Share

บทที่ 1

Penulis: Karawek House
last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-15 04:32:00

แม่ทัพใหญ่เฮยเซ่อเย่ว์ มอบหมายให้คนสนิท อีเหิง รองแม่ทัพฝ่ายขวา แบ่งกำลังอยู่รักษาเลี่ยงจินอู่ เมืองที่เพิ่งยึดมาได้ เอาไว้ใช้ต่างด่านหน้า ส่วนตนพาทหารที่เหลืออีกเจ็ดส่วนยกพลกลับค่ายพักทัพ

ผู้เป็นแม่ทัพเช่นเขาไม่เคยใส่ใจเรื่องความสบาย สิ่งที่ใส่ใจเป็นอันดับแรกคือความเหมาะสมและกลศึก เรื่องความสะดวกสบายอะไรนั่น เอาไว้สงครามสิ้นสุดลงเมื่อใด ถึงตอนนั้น คิดเสพสุขให้สำราญอย่างไร ก็ล้วนทำได้ทั้งนั้น

ทันทีที่กลับถึงค่ายพักทัพซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกำแพงเมืองเลี่ยงจินอู่เพียงไม่ถึงห้าลี้ แม่ทัพใหญ่เฮยเซ่อเย่ว์ก็กึ่งดึงกึ่งลากหนิงซินผ่านเชือกมัดข้อมือ   พานางเดินเข้ากระโจมหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางกระโจมจำนวนนับไม่ถ้วน

ใต้หล้านี้จะมีองค์หญิงแคว้นใด ได้รับการปฏิบัติ หยาบคายเช่นนี้

ทันทีที่เข้ามาด้านใน ทหารรับใช้สองนายก็ช่วยกันยกถังน้ำร้อนนับถังไม่ถ้วนมาเติมลงในถังไม้ใบใหญ่อย่างแข็งขัน หลังจากเตรียมถังน้ำเย็นสำรองไว้สำหรับใช้ปรับอุณหภูมิสองสามถัง ก็จัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนให้ผู้เป็นนาย แล้วเริ่มลงมือเช็ดคราบเลือดถอดชุดเกราะอย่างรู้หน้าที่...ทั้งนายทั้งบ่าว ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีผู้ใดชายตามององค์หญิงที่ถูกพาตัวมาอย่างนางสักนิด

เพียงครู่เดียว ร่างสูงใหญ่หุ้มเกราะสีดำเปรอะคราบโลหิตเกรอะกรังก็เปลี่ยนเป็นบุรุษผิวพรรณสะอาดตาจนยากจะเชื่อว่าเป็นผู้ห้อม้ากรำศึกมานานปี กระนั้นรัศมีความดุดันน่าหวาดหวั่นก็หาได้ลดลงไม่

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อยู่ต่อหน้าคนผู้นี้แล้ว หนิงซินรู้สึกคล้ายจะหายใจไม่ออก

หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่าจิตสังหาร?

หนิงซิน แต่เล็กเติบโตมาอย่างได้รับความรักและการทะนุถนอมคุ้มครอง นางไหนเลยจะเคยได้สัมผัสความรู้สึกมุ่งร้ายที่ชัดเจนเช่นนี้

“ออกไป” แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์สั่งทหารรับใช้สั้นๆ

ทหารรับใช้สับสนเล็กน้อย ทว่าหลังจากกะพริบตาสองปริบก็ตั้งสติได้

พวกเขารีบจากไปทันที โดยไม่ลืมใส่ใจปิดกระโจมให้ท่านแม่ทัพอย่างมิดชิด

ผู้ติดตามรับใช้ใกล้ชิดเจ้านายย่อมต้องหูไวตาไว...

หนิงซินเห็นท่าทางกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว ราวกับทำเรื่องเช่นนี้มาแล้วตั้งไม่รู้กี่หนของพลทหาร ก็เกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

ความเงียบครอบงำกระโจมกว้างอยู่ชั่วอึดใจ ไม่นานนัก เมื่อทหารรับใช้คล้อยหลัง ผู้เป็นเจ้าของกระโจมก็หันมาออกคำสั่งกับนาง

“มานี่”

มานี่? หนิงซินทวนคำสั่งนั้นในใจ

จะให้นางเข้าไปใกล้ทำไม?

หรือคนผู้นี้คิดหลู่เกียรตินางด้วยการใช้งานนางต่างหญิงรับใช้?

เขา...หรือคนผู้นี้ถึงกับคิดจะให้องค์หญิงผู้หนึ่ง ซึ่งแม้ยามนี้จะได้ชื่อว่าเป็นเชลย แต่ก็เป็นผู้ที่ดั้นด้นออกมายังแนวรบเพื่อยื่นข้อเสนอเจรจายุติสงคราม ปรนนิบัติบุรุษเช่นตนอาบน้ำ?

เชลยที่ใดกัน หากคนผู้นี้กล่าวว่านางคือเชลย นางก็ต้องเป็นเชลยเช่นนั้นหรือ? แรกเริ่มเดิมที นางมาพบคนผู้นี้ในฐานะทูตสงครามต่างหาก!

“ไม่” หนิงซินบอก น้ำเสียงแข็งกร้าว “ข้า หนิงซิน เดินทางมาที่นี่ในฐานะทูตสงครามและตัวประกัน ไม่ใช่ทาสเชลย ศักดิ์และสิทธิ์ในฐานะองค์หญิงก็ยังอยู่ครบ ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมกองทัพเรือนแสนก็จริงอยู่ แต่ข้าองค์หญิงไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่าน อันที่จริง ท่านสมควรให้คนพาข้าไปที่กระโจมพักส่วนตัว รับรองข้าในฐานะแขกคนหนึ่งด้วยซ้ำ”

อาการพยศที่ไร้ประโยชน์และผิดที่ผิดทางนี้ ดึงให้แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์เริ่มไล่สายตาสำรวจสตรีที่นับตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในกระโจม ก็เอาแต่ยืนตัวตรง วางท่างามสง่า สงบนิ่ง

เหอะ...งามสง่า...

แม่ทัพหนุ่มไล่สายตาอันเย่อหยิ่งกลับขึ้นจ้องตานาง

เมื่อเห็นนางยังคงสงบนิ่ง ไร้ท่าทีขลาดกลัว ก็แค่นหัวเราะ สาวเท้าเข้าหา ถามกึ่งเยาะ

“อ้อ...แม้จะประกาศออกไปแล้วว่าให้อยู่ในฐานะเชลยศึก ข้าแม่ทัพก็ยังสมควรรับรองหญิงแพศยาอัปมงคลเช่นเจ้าในฐานะแขกเช่นนั้นรึ” เขาไม่ละสายตาคู่คมไปจากตานางสักนิด “ระดับความสำคัญเล่า จะให้รับรองพอเป็นพิธีตามหลักผู้ใหญ่สงเคราะห์ผู้น้อย หรือต้องจัดงานเลี้ยงสุราใหญ่โต เรียกเหล่าบุรุษมาปรนนิบัติเอาใจ ‘หนิงซินกงจู่’ ผู้สูงส่ง”

หนิงซินสบตาคู่นั้นแล้วลมหายใจสะดุด ในสมองพลันวาบความคิดที่ชวนให้อกสั่นขวัญผวา แทบไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่คนตรงหน้ากล่าววาจาหยาบหยามอย่างไรบ้าง

เห็นนัยน์ตาวาวโรจน์ดุจพยัคฆ์ร้ายเช่นนี้แล้ว...ต้องยอมรับตามตรงว่านางกลัว

นางไม่เคยกลัวตาย

ในตอนที่ตัดสินใจลอบหลบหนีออกจากวังหลวงมาพบคนผู้นี้ ก็เตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้วถึงเจ็ดแปดส่วน ทว่าความตายกับบางสิ่งบางอย่างที่นางสังหรณ์ใจว่ากำลังจะเกิดขึ้น นับเป็นคนละเรื่องกัน

นางยังจดจำถ้อยคำที่แม่นมตักเตือน เมื่อยามระแคะระคายว่าองค์หญิงอย่างนางอาจหลบหนีออกจากวัง มาทำเรื่องสุ่มเสี่ยงอย่างการเจรจาด้วยตนเองเพื่อยุติปัญหาที่ตนเองคล้ายเป็นตัวต้นเหตุได้ดี...

“องค์หญิง...สตรีอย่างพวกเรานั้นบอบบางแตกสลายง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง บุรุษเองก็มีวิธีการตั้งมากมายมาใช้ทรมานสตรี กองทัพเฮยเซ่อเย่ว์ที่กุมชัยเหนือแว่นแคว้นน้อยใหญ่ในแผ่นดินยามนี้นั้น เล่าลือกันว่าโหดเหี้ยมอำมหิตยากจะหาใดเทียม แม่ทัพทมิฬผู้นำทัพใหญ่ที่ป่าวประกาศว่า ‘หากแคว้นป๋ายยอมส่งตัวองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ออกไป ก็อาจยอมเหลือทางรอดให้คนแคว้นป๋ายสักหนึ่งสาย’ ผู้นั้น ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเย็นชาแล้งน้ำใจ ว่ากันว่ายามบุรุษผู้นั้นปรากฏตัวแต่ละครั้งผู้คนล้มตายราวกับใบไม้ร่วง ราวกับว่าคนผู้นั้นเป็นพญามัจจุราชจากขุมนรกก็ไม่ปาน จะกระทำสิ่งใดโดยปราศจากการไตร่ตรองเช่นนั้นมิได้นะเจ้าคะ...”

ทีแรกนางก็ไม่เข้าใจความหมาย ทว่าหลังจากแม่นมป้องปากกระซิบอธิบาย นางก็เข้าใจทันทีว่าเพราะเหตุใดแม่นมจึงอยากให้ระวัง

กระนั้นก็เถอะ จากที่ได้ยินมา แม่ทัพใหญ่ของกองทัพทมิฬแห่งเฮยเซ่อเย่ว์ แม้เก่งกล้าสามารถ เด็ดขาด ยามลงมือก็ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี ทว่าในแต่ละคราวที่ออกกำราบปราบปรามแต่ละแว่นแคว้น คนผู้นี้ไม่เคยกระทำการโดยไร้เหตุผลหรือ ‘ข้ออ้าง’ อันชอบธรรม ซ้ำยังไม่เคยมีข่าวเล่าลือว่ากองทัพอันยิ่งใหญ่ของเฮยเซ่อเย่ว์ข่มเหงฉุดคร่าย่ำยีสตรีแว่นแคว้นใด นางจึงไม่คิดว่าผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพอันรักษาระเบียบวินัยเคร่งครัดเช่นเขา จะจาบจ้วงล่วงเกินสตรีใดโดยที่สตรีผู้นั้นไม่ยินยอม โดยเฉพาะยิ่งแล้วเมื่อสตรีผู้นั้นเป็นถึงองค์หญิงผู้หนึ่งซึ่งเดินทางมาในฐานะทูตสงคราม...ถึงแม้จะไม่ได้มาอย่างเป็นทางการก็ตามที

ทว่า...แววตาของคนผู้นี้...

หนิงซินกัดริมฝีปากแน่น ข่มความกลัว พยายามตั้งสติ

ต้องไม่เป็นเช่นที่แม่นมว่าสิ...

คนผู้นี้...คนผู้นี้...

หรือว่า...หรือว่าการข่าวของน้องสี่จะผิดพลาด?

หรือจะเป็นดังเช่นที่แม่นมของนางว่าไว้...หรือว่านางคิดอะไรง่ายดาย มองโลกและผู้คนในแง่ดีจนเกินไปดังที่คนผู้นี้ว่าไว้จริงๆ

ไม่...ไม่นะ...

หนิงซินก้าวขาถอยหลังโดยอัตโนมัติ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 7

    นางจะไม่ยอมอดทนต่อการกระทำอันต่ำทรามไร้มารยาทนี้อีกต่อไปแล้ว! นางไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว!หนิงซินพยายามขยับตัวดิ้น คาดไม่ถึงว่าท่าทีนั้นจะทำให้อีกฝ่ายครางเสียงทุ้มต่ำในลำคอ บางสิ่งที่ค้างคาอยู่ในตัวนางขยายใหญ่ขึ้นจนคับแน่นไปกันใหญ่“เจ้าคิดว่านี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ?” เขาถามเสียงแหบห้าวราวกับราชสีห์ที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลน้ำเสียงที่เป็นเช่นนี้...จะว่าฟังดูสบายๆ ก็ให้ความรู้สึกว่าสบายๆ จะว่าให้ความรู้สึกว่าน่าหวาดกลัวก็ให้ความรู้สึกว่าน่าหวาดกลัว ทั้งฟังดูน่าเกรงขามทั้งชวนให้ขนลุกได้อย่างน่าพิศวงถึงกระนั้นก็เถอะ ท่าทีเช่นนี้ค่อนข้างแตกต่างจากท่าทีก่อนที่ทั้งเขาและนางจะ...ร่วมหมอนนอนเคียงกันสักเล็กน้อย คล้ายกับว่ามันมีสัดส่วนของการหยอกเย้าอย่างนึกสนุกปะปนอยู่ในนั้น แต่จะด้วยในฐานะนางบำเรอหรือสัตว์เลี้ยงนั้น...นางไม่อาจและไม่อยากคาดเดาเห็นนางนิ่งเงียบ แม่ทัพทมิฬบีบคาง บังคับให้นางผินหน้ามาสบตาชั่วอึดใจนั้น ความน้อยเนื้อต่ำใจและความอัปยศอดสูสมเพชเวทนาตนเองเหลือจะกล่าว และความรู้สึกกล่าวโทษฝ่ายที่ทำให้ตนเองต้องรู้สึกเช่นนี้อย่างละส่วน ขับให้หนิงซินจ้องตอบด้วยสีหน้าเฉยชาอย่างที่สุด“นี

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 6

    การลงทัณฑ์อันเร่าร้อนรุนแรง ปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่ซุกซ่อนในใจ ทำให้หนิงซินรู้สึกอัปยศอดสูถึงขีดสุดยามนี้นางทั้งรังเกียจชิงชังตนเอง ทั้งรู้สึกผิด ทั้งยังรู้สึกว่าตนเองแปดเปื้อน หมดคุณค่า จิตใจถูกทำให้บิดเบี้ยววิปลาสเกินเยียวยา หมดสิ้นความภาคภูมิใจในตนเอง เกียรติยศและความสง่างามในฐานะองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ของแคว้นป๋ายล้วนถูกย่ำยีจนไม่เหลือซากภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วยามบุรุษต่ำช้าผู้นี้ราวกับหมาป่าอดอยากหิวโซคลุ้มคลั่งตัวหนึ่งก็ไม่ปาน นับตั้งแต่เริ่มลงมือกับนาง เขาก็ลงมืออย่างไม่ยั้งมือไว้ไมตรี กระทำย่ำยีกับนางเอาตามใจทั้งคว่ำและหงาย ใช้นางบำบัดความใคร่ บำเรอกาม ปฏิบัติต่อนางเสมือนหนึ่งหญิงคณิกา หลังจากเสร็จสิ้นสุขสม ก็ไม่ใส่ใจแม้แต่จะดึงผ้าสักชิ้นมาปกปิดร่างกายทั้งเขาและนาง ทั้งยังไม่สนใจว่าหลังจากเพิ่งผ่านพ้นเสร็จสิ้นกิจกามอันยาวนานกันไปหนหนึ่ง นางจะเจ็บปวดบอบช้ำถึงเพียงไหน กลับจับนางพลิกคว่ำซุกไซ้สูดดมซอกคอ สอดแทรกความเป็นชายที่ยังแข็งเกร็งเข้ามาจนสุดลำ กอดรั้งร่างนางที่ไร้แรงจะต้านทานขัดขืนไว้แน่นหนที่สองนี้ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวรุนแรงเหมือนหนแรก กลับสอดใส่ค้างคา

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 5

    ไม่...ไม่นะ...นี่นาง...นางกำลังคล้อยตามโจรขืนใจผู้นี้!ไม่ ไม่ ไม่ ไม่! ไม่มีวัน! นางต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้ ความรู้สึกโสมมเช่นนี้!“เอามัน...ฮึก...! เอามันออกไป...!” หนิงซินร้องเสียงแหบพร่าตอนนี้นางแทบจะไม่มีเสียงห้ามแล้ว แต่หากไม่ห้าม...นาง...นางรู้สึกว่า...นางคิดว่านางสมควรต้องห้าม!ถูกแล้ว นางสมควรต้องพยายามยุติเหตุการณ์อันน่าอัปยศและไม่ถูกต้องนี้ ต้องต่อต้านสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และไม่สมควรคล้อยตามความรู้สึกอันสกปรกไร้ยางอายเช่นนี้!ต่อให้นางไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่สมควรครองพรหมจรรย์แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงรองที่ถือกำเนิดจากครรภ์พระราชชายาแห่งผู้ปกครองแคว้นป๋าย และต่อให้นางไม่ใช่องค์หญิงผู้หนึ่งของแคว้นป๋าย นางก็ยังเป็นสตรีผู้หนึ่งใต้หล้านี้จะมีสตรีดีๆ ใดที่เป็นเช่นนี้...ยังไม่ทันแต่งงานเข้าพิธี โดนบุรุษผู้หนึ่งข่มเหงรังแก กลับหลงคล้อยตาม เผลอปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้ผู้อื่นเสพสุขจากร่างกายตนโดยง่าย กระทำตัวไร้ยางอายและไร้ค่าเช่นนี้!นาง...ไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้!ราวกับล่วงรู้ว่านางกำลังคิดอะไร คนด้านบนแค่นหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ก่อนขยับอีกนิ้วที่ว่างอยู่ปัดเ

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 4

    เขาใช้มือข้างหนึ่งกดร่างนางไว้ เพียงใช้มืออีกข้างกระชากแรงหน่อย ชุดผ้าเนื้อดีสีนวลตาบนกายนาง ถึงกับหลุดขาดวิ่นคามือ!“อ๊ะ!!! ต่ำช้า ท่านมันต่ำช้าที่สุด!” หนิงซินตกใจกลัวจนแทบไม่รู้ตัวแล้วว่าพูดอะไรออกมา“อ้อ ข้าต่ำช้า!” คราวนี้เขาแค่นหัวเราะ ก่อนกดศีรษะลงไซ้แก้ม กราม ซอกคอ ไล่ลงมาจนถึงเนินอกอิ่ม แล้วกระชากเสื้อตัวยาวที่สวมเอาไว้อย่างหลวมๆ ของตัวเองทิ้งอย่างรวดเร็วหนิงซินโกรธจนลืมกลัวไปแล้ว“เป็นแค่แม่ทัพผู้หนึ่ง ไม่ทันถวายรายงานต่อต้าอ๋องของตนก็กล้าแตะต้ององค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ที่เดินทางมาเป็นทูตสงคราม หัวของแม่ทัพใหญ่อย่างท่าน ยังสมควรมีอยู่หรือไม่!”แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ไม่แยแสสักนิด“นั่นต้องดูว่ายังมีผู้ใดมีความสามาถมากพอจะบั่นคอข้าได้หรือไม่!”เขาฉีกกระชากชุดนางซ้ำ เผยให้เห็นเรือนร่างส่วนที่ยังคงถูกปกปิดไว้แทบทั้งหมดทันทีหนิงซินสะอื้นค้าง รู้แน่แล้วว่าคงขัดขืนคนตรงหน้าไม่ได้ แต่ไม่อยากโอนอ่อนผ่อนตาม นางพยายามดิ้นรนสุดกำลัง หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นทำให้ส่วนกลมกลึงกลางหน้าอกกระเพื่อมไหว ดึงดูดให้ผู้ที่แท้ที่จริงแล้วก็เพียงอยากกลั่นแกล้งรังแกหยามเกียรตินาง บังเกิดความปรารถนาอย่างรุนแรงจ

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 3

    “อย่าบังอาจมายั่วยวนข้า” เขาบอกเสียงลอดไรฟันวัดจากความเย็นที่เคลื่อนลงจากมุมปากอย่างเชื่องช้า กับคราบน้ำสีแดงข้นบนริมฝีปากที่คนตรงหน้าเพิ่งจะตวัดลิ้นกลืนกินอย่างไม่รู้สึกรู้สา เดาว่าริมฝีปากนางในตอนนี้คงถูกบุรุษใจทรามตรงหน้าขบกัดจนเป็นแผล เลือดสดๆ กำลังหลั่งรินออกมาแล้วจริงๆ“จริงสิ...ข้าเคยบอกเอาไว้ว่าจะทำให้เจ้าร้องขอความตาย...” เขาบอกเสียงแหบแห้งเย็นชาทว่าทรงอำนาจดุจพญามัจจุราชจากปรภพ พลางใช้สายตาโลมไล้ใบหน้าและลำคออันขาวผ่องรอบหนึ่ง จากนั้นก็จ้องลึกลงในตานาง แย้มรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมน่าหวาดหวั่นที่ทำให้หนิงซินถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งวิญญาณ หวาดผวาจนน้ำตาคลอเบ้าในชั่วขณะที่หนิงซินคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ก็ตวาดใส่นางเสียงดังลั่น “ร้องสิ! หากไม่ร้องไห้อ้อนวอนหรือโวยวาย ก็จงใช้วิธีการที่เจ้าใช้ยั่วยวนปั่นหัวผู้คนให้รบราฆ่ากันตาย ให้ผู้ชนะอย่างข้าได้ดูชมเป็นขวัญตาสักครั้ง! นารีล่มเมืองหรือจะมีดีแค่นี้!” หนิงซินเม้มริมฝีปากแน่น เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด แม้แต่ประโยคร้องขอความเห็นใจก็ยังพูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำยังไม่ต้องเอ่ยถึงการโดนตวาดใส่ซึ่งๆ หน้าเช่นนี้...องค์หญิง

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 2

    “เป็นอะไรไป ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็เห็นว่าปากกล้าอยู่ได้ตั้งเป็นนาน ไฉนตอนนี้องค์หญิงรองผู้เก่งกาจ กลับหวาดกลัวขึ้นมาเสียแล้วเล่า” เขาเอ่ยกึ่งเยาะเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร หนิงซินเลือกใช้ความเงียบเป็นคำตอบแม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์สาวเท้าเข้าหา นางก้าวขาถอยหนียิ่งแววตาเขาดูสนุกมากขึ้นทุกที นางก็ยิ่งหายใจลำบากยิ่งขึ้น“หึ องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์แคว้นป๋ายก็กลัวเป็นเสียด้วย” เขาก้าวขาเร็วขึ้น ทั้งน้ำเสียงและแววตาคุกคามทำเอาหนิงซินเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่หนิงซินกัดริมฝีปากตัวเองแน่น พยายามตั้งสติไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไร เพียงเห็นนางเหลียวมองทางออกที่อยู่ไม่ไกล บุรุษผู้นี้ก็คล้ายจะหมดความอดทนเฉียบพลัน“ข้าจะไม่เล่นไล่จับกับเจ้า หนิงซิน” บอกเพียงเท่านั้น แม่ทัพใหญ่ก็คว้าข้อมือนาง แม่นยำเหมือนอสรพิษฉกกัดร่างบอบบางโดนโยนลงบนฟูกในชั่วอึดใจนั้นก่อนที่หนิงซินจะได้ทันหวีดร้อง ร่างสูงใหญ่ก็โถมทับลงมา ตรึงข้อมือที่ยังโดนมัดไว้ของนางขึ้นเหนือหัว แล้วกดริมฝีปากแข็งกระด้างลงปิดปากนางอย่างไม่ปรานีปราศรัย“อึ...อื้อ!”จู่ๆ...จู่ๆ ก็ถูกทำแบบนี้...!หนิงซินทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวจนประคองสติเอาไว้ไม่ไหว ร่างเล็กๆ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status