บทที่ 25
หน้าหวานคมแดงซ่านขึ้นทีละน้อยจนแดงก่ำเพราะอับอาย ทั้งอายที่ร่างกายของตัวเองตอบสนองเพียงแค่มองตา ทั้งอายที่เธอน่ารังเกียจจนเขาต้องพูดมันออกมาเตือนสติ
“ค่ะ ขอโทษด้วย”
“บ้าจริง! พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ช่างเถอะ! พูดมา”
เสียงเข้มห้วนกระชากทำให้ยิ่งแน่ใจว่าเขาเปลี่ยนไปจริง ๆ คงลืมความรักวัยเด็กไปแล้ว ร่างผอมบางยืดตัวขึ้นตรงเช่นเดิมแล้วดึงเอกสารในซองออกมา
“ฉันเพิ่งได้รับใบทวงนี้ฉบับนี้ ฉันไม่ทราบมาก่อนว่าพ่อเอาบ้านไปจำนองไว้”
พสุธาไม่ได้รับกลับมาดู เอกสารพวกนี้เขาเห็นมาหมดแล้ว ตั้งแต่ร่างเล็กแสนบอบบางเข้ามาในห้อง ร่างกายเขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาจนอยู่นิ่งไม่ได้ เขานั่งเคาะนิ้วเป็นจังหวะ ขยับตัวบ้างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากร่างผอมบางของเธอ
ผอมบาง?
นัยน์ตาสีฟ้าจัดเพ่งมองคนร่างเล็กตรงหน้าอีกครั้งอย่างละเอียดระหว่างที่เธอกำลังสาธยายว่าจะชำระหนี้ยังไง ผมดำดกหนามัดรวบตามระเบียบของโรงแรม ใบหน้าแต่งแต้มเล็กน้อยเท่านั้นจนแทบไม่มีสีสัน คิ้วโก่งสวยธรรมชาติ ขนตายาวงอนรับไปกับดวงตาคมรีที่เขาเคยเผลอหลงใหล จมูกเล็กโด่งรั้นปลายเล็กน้อย และริมฝีปากกว้างเย้ายวนที่เขาชอบที่สุด
เขาเคยใช้เวลาไปกับการแทะเล็มริมฝีปากนั้นแม้ว่าจะไม่กี่ครั้ง แต่มันช่างเร่าร้อนจนเขาไม่เคยลืม
ลำคอระหงยาวโผล่พ้นคอเสื้อเชิ้ตสีขาว ลาดไหล่บอบบางจนเกินไป หน้าอกอวบอิ่มไม่เท่าเมื่อก่อน โดยรวมบุษยายังสวยหวานไม่เปลี่ยนเพียงแต่เธอผอมมากจนเกินไป แต่ไม่ว่าจะหุ่นเช่นไรมันก็ส่งผลต่อเขาเสมอ
“บัวกินข้าวเที่ยงหรือยัง”
“คะ?”
“ไปกินข้าวเที่ยงกัน พี่หิวแล้ว”
“แต่ว่า นายหัว”
บุษยาผุดลุกจากเก้าอี้ทันทีเมื่อเห็นพสุธาลุกขึ้น เดินออกจากห้อง เธอรีบหยิบเอกสารกลับเข้าไปในซองและรีบสาวเท้าตามเขาไปจนทันก่อนที่เขาจะเปิดประตู
“ไม่ได้ ฉันไปทานข้าวกับคุณไม่ได้ ตอนนี้ถึงเวลางานแล้ว ฉันต้องลงไปทำงาน นี่ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
บุษยารีบเอ่ยทักเมื่อเห็นมือใหญ่กำลังเปิดประตูออกไป เธอรีบเอาตัวเองไปขวางกลางระหว่างตัวเขากับประตู
“ฉันไม่มีเวลาเหลือเฟือเหมือนคุณนายหัว ฉันต้องคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง!”
อารมณ์คุกรุ่นขึ้นเริ่มหงุดหงิดอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ใช่ลักษณะนิสัยอย่างเคย ปกติบุษบามักสงบนิ่งและสามารถรับมือได้กับทุกสถานการณ์แม้กระทั่งวันที่เธอรู้ว่าทุกคนเสียชีวิต
แต่ชายร่างแกร่งตรงหน้าทำให้เธอเป็นแบบนี้ กายสาวตอบสนองมากกว่าเดิม ร้อนไปทั้งตัวจนน่าหงุดหงิด ยังท่าทางไม่ยี่หระของเขา
ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจเมื่อมือแกร่งเลื่อนจากลูกบิดประตูขึ้นทาบผนังด้านหลังเธอไว้ทั้งสองข้าง
“มาอ้อนวอนพี่เรื่องหนี้ แต่กลับออกคำสั่ง พี่ไม่ใช่คนงานของคุณบัวอีกแล้วนะครับ”
สีชมพูระเรื่อแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าหวาน เขาอยู่ใกล้จนเธอได้กลิ่นบุหรี่และกลิ่นกายชาย เธอหลุบตาลงมองปากหนาคลี่ยิ้มอย่างได้ใจ
“ไปกินข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วเราจะคุยกันหลังจากนั้น”
“แต่ฉันต้องเข้ากะแล้ว”
“งั้นก็ไม่ต้องคุย บัวแค่ทำตามใบทวงหนี้ก็จบแล้ว”
“แต่ว่า นายหัว?”
มือใหญ่ดึงร่างเล็กออกจากประตูแล้วเปิดออก ร่างสูงเดินตรงไปยังลิฟต์อย่างไม่ใส่จนเธอใจหวิวหวาดหวั่น
ถ้าเขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เขาคงไม่ได้เห็นใจเรา
บุษยารีบเดินตามเขาไปทันทีสาวเท้าให้เร็วขึ้นจนเกือบวิ่ง ลอดตัวเข้าไปในระหว่างประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลงพอดี แว่วเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างชอบใจ
เธอเสียรู้เขาแล้ว
ชายร่างสูงแกร่งยืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างระหว่างที่รอประตูลิฟต์ปิด มองความลังเลเพียงชั่วครู่ก่อนร่างเล็กวิ่งตามมาจนทัน ร่างบอบบางสูงกว่าสมัยยังเป็นเด็กสาวและผอมบางยิ่งกว่า แต่ความเป็นอิสตรีเพศเข้มข้นจนกายแกร่งเริ่มขยับไหว
มือเล็กเรียวแทรกเข้ามาตรงประตูซึ่งกำลังปิดลงดูแปลกไปจากเดิม เขาเพ่งมองแต่ยังไม่ถนัดนักเพราะเธอเอามือลงเสียก่อนแล้วเบียดตัวเข้ามาแทน
ทันทีที่ร่างบอบบางเข้ามาในลิฟต์ตัวเล็ก พสุธาขยับตัวอีกครั้งอย่างอึดอัด นัยน์ตาสีฟ้าจัดมองไรลูกผมตรงท้ายทอยที่รุ่ยออกจากยางมัดผม มีเหงื่อผุดชื้นบางเบาตามกกหู กลิ่นกายสาวชัดจนเขาเผลอสูดลมหายใจกอบโกยเข้าสู่ปอด นั่นส่งผลโดยตรงต่ออวัยวะส่วนล่างที่ผงาดขึ้นทันที ภาพความทรงจำเริ่มหลั่งไหลอย่างที่เขาต้านทานไม่ได้
ร่างแกร่งยืนนิ่งหลับตาลงเพื่อระงับความต้องการที่พุ่งขึ้นจากส่วนท้องสู่อกแกร่ง อึดอัดคับแน่น แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากสงบอารมณ์ลงได้บ้าง หลุบตาลงมองไหล่ที่ผอมบางอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองจากมุมด้านหลัง คิ้วเข้มขมวดมุ่นแปลกประหลาดใจ
ติ๊ง!
นายหัวเดินนำออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องอาหารของโรงแรม ก้าวยาวเร็วอันเป็นปกตินิสัยกระทั่งถึงโต๊ะที่คิดว่าหลบมุมเสียหน่อย และเลือกเป็นโซฟายาวใจนึกอยากเบียดร่างเล็กอีกนิด ใจต้องการทดสอบอาการบางอย่างของตัวเอง
ร่างแกร่งนั่งลงและรอคอยให้บุษยาเดินมาถึงที่โต๊ะ จากนั้นจึงตบที่เบาะข้างตัว เขาเห็นเธอทำหน้ายุ่งมองซ้ายขวาอย่างลังเล
“นั่งเถอะ พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไร จะได้นั่งดูสัญญาด้วยกันถนัด”
นั่งนิ่งรอคอยจนกระทั่งสังเกตเห็นร่างบางถอนหายใจ แล้วจึงขยับเข้ามานั่งแต่ไม่ใกล้ตรงที่เขาต้องการ มองมือเล็กหยิบซองเอกสารขึ้นมาจึงชิงพูดตัดบทเสียก่อน
“ทานข้าวก่อน พี่หิว”
พสุธาเรียกพนักงานมารับรายการอาหาร เขาสั่งไปหลายอย่างหลังจากที่มองสาวน้อยด้านข้าง เธอต้องเพิ่มน้ำหนักสักหน่อยถึงจะพอสู้แรงเขาไหว
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง