LOGINนานเกือบสองชั่วโมง กว่าที่หญิงสาวคนนี้จะยอมเล่าว่าตนเองนั้นก็ถูกขายใช้หนี้พนันเหมือนกัน และก็พยายามหาทางหนีหลายรอบแต่ไม่เคยสำเร็จ ทั้งยังบอกอีกว่ามีทางเดียวที่จะหนีได้คือช่วงหลังงานประมูล ช่วงนั้นคนคุมมีน้อย ซ้ำเฮียโชคหรือพ่อค้ามนุษย์ก็สนใจแต่ลูกค้าและเงินที่กำลังได้มา
“เราหนีไปด้วยกันไหม” อีกฝ่ายส่ายหน้า เพราะรู้ว่าหมดหนทางแล้ว “ไม่ได้ เพราะพวกมันเข้มงวดกับฉันมากขึ้น หากมันเจอว่าฉันหนีไปอีก ฉันต้องถูกฆ่าตายแน่ ๆ ถ้าเธอหนีไปได้ก็รีบย้ายที่อยู่ ย้ายไปให้ไกล ๆ ไม่ให้มันตามเจอ” มิราวดีพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรอีก เพราะนอกจากจะต้องหนีแล้วคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ตอนนี้ได้เพียงแค่เฝ้ารอเวลาที่จะถูกขายประมูลออกไป หญิงสาวรู้สึกเจ็บใจมากกว่าเจ็บปวด เพราะไว้ใจแฟนหนุ่มราวกับคนในครอบครัวแต่ท้ายที่สุดกลับถูกแทงข้างหลัง ความรักที่มีไม่ได้สลายหายไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่มันกลับดูว่างเปล่าและย้ำเตือนว่าที่ผ่านมาแค่คำหลอกลวง ไม่ใช่ความจริงใจ ไม่ใช่ความรัก แค่คำตอแหลของผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าเขารักเธอจริง คงไม่ทำร้ายชีวิตเธอแบบนี้ ! หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... มิราวดีใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงในห้องพักโทรม ๆ อาหารทุกมื้อถูกส่งมาให้ครบไม่มีขาด และเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาหญิงสาวที่อยู่ร่วมห้องถูกพาตัวออกไป อีกไม่นานก็คงถึงเวลาของเธอแล้ว ในใจหวาดหวั่นด้วยความกลัวแต่ก็ต้องข่มสติและพยายามหาหนทางหนีให้ได้ ดวงตากลมกวาดสายตามองของภายในห้องที่พอจะใช้เป็นอาวุธสำหรับหลบหนี ทว่าในห้องนี้ไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากฟูกนอนบนพื้นและชักโครกในห้องน้ำเท่านั้น ราวกับว่าพวกมันรู้ว่ามีผู้หญิงหลายคนที่ถูกพามาและพยายามจะหนีออกไป ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรง มิราวดีสะดุ้งขยับตัวถอยหนีเมื่อมีผู้ชายร่างใหญ่ถึงสองคนเดินเข้ามา “พาตัวออกไป อย่าให้สินค้าเสียหาย” หญิงสาวรู้ดีว่าสักวันจะต้องมาถึง จึงนิ่งควบคุมสติไม่ร้องโวยวาย และยอมเซไปตามแรงดึงที่ชายสองคนนั้นพาออกไป “นี่ จะพาฉันไปไหน” อีกฝ่ายหันมองโดยไม่ตอบ แต่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันของเธอที่จะต้องถูกขายประมูลออกไป เมื่อเดินออกมาจนถึงห้องหนึ่ง เธอก็ถูกผลักเข้าไปและได้ยินคำสั่งว่าให้จัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดให้ดูสะอาด แต่ก็ไม่ใช่ข่าวดีมากนัก ผู้หญิงที่มาแต่งหน้าให้เธอได้พูดออกมาว่า “เธอโชคดีนะ ที่ไม่ต้องถูกประมูล แถมได้ข่าวมาว่าลูกค้าคนนี้เงินหนา สบายไปทั้งชาติแน่ ๆ ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นมิราวดีก็ใจหายวาบ ความรู้สึกและแผนการที่เตรียมตัวหนีมานั้นหายไปหมดสิ้น เธอไม่ได้ถูกส่งไปประมูล แต่เขาจับมาแต่งตัวเพื่อส่งให้ลูกค้าวีไอพี ! หลังจากที่ถูกจับแต่งหน้าใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จแล้ว ทุกคนก็ออกจาก ห้องไป หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก หากสวรรค์ยังมีเมตตาต่อเธอก็ได้โปรดช่วยให้หนีพ้นเคราะห์กรรมที่หนักหนาที ยิ่งเวลาเดินผ่านไปแต่ละวินาทีมากเท่าไหร่ มิราวดียิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น ใจหวังเพียงว่าขอมีโอกาสสักเล็กน้อยให้หลบหนีก็ยังดี ประตูห้องถูกเปิดออกหลังจากที่หญิงสาวนั่งรอในห้องราวชั่วโมง “ออกมาได้แล้ว” มิราวดีทำตามอย่างว่าง่าย ในใจก็หวาดหวั่นว่าจะหนีไปได้หรือไม่ เมื่อเดินไปตามทางจนกระทั่งออกมาอยู่ด้านนอกถึงรู้ว่าที่นี่คือแหล่งสถานบันเทิงอโคจรที่สุดของเมือง แม้ตำรวจจะมาตรวจหลายครั้งแต่พวกมันก็หลบหนีได้ ซ้ำยังสาวถึงเจ้านายใหญ่ไม่ได้อีก “พี่จะพาฉันไปไหนเหรอจ๊ะ” หญิงสาวข่มน้ำเสียงเอ่ยถาม อีกฝ่ายไม่ตอบคำถามแต่สั่งมาว่า “ขึ้นรถไป” แม้จะอยากขัดขืนและรีบวิ่งหนีไปแต่ทว่าย่านนี้เธอไม่คุ้นชินเส้นทาง และไม่รู้ว่าหากหนีไปตอนนี้แล้วจะรอดปลอดภัยเลยหรือเปล่า มิราวดีจึงยอมขึ้นรถไปโดยที่ไม่รู้ว่าจะมีทางหนีด่านหน้าได้หรือไม่ ภายในรถมีคนคุมตัวเธออยู่หนึ่งคน รวมคนขับด้วยก็เป็นสองคน ตอนแรกคิดว่าจะส่งมาเยอะแต่นี่ดูเหมือนพวกมันจะคิดว่าเธอไม่หนี ตลอดทางที่ขับออกมาเริ่มเข้าถนนใหญ่ในเส้นทางที่เริ่มคุ้นชินบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เบาใจเพราะเป็นถนนใหญ่ที่ไม่ค่อยมีบ้านเรือนหรือมีแสงสว่างมากนัก หากหาสาเหตุหนีออกไปอาจจะเจอพวกโรคจิตตอนกลางคืนอีกได้ ครั้นรถแล่นเข้าในใจกลางเมือง แสงสี และเสียงทำให้หญิงสาวเบาใจลง เธอจึงขยับตัวม้วนท้องออกอุบายหลอกอีกฝ่ายทันที “โอ้ย ๆ พี่จอดรถแวะปั๊มด้านหน้าได้ไหม” มิราวดีทำท่าทางบิดปวดท้องร้องโวยวายหวังให้ทั้งสองคนยอมเชื่อ เพราะปั๊มด้านหน้านั้นต่อเชื่อมกับสะพานที่เข้าไปถึงห้างสรรพสินค้าพอดี หากหลบหนีที่นี่แน่นอนว่ามีโอกาสรอดสูง “โอ้ย ๆ พี่จอดเถอะนะ ฉันว่าฉันท้องเสีย ปวดบิดมาก โอ้ย ๆ ไม่ไหวแล้ว...จะไหลแล้ว” มิราวดีร้องไปพลางเหลือบมองคนสองคนที่มีท่าทางลังเล “โอ้ย ๆ ปวดท้อง ไม่ไหวแล้ว โอ้ย ๆ พี่ ขี้ฉันใกล้ทวารหนักแล้ว” ปู๊ด ปู๊ด จังหวะมาพอดีที่ปล่อยก๊าซธรรมชาติส่งกลิ่นเน่าจนเธอเองก็อยากจะเป็นลม แน่นอนว่าทั้งสองคนก็แทบทนไม่ได้ ปู๊ด ปู๊ด ป๊าด “เฮ้ย จอดที่ปั๊มด้านหน้านี้แหละ” อีกคนที่นั่งอยู่ข้างเธอสั่งคนขับรถให้เลี้ยวเข้าปั๊มตามจุดหมาย มิราวดีภาวนาขอบคุณในใจที่สวรรค์เมตตา รถแล่นเข้าจอดในปั๊มตัวเมือง ภายในปั๊มข้าง ๆ ก็มีร้านอาหาร ฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เรียกว่าเป็นใจกลางเมือง หญิงสาวร้องครางอวดโอยขณะที่รถกำลังจอดลง ชายคนหนึ่งที่นั่งข้าง ๆ เปิดประตูลงจากรถและพูดว่า “รีบ ๆ ซะ อย่าได้คิดหนี” “จ้ะ โอ้ย ๆ” หญิงสาวแสดงอาการร้อง ปวดจับหน้าท้องน้อยเดินตรงไปยังห้องน้ำ “ไม่ตามไปเหรอพี่” “จะตามไปให้คนอื่นสงสัยทำไมวะ มึงดูดิคนนั่งเยอะแยะ” “จะไม่หนีเหรอพี่” “เออ มึงก็ช่วย ๆ กันดูไว้” ทางด้านของมิราวดี หลังจากที่เข้ามาในห้องน้ำแล้วก็มองหาเส้นทาง ที่เดินออกไปฝั่งห้องน้ำชาย แถมดูเหมือนว่าพวกนั้นไม่ได้หันมาสนใจฝั่งนี้ จึงรีบเดินอ้อมทางด้านหลังห้องน้ำชายออกไป ทุกย่างก้าวต้องมองทั้งสองคนด้วยความระแวงกลัวว่าจะหันมามองในขณะที่กำลังหลบหนีอยู่ ได้จังหวะที่รถคันใหญ่ผ่านมาเข้ามาจอดพอดีช่วยบังให้วิ่งหลบหนีออกมาได้ แต่ทว่า... “เฮ้ย ! จะหนีไปไหน !” เสียงของผู้ชายคนขับรถตะโกนไล่หลังมา แม้มองออกไปจะดูห่างไกลแต่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายวิ่งเร็วมาก หญิงสาวหันมองเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะรีบวิ่งขึ้นสะพานลอยข้ามฝั่งไป เธอชนคนที่เดินไปมามากมายโดยไม่สน นาทีนี้ขอเพียงหลุดรอดออกไปได้แค่นี้ก็พอ หากสวรรค์ยังมีเมตตาขอให้เธอหนีพวกคนเลวพ้นด้วยเถอะหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว มิราวดีตัดสินใจที่จะตามหาพ่อบ้านมงคลเพื่อถามคำถามที่ค้างคาใจมาหลายวัน“ให้ฉันช่วยนะคะ” เธอเดินเข้ามาในห้องครัวและช่วยเก็บของ“ผมทำเองดีกว่าครับ แค่เล็กน้อย” พ่อบ้านมงคลพูดอย่างเกรงใจแต่พอมองสีหน้าที่ไม่สบายใจของเจ้านายแล้วจึงเอ่ยถาม“นายหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้ก่อนหรือไม่ครับ”มิราวดีรู้ดีว่าตัวเองนั้นกลบเกลื่อนสีหน้านั้นไม่ค่อยเก่งจึงได้แค่ยิ้มหวานให้“เอ่อ...ฉันไม่รบกวนคุณพ่อบ้านตอนทำงานนะคะ แต่ที่จริงก็มีหลายอย่างที่จะ...เอ่อ”“มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยหรือครับ เสร็จแล้วค่อยกลับมาทำงานตรงนี้ก็ได้ครับ”มิราวดีมีท่าทีกระวนกระวายใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม“ถามไปเถอะ อยากรู้คำตอบไม่ใช่เหรอ” เสียงของอาโปดังขึ้นก่อนเจ้าไก่สีขาวจะเดินเข้ามาแล้วหันไปพูดกับพ่อบ้านมงคล“ฉันมาตามของว่างหลังอาหาร”พ่อบ้านมงคลนึกขึ้นได้จึงรีบเดินไปจัดการทันที ส่วนมิราวดีก็ยืนงงมองอาโปสลับกับพ่อบ้าน“ถึงเวลาที่ต้องรู้แล้วสินะ แล้วนี่ก
มิราวดียังคงมีคำตอบที่ค้างคาใจอยู่ แม้จะกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่ก็ไม่กล้าจะนำเรื่องนี้ไปถามพ่อบ้านมงคลตามคำบอกของชายหนุ่ม เธอกำลังคิดว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่จะรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้ หรือจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่ต้องสนใจว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทว่าคำพูดของเขาที่บอกว่า รอเธอมานาน นั้นทำให้อดที่จะหาคำตอบไม่ได้เดิมทีวันทั้งวันเธอจะเต็มที่กับการทำงานเสมอ ทว่าวันนี้หญิงสาวกลับไม่มีสมาธิทำงานเท่าที่ควรนั่น เพราะความแคลงใจที่มี ในช่วงบ่ายของวันเธอต้องออกไปพบลูกค้าที่ไซต์งานตามนัด เมื่อพบปะลูกค้าตามนัดเรียบร้อย มิราวดีอยากพักผ่อนในช่วงเวลาสับสนนี้จึงตัดสินใจไม่กลับเข้าบริษัทมิราวดีขับรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งงานและคำถามที่ยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“วันนี้กลับมาเร็วก่อนเวลา ผมยังเตรียมอาหารให้ไม่เสร็จเลยครับ”พ่อบ้านมงคลเดินออกมาต้อนรับ“เอ่อ ... แล้ว...”“นายท่านยังไม่กลับมาครับ แต่ก็คงอีกสักพักหนึ่ง อยากให้ผมยกอาหารว่างขึ้นไปให้ก่อนไหมครับ” พ่อบ้านมงคลเอ่ยมิราวดีส่ายหน้าและพูดขึ้นในทันที“ไม่ค่ะ เดี๋ย
“คุณ...” นั่นแทบเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่รชตจะมาช่วยได้ทันเวลา“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าผมจะปกป้องคุณ”“อย่าเข้ามายุ่งดีกว่าถ้ายังไม่อยากตาย”รชตมองด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวอยากจะฆ่าพวกมันเสียตอนนี้เลย หากรอเธออยู่ที่เดิมไม่รู้ว่าจะมาทันหรือไม่ ดีที่ตัดสินใจเดินตามชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้น หยิบปืนขึ้นมาขู่เพื่อให้อีกฝ่ายกลัว“สงสัยมันอยากตาย”นัยน์ตาคมมองอย่างเดือดดาล ทันทีที่พวกมันยกปืนขึ้นหมายจะยิง ชายหนุ่มก็วิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วและใช้มือบีบคออีกฝ่ายดันให้ตัวลอยสูงขึ้นแล้วเหวี่ยงด้วยแรงทั้งหมดให้ร่างนั้นกระแทกชนกับต้นไม้ใหญ่อีกฝั่ง ล้มกระแทกตัวลงมาที่พื้น ส่วนอีกคนเห็นท่าไม่ดีก็รีบหยิบปืนขึ้นมาเหนี่ยวไกด้วยความหวาดกลัวความตาย“ระวังค่ะ!”ช้าไปเสียแล้ว ลูกกระสุนพุ่งหวือออกมาเจาะร่างของรชตจนล้มลงกับพื้น เขาใช้มือกุมหน้าท้องเอาไว้ เลือดที่เกิดจากบาดแผลนั้นไหลออกมาผ่านเสื้อที่สวมอยู่ ความรู้สึกเจ็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างมิราวดีตกใจรีบวิ่งเข้ามาหาเขาทันที ส่วนอีกคนเห็นท่าว่าควรรีบหนีเอาตัวรอด
ช่วงเวลาที่แสนวิเศษมักจะผ่านไปเร็วเสมอ มิราวดีใช้เวลาหลายวันในการเดินทางเที่ยวและพักผ่อนโดยที่ทิ้งเรื่องงานทั้งหมดไป จนถึงคืนสุดท้ายโชคดีที่ได้ข่าวจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าที่ศาลเจ้าไม่ไกลจากที่พักมีจัดงานเทศกาลของศาลเจ้าและของกินในช่วงกลางคืนบรรยากาศท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะในช่วงต้นฤดูหนาว นักท่องเที่ยวต่างมาชมการแสดงและงานที่จัดเพียงปีละครั้งเท่านั้นมิราวดีและรชตเดินมาจนถึงลานการแสดงที่ถูกจัดอย่างสวยงาม“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีงานที่สวยขนาดนี้ด้วย”มิราวดีพูดพลางมองพลุบนท้องฟ้าที่ถูกจุดขึ้นหลายนัดรชตหันมองใบหน้าสวยของภรรยาที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พลันคิดว่าในอดีตชาติที่เธอทำไปเพราะว่ารักเขา จนตอนนี้การกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเพื่อรอการแก้คำสาปนี้ แม้ที่ผ่านมาจะเกลียดและรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคือสาเหตุของความทรมานที่ต้องทนมาหลายร้อยปี“คุณคะ อยากลองเล่นหน่อยไหมคะ”มิราวดีเอ่ยขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังจุดหมาย“คุณอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้นเหรอ ไว้ผมไปซื้อให้ก็ได้”มิราวดีส่ายหน้าพลางแล้วนิ่งเงียบไปคร
ตะวันสาดส่องผ่านม่านเข้าสู่ห้องนอนในยามเช้า หญิงสาวกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ในอ้อมกอดของคนข้างตัว เธอขยับตัวลุกขึ้นบิดคลายเมื่อยพลางหันมองคนตัวใหญ่ที่ยังหลับสนิทอยู่ แล้วจึงลงจากเตียงอย่างเบา ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของอีกฝ่าย ก่อนเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มในยามเช้า เป็นเพราะค่ำคืนที่มีความสุขที่สุดก็ว่าได้แน่นอนว่าเพียงคำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอยอมเปิดหัวใจรับเขาเข้ามา แม้ว่ารชตจะไม่บอกรักเหมือนที่เคยได้ยินจากปากแฟนเก่าก็ตาม มิราวดียิ้มเขินอย่างมีความสุขขณะที่อาบน้ำ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อาบเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำจึงเห็นว่าชายหนุ่มนั้นตื่นเเล้ว“เราไปกินข้าวแล้วเข้าไปในเมืองกันไหม มีโบราณสถานและตลาดโบราณด้วย” รชตเสนอเพราะในหัวก็ไม่มีเเผนการเที่ยวที่วางไว้นอกจากถามพนักงานว่าที่ไหนน่าสนใจและควรไปบ้าง“คุณอยากไปไหม”“ไปแน่นอนค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันชอบซื้อไปกินไปนี่คะ”มิราวดีตอบเสียงใสชายหนุ่มยิ้มมองใบหน้าของภรรยาอย่างมีความสุข เขารู้ถึงสิ่งที่รบกวนใจเเล้ว ทว่าในส่วนลึกก็ยังคงหวาดกลัวอนาคตภายภาคหน้าอย
“ชอบมากค่ะ”“ผมขอโทษที่ไม่ได้ถามความเห็นของคุณก่อน”มิราวดีหันมองชายหนุ่มด้วยแววตาใส“ไม่ค่ะ คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าจะจัดการให้นี่คะ และฉันก็ชอบที่นี่มากด้วย”รชตยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ พลางเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าของ หญิงสาว ครั้นส่งสายตามองนานเท่าไรหัวใจและความรู้สึกที่อยู่ในอกก็แทบทะลักออกมา แม้รู้ดีว่าความสับสนนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียวฝ่ามืออุ่นสัมผัสใบหน้ายิ่งทำให้แก้มทั้งสองข้างของมิราวดีผ่าวร้อนมากขึ้น จะให้ตัดใจและสร้างกำแพงที่เริ่มทลายลงใหม่อีกครั้งก็คงยาก เธอก้มหน้าลงรับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้หัวใจระทวยยิ่งกว่าเดิมชายหนุ่มใช้มือเชยคางของภรรยาขึ้นให้สบตา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากจะครอบครองหัวใจและร่างกายของเธอ ยิ่งพยายามหลีกหนีมากแค่ไหน กลับกลายเป็นว่าหัวใจนั้นเรียกร้องหามากเท่านั้น เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จน ลมหายใจสัมผัสผิวแก้ม ดวงตากะพริบมองด้วยความตกใจและรีบเบี่ยงหน้าหลบอย่างรวดเร็วรชตมองด้วยแววตาสับสนและผิดหวังที่ถูกปฏิเสธ เขาขยับตัวออกห่างมองภรรยาที่ก้มหน้าอยู่ หรือเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเล







