หลังจากที่แพรไหมจากไป เพทายกลับมาที่คอนโดด้วยความรู้สึกเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติแล้ว แม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเริ่มต้นด้วยเงื่อนไข แต่เขาก็คุ้นชินกับการมีเธออยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าแผ่วเบาในห้อง หรือกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ บัดนี้ ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า
เพทายเดินสำรวจห้องนอนที่เคยใช้ร่วมกัน สายตาของเขาจับจ้องไปยังโต๊ะเครื่องแป้งที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งเครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัวของเธอ เขาเปิดตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าของเธอหายไปจนหมด เหลือไว้เพียงพื้นที่ว่างเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกโหวงเหวงในใจ ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเพทาย ความรู้สึกที่มากกว่าความเคยชิน หรือความต้องการทางกาย เขารู้สึกเหมือนสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนดูเบอร์โทรศัพท์ของแพรไหมแล้วกดโทรออก แต่ปลายสายยังคงเป็นเสียงที่ไม่สามารถติดต่อได้ ความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้น เพทายโทรซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังคงไร้การตอบรับ "บ้าจริง!" เพทายสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องหายไปแบบนี้ พวกเขาสิ้นสุดสัญญากันแล้วไม่ใช่หรือ? เธอได้รับเงินครบตามจำนวนแล้ว ทำไมถึงต้องหลบหน้าเขา? ความสงสัยเริ่มเปลี่ยนเป็นความกระวนกระวาย เพทายตัดสินใจขับรถไปยังบ้านของแพรไหม เมื่อไปถึง เขาก็พบเพียงพ่อและแม่ของเธอนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย "สวัสดีครับคุณอา คุณป้า" เพทายทักทายด้วยความเป็นห่วง "แพรไหม...เธอไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ?" ผู้เป็นพ่อมองหน้าเพทายด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า "อ้าว...เพทายนึกว่าไหมแก้วยังอยู่ที่คอนโดกับลูกเสียอีก" "เมื่อวานหลังจากที่ผมจ่ายเงินให้เธอ เธอบอกว่าจะกลับมาเคลียร์เรื่องที่บ้าน แล้วก็...ไม่ได้ติดต่อผมอีกเลยครับ โทรหาก็ไม่ติด" เพทายเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มในใจ ผู้เป็นแม่ถอนหายใจแผ่วเบา "ไหมแก้วบอกว่าจะไปพักผ่อนสักพักน่ะค่ะ เธอคงเหนื่อยมามาก" "ไปพักผ่อน?" เพทายทวนคำด้วยความไม่เชื่อ "ไปไหนเหรอครับ? ได้บอกไว้ไหม?" พ่อและแม่ส่ายหน้าพร้อมกัน "ไม่ได้บอกอะไรไว้เลยค่ะ แค่บอกว่าอยากไปที่เงียบๆ คนเดียว" เพทายจ้องมองใบหน้าเศร้าสร้อยของพ่อแม่แพรไหม เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมเธอถึงต้องไปพักผ่อนทันทีหลังจากได้รับเงิน? ทำไมถึงไม่บอกกล่าวเขา? ความรู้สึกสูญเสียเริ่มชัดเจนขึ้นในใจของเพทาย เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไปจากชีวิตของเขาอย่างกะทันหัน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เขาเคยใช้บำเรอความสุข แต่เป็น...บางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น "คุณอาครับ คุณป้าครับ...ถ้าแพรไหมติดต่อมา รบกวนบอกผมด้วยนะครับ ผมเป็นห่วงเธอ" เพทายเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อกลับมาถึงคอนโด เพทายนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ความเงียบงันรอบตัวยิ่งตอกย้ำความรู้สึกโดดเดี่ยว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง เลื่อนดูรูปถ่ายของแพรไหมที่เขาแอบถ่ายไว้โดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบางๆ ของเธอ แววตาที่มุ่งมั่น และความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีเข้มแข็ง ภาพเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจอย่างชัดเจน "ผมปล่อยเธอไปง่ายๆ ไม่ได้..." เพทายพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องตามหาเธอให้เจอ ไม่ว่าเธอจะหนีไปอยู่ที่ไหนก็ตาม เพทายโทรสั่งให้เลขาฯ และคนสนิททุกคนเริ่มสืบหาเบาะแสของแพรไหม เขาสั่งให้ตรวจสอบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อเพื่อนฝูง ญาติ หรือแม้แต่ตรวจสอบการเดินทางต่างๆ เขาต้องรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และทำไมถึงต้องหนีจากเขาไป...หลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างอิงฟ้ากับคิณณ์ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างมั่นคงและลึกซึ้ง อิงฟ้าได้เห็นคิณณ์ในมุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่แค่เจ้านายผู้เย็นชา แต่เป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เขามักจะสังเกตเห็นเมื่อเธอเหนื่อยล้า และหาทางมาทำให้เธอผ่อนคลายอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกาแฟแก้วโปรดมาให้ หรือแค่เดินผ่านมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ใจเธอสั่นไหวส่วนคิณณ์เองก็ตกหลุมรักอิงฟ้ามากขึ้นทุกวัน เขารู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็ง ความอดทน และความสดใสที่เธอมี แม้จะเผชิญกับปัญหามากมายเพียงใด เธอก็ยังคงยิ้มและเดินหน้าต่อไปได้เสมอ เขามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอดชีวิตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่ความลับในที่ทำงานอีกต่อไป แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำของคิณณ์ที่แสดงออกถึงความใส่ใจต่ออิงฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ก็ทำให้เพื่อนร่วมงานต่างเข้าใจตรงกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปไกลกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง"พี่อิงฟ้าคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะเนี่ย ท่านประธานดูรักพี่อิงฟ้าจะแย่แล้วนะ" น้องเมย์แซวพลางยิ้มกว้
กุญแจบ้านที่คิณณ์คืนให้ยังคงอยู่ในมือของอิงฟ้า เอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไร้ดอกเบี้ยก็วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของคิณณ์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความหวังผุดขึ้นในห้วงความคิด เธอใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนเกี่ยวกับคำพูดของเขา ทุกคำพูดของเขา แม้จะเริ่มต้นจากความลับและการปิดบัง แต่ก็ดูเหมือนจะซ่อนความปรารถนาดีและความรู้สึกที่จริงใจเอาไว้"หนูจะลองดูค่ะแม่" อิงฟ้าพูดกับแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารเช้า "หนูจะลองให้โอกาสคุณคิณณ์"แม่มองหน้าอิงฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและกังวลในคราวเดียวกัน "อิงฟ้ามั่นใจแล้วเหรอลูก?""หนูไม่รู้ว่าหนูมั่นใจแค่ไหนค่ะแม่" อิงฟ้าสารภาพ "แต่หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราจริงๆ แล้วหนูก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากหนูจริงๆ"พ่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอนะ" พ่อพูดพลางตบไหล่ลูกสาวเบาๆ "แต่ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด ลูกต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราจะช่วยกันหาทางออก""ค่ะพ่อ" อิงฟ้ายิ้มให้กับพ่อและแม่ คำพูดของท่านทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นเมื่อมาถึงบริษัท อิงฟ้าเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยหัวใจที่เ
กุญแจบ้านในมือของอิงฟ้าเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟในใจของเธอ คำสารภาพรักและการเสนอจะยกเลิกสัญญาจำนองของคิณณ์ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทั้งเป็นความหวังที่ริบหรี่และกับดักที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอต้องการเวลาเพื่อลำดับความคิดและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการตลอดทางเดินกลับบ้าน ภาพของคิณณ์ปรากฏขึ้นในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในมุมของนักธุรกิจที่เย็นชา เจ้าระเบียบ นายทุนลึกลับ และผู้ชายที่คุกเข่าสารภาพรักอย่างจริงจัง เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหน? หรือนี่เป็นเพียงกลลวงอันแยบยลของนักธุรกิจที่ช่ำชอง?เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล"เป็นยังไงบ้างอิงฟ้า? คุณคิณณ์ว่ายังไงบ้าง?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนอิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋าและวางลงบนฝ่ามือของแม่"เขา... เขายกเลิกสัญญาจำนองแล้วค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจและไม่เชื่อหู"จริงเหรออิงฟ้า! ยกเลิกจริงเหรอ! แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา!" พ่อถามเส
มือของคิณณ์ที่จับมือของอิงฟ้าไว้แน่นยังคงอุ่นซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย คำสารภาพที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" และการที่เขาเอากุญแจบ้านมาคืน มันทำให้โลกทั้งใบของอิงฟ้าหมุนคว้าง เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ระหว่างความโกรธที่ยังคงคุกรุ่น กับความรู้สึกประหลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ"ท่านประธาน... พูดอะไรคะ" อิงฟ้าถามเสียงสั่น ร่างกายยังคงแข็งทื่อคิณณ์กระชับมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความรู้สึกผิดที่ยากจะปิดซ่อน"ผมรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะเชื่อ" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ "แต่ผมพูดความจริงทุกอย่าง" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ผมขอเริ่มต้นอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหมครับ"อิงฟ้าเงียบไป เธอสับสนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ในตอนนี้ เธอแค่พยักหน้ารับช้าๆ คิณณ์จึงค่อยๆ ปล่อยมือของเธอออก และเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา พลางผายมือเชิญให้อิงฟ้าไปนั่งที่เก้าอี้รับรองฝั่งตรงข้าม"ผมเข้าใจว่าคุณคงรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวผมมาก" คิณณ์เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ "ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจ
คำสารภาพของ คิณณ์ ที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งโกรธที่ถูกหลอก เจ็บปวดที่โดนปิดบัง และประหลาดใจกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา สถานการณ์นี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจริงๆอิงฟ้ามองหน้าคิณณ์ ใบหน้าของเขาจริงจัง แต่แววตากลับฉายแววปรารถนาและอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"ท่านประธานกำลังพูดเรื่องอะไรคะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ท่านประธานเป็นเจ้าหนี้ของดิฉัน! ท่านประธานหลอกให้ดิฉันจำนองบ้านกับบริษัทของท่านประธานเอง! แล้วท่านประธานจะมาพูดว่าต้องการดิฉันได้ยังไงคะ!" อิงฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนโดนเล่นตลกกับชีวิตคิณณ์ยื่นมือออกไปราวกับจะแตะใบหน้าของเธอ แต่อิงฟ้าก็สะบัดหน้าหนีอย่างรวดเร็ว"ผมรู้ว่าผมทำผิดที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลยแม้แต่น้อย""ไม่ทำร้ายเหรอคะ! การที่ดิฉันต้องมานั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ กังวลเรื่องบ้านแทบตาย โดยที่ท่านปร
คำสารภาพของคิณณ์ที่ว่า "ผมคิดว่าผม... สนใจในตัวคุณ คุณอิงฟ้า" ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ สับสน และประหลาดใจ ยิ่งเขาบอกว่า "ผมคิดว่าคุณคือคนที่ผมตามหามาตลอด" ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดเข้าไปในโลกอีกใบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน"ท่านประธาน... คือ... ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ" อิงฟ้าตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรคิณณ์ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในตอนนี้หรอกครับ แค่รู้ไว้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบคุณ" เขาพูด พลางลดมือลงจากไหล่ของเธอ "และที่สำคัญ ผมหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะทำให้คุณมองผมในแง่ดีขึ้นบ้าง"อิงฟ้ายังคงยืนนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในเกมที่เธอไม่รู้จักกฎ คิณณ์เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา ราวกับว่าบทสนทนาอันแสนประหลาดเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องปกติทั่วไป"เอาล่ะ... กลับไปทำงานได้แล้ว" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดูมีนัยยะบางอย่างที่อิงฟ้าอ่านไม่ออกอิงฟ้าเด