Mag-log in“เอิ่ม... เพื่อนคะ คนนั้นใครเอ่ย หลัวใหม่เหรอ?” กิ๊กถามเปิดประเด็นทันทีที่ทุกคนกลับมานั่งกันที่โต๊ะแล้ว
“ไม่ใช่ นั่นเพื่อนพี่ชายกู”
“อย่ามาคิดจะโกหกพวกกู มึงดูนี่!” เฟิร์นพูดต่อพลางยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้กรรวีดู ในนั้นมีคลิปที่ถ่ายทันตอนเธอจูบกับเรวัตพอดิบพอดี
“โหยอีผี! ถ่ายไว้ทำไม ลบ!” กรรวีโวยวาย มีเรื่องกันตั้งนานจนเธอโดนตบหน้าหันเพื่อนก็ไปไม่ทันช่วย แต่ดันมาทันตอนฉากเลิฟซีนซ้ำยังถ่ายคลิปเอาไว้อีกด้วย มันน่าทุบให้หลังหักเรียงคนเสียจริง
“บอกพวกกูมาว่าอะไรยังไง ไหนเล่ามาซิ” จูนคาดคั้น ในขณะนั้นทุกสายตาก็หันมามองเธออย่างรอคำตอบ กรรวีถอนหายใจพลางกลอกตามองบนที่รอบกายมีแต่เพื่อนขี้เผือก
“โอ๊ย พวกมึงก็นะ ไม่ถามบ้างล่ะว่ารอยฝ่ามือบนหน้ากูเนี่ยได้มายังไง!” กรรวีหัวเสียที่เพื่อนไม่เห็นรอยบนหน้าเธอเลย โฟกัสแต่เรื่องผู้ชายอย่างเดียว
“เชี่ย! ไปโดนใครตบมาวะเนี่ย เพิ่งเห็น” เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มหันมาสนใจรอยตบบนหน้า เธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดยิบเพื่อหาพวกมาช่วยด่านานาให้สาแก่ใจ และตั้งใจเบี่ยงประเด็นไม่ให้เพื่อนไปสนใจโฟกัสเรื่องของเรวัตอีก
หลังจากที่นั่งดื่มต่อไม่นานเรวัตเดินเข้ามาหากรรวีที่โต๊ะ จากที่เพิ่งเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนได้ ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นจุดสนใจของคนรอบโต๊ะเลย
รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาลูกครึ่ง มาดมาเฟียกร้าวใจดูหล่อร้ายขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อนแล้วเพราะเรวัตที่เดินมามีออร่าดึงดูดสายตาของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
“ถ้ามีปัญหาอะไรเรียกพี่หรือคนของพี่ได้ตลอดนะ ส่วนมื้อนี้พี่ขอเลี้ยงเอง” เรวัตยืนคร่อมหลังกรรวีที่นั่งอยู่ เขาโน้มหน้าลงมาคุยกับเธอจนริมฝีปากหยักแทบจะชิดใบหูขาว คางของเขาแทบจะเกยอยู่บนไหล่เธออยู่แล้ว
ลมหายใจอุ่นกลิ่นมินต์ที่รดรินพวงแก้มขาวทำเอากรรวีขนลุกเกรียวจนต้องหันไปมอง จังหวะนั้นกลับกลายเป็นว่าปลายจมูกเชิดรั้นดันไปสัมผัสหน้าแก้มของเรวัตอย่างไม่ตั้งใจ ฉากนั้นทำเอาสาว ๆ ที่มองมาแทบกรีดร้องด้วยความอิจฉา
“คะ ค่ะ..ขอบคุณนะคะพี่เรย์ แต่ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ค่ะหงส์เกรงใจ พอดีมากันหลายคน” กรรวีผละตัวออกห่างเล็กน้อย ยังคงสงวนท่าทางให้เป็นปกติ เธอเข้าใจดีว่าเสียงเพลงมันดัง ทั้งเขาและเธอก็ไม่ได้ตั้งใจ แค่ความบังเอิญที่ทำให้ใกล้กันขนาดนี้
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เพราะต่อไปพี่อาจมีเรื่องให้หงส์ช่วยเหมือนกัน”
“ช่วย? เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ... เอาไว้คุยกันวันหลังนะ เราสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ ถ้ากลับไม่ไหวยังไงก็บอก ห้องทำงานพี่อยู่ชั้นบนสุดริมขวาสุด บอกการ์ดหรือจะขึ้นไปเองก็ได้ตามสบายเลย” เพราะเขาจะสั่งการ์ดไว้ว่าสำหรับกรรวีจะขึ้นไปเมื่อไหร่ก็ได้
“อ่า.. ค่ะ ขอบคุณค่ะ” กรรวีรับคำมาอย่าง'งง ๆ เรวัตเนี่ยนะมีเรื่องให้เธอช่วย ร้อยวันพันปีแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ สายงานของเธอกับเขาก็คนละทางกัน เขาทำงานสีเทาส่วนเธอเป็นหมอ จะมีอะไรให้ช่วยได้ อย่าบอกนะว่าให้ช่วยจีบพรนับพันให้ ถ้าเรื่องนี้ไม่มีวันเสียหรอกเธอจะเก็บพรนับพันไว้ให้พี่ชาย
หลังจากที่เรวัตเดินจากไป กรรวีก็ไหวไหล่อย่างไม่อยากใส่ หากเธอช่วยได้ก็ช่วยไปแต่หากช่วยไม่ไหวก็ค่อยว่ากันอีกที
“นี่มึงแน่ใจนะว่าแค่เพื่อนพี่ชาย กูว่าไม่ใช่ละ...”
“เออว่ะ จังหวะตอนที่หันหน้ามาป๊ะกัน โคตรจิ้นเลยมึง~”
“กูละเขินแทนเลย” เสียงเพื่อนของกรรวีเอ่ยแซว ทั้งที่กรรวีก็ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่ด้วยความที่เธอไม่ได้สนใจต่อล้อต่อเถียงอะไรเลยไม่มีเพื่อนคนไหนแซวต่อ แค่พูดเล่นกันพอหอมปากหอมคอเท่านั้น
ในกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในวัยเบญจเพสเรื่องราวส่วนใหญ่ที่ใช้สนทนากันคงไม่พ้นเรื่องชีวิต การเงิน การงาน และครอบครัวเสียมากกว่า เอาเรื่องเฮงซวยในชีวิตมาระบายและคอยให้คำปรึกษาตาม เวลาหลักในชีวิตคือการทำงาน จะได้ออกมาสังสรรค์ด้วยกันบ้างก็นาน ๆ ครั้งไม่ได้บ่อยเท่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ได้จัดมิตติ้งย่อยกันทั้งทีกรรวีจึงเอาให้สุด พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยดื่มได้
“เฮ้ย! เบาได้เบา กระดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่าเลย” เจเพื่อนชายในกลุ่มที่นั่งดื่มเงียบ ๆ มานานร้องห้าม จะแย่งแก้วลงแต่กรรวีกลับปัดมือเพื่อนทิ้งตามด้วยเสียงพูดก่นด่า
“แม่ง... ทำตัวเป็นที่ปรึกษา ที่ไหนได้จะคาบไปแดกเอง”
“นี่มึงกำลังด่าอีพี่นานา?” จูนถามขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเอื้อนเอ่ยอย่างเมามายแทบไม่ได้สติ
“เออ! หญิงก็ร้าย ชายก็เหี้ย”
“อยากจะร้องก็ร้องกับพี่นะ อย่าแอบร้องไห้คนเดียว แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ร้องหรอก” แม้จะรู้ว่าเธอเสียใจเรื่องมารดาทว่าก็ไม่ได้อยากเห็นน้ำตาของคาริสานัก เวลาเธอเศร้า ลูกรับรู้ได้ ฮันน่าจะมีความสุขได้อย่างไร“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วสวมกอดเขากลับคืนเช่นกัน จากนั้นเรียวปากหยักก็เริ่มซุกซน ขบเม้มซอกคอหอมละมุนและลาดไหล่จนคนบนหน้าตักต้องย่นคอหนี“นี่! เวลาแบบนี้ยังจะหื่นได้อีก”ฮาซีฟหัวเราะ คนที่ว่าเขาหื่นแต่กลับบดสะโพกลงบนตักเขาจนไอ้เจ้านั่นมันแข็งขืนสู้ ปวดไปหมดจนทนไม่ไหว“เขาว่ากันว่า เวลาเครียดมาก ๆ ต้องมีเซ็กซ์นะ จะช่วยให้ผ่อนคลาย”“ข้ออ้างเถอะค่ะ ว้าย!” หญิงสาวหวีดร้องเมื่อร่างของเธอถูกพลิกกลับไปนอนส่วนเขาขึ้นมาคร่อมอย่างฉับพลันฮาซีฟกดจูบจากเนิบช้าเปลี่ยนเป็นดุดันตามอารมณ์กระสันซ่าน ทำคาริสาหายใจแทบไม่ออก กว่าเขาจะปล่อยเรียวลิ้นออกจากโพรงปากหวานเธอก็แทบจะขาดอากาศหายใจ เข้าใจแล้วว่าตอนที่ท้องอยู่ทำไมเขาถึงไม่ยอมกระทำทั้งที่เธอเคยเสนอตัวให้ด้วยซ้ำ เพราะแรงเขาเยอะมาก ทั้งดุดันแถมยังหื่นจัด ครั้งเดียวไม่เคยพอ“อ๊ะ! อย่าเพิ่งค่ะ” เมื่อสองขาเรียวโดนเขาอ้าออกกว้าง ร่างสูงแทรกเอวสอบมาอย
หากเขารู้สักนิดว่าผู้หญิงตรงหน้าใจไม้ไส้ระกำขนาดไหน เขาคงไม่ทุ่มทั้งกายใจและให้ทุกอย่าง คงไม่เอามาเป็นแม่ของลูกด้วยซ้ำ เคยคิดมาตลอดว่าที่คริสติน่าทำแบบนั้นกับเรวัตเพราะเธอไม่ได้รักไม่ได้ผูกพัน หากทว่าวันนี้เขาประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า ขนาดคาริสาที่เลี้ยงมากับมือ ผูกพันกันมานานเธอยังไม่ได้รักมากไปกว่าความสุขสบายของตัวเองด้วยซ้ำ“หม่ามี้ขา ริสาขอโทษนะ” คาริสาร้องไห้ เธอรู้สึกผิดในทุกวันที่ช่วยอะไรมารดาไม่ได้มากกว่านี้ ที่ฮาซีฟไปขอร้องท่านหมัดซอลีแล้วท่านยอมให้เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว บิดาเธอบอกว่าบางครั้งมารดาเธอก็ต้องยอมรับผลจากการกระทำของตนบ้าง ชดใช้กรรมแค่นี้ยังถือว่าโชคดีมากด้วยซ้ำและแม้คาริสาจะรู้สึกผิดต่อมารดาและเป็นห่วงท่านแค่ไหน ในเมื่อเธอทำอะไรไม่ได้ในหน้าที่ของลูก เธอจึงหันมาโฟกัสหน้าที่ของแม่ คาริสายังต้องดูแลฮันน่าแม่ที่ไม่มีความสุขจะเลี้ยงลูกให้มีความสุขได้อย่างไร แม้จะทุกข์เธอก็ทำได้แค่เก็บกดไว้ส่วนลึกในใจ แต่วันนี้หัวใจเธอแหลกสลายอีกครั้งเมื่อมารดามาว่าร้ายกันเมื่อไม่ได้ดั่งใจคริสติน่ายิ่งอาละวาดหนักเหมือนคนบ้า ด่ากราดแม้กระทั่งหลานในไส้ หนูน้อยฮันน่าที่ได้ยินเสียงพวกนั้
“คุณหนูตื่นแล้วค่ะ” พี่เลี้ยงอุ้มสาวน้อยฮันน่าวัยแปดเดือนเข้ามาคนเป็นตารีบหยุดทุกคำหยาบคาย ฮาซีฟจะลุกไปอุ้มลูกแต่โอภาสก็รีบแซงหน้ารับหนูน้อยฮันน่ามาอุ้มแนบอกอย่างไว“หลานตาตื่นแล้วเหรอคะ ยิ้มเก่งมากเลย หนูนอนเต็มอิ่มก็ตื่นมาอารมณ์ดีไม่งอแงเลยใช่ไหม” คนเป็นตาที่เคยพูดภาษาพ่อขุนรามจนติดปากเปลี่ยนเป็นพูดเสียงสองเสียงสามกับหลานแบบฉับพลันหนูน้อยฮันน่าก็ยิ้มน่ารัก ทำปากเหมือนอยากจะพูดสนทนากับผู้ใหญ่จนน้ำลายเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด ซ้ำยังยกนิ้วป้อม ๆ จิ้มหูจิ้มตา แหย่จมูกคุณตาแล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดีทุกวันนี้บ้านหลังนี้อบอุ่นและสดใสขึ้นมากตั้งแต่คาริสาและหนูน้อยฮันน่าอยู่บ้านท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นของครอบครัวที่สามีอ้อนภรรยาที่กำลังปอกผลไม้ให้หลังจากช็อปเสื้อผ้าออนไลน์เสร็จแล้ว และคุณตาที่ทั้งกอดทั้งหอมหลานสาวสุดที่รัก เล่นจั๊กจี้กันจนเด็กน้อยหัวเราะลั่น มีบริวารห้อมล้อมคอยปรนนิบัติรับใช้ ทว่าอยู่ ๆ บรรยากาศดี ๆ เหล่านั้นก็โดนขัดขึ้นเมื่อมีผู้มาใหม่เดินเข้ามา“มีความสุขกันจังเลยนะ!” เสียงคริสติน่าดังกังวาน บ่งบอกได้ชัดถึงความเดือดดาล
“กูไม่ได้ทำ” เรวัตตอบเสียงราบเรียบ สายตาคู่คมมั่นคงบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาพูดความจริง ฮาซีฟเชื่อสนิทใจเพราะคนอย่างเรวัต หากบอกว่าไม่ ก็คือไม่ และตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์เกือบตายครั้งนั้นทำให้เรวัตตกตะกอนความคิดได้หลายอย่าง เขาจึงไม่คิดเอาความและตามอาฆาตคริสติน่าอีกต่อไปตอนนี้เรวัตเองแค่อยากมีชีวิตอยู่เพื่อผู้หญิงที่เขารักและเธอก็รักเขามากเช่นกัน เพื่อบิดา เพื่องาน และเพื่อครอบครัวที่รัก แต่คนที่ไม่ยอมรามือคือหมัดซอลีพ่อของเรวัตต่างหาก“งั้นถ้าผมไปขอป๊ะลี จะได้ไหม” ฮาซีฟเอ่ยถามอย่างหนักใจ“กูก็ไม่รู้” เรวัตตอบตามตรง บิดาเขาไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาเหยียบหัวได้ง่าย ๆ ยิ่งกับคนที่สั่งฆ่าลูกตัวเองอย่างเหี้ยมโหดได้ขนาดนั้น ใครมันจะไปอยากให้อภัย“แบเร... ช่วยผมหน่อยได้ไหม”“ทำไม?”“เพื่อริสา” ได้ยินชื่อหญิงสาวเรวัตก็ชะงักงัน เขาติดค้างคาริสาหลายอย่าง ใจลึก ๆ อยากจะชดใช้ให้บ้าง ทว่าจะให้ไปเจอหน้ากันแล้วขอโทษเธอก็กระดากอาย ที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ยกหุ้นหลายเปอร์เซ็นต์ และเงินก้อนใหญ่ให้ฮาซีฟเอาไปใช้เพื่อดูแลคาริสา และหลานของเขา และเตรียมจะโอนหุ้นให้ในชื่อหลานบางส่วนเพราะหากให้คาริสาโดยตรงเธอคงไม่อยาก
“ครับ พี่เอง ถึงบอกไงว่ารักริสามานาน”คาริสายิ้มกว้างสองแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เธอมุดหน้าลงกับแผงอกเขาแล้วกอดไว้แน่น“ไปอาบน้ำกันไหม” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยเสียงทุ้มพร่า เพราะคาริสากำลังนั่งกอดเขาอยู่บนตักแกร่ง ลำพังแค่ได้กลิ่นหญิงสาวเขาก็แทบตบะแตกอยู่แล้ว นี่เธอยิ่งเบียด กอด ซุกไซ้ใครล่ะจะทนไหว“ริสาอาบน้ำแล้ว” คาริสาเงยหน้าขึ้นมามอง ตอบเขาหน้าซื่อตาใส แล้วก็ต้องหรี่ตาเมื่อใบหน้าหล่อคมมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นประปราย กับความแข็งขืนด้านล่างที่กำลังเบียดชิดก้น หญิงสาวรับรู้ได้ทันทีว่าเขาอยากสื่อความหมายว่าอะไร“ครับ งั้นลุกนะ พี่ขอไปอาบน้ำก่อน” ฮาซีฟยกร่างบอบบางไปวางบนเตียง เขารีบลุกเดินตัวงอตรงเข้าไปในห้องน้ำเพราะท่อนลำกลางกายมันดื้อ ประท้วงจะออกมาเสียให้ได้หญิงสาวหัวเราะขำเบา ๆ เอ็นดูชายหนุ่มที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังพยายามข่มกลั้นอารมณ์ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้เกียรติเธอ ไม่อยากฝืนใจเธอ แม้ตัวเองจะลำบากแค่ไหนก็ตาม คาริสาลุกเดินตามเขาเข้าไปในห้องน้ำ“ให้ริสาช่วยอาบไหม” ถามเขาเสียงหวานหยด นัยน์ตาคู่สวยมองชายหนุ่มที่กำลังจะถอดเสื้อหวานหยาดเยิ้ม สองมือเรียวบางก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมชุดนอนซาตินแขนย
คืนนั้นโอภาสอนุญาตให้ฮาซีฟได้พักในบ้าน แต่ทว่าต้องนอนคนละห้องกัน ชายวัยกลางคนนึกสงสารหลาน คงจะติดอ้อมอกของพ่อมาก เพราะทันทีที่ฮาซีฟได้อุ้มหนูน้อยฮันน่าก็หยุดร้องจากที่งอแงมาตลอดหลายวันคาริสาให้คนหาข้าวหาปลาให้ชายหนุ่มรับประทาน พร้อมทั้งเสื้อผ้าชุดใหม่ ตามด้วยยาและชุดอุปกรณ์ทำแผล ใบหน้าหล่อเหลามีรอยฟกช้ำจากการโดนตบด้วยปืน และการโดนบิดาของเธอเหยียบขยี้ซ้ำๆ จนเป็นรอยถลอกปอกเปิก พื้นคอนกรีตร้อน ๆ หน้าบ้านก็ทำแก้มอีกข้างเป็นรอยไหม้ หากฮาซีฟก็ไม่บ่นสักคำ“ทำแผลก่อนนะ” คาริสาเอ่ยหลังจากที่ชายหนุ่มวางลูกน้อยที่หลับสนิทลงเตียงเด็กแล้วก่อนหน้านี้ฮาซีฟทำเพียงแค่ล้างหน้าล้างมือให้สะอาด ใช้น้ำเปล่าล้างแผลขจัดสิ่งสกปรก เพราะลูกสาวร้อง เขาอยากรีบไปอุ้มเลยยังไม่ทันได้ทำแผลจริงจัง“ดึกแล้ว ทำไมไม่พักผ่อน พี่ทำเองก็ได้” ชายหนุ่มจะคว้ากล่องอุปกรณ์ทำแผลมาจัดการเอง ทว่าคาริสาไม่ยอม เธอกอดกล่องไว้แน่น แววตาคู่สวยมองเขาจริงจัง“ริสาจะทำให้” หญิงสาวรั้นจะทำเองเขาจึงไม่ขัด นั่งลงข้างเตียงแล้วยื่นหน้าให้หญิงสาวที่นั่งข้างกันทำแผลและทายาแก้ฟกช้ำให้“พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกันนะ เอกซเรย์ดูหน่อยว่ามีกระดูกร้าวแตกหั







