공유

บทที่ 3

작가: Karawek House
last update 최신 업데이트: 2025-08-15 04:32:17

“อย่าบังอาจมายั่วยวนข้า” เขาบอกเสียงลอดไรฟัน

วัดจากความเย็นที่เคลื่อนลงจากมุมปากอย่างเชื่องช้า กับคราบน้ำสีแดงข้นบนริมฝีปากที่คนตรงหน้าเพิ่งจะตวัดลิ้นกลืนกินอย่างไม่รู้สึกรู้สา เดาว่าริมฝีปากนางในตอนนี้คงถูกบุรุษใจทรามตรงหน้าขบกัดจนเป็นแผล เลือดสดๆ กำลังหลั่งรินออกมาแล้วจริงๆ

“จริงสิ...ข้าเคยบอกเอาไว้ว่าจะทำให้เจ้าร้องขอความตาย...” เขาบอกเสียงแหบแห้งเย็นชาทว่าทรงอำนาจดุจพญามัจจุราชจากปรภพ พลางใช้สายตาโลมไล้ใบหน้าและลำคออันขาวผ่องรอบหนึ่ง จากนั้นก็จ้องลึกลงในตานาง แย้มรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียมน่าหวาดหวั่นที่ทำให้หนิงซินถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งวิญญาณ หวาดผวาจนน้ำตาคลอเบ้า

ในชั่วขณะที่หนิงซินคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ก็ตวาดใส่นางเสียงดังลั่น “ร้องสิ! หากไม่ร้องไห้อ้อนวอนหรือโวยวาย ก็จงใช้วิธีการที่เจ้าใช้ยั่วยวนปั่นหัวผู้คนให้รบราฆ่ากันตาย ให้ผู้ชนะอย่างข้าได้ดูชมเป็นขวัญตาสักครั้ง! นารีล่มเมืองหรือจะมีดีแค่นี้!”

หนิงซินเม้มริมฝีปากแน่น เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด แม้แต่ประโยคร้องขอความเห็นใจก็ยังพูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ

ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการโดนตวาดใส่ซึ่งๆ หน้าเช่นนี้...องค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานสูงสุดอย่างนาง ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนรายรอบด้วยผู้คนที่รักใคร่ให้ความเอ็นดู กระทั่งพูดจาเสียงดังหรือหายใจแรงๆ สักหน่อย ก็ยังไม่มีใครกล้าทำต่อหน้านางสักครั้ง

นางจ้องลึกลงในตาเขา ในอกมีคำพูดมากมาย แต่กลับเปล่งเสียงไม่ออกสักนิด

ไม่...ไม่ใช่นะ...

หาได้เป็นเช่นนั้น...

ข้า...ข้ามิได้...

“หึ...เสแสร้งแกล้งอ่อนแอ ทำเนื้อตัวสั่นเทาน้ำตาคลอเบ้าให้ผู้คนสงสารเห็นใจ...ที่แท้องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ของนิกายแสงสว่าง หญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าที่ทั่วทั้งแผ่นดินหมายปอง ก็ทำเป็นแต่ใช้ลูกไม้ตื้นๆ พรรค์นี้!” เขาเยาะ

หนิงซินคล้ายถูกสะกิดแผลเก่าให้เปิดออก

ที่จริงแล้ว...เดิมทีตำแหน่งองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ที่ดำรงอยู่ในตอนนี้มิใช่ของนาง ด้วยนางมีพี่หญิงต่างมารดาที่อายุมากกว่าตนเองสามสี่ปีอยู่ผู้หนึ่ง พี่หญิงใหญ่ของนางผู้นั้น แม้ในยามปกติจะดีต่อนาง ทว่าก็มักจะคอยบ่นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเสมอ...

“เกิดเป็นน้องหญิงที่ลืมตาดูโลกพร้อมคำทำนายมหามงคล มีมารดาคอยทะนุถนอมเอาใจใส่ บิดารักใคร่ให้ความโปรดปราน ผู้อื่นผู้ใดได้เห็นก็พากันรักใคร่ให้ความเอ็นดูอย่างเจ้า ช่างดีนัก... ยามกระทำเรื่องผิดพลาดครั้งใด เพียงแสร้งทำตัวอ่อนแออมโรค ทำเนื้อตัวสั่นเทา ทำน้ำตาคลอเบ้าเข้าหน่อย ผู้ใดได้เห็นก็เป็นต้องสงสารเห็นใจกันทั้งนั้น พี่หญิงอย่างข้ากลับทำสิ่งใดล้วนต้องถูกต้องสมบูรณ์แบบทุกอย่าง มิเช่นนั้น จากเรื่องเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ยากจะรับมือขึ้นมา ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งอาจถึงขั้นต้องรับผิดชอบด้วยชีวิต”

ต่อมาเมื่อนางอายุย่างสิบสี่ พี่หญิงใหญ่อายุราวสิบเจ็ดปี พี่หญิงใหญ่เข้าสู่อารามหลวง กลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ตามความเหมาะสมทั้งด้านวัยวุฒิและสถานะอันสูงส่ง ในฐานะที่เป็นองค์หญิงองค์โตซึ่งถือกำเนิดจากพระราชชายา[1]ผู้หนึ่ง...แม้จะเป็นพระราชชายาที่ล่วงลับไปแล้วก็ตามที

ทันทีที่ขึ้นรับตำแหน่ง พี่หญิงใหญ่ของนางรับหน้าที่ขึ้นบรรเลงบทเพลงอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนแท่นพิธีสูงเสียดฟ้า เพื่อทำการบวงสรวงก่อนก่อสร้างเขื่อนป้องกันอุทกภัย

ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ระหว่างทำพิธี พี่หญิงที่ชำนาญสิ้นทั้งพิณ ภาพ หมาก อักษร กลับพลาดพลั้ง ทำสายพิณขาดสะบั้น แล้วเย็นวันนั้นพายุฝนก็โหมกระหน่ำรุนแรง ก่อให้เกิดมหาอุทกภัย ซัดทำลายบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาไปถึงสามเมืองใหญ่

ครั้งนั้นแม้พี่หญิงจะคร่ำครวญร่ำไห้สักเพียงใด ก็ยังถูกลากตัวออกไปสำเร็จโทษในพิธีขอขมาต่อทวยเทพที่ปกปักษ์รักษาแว่นแคว้นอย่างน่าเศร้า

ก่อนสิ้นใจเพราะสุราพิษพระราชทาน พี่หญิงใหญ่ทอดสายตามองมาที่นาง ขยับริมฝีปากกล่าวอย่างไรซุ่มเสียงเพียงสั้นๆ

“เจ้าเห็นหรือไม่”

เพียงเท่านั้น พี่หญิงของนางก็ไอออกมาเป็นเลือด ก่อนฟุบตัวลงทั้งๆ ที่ยังคงไม่ละสายตาไปจากนาง ลาจากโลกใบนี้ไปทั้งอย่างนั้น

นึกถึงดวงตาแดงก่ำคู่นั้นแล้ว หนิงซินแทบจะกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

“ท่านผิดแล้ว ข้าไม่เคยร้องขอให้ผู้ใดมาเมตตาสงสารทั้งนั้น!

นางโต้กลับเสียงดังอย่างที่ไม่เคยกระทำ

“ท่านแม่ทัพเรียกข้าว่าหญิงแพศยาอัปมงคล ข้าองค์หญิงขอถามท่านแม่ทัพสักคำ ว่าข้าองค์หญิงที่เพียงเลือกคู่ตามธรรมเนียมเก่าแก่โบราณของแคว้นเรา เมื่อเห็นเค้าลางของความวุ่นวาย ก็เลือกตัดปัญหาที่ต้นเหตุเช่นตนด้วยการทูลขอต่อเสด็จพ่อ ส่งตนเองเข้าอารามศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องครองพรมจรรย์อยู่ในอารามไปจวบจนสิ้นชีวิต... ข้าที่ทำสิ่งใดมากกว่านี้มิได้แล้ว นับว่าผิดจริงหรือไม่!”

ตอนนี้นางหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว

“ใช่บุรุษเช่นพวกเขาเองหรือไม่ ที่เข้าร่วมการประลองเลือกคู่แล้วกลับไร้ความซื่อสัตย์ ต่อให้ได้ผู้ชนะแล้วก็ยังเลือกรังควานประหัตประหารกันไม่สิ้นสุด ใช่พวกเขาเหล่าบุรุษเองหรือไม่ ที่จะอย่างไรก็ไม่วายยึดศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง คิดแต่จะเอาชนะคะคาน กระทั่งข้าเลือกจองจำตนเองในอาราม เลือกสืบทอดหน้าที่สตรีศักดิ์สิทธิ์จากพี่หญิงใหญ่เช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ยังไม่ยอมยุติการฆ่าฟัน...ท่านลองบอกข้าสักคำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของข้าใช่หรือไม่!”

 หนิงซินจ้องดวงตาที่ลุกโชนด้วยไฟโทสะของบุรุษตรงหน้า ตาไม่กะพริบ

ท่าทีเช่นนี้ทำให้ดวงตาคู่คมของแม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ยิ่งวาบวับขึ้นด้วยประกายโทสะ

เขาจ้องตานาง นางจ้องตาเขา

ยามนี้หนิงซินก็ไม่เหลือสติจะอดทนข่มอารมณ์แล้วเช่นกัน!

ผ่านไปราวครึ่งถ้วยชา แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก...

เขาใช้มือข้างหนึ่งกดร่างนางไว้ เพียงใช้มืออีกข้างกระชากแรงหน่อย ชุดผ้าเนื้อดีสีนวลตาบนกายนาง ถึงกับหลุดขาดวิ่นคามือ!

[1] ในเรื่องนี้จะไม่มีฮองเฮานะคะ ขอให้เข้าใจเอาตามนี้ว่า ตำแหน่งพระราชชายานี้ เป็นตำแหน่งสูงสุดของภรรยาเอกของผู้ครองแคว้นในเรื่องนี้ ที่ยังเรียกกันว่า ‘อ๋อง’ หรือก็คือ ‘หวาง’ ในภาษาจีนกลางนั่นเองค่ะ แต่ก็เป็นยุคสมัยที่มีการสถาปนาก่อตั้งราชวงศ์กันแล้ว ถ้าใครเคยอ่านนิยายเรื่อง ‘นางมารน้อยข้ามภพ’ ยุคสมัยของเรื่องนี้ จะเป็นยุคสมัยก่อนเรื่องนางมารน้อยข้ามภพ เป็นยุคที่เต็มไปด้วยแคว้นต่างๆ และเหล่าชนเผ่าค่า

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 114

    ตอนนั้นเอง หญิงหม้ายสกุลอวี๋ก็เปิดประตูเดินอุ้ยอ้ายออกมา นางทำท่าจะประสานมือคารวะ แต่ถูกอีเหิงขยับเข้าประคองห้ามไว้กลับเป็นหมอหลวงสวี่ที่ประสานมือค้อมศีรษะคารวะหญิงหม้ายเสียเอง แล้วเอ่ยถาม“อวี๋ฮูหยิน เป็นอย่างไรบ้าง มิใช่ว่าองค์หญิง—” หมอหลวงสวี่กำมือที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อใต้ชายแขนเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวไว้แน่นหญิงหม้ายคาดไม่ถึงว่าบุคคลที่จำได้เลาๆ ว่าเป็นถึงหมออาวุโสผู้หนึ่งของกองทัพ ได้รับการนับหน้าถือตาเป็นอย่างยิ่ง จะถึงกับทำความเคารพสามัญชนเช่นนาง ซ้ำยังออกปากถามความเห็น มิใช่ถามเพียงอาการเช่นนี้ ทว่าเมื่อคำนึงถึงเรื่องที่สตรีในห้องเป็นสตรีของท่านแม่ทัพ อีกทั้งอาการของนางในยามนี้ก็ทั้งชัดเจนและไม่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง หญิงหม้ายก็ประสานมือคารวะกลับ ทว่าทำได้เพียงค้อมศีรษะเล็กน้อยเท่านั้นนางตอบหมอชราดูทรงภูมิและรองแม่ทัพผู้รั้งเมืองตรงหน้าอย่างใจเย็น “ท่านหมอและท่านรองแม่ทัพไม่ต้องเป็นห่วง แม่นางเพียงแต่อ่อนเพลียและมีอาการวิตกกังวลมากสักหน่อยเท่านั้น ข้าต้มยาสงบใจที่เหมาะสำหรับสตรีให้รับประทานแล้ว หลังจากได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ รั

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 113

    หญิงหม้ายสกุลอวี๋มาถึงในชั่วอึดใจถัดมาอีเหิงมองร่างเล็กๆ เอวคอดกิ่วที่อุ้มครรภ์แก่ใกล้คลอดอุ้ยอ้ายเดินเข้ามาด้วยความช่วยเหลือของสาวใช้แล้วก็ให้ห่วงหน้าพะวงหลัง ทั้งเป็นห่วงคนป่วยบนเตียง ทั้งหวาดกลัวว่าเอวเล็กๆ ดูบอบบางของหญิงหม้ายจะเกิดหักลงมา ทว่าไม่กล้าทักท้วงที่นี่ไม่มีหมอหญิง และหมอหลวงสวี่ก็ยืนกรานว่าต้องให้หญิงหม้ายซึ่งรู้วิชาแพทย์และเชี่ยวชาญโรคสตรีมาช่วยตรวจอาการให้แน่ใจ หากมัวห่วงพะวงและรบกวนผู้ตรวจรักษาจนองค์หญิงรองเกิดเป็นอะไรลงไป ไม่ต้องรอจนผู้เป็นนายกลับมา เกรงแต่ว่าตัวเขาจะทนแบกรับความรู้สึกผิดไม่ไหว ซ้ำยังถูกเหล่าองครักษ์ที่ท่านแม่ทัพทิ้งไว้ให้คอยดูแลองค์หญิงรุมลงทัณฑ์องครักษ์เหล่านี้แม้ยามนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ แต่ขึ้นตรงต่อท่านแม่ทัพของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น แม้แต่คำว่า ‘อ๋องผู้นั่งอยู่เหนือบัลลังก์เฮยเซ่อเย่ว์’ ก็ยังหาได้มีความสลักสำคัญอะไรต่อพวกเขาไม่องครักษ์เหล่านี้ต่างหาก ที่นับเป็นกองทัพทมิฬที่แท้จริงแท้จริงแล้ว ‘กองทัพทมิฬ’ คือชื่อเรียกที่ท่านอ๋องผู้ล่วงลับมอบให้แก่กองกำลังลับส่วนตนของท่าน

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 112

    แม้หมอหลวงสวี่จะเป็นหนึ่งในผู้ที่รั้นจะตามมาในกองทัพใหญ่เฮยเซ่อเย่ว์ ด้วยเห็นว่าชีวิตของตนเองอยู่มาจนป่านนี้ก็ไม่มีเรื่องใดให้เสียดายอีกแล้ว ห่วงแต่ว่าจะไม่ได้ทำประโยชน์ให้แก่ท่านแม่ทัพที่ยืนกรานออกศึกด้วยตนเองหลายต่อหลายครั้ง ทว่าอยู่มาจนป่านนี้ กลับได้ข่าวว่าอนุที่เยาว์วัยที่สุดของตนเกิดตั้งครรภ์และเพิ่งจะคลอดบุตร นับๆ ดูแล้วก็มั่นใจว่าเป็นทายาทของตนเป็นแม่นมั่น แม้ใจหนึ่งอยากกลับไปรับขวัญบุตรชายที่ได้มาราวปาฏิหาริย์ แต่การศึกยังติดพัน จึงได้แต่ตั้งใจอบรมสอนสั่งหมอทหาร เพื่อให้แน่ใจได้มากขึ้นอย่างน้อยๆ ก็อีกสองส่วน ว่ากองทัพเฮยเซ่อเย่ว์ที่เกรียงไกรจะไม่สูญเสียกำลังทหารจนพลาดพลั้งแพ้พ่าย... มิใช่ว่าไม่เชื่อใจผู้นำทัพ ในฐานะผู้ที่ติดตามกองทัพมาทั้งที่ไร้วรยุทธป้องกันตัว สวี่ซีซวนก็เพียงแต่ต้องการเพิ่มความแน่นอนปลอดภัยให้ชีวิตของตนเองเท่านั้นก่อนออกศึก ท่านแม่ทัพมิได้ทิ้งผู้ชราที่จู่ๆ ก็เกิดหวงชีวิตขึ้นมาเช่นตนไว้ที่เลี่ยงจินอู่เพียงเพื่อให้คอยกำกับดูแลหมอคนอื่นๆ ที่ล้วนกำลังทุ่มเทความสามารถรักษาเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ยังมอบหมายอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญให้ด้วยเ

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 111

    นับตั้งแต่วันที่หยางหยางนำทัพใหญ่ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงแคว้นป๋าย หนิงซินก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งถ่วงอยู่ในอก ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาและสถานการณ์การรบ บีบรัดหัวใจจนนางแทบหายใจไม่ออก แม้จะพยายามฝืนกินอาหารตามเวลา แต่อาหารทั้งหมดกลับจืดชืดไร้รส ยามพยายามข่มตาหลับ ภาพเงาร่างสูงใหญ่ของบุรุษที่เคยโอบกอดหยอกเย้ารวมถึงปลอบโยนนางจนหลับไหลซึ่งกำลังต่อสู้กับศัตรูก็ปรากฏขึ้นในห้วงนิทรา ทำให้นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืนวันแล้ววันเล่าผ่านไป หนิงซินได้แต่เฝ้ารอข่าวคราวจากสนามรบอย่างกระวนกระวาย จนกระทั่งข่าวที่ว่ากองทัพของหยางหยางบุกเข้าวังหลวงได้แล้วแพร่สะพัดไปทั่ว ทั่วทั้งจวนพลันเต็มไปด้วยความโกลาหล พร้อมๆ กับที่ผู้คนในเรือนหลักยิ่งพากันหน้าดำคร่ำเคร่ง พยายามระมัดระวังเอาใจใส่นาง ด้วยบ้างก็ยิ่งหวาดกลัวยำเกรงแม่ทัพใหญ่ บ้างก็อกสั่นขวัญผวาหวั่นเกรงว่าองค์หญิงรองที่ตนต้องดูแลปกป้องให้ปลอดภัยดีทุกอย่างจะคิดสั้นหรือล้มป่วยลงสำหรับหนิงซิน ข่าวนี้กลับทำให้หัวใจของนางเต้นรัวราวกับกลองศึก ความดีใจที่หยางหยางประสบชัยชนะ ปะปนกับความหวาดกลัวในอ

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 110

    คำพูดของหยางหยางทำให้หนิงซินรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจนางรู้ดีว่าสงครามไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง และทุกชีวิตที่ต้องสูญเสีย ล้วนนำมาซึ่งความโศกเศร้า“ข้าขอร้อง...”หนิงซินพยายามจะพูดอะไรบางอย่างอีกครั้ง เขารู้ว่านางจะพูดอะไร เขาเองก็ฟังมามากพอแล้วเช่นกันหยางหยางส่ายหน้าเบาๆ“ได้เวลาแล้ว” เขาพูดเสียงเรียบ “รอข้าอยู่ที่นี่”เมื่อสวมเกราะสุดท้ายเสร็จสิ้น แม่ทัพทมิฬก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เงาร่างบอบบางยืนมองส่งเขาอย่างเดียวดายหนิงซินเม้มริมฝีปากแน่นก่อนตัดสินใจเดินตามไป ทว่าไม่ทันจะก้าวขาออกจากประตู เหล่าสาวใช้ที่รอปรนนิบัติดูแลนางอยู่ด้านนอกก็พากันคุกเข่าลง ใบหน้าเผือดสีหนิงซินเข้าใจในความหวาดกลัวของคนเหล่านี้ จึงไม่กล้าทำให้พวกนาง ทหารยาม และองครักษ์ทั้งหลายลำบากใจ ได้แต่เฝ้ามองเงาร่างของอีกฝ่ายหายลับไปจากประตูวงเดือนด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมดนางได้พูดกับเขาแล้วรึยัง ว่านางเองก็อยากให้เขาดูแลตนเองให้ดี และปลอดภัยกลับมาเช่นกัน...แต่...คนผู้นั้นคือแม่ทัพใหญ่ฝ่ายศัตรู...

  • หนิงซินกงจู่ เชลยแค้นแสนรัก   บทที่ 109

    หยางหยางลูบผมของนางเบาๆ ก่อนปัดปอยปมที่ระใบหน้านางออกอย่างอ่อนโยนดีใจ...อย่างนั้นหรือ...?จริงก็ช่าง เท็จก็ช่าง...เขาไม่สนใจนางคือสตรีของเขา ทุกคำพูดมีไว้เพื่อเขา ทุกสายตา...ก็ควรมีไว้เพื่อเขาเช่นกันต่อให้นางยังไม่ตระหนักในตอนนี้ แต่สุดท้ายแล้วนางจะรู้...ชีวิตนี้นางไม่อาจถอยห่างจากเขาได้หยางหยางกระชับอ้อมแขนโอบรอบนางแน่นเข้าอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาฉายแวววูบไหวลึกซึ้งเมื่อนึกถึงตอนที่นางกำลังจะเอื้อนเอ่ยว่าเขาเป็นคนสำคัญแต่เขาฟังไม่ได้ เขาไม่อาจทนฟังได้เพราะเขารู้ว่านางจะบอกว่าเขาคือคนสำคัญ นางจะต้องพูดเช่นนั้นเพื่อบ้านเมืองของนาง เพื่ออาณาประชาราษฎร์ของนาง เพื่อความถูกต้อง...ทว่าเขาไม่มีทางรู้เลยว่านางพูดด้วยความรู้สึกที่แท้จริงด้วยหรือไม่ หากใช่ เทียบกันแล้ว ระหว่างเขากับ ‘คนอื่น’ ค่าของเขาในใจนางแท้จริงแล้วนับว่ามีน้ำหนักน้อยมากเพียงใด จึงได้แต่ใช้การกระทำที่ตรงไปตรงมาที่สุดบีบให้นางแสดงความปรารถนาในส่วนลึกออกมาเท่านั้นอย่างน้อยเรื่องที่นางเป็นของเขาเพียงผู้เดียวก็เป็นเรื่องจริง

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status