเล็กน้อยไม่ได้อะไรชายหนุ่มหากเขาอยากจะนั่งข้างๆเธอก็ขอให้นั่งเงียบๆก็แล้วกันเพราะเธออยากจะอยู่เงียบๆ“อีกสองวันถ้