บทที่ 24
ร่างอ้วนเตี้ยนั่งทานอาหารเช้าอยู่หัวโต๊ะทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ทุกครั้งที่เห็น แต่ก็จำทนต้องอยู่กับคนนี้มาหลายปีเพราะการแต่งงานด้วยเงินเป็นตัวตั้ง
“นี่เสี่ย กินเบา ๆ สิ เสียงดังขนาดนี้อายเขา”
“จะอายไปทำไม มีกันอยู่แค่นี้ รีบ ๆ กินเข้าเถอะฉันจะต้องรีบไป”
เบญจมาศ ภรรยาของเสี่ยรังสรร รูปร่างอรชรผิวขาวอย่างคนจีนแต่ใบหน้าคมดั่งคนใต้ ลอบเบ้ปากก่อนก้มหน้าลงทานอาหารเช้าต่อ
“เสี่ยครับ”
เสียงทุ้มเรียกเสี่ยอย่างเกรงใจจากคนสนิทดังขึ้นหน้าประตู เธอเหลือบตามองเสี่ยรังสรรที่พยักหน้ารับ
“ว่ามา มีใครยื่นประมูลบ้าง”
“ก็ไม่มากครับ เพราะราคาค่อนข้างแรง แต่มีคนหนึ่งที่น่าหนักใจที่สุดเสี่ย”
“ใคร?”
“คุณพสุธา แบล็ค เจ้าของโรงแรมคนใหม่ครับ”
เสี่ยรังสรรอึ้งไป นี่ไอ้ลูกครึ่งเฮงซวยนั่นกำลังคิดมาแย่งชิ้นปลามัน ใบหน้าอวบอูมแสยะปากยิ้มก่อนก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อ แล้วชะงักเงยหน้ากลับไปสั่งลูกน้อง
“คอยตามดูมันไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตา อ้อ ส่งคนเข้าไปในโรงแรมมันด้วย ดูให้หมดลูกเมียที่แอบเก็บไว้ คนรัก คนโปรด”
“ครับเสี่ย”
เบญจมาศนั่งก้มหน้าทานอย่างไม่สนใจ แต่ภาพนายหัวคนใหม่ของเมือง รูปหล่อและรวยทำให้เธอสะท้านทุกครั้งเวลาเจอ เหลือบตาลอบมองสามีที่นั่งอย่างคนไม่มีมารยาท ถ้าเปลี่ยนสามีได้คงดีไม่น้อย
ใกล้เที่ยงแล้วเมื่อบุษยาตัดสินใจขึ้นมายังชั้นผู้บริหาร เช็ดฝ่ามือชื้นเหงื่อลูบกางเกง ครั้งแรกตั้งใจโทรศัพท์เข้ามาก่อน แต่เมื่อคิดอีกครั้งให้ดี เธอพบว่าการขึ้นมาพบเลยอย่างไม่ทันให้เขาตั้งตัวคงจะดีกว่า
มืออีกข้างถือซองเอกสารมาด้วย เอกสารทวงเงินจำนองบ้าน ส่วนหนี้ของสวนยางเธอไม่ได้หยิบมาด้วย
ติ๊ง!!
เสียงลิฟต์วันนี้ดั่งเสียงลงดาบพิฆาต ดวงตาหวานแกมหวาดหวั่นมองประตูเปิดออกแล้วก้าวเดินออกจากลิฟต์ตรงไปยังเลขาส่วนตัวหน้าห้องทำงาน
“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
บุษยาหยุดลง เสียงเข้มเจ้าระเบียบดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอเป็นเพียงพนักงานระดับล่างเท่านั้น
“ค่ะ ขอพบคุณพสุธาค่ะ”
“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัดค่ะ แค่บอกว่าฉันชื่อ ...”
“ถ้าไม่ได้นัดก็เชิญกลับไปก่อนนะคะ ท่านกำลังประชุม ไว้ฉันจะแจ้งท่านอีกทีว่าว่างจะพบกับพนักงานห้องครัวหรือเปล่า”
เสียงแหลมสูงเลขาส่วนตัวแย้งขัดขึ้น บุษบาเข้าใจดี ตอนนี้พสุธาเป็นผู้บริหารระดับสูงคงมีงานยุ่งตลอดเวลา
“ถ้ายังงั้นฉันขอทำเรื่องนัดไว้ก่อนได้ไหมคะ”
เลขานุการวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองเธอก่อนหยิบสมุดนัดออกมา
“ชื่ออะไรคะ”
“บุษยา เศวตร ค่ะ”
บุษยามองชื่อตัวเองถูกจดลงในตารางนัดยาวเหยียด ดูแล้วคาดว่าภายในเดือนนี้เธอคงไม่ได้พบนายใหญ่ของโรงแรมเป็นแน่
คิ้วเรียวขมวดคิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนตัดสินใจออกวิ่งทันที ตรงไปยังประตูบานใหญ่หนาทึบแล้วเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะก่อน
“หยุดนะ!! อย่า! บ้าจริง รปภ รปภ!!”
แว่วเสียงตะโกนตามหลังแต่บุษยากำลังหน้ามืด เรื่องนี้รอไม่ได้ต้องคุยวันนี้เพื่อจัดการชีวิตที่สำคัญที่สุด เงินที่เหลืออยู่ก็มีเพียงน้อยนิด
ปัง!!
ร่างเล็กหันกลับไปลงกลอนทันทีที่เข้ามา ไม่ทันเห็นชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนมองเธออยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
“หล่อนล็อคประตู นี่ นายหัวอยู่ข้างในหรือเปล่า เร็วเข้าไปเรียกคุณทัดทอง เร็วสิ!!”
บุษยาค่อยถอยหลังออกจากประตู หูยังได้ยินเสียงตะโกนไม่หยุด ไม่น่าเชื่อว่าเธอกำลังยิ้มกว้างออกมา
สิบปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้สึกสนุกมากเท่านี้มาก่อน ภาระหน้าที่มักทำให้เธอเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าหาความสำราญสำหรับตัวเอง
“ใจร้อนพบพี่ขนาดนี้เลยหรือไง”
เสียงทุ้มต่ำเข้มกว่าเมื่อก่อนดังขึ้นด้านหลัง ร่างบางหยุดเท้าทันทีพลันแผ่นหลังรู้สึกถึงไออุ่นแผ่ร้อนใกล้เกินไป ร่างเล็กยังไม่กล้าหันกลับไป
“กล้าบุกเข้ามาแต่ไม่กล้าหันมาหรือไง”
เสียงทุ้มถามขึ้น แต่คนร่างเล็กรู้ว่านี่ไม่ใช่คำถาม มันเป็นคำท้าทายที่ส่งตรงมายังเธอ ศีรษะเชิดตั้งตรงขึ้นแล้วจึงหันกายผอมบางกลับไปหาเขาทั้งร่าง
ร่างใหญ่โตอยู่ใกล้เกินไปทำให้ใบหน้าหวานเล็กต้องแหงนขึ้นจนเกือบตั้งบ่า
สีผิวยังคงคล้ำ ผมมัดรวบตึงได้รูปไปกับศีรษะมนสวย กรามแกร่งขึ้นเหลี่ยมเห็นได้ชัด สันจมูกมีรอยบิดนิดหน่อยเหมือนเคยหักมาก่อนแล้วไม่ได้รับการรักษา ริมฝีปากหนา
“มองตาพี่สิ”
ดวงตาคมรีค่อยเหลือบขึ้นจนกระทั่งสบนัยน์ตาสีฟ้าจัดเข้มข้น สีฟ้าที่ล้ำลึกกว่าเมื่อก่อน เขามีสีตาเปลี่ยนไป มันกลายเป็นเฉดฟ้าครามอมเขียวที่สามารถดูดเธอลงไปให้จมลึกกว่าเมื่อครั้งเธอยังสาว
“ไม่พูดอะไรหน่อยหรือ เป็นต้นว่า สวัสดีค่ะพี่แทน สบายดีไหมคะ”
บุษบาหลุบตาลงมองปากหนาที่เอ่ยวาจาประชดประชัน เป็นนิสัยที่เปลี่ยนไปอีกอย่าง หลังจากกระพริบตาเพื่อตั้งสติ ร่างเล็กก้าวถอยหลังออกห่างสองก้าว
“สวัสดีค่ะนายหัว ฉันรู้ว่าคุณคาดไว้อยู่แล้วว่าฉันจะมาหา”
รอยยิ้มหยักขึ้นมุมปากก่อนที่ร่างสูงใหญ่หันตัวกลับไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ผายมือออกให้เธอนั่งลงตาม
ร่างเล็กนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้าม มองมือแกร่งกดแป้นโทรศัพท์ภายใน สั่งด้วยเสียงทรงอำนาจอย่างที่เธอไม่เคยได้ยิน
“ไม่ต้องส่งคนเข้ามา”
จริงสินะ เดี๋ยวนี้เขาเป็นนายหัวแล้ว เขาไม่ใช่พี่แทนของเธอ
“ฉันมาที่นี่ต้องการคุยเรื่องหนี้ของพ่อ”
เธอยังมองมือแกร่งสีเข้มไม่วางตา เขาวางหูโทรศัพท์แล้วใช้นิ้วเคาะเป็นจังหวะ ปลายเล็บเขาตัดสั้นพอดี นิ้วเรียวยาวส่วนข้อนิ้วใหญ่ดั่งคนทำงานหนัก
“บัว!!”
เสียงเข้มข้นเรียกชื่อทำให้เธอเงยหน้าขึ้น พลันนึกได้ว่ากำลังอยู่กับเขาสองต่อสอง กายสาวของเธอเหยียดขยาย ใบหน้าเห่อร้อน
“ขอโทษค่ะ ฉันตั้งใจมาหาเพื่อตกลงสัญญาการใช้หนี้กันใหม่”
พสุธาหลับตานิ่ง เสียงหวานนุ่มทำเขาสั่นสะเทือน เสียงที่เคยกระซิบตรงซอกหูบอกรักเขาไม่หยุด
ชายหนุ่มกระพริบตาลืมขึ้น พสุธาคาดว่าดวงตาของเขาตอนนี้คงเป็นฟ้าเข้มจัดด้วยอารมณ์ปรารถนาที่พุ่งขึ้นกระทันหัน ร่างผอมบางชะงักนิ่งไปก่อนเอนกายพิงพนักคล้ายเตรียมหนี
“หยุด! บัว นั่งเฉย ๆ พี่ยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น”
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง