แชร์

สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน
สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน
ผู้แต่ง: องค์หญิงโนเนม

บทนำ-บทที่ 1ตรอมใจ

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-22 15:54:29

 "น้องหญิง อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะน้องหญิง พี่สัญญาว่าจะเข้าโรงพนันหาเงินมาปรนเปรอน้องหญิง"

 "ท่านพี่ ยามนี้แม้แต่ผ้าห่มเราก็ไม่มี เพราะท่านขายทุกอย่างไปหมดแล้ว ท่านยังจะเข้าโรงพนันอีกหรือเจ้าคะ แค่กแค่ก"

 หลี่จื่อเวยอ่านนิยายมาได้เพียงไม่กี่หน้าเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนอีกสามคนที่กำลังสนทนากันอยู่

“พวกเธอรู้ไหม นิยายเรื่องล่าสุดที่ฉันรับมารีวิว นางร้ายมีชื่อเหมือนฉันทุกตัวอักษรเลย น่าเสียดายที่คนเขียนให้เป็นแค่นางร้ายตัวประกอบ ทั้งเรื่องโผล่ออกมารวมกันยังไม่ถึงสามหน้าก็ถูกพระเอกฆ่าแล้ว”

ซ่งไป๋ลู่ เพื่อนในกลุ่มรีวิวนิยายของเธอกำลังหันมาบ่นกับเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงที่ทอดถอนใจไม่น้อย

“ทำไมบังเอิญจัง นิยายเรื่องล่าสุดที่ฉันรับมารีวิว นางร้ายก็มีชื่อเหมือนฉันทุกตัวอักษรเหมือนกัน”

ตอนแรกที่หลี่จื่อเวยรับนิยายมาอ่าน เธอก็รู้สึกแปลกใจที่ชื่อนางเอกเหมือนกับชื่อของเธอ แต่ที่เธอไม่ชอบใจก็คือทำไมนางเอกคนนี้อ่อนแอแบบนี้ไม่เข้าท่าเลย เธอคิดผิดไหมนะที่รับนิยายเรื่องนี้มารีวิว หากเธอเป็นนางจะทุบสามีผู้นี้ให้หลังหักเลย

เธอเป็นนักรีวิวนิยายมาสองปีมียอดติดตามหลายล้านคน ทุกเรื่องที่รีวิวนางเอกล้วนฉลาดและเอาตัวรอด เพิ่งจะเคยเจอนิยายเรื่องนี้ที่นางเอกอ่อนแอจนน่ารำคาญ หากเป็นตัวเธอละก็สามีแบบนี้โดนซ้อมไปนานแล้ว ที่ต้องมารีวิวก็เพราะรับงานเอาไว้แล้วไม่อาจปฏิเสธได้เสียด้วย

 เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอจึงหันไปเอ่ยกับเพื่อนๆ ทันที

 "ของฉันหนักกว่าอีก นางเอกทั้งอ่อนแอ แต่งกับสามีไม่เอาไหน ขายหมดแม้กระทั่งผ้าห่มในจวน มันน่านัก แล้วยังชื่อเหมือนฉันอีกด้วย"

หลี่จื่อเวยบ่นออกมาไม่หยุด แต่ทว่าต่อมาเมื่อสนทนากันได้เพียงชั่วโมงเศษ พนักงานร้านกาแฟก็ทำกาแฟหกใส่ปลั๊กไฟข้างโต๊ะที่พวกนางนั่ง กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างของซ่งไป๋ลู่และเพื่อนๆ ก่อนที่สติของพวกนางทั้งสี่จะดับวูบไปพร้อมกัน

แคว้นต้าเซี่ย

สายลมกลางฤดูหนาวค่อนข้างเหน็บหนาวไม่น้อย ยามนี้ หลี่จื่อเวย กำลังนอนอยู่บนเตียง พลางส่งเสียงไอออกมาเป็นระยะ นางค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง ร่างบางพลันสั่นเทาด้วยความหนาวเย็น เมื่อเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่าง ก็พบว่ายามนี้หิมะเริ่มบางตาลงไปไม่น้อยแล้ว แต่ทว่าอากาศภายนอกกลับยังคงหนาวเย็นอยู่

"แค่กแค่ก"

หลี่จื่อเวยรู้สึกคอแห้งเหลือเกิน นางหันมองไปที่โต๊ะไม้ซึ่งอยู่ข้างเตียงนอน เพื่อมองหาน้ำชาร้อนๆ มาดื่มเพื่อขับไอเย็นออกจากร่างกาย แต่ทว่าเมื่อนางยื่นมือไปจับกาชา กลับพบว่าในกาชานั้นไม่มีน้ำชาเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย 

"เถาเถา เถาเถา นำชาร้อนมาให้ข้าที แค่กแค่ก"

เสียงเรียกของนางค่อนข้างอ่อนแรง อีกทั้งยังไอออกมาไม่หยุด นางไอเสียจนเจ็บระบมไปทั่วทั้งลำคอ 

"ฮูหยินน้อย บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ"

สตรีน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนใจ ก่อนจะนำผ้าห่มที่นางนำติดมือมาด้วยห่มให้หลี่จื่อเวยเพิ่มอีกผืนหนึ่ง

"ฮูหยินน้อย ห่มผ้าเพิ่มอีกหน่อยนะเจ้าคะ ยามนี้ในห้องเก็บของมีเพียงผ้าห่มผืนนี้ที่ยังเหลืออยู่ เอ่อ บ่าวจะไปต้มน้ำร้อนมาให้ท่านดื่ม ชาดีๆ ล้วนถูกนายน้อยนำไปขายเป็นเงินหมดแล้วเจ้าค่ะ"

หลี่จื่อเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มขมขื่นออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะหวนนึกถึงเรื่องราวเมื่อสองปีก่อน

นางคือบุตรสาวคนโตของจวนตระกูลหลี่บิดาของนางเป็นตระกูลคหบดีที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่เพราะท่านพ่อติดการพนันจนครอบครัวตกอับ และได้รับการยุยงจากอนุฉินให้ส่งนางมาแต่งเข้าจวนตระกูลมู่หรง ตระกูลคหบดีที่มีเงินทองอยู่ไม่น้อย นางจึงต้องแต่งงานกับ มู่หรงซาน คุณชายใหญ่ตระกูลมู่หรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สินสอดที่ทางตระกูลมู่หรงมอบให้ก็ถูกท่านพ่อนำไปใช้หนี้การพนันจนหมดแล้ว สินเดิมที่นางนำติดตัวมาก็มีไม่มาก ยามนี้ก็ถูกมู่หรงซานใช้ไปเกือบหมดแล้ว

มารดาของนางตายจากไปเมื่อสามปีก่อน ท่านพ่อหลงอนุจนไม่สนใจนาง ชีวิตของนางลำบากตั้งแต่ไร้ท่านแม่คอยปกป้อง ท่านแม่ของนางนั้นเดิมทีเป็นเพียงบุตรสาวของพ่อค้าที่ไม่ได้ร่ำรวย ไหนเลยจะทำให้ท่านพ่อใส่ใจรักใคร่เท่าอนุฉินที่มากเล่ห์กล อนุฉินนั้นเดิมทีเป็นม้าผอมที่ถูกขายออกมาจากหอนางโลม ท่านพ่อไปพบเจอนางเข้าและพานางเข้าจวน นางนั้นมีบุตรสาวหนึ่งคนและบุตรชายหนึ่งคน ท่านพ่อไม่สนใจกฎระเบียบอันใด นานวันเข้าก็ยกยอนางขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทนที่ท่านแม่ของนาง

เมื่อนางแต่งเข้าจวนตระกูลมู่หรงได้ไม่นาน บิดาของมู่หรงซานก็มอบร้านอาหารให้นางหนึ่งร้าน เป็นร้านเล็กๆ อีกทั้งยังมีโรงน้ำชา และเงินทองอีกไม่น้อย มอบให้นางและเขาเป็นของขวัญวันแต่งงาน ตระกูลมู่หรงมีบุตรชายที่เกิดจากบ้านใหญ่หนึ่งคนก็คือมู่หรงซาน ส่วนบ้านรองคือบ้านของท่านอารอง ซึ่งก็คือน้องชายของท่านพ่อของมู่หรงซาน บ้านรองนั้นมีบุตรชายหนึ่งคนเช่นกันมีนามว่ามู่หรงเฉิน ได้ยินว่าเพิ่งจะแต่งงานไปเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งสะใภ้บ้านรองยังเป็นลูกสาวของบัณฑิตที่มีหน้ามีตาอีกด้วย

เพราะถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เขานิสัยเสีย ไม่เห็นหัวใคร ติดการพนัน ดื่มสุรา คบหาสหายชั่ว แรกเริ่มเขาก็ดีกับนาง รับปากนางทุกอย่าง แต่ทว่าผ่านไปเพียงไม่นาน เขาก็เริ่มนำสินเดิมที่นางมีไปขาย จากนั้นก็เริ่มนำสมบัติที่มีไปขายอีกเพื่อแลกเงินไปเข้าโรงพนัน พ่อแม่สามีเองก็ปวดหัวไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าจะห้ามปรามเช่นไรดี อีกทั้งมู่หรงซานยังเถียงบิดามารดาของตนและไม่เชื่อฟัง เขาหยิ่งผยองไม่เห็นหัวใคร เขาพานางย้ายมาอยู่ที่เรือนเล็กท้ายจวนเพราะรำคาญเสียงบ่นของผู้เป็นมารดา เมื่อเขาอวดเก่งเช่นนี้บิดามารดาของเขาจึงไม่สนใจไยดีเขาและนางอีก

นางยังไม่ได้มีบุตรหรือตั้งครรภ์เนื่องจากสุขภาพไม่สู้ดี จนกระทั่งสามเดือนก่อนนางล้มป่วย ไม่มีเงินไปรักษาร่างกาย อาการจึงทรุดหนักลงเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่กล้าบอกแม่สามีเพราะไม่อยากให้ต้องวุ่นวายกันไปทั้งจวน อีกอย่างตัวนางเองก็เหมือนแต่งงานเข้ามาใช้หนี้ จึงไม่กล้ามีปากมีเสียงอะไร

หลี่จื่อเวยที่นึกถึงอดีตอันขมขื่นก็ยิ่งเจ็บปวดจนไอออกมาเป็นโลหิต ความหนาวเย็นเกาะกินร่างกายของนาง นางล้มตัวลงนอน ก่อนจะเริ่มหายใจถี่กระชั้น หลี่จื่อเวยเริ่มรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเลือนรางลงไปทุกขณะ ก่อนจะมืดดับไป

นางได้ตายไปพร้อมกับความขมขื่นที่กัดกินจิตใจมานานปีเสียแล้ว

หลังจากหลี่จื่อเวยตายไปได้หนึ่งวัน มู่หรงซานก็กลับจวนมาพอดี เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพนันมาถึงสามวันสามคืน แต่ทว่ากลับเสียพนันจนหมดตัว เขาโมโหเป็นอย่างยิ่ง มารดามันเถอะ!!! เขาขายยันผ้าห่มแล้วนะ เหลือแค่ขายเมียเท่านั้น

ไม่สิ!!! เมียขายไม่ได้ 

เมื่อนึกถึงใบหน้าของหลี่จื่อเวยขึ้นมา มู่หรงซานก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ภรรยาของเขางดงามเป็นที่สุด นางทั้งอ่อนโยน อีกทั้งยังไม่มีปากมีเสียง เขาจะทำสิ่งใดนางก็ไม่เคยปริปากบ่นเขาเลยแม้แต่ประโยคเดียว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงตั้งใจจะเดินไปหานางที่ห้องนอนทันที แต่ว่าพอเดินเข้ามาในจวนก็พบว่าทั่วทั้งจวนต่างประดับผ้าสีขาวดำราวกับจัดงานศพ มู่หรงซานขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ที่บ้านมีใครตายเช่นนั้นหรือ ถึงเอาผ้ามาประดับเช่นนี้ อัปมงคลสิ้นดี

“ซานเอ๋อร์ เจ้ารีบไปดูภรรยาเจ้าเถิด นางตายแล้ว!!!”

เสียงของผู้เป็นมารดาทำให้มู่หรงซานต้องชะงักไปชั่วขณะ เขาหันขวับมามองท่านแม่ของตน ก่อนจะเอ่ย

“ท่านแม่ ไม่พอใจที่ข้าไม่ช่วยงานก็ช่างเถิด เหตุใดจึงต้องมาแช่งเมียข้าให้ตายด้วย!!!”

“แช่งกับผีน่ะสิ นางตายจริงๆ!!! เพราะเจ้านั่นแหละ นางป่วยหนักถึงเพียงนี้เจ้ายังอวดดีไม่มาบอกข้าสักคำ”

มู่หรงซานที่เห็นสีหน้าของมารดาว่าไม่ได้พูดเล่นก็รู้สึกใจคอไม่ดี เขาไม่ถามสิ่งใดอีกก็รีบพุ่งเข้าไปในเรือนเล็กทันที

 เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าภรรยารักกำลังนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับเคลื่อนไหว ใบหน้างามซีดเผือด มู่หรงซานที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนหน้าถอดสี

"เถาเถา!!! เกิดอันใดขึ้น เหตุใดจือจือจึงนอนหน้าซีดเช่นนั้น"

"ฮือ นายน้อย ฮูหยินน้อยตายแล้วเจ้าค่ะ"

"ฮะ!!!"

มู่หรงซานตกใจจนหน้าซีด เขารีบเดินเข้าไปหาหลี่จื่อเวยทันที ก่อนจะยื่นนิ้วไปแตะที่ปลายจมูกของนาง ฉับพลันเขาก็รู้สึกชาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบอุ้มนางมากอดเอาไว้ 

"จือจือ!!! จือจือ เจ้าตื่นสิ ฮือ จือจือ!!!"

เขากอดร่างที่ไร้วิญญาณของนางและร้องไห้ออกมา ก่อนจะค่อยๆ ครุ่นคิด

หากเขากลับมาจากโรงพนันเร็วกว่านี้ นางก็คงไม่ตาย

แต่จะให้ทำเช่นใดได้ ยามนั้นมือเขากำลังขึ้นนี่นา จะรีบกลับมาก็เสียดาย!!!

ฉับพลันเขารู้สึกว่าสตรีที่ตนกอดเอาไว้คล้ายจะขยับตัวเล็กน้อย เมื่อมู่หรงซานก้มลงมองก็พบกับหลี่จื่อเวยที่กำลังเหลือบตาขึ้นมามองเขา ใบหน้าของนางซีดขาว ท่าทีเช่นนี้ราวกับผีอาฆาตที่กำลังจ้องมองเขาอย่างไรอย่างนั้น

มู่หรงซานรีบผละออกจากนางทันที ก่อนจะขยับไปกอดเสาเตียงเอาไว้แน่น ปากก็ร้องไม่เป็นภาษา

"จือจือ!!! เจ้าอย่ามาหลอกข้าเลย ข้ารู้ว่าข้าน่ะหล่อเหลา ลีลาก็เร่าร้อน เจ้าตัดใจจากข้าไม่ได้ แต่มาทำเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง เจ้าต้องไปเกิดนะ ข้าสัญญาว่าจะเข้าโรงพนันหาเงินมาซื้อของเซ่นไหว้เจ้าทุกวัน!!!"

หลี่จื่อเวยเอียงคอมองมู่หรงซานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ไอ้คนบัดซบนี่มันเป็นใครวะเนี่ย?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน   ตอนพิเศษ

    หลี่จื่อเวยฟื้นกลับมา ทุกคนดีใจไม่น้อยเลย ด้านท่านหมอจ้าวและจ้าวจิ้นเองก็ไม่ได้ถามสิ่งใดให้มากความ คนฟื้นขึ้นมาแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องดี จ้าวจิ้นนำยาบำรุงมามอบให้หลี่จื่อเวยหลายอย่าง บอกนางว่าขอเพียงตั้งใจบำรุงอย่างเต็มที่ย่อมหายดีในไม่ช้า หลี่จื่อเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองบุตรชายฝาแฝดของตนที่ยามนี้กำลังนอนหลับอยู่มู่หรงซานกอดนางเอาไว้ ราวกับกลัวว่านางจะหายไปจากเขาอีกยี่สิบห้าปีต่อมา"นั่นแหละดี เจ้าเทระวังหน่อยสิ สุรานี้ซื้อมาแพงนัก!!!"เสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากศาลาริมสระน้ำ มู่หรงซานที่กำลังเดินออกมาหลังจากตรวจตราบัญชีสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาปรายตามองไปยังศาลาริมน้ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่งนับแต่วันนั้นหลี่จื่อเวยก็ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไป แต่เขากลับไม่ใส่ใจ ยามนี้บุตรชายสองคนเติบโตแล้ว อายุก็ยี่สิบต้นๆ นามว่า มู่หรงเสวียน และมู่หรงชางมู่หรงเสวียนนั้นนับว่าเอาการเอางาน ชอบอ่านตำรา สนใจการค้าขาย ถอดแบบหลี่จื่อเวยมาไม่มีผิดเพี้ยน ต่างจากมู่หรงชางที่วันๆ เอาแต่ดื่มสุรา เที่ยวหอนางโลม เล่นการพนัน ถอดแบบเขามาราวกับจับวาง เขาเตือนเท่าใดมันก็เถีย

  • สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 30 ครองคู่และสร้างครอบครัวไปด้วยกัน (ตอนจบ)

    สองปีผ่านไป"ฮูหยินน้อย ออกแรงอีกหน่อยเถิดเจ้าค่ะ อีกหน่อย""อื้อ"เสียงร้องดังออกมาจากห้องเป็นระยะ สร้างความไม่สบายใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก มู่หรงซานเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องนอนอย่างไม่สบายใจ จนมู่หรงฮูหยินต้องเอ่ยปากเตือนขึ้นมา"ซานเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นหน่อยเถิด สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้ เจ้าเดินวนไปเวียนมาข้าเวียนหัวหมดแล้ว""ท่านแม่ ข้าร้อนใจนี่ขอรับ นางเป็นเช่นไรบ้าง นี่ก็ข้ามวันข้ามคืนแล้วยังไม่คลอดอีก"เขาเอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันไปมองเฉินหลิ่น จ้าวจิ้นและหวังเจี้ยนที่กำลังเดินเข้ามา จ้าวจิ้นเอ่ยถามมู่หรงซานทันที"จือจือเล่าเป็นเช่นไรบ้าง ข้านำโสมอย่างดีติดมือมาด้วย เอาไว้ให้นางบำรุงร่างกาย""ขอบใจจ้าวมากนะอาจิ้น""อืม"ด้านเฉินหลิ่นก็เดินเข้ามาหามู่หรงซาน ก่อนจะเอ่ยเช่นเดียวกัน"ใจเย็นเถิด ยามที่ภรรยาข้าคลอดบุตรชายก็เป็นเช่นนี้"มู่หรงซานหันมาพยักหน้าให้เฉินหลิ่นคราหนึ่ง เฉินหลิ่นได้แต่งงานกับองค์หญิงจากในวังหลวง พวกเขาทั้งสองรักใคร่ทะนุถนอมกันเป็นอย่างดี อีกทั้งภรรยาของเฉินหลิ่นก็สนิทสนมกับหลี่จื่อเวยมาก เพราะสองจวนมักไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง เพราะพบเจอกันบ่อยครั้ง"ภรรย

  • สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 29 คนบ้านรอง

    หลายวันต่อมา หลี่จื่อเวยที่กำลังกลับมาจากภัตตาคารจื่อซานก็ได้พบกับคนบ้านรอง ท่านอาของมู่หรงซาน ก็คือมู่หรงหยางนั่นเอง มู่หรงหยางมาพร้อมกับอาสะใภ้รองอวี้ซิน และลูกชายลูกสะใภ้ สภาพของคนทั้งหมดดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หลี่จื่อเวยปรายตามองพวกเขาคราหนึ่ง ในใจพลันนึกถึงเรื่องราวในปีนั้นได้ ยามที่เกิดสงครามใหม่ๆ บ้านรองมารีดไถเงินจากบ้านหลักไปมากมาย ทำเป็นเก่งกล้าสามารถ แต่ท้ายที่สุดกลับไปไม่รอดอย่างเช่นวันนี้มู่หรงฮูหยินเองไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงเชิญคนเข้ามาในจวนเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามมรรยาทมู่หรงหยางเล่าว่าหลังจากเดินทางไปที่บ้านเก่าของอวี้ซิน ฟางม่านม่านลูกสะใภ้ของเขาก็แท้งบุตร นับแต่นั้นก็ไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก บุตรชายก็ไม่เอาไหน ดื่มแต่สุราทั้งยังเที่ยวสตรีหอนางโลมไม่เว้นวัน สามีภรรยาทุบตีกันจนมู่หรงเฉินบุตรชายเขาแขนพิการ ฟางม่านม่านก็ขาหัก กลายเป็นคนพิการทั้งคู่ส่วนมู่หรงหยางและภรรยานั้นสิ้นเนื้อประดาตัว ถูกญาติพี่น้องฝั่งภรรยาคดโกงทรัพย์สินไปจนหมด จึงอดอยากจะมาหยิบยืมเงินจากคนบ้านหลัก เพราะรู้ว่ายามนี้คนบ้านหลักร่ำรวยมีเงินมากมายมู่หรงฮูหยินยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับน้องชา

  • สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 28 ต่างเป็นสหายที่ดีต่อกัน

    หลายวันต่อมามู่หรงซานและหลี่จื่อเวยก็เดินทางมาที่เมืองหลวงพร้อมกัน ระยะทางจากหมู่บ้านหลิงซีมาที่เมืองหลวงนั้นไม่ได้ไกลกันเท่าใดนัก ระยะเวลาการเดินทางจึงไม่ได้ล่าช้าอย่างที่คิด สองสามีภรรยามาถึงเมืองหลวงในช่วงสายๆ เมื่อหาโรงเตี๊ยมสำหรับนอนพักหนึ่งคืนเรียบร้อยแล้ว มู่หรงซานและหลี่จื่อเวยจึงรีบไปดูจวนแห่งนั้นทันทีการเดินทางครั้งนี้มีลุงกู้ติดตามมาด้วย ลุงกู้พาเจ้านายไปดูที่ดินและจวนนั้นในทันที เมื่อหลี่จื่อเวยได้เห็นก็รู้สึกชอบมากเหลือเกิน จวนหลังนี้ขนาดพอดี ที่ดินก็เป็นทำเลเหมาะเจาะ อีกทั้งยังมีบ่อน้ำด้วยเจ้าของที่ดินเก่าร้อนเงินและต้องการเดินทางไปอยู่กับลูกชายที่ต่างเมือง จึงตัดใจขายจวนหลังนี้ในราคาสองพันตำลึงราคาอาจจะสูงไปสักเล็กน้อย แต่หลี่จื่อเวยจำคำของเจ้าห่านตัวผู้นั้นได้ดี มันบอกว่าให้นางตัดใจซื้อเสียอย่าได้ลังเล เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลี่่จื่อเวยจึงตกลงซื้อในทันที ใช้เวลาครึ่งค่อนวันทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยดี เจ้าของเดินรับเงินไปอย่างยินดีปรีดามู่หรงซานที่เห็นเช่นนั้นก็หันมาเอ่ยถามภรรยาตนทันที"ราคาไม่ได้น้อยเลย เจ้าตัดใจซื้อได้ลงจริงๆ หรือ""ดีกว่าเอาให้ท่านไปเล่นพนันก็แล้วกัน

  • สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 27 กรรมตามสนอง

    เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส พืชผักที่ปลูกไว้ถูกเก็บเกี่ยวและนำไปขายจนหมดแล้ว ลุงกู้เองก็กลับมาพร้อมกับบอกว่าเขาขายผักได้หมด อีกทั้งยังขายได้ในราคาที่ดีมากอีกด้วย ตอนนี้เมืองหลวงคึกคักไม่น้อยเลย อีกทั้งยังได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีคนต้องการจะขายที่ดิน ซึ่งอยู่ติดกับตลาดพอดี หลี่จื่อเวยจึงตั้งใจว่าจะเดินทางไปดูที่ทางเสียหน่อยการตายของหลี่อินและจุดจบของสามแม่ลูกไม่ได้ส่งผลใดต่อคนตระกูลมู่หรงเลยแม้แต่น้อย บิดาของนางเองก็เสียใจอยู่เพียงไม่กี่วันก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดอีก หลี่จื่อเวยกำลังล้างผักอยู่ในครัว วันนี้นางตั้งใจว่าจะทำข้าวเหนียวไก่ห่อใบบัวเสียหน่อย เมื่อจัดการเตรียมทุกอย่างพร้อมจึงได้เริ่มทำอาหาร ใช้เวลาอยู่ครึ่งค่อนวันทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย หลี่จื่อเวยจึงนำอาหารมาให้ห่านสองตัวนั้นต่อทันทีเมื่อเข้ามาก็พบว่าเจ้าห่านสองตัวกำลังกอดก่ายกันอย่างรักใคร่กลมเกลียว หลี่จื่อเวยวางอาหารลงตรงหน้ามันก็กินอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อกินอิ่มแล้ว หลี่จื่อเวยจึงเอ่ยถามทันที"นี่เจ้าห่านตัวผู้ อีกไม่นานข้าคงต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว หากข้าอยากเปิดร้านอาหาร แล้วต้องการใช้บ่อน้ำวิเศษ แต่ไม่สามารถนำม

  • สามีอยากดื่มสุราต้องช่วยข้าทำสวน   บทที่ 26 วางแผนย้ายที่อยู่

    เมื่อสามแม่ลูกมหาประลัยย้ายออกจากบ้านสวนไปแล้ว ทุกคนต่างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจไม่น้อย ด้านบิดาของหลี่จื่อเวยก็รู้สึกผิดไม่น้อย หลี่จื่อเวยเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เรื่องที่แล้วก็ให้แล้วไปเถิด นางไม่่ได้ติดใจอยากจะเอาความใดมากไปกว่านี้เช้าวันต่อมาหลังจากกินมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่จื่อเวยและมู่หรงซานก็ตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับห่านสองตัวนั้นให้แม่สามีได้ฟัง เพราะตอนนี้สามแม่ลูกนั่นออกจากบ้านสวนไปแล้ว ย่อมไม่มีสิ่งใดน่าเป็นกังวลอีกแล้ว มู่หรงฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นเดิมทีก็ไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก แต่เมื่อได้เห็นตั๋วเงินมากมายที่เก็บเอาไว้ในห้องนอนของบุตรชายและสะใภ้ นางก็ถึงกับอ้าปากตาค้างเงินนี่มันมากมายเหลือเกินนางไม่ได้ถามว่าเพราะเหตุใดหลี่จื่อเวยจึงคิดมาบอกนางเอาป่านนี้ นางเองเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุผลของมันหลี่จื่อเวยจับมือของมู่หรงฮูหยิน ก่อนจะเอ่ย"ข้าต้องขออภัยท่านแม่ที่ไม่ได้บอกกล่าวให้เร็วกว่านี้ เพราะข้าไม่ไว้ใจสามแม่ลูกนั้น ยามนี้พวกนางจากไปแล้ว ข้าจึงวางใจอยากบอกท่าน ท่านแม่เจ้าคะ ยามนี้เมืองหลวงเองก็เจริญมากแล้ว พวกเราไปหาที่ทางทำกินในเมืองหลวงกันดีห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status