Masukณัฏฐ์ขยับตัวนั่งที่เบาะเหมือนเดิม พลางมองคู่หมั้นหลับคอพับด้วย สีหน้าลังเล จะต้องทำจริง ๆ หรือ ผู้หญิงคนนี้คือคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยและเป็นคนที่ไว้ใจเขามากที่สุด แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องตายทั้งคู่ และเธอก็บอกเองว่าต่อให้เขาทำผิดมากแค่ไหนก็อภัยให้ได้เสมอ
“ขอโทษนะ” เขาได้แต่เอ่ยขอโทษด้วยความผิดบาป แม้ใจยังลังเลอยากจะเลี้ยวรถกลับไปก็ตาม “บ้าจริง !” ส่วนลึกในใจตอกย้ำต่อความรักและความเชื่อใจที่มีให้กันจนไม่กล้าที่จะทำ ณัฏฐ์นั่งลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจจะขับรถเลี้ยวกลับไปทว่า ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะกระจกทำให้เขาสะดุ้งหันไปมองด้วยความหวาดหวั่น คนด้านนอกทำมือเป็นสัญญาณบอกให้ออกมา ณัฏฐ์ทำอะไรไม่ถูกเพราะ ความกลัวกำลังครอบงำจิตใจ จึงทำตามที่อีกฝ่ายบอกโดยง่าย “เงินอยู่ไหน” ชายหนุ่มสะดุ้งพลางยกมือขึ้นไหว้ “ผมยังไม่มี ผม...” ยังพูดไม่ทันจบณัฏฐ์ก็ถูกอีกฝ่ายต่อยล้มลงที่พื้น ครั้นจะทรงตัวยืนขึ้นก็ถูกกระทืบซ้ำอีกหลายที “อั๊วบอกแล้ว ถ้าไม่มีเงินให้ก็ต้องตาย !” ชายหนุ่มมองปืนที่อยู่ในมือชายร่างท้วมด้วยความหวาดกลัว พลาง ยกมือขึ้นไหว้ของร้องชีวิต “เฮียโชค...ผม...” “จัดการมันซะ” สิ้นเสียงคำสั่งชายชุดดำอีกสามคนเดินเข้ามา ณัฏฐ์หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายไม่มีแรงที่จะวิ่งหนีด้วยซ้ำ พลันนึกถึงเรื่อง ที่ตัดสินใจลงไปก็รีบพูดออกมาทันที “เฮีย ผมจะใช้หนี้ให้ !” ลูกน้องทั้งสามคนหันไปมองเจ้านายรอฟังคำสั่งต่อไป “ไหน ! เอาเงินมา” ณัฏฐ์ชี้มือไปที่รถ “อั๊วไม่ต้องการรถเก่า ๆ ของลื้อ !” โชคชัยขึ้นเสียงด้วยความโมโหส่งสัญญาณให้ลูกน้องจัดการทันที ณัฏฐ์รู้ว่าวันนี้ตนไม่รอดจากความตายแน่ จึงรีบพูดออกมา “ไม่ ๆ เฮีย...ผมหมายถึงผู้หญิง” “ผู้หญิง ?” คนฟังหยุดชะงักมอง ณัฏฐ์พยักหน้าและมองไปที่รถอีกครั้ง “ไปดูดิวะ” คำสั่งของเจ้านายทำให้ลูกน้องหนึ่งในสามเดินเข้าไปดู ก่อนเดินมากระซิบที่ข้างหู โชคชัยพยักหน้ารับรู้และยกมือปัดสั่งให้อีกสองคนถอยออกมา “ไปเอาตัวออกมา” เมื่อร่างของหญิงสาวถูกอุ้มออกมาจากรถแล้ว โชคชัยมองสัดส่วนและรูปร่างหน้าตาอย่างพึงใจก่อนจะหันไปมองณัฏฐ์ “บอกแต่แรกก็จบแล้ว” ณัฏฐ์กลืนน้ำลายพลางยกมือไหว้ถอยหนี ขณะที่มองแฟนสาวถูกอุ้มขึ้นรถของอีกฝ่ายไป กระทั่งรถของโชคชัยขับออกไปจนพ้นสายตาแล้ว เขาจึงขยับตัวลุกขึ้น ความรู้สึกผิดบาปไม่ได้เกิดขึ้นให้สำนึกแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขารู้สึกโล่งใจที่ใช้หนี้พนันก้อนนี้หมดและไม่ต้องมาตาย หากมิราวดีกลับมาแค่พูดให้เข้าใจได้ว่าเธอเพียงแค่ถูกฉุดไป ส่วนเขา นั้นถูกทำร้ายร่างกายจนปางตาย เพียงแค่นี้หญิงสาวก็ให้อภัย อีกอย่างเธอรักเขา แน่นอนว่าต้องยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาทำลงไป ร่างของหญิงสาวนอนอยู่บนฟูกในห้อง เธอขยับตัวพลางปรือตาขึ้นมาด้วยความงุนงง เรี่ยวแรงยังกลับมาไม่หมดแต่ก็พยายามฝืนขยับตัวลุกขึ้นมองสถานที่และห้องที่ไม่คุ้นเคย ซ้ำกลิ่นอับชื้นและสกปรกจนน่าตกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มิราวดีทบทวนเหตุการณ์เท่าที่จำได้ ตอนนั้นเธออยู่กับแฟนหนุ่มและเขาบอกว่าให้ใช้ผ้าปิดตา มันผิดแปลกวิสัยที่ทำแบบนี้ และหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย หญิงสาวลุกขึ้นจากฟูกนอนเก่าเดินสำรวจห้องที่ไม่มีแม้แต่ช่องระบายอากาศหรือหน้าต่างสักนิด สองเท้าเดินเข้าไปหวังจะเปิดประตูออก แต่ก็ได้ยินเสียงจากทางด้านนอกที่ทำให้ต้องเงี่ยหูฟัง “อย่าคิดจะหนีอีก !” มิราวดีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องของผู้หญิง จึงพยายามที่จะเอียงหูฟังความต่อไป “จับมันไว้ดี ๆ อย่าทำให้สินค้าต้องเสียหาย” สินค้าเหรอ มิราวดีพลางนึกคิดด้วยความหวั่นใจ ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกจึงรีบหมายจะเดินออกไปทว่ากลับมีหญิงสาวใบหน้าฟกช้ำถูกส่งตัวโยนเข้ามา เธอจึงรีบเดินออกไปแต่กลับถูกห้ามไว้ “ออกไปนะ ฉันจะกลับบ้าน !” หญิงสาวขึ้นเสียงเข้มข่ม “จะกลับบ้าน” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังของชายตัวใหญ่ ก่อนเดินเข้ามาหามิราวดี “กลับไปไหน” “ถอยไป” มิราวดีเดินเข้าไปหาหวังจะออกไปจากห้องแต่กลับถูกผลักลงที่พื้นอย่างแรง ดวงตากลมมองด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าของเสียงเป็นชายร่างท้วมใบหน้าหื่นกามดูไม่น่าไว้ใจ “พวกคุณเป็นใคร ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ” “แจ้งความ” เสียงหัวเราะสมเพชของชายร่างท้วมดังลั่นขึ้น “เอาเซ่ ถ้าลื้อหนีออกไปได้ แต่ทางที่ดีอยู่เฉย ๆ เตรียมเป็นสินค้าของอั๊วจะดีกว่า” “หมายความว่ายังไง” “จะบอกให้เอาบุญนะ แฟนของลื้อน่ะมันขายลื้อให้อั๊วแล้ว” โชคชัยหัวเราะยิ้มมองสินค้าอย่างพึงใจ เพราะงานนี้ได้เงินก้อนใหญ่แน่ ๆ “ลื้อก็ทำตัวดี ๆ อยู่เฉย ๆ แล้วจะไม่เจ็บตัว” เธอมองตามสายตาเมื่อเห็นหญิงสาวอีกคนที่นั่งโทรมอยู่ หน้าตาและตัวฟกช้ำจนปางตาย มิราวดีอยู่ในสภาวะตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ครั้นตั้งสติได้ก็หันไปมองประตูแต่ก็ไม่รู้ว่าปิดไปตอนไหน พอกลับมานั่งทบทวนแล้วก็เข้าใจได้ว่าทำไมแฟนหนุ่มถึงนัดเธอออก มาดินเนอร์และย้ำหลายครั้งว่าให้แต่งตัวสวย ๆ ซ้ำยังมอบดอกไม้ให้และพูดขอโทษในสิ่งที่ไม่เคยทำผิด และเป็นเธอที่หลงคารมจนพูดรับปากออกไป “ไอ้คนชั่ว !” หญิงสาวตะโกนลั่นด้วยความโกรธและโมโหไม่คิดว่าแฟนที่คบกันมาเกือบสิบปี แถมกำลังจะแต่งงานกันกลับหลอกเธอมาขายให้กับใครก็ไม่รู้ “ไอ้บ้า ! ไอ้หน้าตัวเมีย %$#*#@!*&!!!....ไปตายซะ !” ถึงจะก่นด่าไปมากสักเท่าไหร่ก็ไม่หายโมโห ตอนนี้แม้แต่เวลาเสียใจตัดพ้อต่อความรักที่มีต่อแฟนหนุ่มยังไม่มีด้วยซ้ำ มีแค่ความโกรธและหาหนทางหนีออกไปจากที่แห่งนี้ก่อน มิราวดีหันมองหญิงสาวที่นอนอยู่บนฟูกก่อนจะเริ่มเอ่ยถาม แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้และพูดว่า ‘อยากตาย’ เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดี มันก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดเมื่อผู้หญิงถูกหลอกมาขายตัว และหมดหนทางที่จะหนีหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว มิราวดีตัดสินใจที่จะตามหาพ่อบ้านมงคลเพื่อถามคำถามที่ค้างคาใจมาหลายวัน“ให้ฉันช่วยนะคะ” เธอเดินเข้ามาในห้องครัวและช่วยเก็บของ“ผมทำเองดีกว่าครับ แค่เล็กน้อย” พ่อบ้านมงคลพูดอย่างเกรงใจแต่พอมองสีหน้าที่ไม่สบายใจของเจ้านายแล้วจึงเอ่ยถาม“นายหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ก่อนหรือไม่ครับ”มิราวดีรู้ดีว่าตัวเองนั้นกลบเกลื่อนสีหน้านั้นไม่ค่อยเก่งจึงได้แค่ยิ้มหวานให้“เอ่อ...ฉันไม่รบกวนคุณพ่อบ้านตอนทำงานนะคะ แต่ที่จริงก็มีหลายอย่างที่จะ...เอ่อ”“มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือครับ เสร็จแล้วค่อยกลับมาทำงานตรงนี้ก็ได้ครับ”มิราวดีมีท่าทีกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม“ถามไปเถอะ อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ” เสียงของอาโปดังขึ้นก่อนเจ้าไก่สีขาวจะเดินเข้ามาแล้วหันไปพูดกับพ่อบ้านมงคล“ฉันมาตามของว่างหลังอาหาร”พ่อบ้านมงคลนึกขึ้นได้จึงรีบเดินไปจัดการทันที ส่วนมิราวดีก็ยืนงงมองอาโปสลับกับพ่อบ้าน“ถึงเวลาที่ต้องรู้แล้วสินะ แล้วนี่ก
มิราวดียังคงมีคำตอบที่ค้างคาใจอยู่ แม้จะกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะนำเรื่องนี้ไปถามพ่อบ้านมงคลตามคำบอกของชายหนุ่ม เธอกำลังคิดว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่จะรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้ หรือจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่ต้องสนใจว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทว่าคำพูดของเขาที่บอกว่า รอเธอมานาน นั้นทำให้อดที่จะหาคำตอบไม่ได้เดิมทีวันทั้งวันเธอจะเต็มที่กับการทำงานเสมอ ทว่าวันนี้หญิงสาวกลับไม่มีสมาธิทำงานเท่าที่ควรนั่น เพราะความแคลงใจที่มี ในช่วงบ่ายของวันเธอต้องออกไปพบลูกค้าที่ไซต์งานตามนัด เมื่อพบปะลูกค้าตามนัดเรียบร้อย มิราวดีอยากพักผ่อนในช่วงเวลาสับสนนี้จึงตัดสินใจไม่กลับเข้าบริษัทมิราวดีขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งงานและคำถามที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“วันนี้กลับมาเร็วก่อนเวลา ผมยังเตรียมอาหารให้ไม่เสร็จเลยครับ”พ่อบ้านมงคลเดินออกมาต้อนรับ“เอ่อ ... แล้ว...”“นายท่านยังไม่กลับมาครับ แต่ก็คงอีกสักพักหนึ่ง อยากให้ผมยกอาหารว่างขึ้นไปให้ก่อนไหมครับ” พ่อบ้านมงคลเอ่ยมิราวดีส่ายหน้าและพูดขึ้นในทันที“ไม่ค่ะ เดี๋ย
“คุณ...” นั่นแทบเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่รชตจะมาช่วยได้ทันเวลา“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าผมจะปกป้องคุณ”“อย่าเข้ามายุ่งดีกว่าถ้ายังไม่อยากตาย”รชตมองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวอยากจะฆ่าพวกมันเสียตอนนี้เลย หากรอเธออยู่ที่เดิมไม่รู้ว่าจะมาทันหรือไม่ ดีที่ตัดสินใจเดินตามชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้น หยิบปืนขึ้นมาขู่เพื่อให้อีกฝ่ายกลัว“สงสัยมันอยากตาย”นัยน์ตาคมมองอย่างเดือดดาล ทันทีที่พวกมันยกปืนขึ้นหมายจะยิง ชายหนุ่มก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วและใช้มือบีบคออีกฝ่ายดันให้ตัวลอยสูงขึ้นแล้วเหวี่ยงด้วยแรงทั้งหมดให้ร่างนั้นกระแทกชนกับต้นไม้ใหญ่อีกฝั่ง ล้มกระแทกตัวลงมาที่พื้น ส่วนอีกคนเห็นท่าไม่ดีก็รีบหยิบปืนขึ้นมาเหนี่ยวไกด้วยความหวาดกลัวความตาย“ระวังค่ะ!”ช้าไปเสียแล้ว ลูกกระสุนพุ่งหวือออกมาเจาะร่างของรชตจนล้มลงกับพื้น เขาใช้มือกุมหน้าท้องเอาไว้ เลือดที่เกิดจากบาดแผลนั้นไหลออกมาผ่านเสื้อที่สวมอยู่ ความรู้สึกเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างมิราวดีตกใจรีบวิ่งเข้ามาหาเขาทันที ส่วนอีกคนเห็นท่าว่าควรรีบหนีเอาตัวรอด
ช่วงเวลาที่แสนวิเศษมักจะผ่านไปเร็วเสมอ มิราวดีใช้เวลาหลายวันในการเดินทางเที่ยวและพักผ่อนโดยที่ทิ้งเรื่องงานทั้งหมดไป จนถึงคืนสุดท้ายโชคดีที่ได้ข่าวจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าที่ศาลเจ้าไม่ไกลจากที่พักมีจัดงานเทศกาลของศาลเจ้าและของกินในช่วงกลางคืนบรรยากาศท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะในช่วงต้นฤดูหนาว นักท่องเที่ยวต่างมาชมการแสดงและงานที่จัดเพียงปีละครั้งเท่านั้นมิราวดีและรชตเดินมาจนถึงลานการแสดงที่ถูกจัดอย่างสวยงาม“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีงานที่สวยขนาดนี้ด้วย”มิราวดีพูดพลางมองพลุบนท้องฟ้าที่ถูกจุดขึ้นหลายนัดรชตหันมองใบหน้าสวยของภรรยาที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พลันคิดว่าในอดีตชาติที่เธอทำไปเพราะว่ารักเขา จนตอนนี้การกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเพื่อรอการแก้คำสาปนี้ แม้ที่ผ่านมาจะเกลียดและรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคือสาเหตุของความทรมานที่ต้องทนมาหลายร้อยปี“คุณคะ อยากลองเล่นหน่อยไหมคะ”มิราวดีเอ่ยขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังจุดหมาย“คุณอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้นเหรอ ไว้ผมไปซื้อให้ก็ได้”มิราวดีส่ายหน้าพลางแล้วนิ่งเงียบไปคร
ตะวันสาดส่องผ่านม่านเข้าสู่ห้องนอนในยามเช้า หญิงสาวกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ในอ้อมกอดของคนข้างตัว เธอขยับตัวลุกขึ้นบิดคลายเมื่อยพลางหันมองคนตัวใหญ่ที่ยังหลับสนิทอยู่ แล้วจึงลงจากเตียงอย่างเบา ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของอีกฝ่าย ก่อนเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มในยามเช้า เป็นเพราะค่ำคืนที่มีความสุขที่สุดก็ว่าได้แน่นอนว่าเพียงคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอยอมเปิดหัวใจรับเขาเข้ามา แม้ว่ารชตจะไม่บอกรักเหมือนที่เคยได้ยินจากปากแฟนเก่าก็ตาม มิราวดียิ้มเขินอย่างมีความสุขขณะที่อาบน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อาบเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำจึงเห็นว่าชายหนุ่มนั้นตื่นเเล้ว“เราไปกินข้าวแล้วเข้าไปในเมืองกันไหม มีโบราณสถานและตลาดโบราณด้วย” รชตเสนอเพราะในหัวก็ไม่มีเเผนการเที่ยวที่วางไว้นอกจากถามพนักงานว่าที่ไหนน่าสนใจและควรไปบ้าง“คุณอยากไปไหม”“ไปแน่นอนค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันชอบซื้อไปกินไปนี่คะ”มิราวดีตอบเสียงใสชายหนุ่มยิ้มมองใบหน้าของภรรยาอย่างมีความสุข เขารู้ถึงสิ่งที่รบกวนใจเเล้ว ทว่าในส่วนลึกก็ยังคงหวาดกลัวอนาคตภายภาคหน้าอย
“ชอบมากค่ะ”“ผมขอโทษที่ไม่ได้ถามความเห็นของคุณก่อน”มิราวดีหันมองชายหนุ่มด้วยแววตาใส“ไม่ค่ะ คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าจะจัดการให้นี่คะ และฉันก็ชอบที่นี่มากด้วย”รชตยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ พลางเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าของ หญิงสาว ครั้นส่งสายตามองนานเท่าไรหัวใจและความรู้สึกที่อยู่ในอกก็แทบทะลักออกมา แม้รู้ดีว่าความสับสนนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียวฝ่ามืออุ่นสัมผัสใบหน้ายิ่งทำให้แก้มทั้งสองข้างของมิราวดีผ่าวร้อนมากขึ้น จะให้ตัดใจและสร้างกำแพงที่เริ่มทลายลงใหม่อีกครั้งก็คงยาก เธอก้มหน้าลงรับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้หัวใจระทวยยิ่งกว่าเดิมชายหนุ่มใช้มือเชยคางของภรรยาขึ้นให้สบตา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากจะครอบครองหัวใจและร่างกายของเธอ ยิ่งพยายามหลีกหนีมากแค่ไหน กลับกลายเป็นว่าหัวใจนั้นเรียกร้องหามากเท่านั้น เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จน ลมหายใจสัมผัสผิวแก้ม ดวงตากะพริบมองด้วยความตกใจและรีบเบี่ยงหน้าหลบอย่างรวดเร็วรชตมองด้วยแววตาสับสนและผิดหวังที่ถูกปฏิเสธ เขาขยับตัวออกห่างมองภรรยาที่ก้มหน้าอยู่ หรือเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเล







