“เอามา!”
เมื่อเห็นว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่ชนะเป็นแน่ เฮ่ยเสี่ยวอู่จึงกัดฟันไม่โต้ตอบอีกฝ่าย พลางยื่นมือออกมาข้างหน้าด้วยท่าทีบ่งบอกถึงความมีโทสะ
“ขอบใจมากนะ…เสี่ยวอู่” เฮ่ยเสี่ยวฉางจับมือที่ยื่นมาดึงตนเองลุกพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ถึงแม้จะปากร้ายหน้าตาไม่รับแขกตลอดเวลา แต่เสี่ยวอู่ก็ยังมีน้ำใจกับเขาเสมอ ในใจยมทูตชุดขาวพลันรู้สึกตื้นตันจนต้องบีบกระชับมืออีกฝ่ายเเรงๆ
“...”
เฮ่ยเสี่ยวฉาง...ไอ้เจ้ายมทูตสมองมีปัญหา
เฮ่ยเสี่ยวอู่สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งก่อนจะถลึงตาดุดันใส่ พลางเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยท่าทีคล้ายหมดความอดทน “เอา-วิญ-ญาณ-นาง-ต้น-ไม้-มา-ให้-ข้า”
“วิญญาณนั่นอยู่กับข้าที่ไหนกันเล่า” ยมทูตชุดขาวพลันแยกเขี้ยวยิงฟันตอบ ก่อนจะถามกลับอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นคนรับนางไว้ได้ไม่ใช่หรือ”
เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วส่ายหน้าพรืด” ข้าโดนเจ้าขัดขวาง เมื่อครู่ยังไม่ทันได้แตะถูกนางเลย จะไปอยู่กับข้าได้อย่างไรเล่า โง่เง่า!” เขาถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะจะไปรับเจ้าลูกเเสงนั่นได้ตอนไหน ช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย เฮ่ยเสี่ยวฉางผู้นี้
“ไม่ได้อยู่ที่ข้าเเละก็ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เช่นนั้นเเล้วนางอยู่ที่ไหนกัน”
เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันเกิดอาการปวดศีรษะอย่างกะทันหันขึ้นมาทันที สองยมทูตยืนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เจ้าก้อนเเสงนั่นต้องกระเด็นไปไหนต่อไหนแล้วเป็นแน่ พวกเขาพยายามสอดส่ายสายตามองหารอบด้าน จนในที่สุดก็เห็นเเสงสว่างเรื่อๆ ที่ตกอยู่บนพื้นเบื้องหน้าสะพานหินที่จะเชื่อมต่อไปยังอีกภพหนึ่งที่มนุษย์เรียกขานกันว่า ‘โลกอนาคต’ นั่นเอง
“ไม่นะ!”
สองยมทูตมองหน้ากันเเล้วต่างกรีดเสียงร้องตะโกน พลางพุ่งร่างไปยังบริเวณนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ตี้จวินลงไปเกิดยังภพอดีต เกิดเจ้าวิญญาณกระบองเพชรนั่นข้ามสะพานไปภพอนาคต แล้วทั้งคู่จะมาเจอกันได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้นท่านเทพจอมวายร้ายต้องเล่นงานพวกเขาถึงตายแน่นอน โทษฐานที่เป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลาไปถึงชาติหนึ่ง
พลั่ก!
เพราะพุ่งเข้าไปอย่างกะทันหันพร้อมกัน เฮ่ยเสี่ยวฉางกับเฮ่ยเสี่ยวอู่จึงเกิดการปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง ยมทูตชุดดำกุมท้องที่ถูกศีรษะเพื่อนร่วมงานกระเเทกด้วยความจุก เวลานั้นเขาพลันลอบสบถสาบานกับตนเองในใจว่า สักวันจะต้องสังหารไอ้ยมทูตตรงหน้าให้ได้ ต้องวางเเผนฆ่าอีกฝ่ายทิ้งให้จงได้ คอยดูเถิด
ยังไม่ทันกล่าวคำก่นด่าออกจากปาก ก็เห็นเฮ่ยเสี่ยวฉางมองไปเบื้องหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง เฮ่ยเสี่ยวอู่รับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ หันตามไปยังจุดที่อีกฝ่ายเบิกตามองค้างอยู่ แล้วก็มีอันต้องกรีดร้องในใจ
ภาพตรงหน้าพวกเขาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความคิด แต่ความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจ เจ้าลูกเเสงกลมๆ นั่นตกอยู่บนพื้นทางข้ามสะพานเบื้องหน้านี่เอง และคงจะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง ถ้าไม่บังเอิญมีวิญญาณไอ้เด็กนรกที่ไหนไม่รู้วิ่งถลาเข้ามา หลังจากนั้นก็ง้างเท้าเตะเปรี้ยงเข้าให้เต็มแรง
“...”
ต่อหน้าต่อตาสองยมทูตดินเเดนคนตาย วิญญาณกระบองเพชรน้อยคู่วาสนาของท่านเทพบรรพกาลผู้ยิ่งใหญ่ ถูกไอ้เด็กจากเเดนนรกเตะโด่งข้ามสะพานอนิจจังไปเกิดเป็นที่เรียบร้อย เเละที่สำคัญคือไม่รู้ว่าไปตกที่ใดเสียด้วย
“ไอ้เด็กชั่วร้าย เจ้าทำบ้าอะไรลงไป!” เฮ่ยเสี่ยวอู่เค้นเสียงตะคอกดุดัน
วิญญาณเด็กน้อยหันมามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนจะเเลบลิ้นปลิ้นตาให้เเล้ววิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มองไม่เห็นเเม้เเต่เงาด้านหลัง
“เสี่ยวอู่...พวกเราทำคู่วาสนาตี้จวินหายไปแล้วสินะ ต้องถูกเขาฆ่าตายเเน่ๆ โธ่...ข้ายังไม่ได้ใช้วันลาหยุดงานให้คุ้มค่าเลย ชีวิตช่างสั้นนัก ฮือ...”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างหูทำให้เฮ่ยเสี่ยวอู่แทบเป็นบ้า เขาพยายามขบคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาตรงหน้าจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปน โดยมีเฮ่ยเสี่ยวฉางยืนเเหกปากร่ำไห้เป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง ยมทูตหนุ่มเหลือบมองสหายพลันคิดในใจ
‘ขอบใจนะ ช่วยได้มากเลยละ...’
“หุบปากเสี่ยวฉาง! เวลานี้สิ่งที่เราควรทำก็คือทำให้ตี้จวินลืมเรื่องราวเกี่ยวกับภพเทพให้สิ้น แล้วหาวิธีที่จะให้เขาเสียเวลาอยู่บนโลกมนุษย์นานที่สุด เพื่อซื้อเวลาระหว่างที่พวกเราไปตามหานางต้นไม้ผู้นั้น” เฮ่ยเสี่ยวอู่ตวาดพลางอธิบายเเผนการที่คิดได้ให้อีกฝ่ายฟัง
เฮ่ยเสี่ยวฉางพลันหยุดร้องไห้ หันมาถามน้ำเสียงลังเล “แล้วพวกเราจะใช้วิธีไหนดีล่ะ”
ใบหน้าคมดุในรูปลักษณ์บุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ชะงักไปเล็กน้อย เฮ่ยเสี่ยวอู่เม้มปากแน่น เสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูแหบแห้งผสมความลังเลชัดเจน
“น้ำเเกงยายเมิ่ง!”
หลังจากนั้นเพียงเวลาไม่นาน สองยมทูตก็มาโผล่เบื้องหน้าร่างสูงเพรียวของเทพบรรพกาล เฮ่ยเสี่ยวฉางรีบเข้าไปเบียดยายเมิ่งที่กำลังนั่งตักน้ำแกง พลางกุลีกุจอตักน้ำใสๆ ใส่ชามให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง ยายเมิ่งเงยหน้ามองการกระทำของยมทูตชุดขาวด้วยรอยยิ้มพิกล ทว่าไม่เอ่ยปากอันใด
มือเรียวดุจหยกสลักยกชามน้ำเเกงขึ้นดื่มช้าๆ รูปลักษณ์เเละกิริยาที่เห็นนั้นพิลาสล้ำสะกดทุกสายตา เมื่อดื่มจนหมดหลงเหลือเพียงชามเปล่า เจ้าตัวจึงยกอีกมือขึ้นปาดคราบน้ำบนริมฝีปากออก ทุกท่วงท่าที่เเสดงออกให้เห็นนั้นแสนจะธรรมดา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสามารถละสายตาจากภาพที่เห็นได้แม้แต่นิดเดียว
ช่างโดดเด่นหาใครเทียบเคียงในสามสิบเอ็ดภพภูมิได้ยากจริงๆ
เฮ่ยเสี่ยวอู่ส่ายหน้าไล่ความคิดในหัวเล็กน้อย รูปโฉมของตี้จวินไม่ต่างจากคำเล่าลือ เเต่พวกเขามีสิ่งสำคัญมากกว่านั้นที่ต้องทำ เท้าของยมทูตหนุ่มจึงเหยียบเรียกสติสหายร่วมงานทันที เฮ่ยเสี่ยวฉางพลันได้สติก็นึกถึงจุดประสงค์ขึ้นมา จึงรีบตักน้ำแกงในหม้อใส่ชามเพื่อให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าดื่มเพิ่มอีกชาม
“หือ...”
เทพบรรพกาลเลิกคิ้วมองมาที่เฮ่ยเสี่ยวฉางอย่างแปลกใจ ยมทูตชุดขาวพลันสะดุ้งเฮือกรีบอธิบายอย่างที่เตี๊ยมกับสหายร่วมอาชีพเมื่อครู่ทันที
“คะ...คือว่า เพราะตี้จวินมีตบะเเก่กล้าพลังเทพสูงส่ง นะ...น้ำเเกงชามเดียวอาจปกปิดความจำภพเทพได้ไม่หมด…”
คิ้วเรียวดำสนิทได้รูปเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาต้องลงไปเกิดในโลกมนุษย์ เรื่องราวที่ยมทูตตรงหน้าพูดมาจึงเป็นสิ่งที่เพิ่งเคยได้ยินเช่นกัน ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เรื่องตบะพลังเทพอันใดนั่นก็มีเหตุผลอยู่ คิดได้ดังนั้นมือหยกจึงยกน้ำแกงชามที่สองขึ้นดื่มอย่างไม่อิดออด เนื่องด้วยต้องการจบด่านเคราะห์นี้ให้ได้เร็วที่สุด
จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนเคลื่อนเป็นปี โลกมนุษย์ทั้งอดีตเเละอนาคตผันผ่านไปตามกาลเวลากระบองเพชรน้อยต้นไม้จากเมืองมนุษย์ถูกนำลงสู่ยมโลก ได้ไอหยินเเละหยาดน้ำทิพย์จากสระมรกตหล่อเลี้ยงจนเริ่มมีพลังวิญญาณ ทว่ายังมิทันได้สร้างรูปลักษณ์ของตนเองขึ้นมา นางกลับถูกความมักง่ายของมหาเทพบรรพกาลนอกฝั่งฟ้าเล่นงาน โดนเปลี่ยนเเปลงวิญญาณด้วยพลังเทพ ต้องเข้าสู่วัฏสงสารเพื่อเวียนว่ายตายเกิดบัดนี้นางถือกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว อิ๋งอิ๋งน้อยของเหยียนหลัวหวางมีชื่อใหม่ในชาติภพนี้ว่า 'หยูหนิง' เกิดในครอบครัวสกุลหยูที่มีฐานะค่อนข้างดี ทว่าตอนที่หยูหนิงเกิด ในห้องคลอดนั้นไร้เสียงร้องของทารกให้ได้ยิน มีเพียงความเงียบที่แผ่ขยาย ไม่ว่าคุณหมอหรือนางพยายาลจะใช้วิธีไหน เด็กน้อยก็เพียงแค่นอนมองตาเเป๋วข่าวร้ายที่มาพร้อมการเกิดของลูกสาวทำให้ผู้เป็นเเม่เเทบหัวใจสลาย สามีที่เป็นช่างภาพไปถ่ายงานนอกสถานที่ เกิดอุบัติเหตุรถที่โดยสารพลิกคว่ำ เพราะคนขับรถบัสประมาทจึงทำให้สามีเสียชีวิต ทว่าคนในตระกูลหยูกลับพากันกล่าวโทษว่าเพราะลูกสาวเธอเป็นตัวซวยเฮอะ สารเลว...เด็กเกิดมาจะไปรู้เรื่องอะไร รถบัสพลิกคว่ำเพราะคนขับหลับใน
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมือง X ประเทศจีนภายในห้องคลอดที่กำลังวุ่นวาย เเพทย์เเละพยาบาลต่างวิ่งวุ่นทำงานเเข่งกับเวลา บนเตียงนอนสีขาวสะอาดตามีร่างหญิงสาวนอนกระสับกระส่ายอยู่ พร้อมเสียงออกคำสั่งของคุณหมอผู้ทำคลอดดังเร่งเป็นช่วงๆ“คุณนายหยู เบ่งอีกค่ะ...เบ่งอีก ใกล้เเล้ว...เด็กใกล้คลอดเต็มทีเเล้ว” ภายในห้องคลอดวุ่นวายกับการต้อนรับอีกหนึ่งชีวิตใหม่ที่กำลังจะกำเนิด ด้านนอกห้องมีหญิงชายคู่หนึ่งชะเง้อมองผ่านกระจกอย่างรอคอย เเม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านในได้ก็ตามในขณะที่ทั้งคู่พยายามเพ่งมองผ่านกระจกอยู่นั้น ร่างโปร่งเลือนรางของวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยผ่านหน้าพวกเขาไป ร่างเรืองเเสงนั้นลอยไปหยุดหน้าเตียงหญิงท้องแก่ใกล้คลอด ก่อนที่รูปลักษณ์เเบบหญิงสาวจะเเปรเปลี่ยนกลายเป็นกลุ่มเเสงขนาดใหญ่ เเล้วพุ่งเข้าหาหน้าท้องกลมนั่นทันทีฟิ้ว...!ยังไม่ทันที่วิญญาณหญิงสาวผู้นั้นจะพุ่งเข้าไปเกิดในครรภ์คนบนเตียง ฉับพลันกลับมีลูกบอลเเสงสีเรื่อพุ่งเข้ามาจากทิศทางข้างหน้าต่างห้อง เบียดกลุ่มเเสงของวิญญาณหญิงสาวจนเธอกระเด็นออกจากเป้าหมายทะลุผนังห้องไปอีกด้าน เธอมองภาพนั้นพลางกรีดร้องโวยวาย ดวงตาเห็นเจ้าลูกกล
ยายเมิ่งอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าท่านเทพดื่มน้ำแกงเยอะเกินกว่าที่กำหนด นางจึงรีบอ้าปากหมายกล่าวคำห้ามปรามทันทีปึ้ก!เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันกระทืบเท้ายายเมิ่ง หยุดการกระทำของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้ากระบวยจากเฮ่ยเสี่ยวฉางมาตักน้ำเเกงใส่ในชามจนเต็มอีกครั้ง“แต่สองชามนั้นมีไว้สำหรับเทพทั่วๆ ไป เทพที่มีพลังระดับตี้จวินต้องสามเท่านั้นถึงจะพอ” ดวงตาคู่งามตวัดมองหน้าคนพูดอยู่ครู่หนึ่ง ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของเฮ่ยเสี่ยวอู่และเฮ่ยเสี่ยวฉาง ท่านเทพบรรพกาลก็ยกชามน้ำแกงขึ้นดื่มเป็นครั้งที่สาม ก่อนจะออกคำสั่งน้ำเสียงราบเรียบ“ข้าจะไปแล้ว พวกเจ้าจัดการเรื่องวิญญาณต้นไม้นั่นอย่าให้เกิดผิดพลาดได้เล่า” สั่งจบร่างสูงก็ก้าวเดินขึ้นสู่สะพานอนิจจังอย่างสง่างามเพื่อเข้าสู่วัฏสงสารในทันที“เสี่ยวอู่ ทำอย่างไรดี น้ำเเกงตั้งสามชาม หากเป็นวิญญาณคนธรรมดากินมากกว่าหนึ่งชาม ก็ต้องไปเกิดเป็นคนสติไม่สมประกอบเเล้ว” “นั่นเเหละที่ต้องการ หากตี้จวินเป็นเช่นนั้นย่อมไม่มีทางระลึกถึงเรื่องราวของตนเองในภพเทพได้แน่นอน ส่วนพวกเราก็เเค่รีบหาวิญญาณต้นไม้นั่นให้พบโดยไว แล้วนำนางกลับมายังภพนี้ จากนั้นค่อยสร้างเห
“เอามา!” เมื่อเห็นว่าพูดไปอย่างไรก็ไม่ชนะเป็นแน่ เฮ่ยเสี่ยวอู่จึงกัดฟันไม่โต้ตอบอีกฝ่าย พลางยื่นมือออกมาข้างหน้าด้วยท่าทีบ่งบอกถึงความมีโทสะ“ขอบใจมากนะ…เสี่ยวอู่” เฮ่ยเสี่ยวฉางจับมือที่ยื่นมาดึงตนเองลุกพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้ง ถึงแม้จะปากร้ายหน้าตาไม่รับแขกตลอดเวลา แต่เสี่ยวอู่ก็ยังมีน้ำใจกับเขาเสมอ ในใจยมทูตชุดขาวพลันรู้สึกตื้นตันจนต้องบีบกระชับมืออีกฝ่ายเเรงๆ“...” เฮ่ยเสี่ยวฉาง...ไอ้เจ้ายมทูตสมองมีปัญหาเฮ่ยเสี่ยวอู่สะบัดมืออีกฝ่ายทิ้งก่อนจะถลึงตาดุดันใส่ พลางเอ่ยเสียงลอดไรฟันด้วยท่าทีคล้ายหมดความอดทน “เอา-วิญ-ญาณ-นาง-ต้น-ไม้-มา-ให้-ข้า” “วิญญาณนั่นอยู่กับข้าที่ไหนกันเล่า” ยมทูตชุดขาวพลันแยกเขี้ยวยิงฟันตอบ ก่อนจะถามกลับอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นคนรับนางไว้ได้ไม่ใช่หรือ” เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังแล้วส่ายหน้าพรืด” ข้าโดนเจ้าขัดขวาง เมื่อครู่ยังไม่ทันได้แตะถูกนางเลย จะไปอยู่กับข้าได้อย่างไรเล่า โง่เง่า!” เขาถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะจะไปรับเจ้าลูกเเสงนั่นได้ตอนไหน ช่างไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย เฮ่ยเสี่ยวฉางผู้นี้“ไม่ได้อยู่ที่ข้าเเละก็ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เช่นนั้นเเล้วนางอยู่ที่ไหนกัน” เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันเกิ
เหยียนหลัวหวางก้าวเดินออกมาด้านนอกด้วยดวงตาแดงระเรื่อ สองมือโอบประคองก้อนเเสงกลมๆ อย่างทะนุถนอม หากรู้ล่วงหน้าว่าเจ้าเทพจอมอันธพาลนั่นจะมาเยือน เขาคงพาอิ๋งอิ๋งน้อยไปซ่อนให้ไกลแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียนางให้แก่อีกฝ่ายเช่นนี้ยิ่งคิดผู้ปกครองแดนนรกภูมิยิ่งยากจะทำใจ และในขณะที่กำลังจมอยู่กับความโศกานั่นเอง บุคคลในชุดดำและขาวคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมเสียงทักทายแสดงความเคารพจากผู้มาใหม่“คารวะเหยียนหลัวหวาง”“เฮ่ยเสี่ยวอู่ เฮ่ยเสี่ยวฉาง” เหยียนหลัวหวางขานชื่อสองยมทูตตรงหน้า “พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว จงนำนางไปเกิดใหม่ที่เดียวกับตี้จวินโดยเร็วเถิด ชักช้าไปเวลาบนโลกมนุษย์จะทำให้คลาดเคลื่อนกัน”เห็นสีหน้าสองยมทูตมีความงุนงง เหยียนหลัวหวางพลันนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่เพิ่งมาถึงยังไม่รู้เรื่องราว จึงบอกเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ ก่อนจะตัดใจส่งลูกเเสงก้อนกลมในมือให้เฮ่ยเสี่ยวฉางรับไป จากนั้นพญายมราชจึงหมุนกายเดินกลับห้องทำงานตนเองทั้งน้ำตา เขาทำใจไปส่งนางด้วยตนเองไม่ได้จริงๆ‘โธ่...อิ๋งอิ๋งน้อยของข้า’เฮ่ยเสี่ยวอู่มองก้อนกลมที่สว่างเรื่อบนมือเฮ่ยเสี่ยวฉาง ก่อนจะมองหน้าสบตากันอย่างไร้คำพูดอยู่ครู่หนึ่ง บางทีเทพเจ
“ด่านรัก!” เหยียนหลัวหวางร้องตะโกนเสียงดังลั่น ดวงตาผู้ยิ่งใหญ่เเห่งเเดนยมโลกมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยเเววเหลือเชื่อ นี่เทพนอกคอกผู้นี้คิดจะสร้างความวุ่นวายอะไรให้เเก่พวกเขาอีกยามนี้เเดนสวรรค์ถูกปกครองโดยเง็กเซียนฮ่องเต้ เหล่าเทพรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นปานดอกเห็ด ทว่าบรรดาเทพยุคเก่ากลับเริ่มเสื่อมถอย ในหมู่เทพบรรพกาลนอกขอบฟ้า หลายองค์บ้างถึงกาลเเตกดับ บางองค์ก็ลงไปเผชิญกับด่านเคราะห์เล่นเเก้เบื่อเเต่นั่นไม่ใช่กับผู้ที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขา จอมเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้หาได้เคยให้ความสนใจแก่ผู้ใด อีกทั้งยังมีความเป็นมาลึกลับเกินกว่าจะกล่าวถึง เพราะเทพบรรพกาลองค์นี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไรนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้ เเม้เเต่เหล่าเทพในยุคก่อนด้วยกันเองก็ตามเนื่องด้วยเขานั้นไร้ตัวตนอย่างยิ่ง ทำให้แม้แต่บนหินสามชาติก็หาได้มีชื่อสลักดั่งผู้อื่น นับว่าเป็นเทพที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง ไร้ซึ่งความเป็นมา ไร้นามให้ขับขาน ดังนั้นเหล่าบรรดาเทพเซียนทุกตนจึงพากันขนานนามอีกฝ่ายว่า ‘ตี้จวิน’ จนติดปากเเต่พลังของเทพนอกฝั่งฟ้าผู้นี้กลับมิได้ไร้ตัวตนเหมือนสถานะของเขาแม้แต่น้อย เมื่อรวมเข้ากับนิสัย ‘มองหน้