เหตุการณ์ในลิฟต์เมื่อวานยังคงรบกวนจิตใจของอิงฟ้า สายตาของคิณณ์ที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยและคำพูดที่ดูห่วงใยนั้น ทำให้เธอสับสนไม่น้อย เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่? ในมุมหนึ่งก็ดูเย็นชาและเด็ดขาดดุจนักธุรกิจเลือดเย็น แต่อีกมุมหนึ่งก็เหมือนจะแฝงไว้ด้วยความใส่ใจที่ยากจะอธิบาย
เช้าวันนี้ อิงฟ้าพยายามจดจ่อกับการทำงานอย่างเต็มที่ เธอต้องเตรียมเอกสารสำคัญสำหรับประชุมผู้บริหารในสัปดาห์หน้า และไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมารบกวนสมาธิ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น "คุณอิงฟ้าคะ ท่านประธานคิณณ์ให้คุณนำเอกสารบัญชีของโครงการภูผาวิว ไปที่ห้องของเขาหน่อยค่ะ" เสียงเลขาของคิณณ์แจ้งมาด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย อิงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอกำลังพยายามหลีกเลี่ยงเขาอยู่แท้ๆ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เธอรวบรวมเอกสารตามที่ได้รับแจ้ง และเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกประหม่า เมื่อเข้าไปในห้อง คิณณ์ไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขา แต่กลับยืนอยู่ข้างหน้าต่างบานใหญ่ มองออกไปนอกตึกระฟ้า "วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ" คิณณ์พูดโดยไม่หันมามอง อิงฟ้าวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะอย่างเงียบเชียบ เธอรู้สึกถึงบรรยากาศอึดอัดที่แผ่ซ่านไปทั่วห้องนี้ทุกครั้งที่เธอเข้ามา "คุณ..." คิณณ์หันมามองเธออย่างกะทันหัน ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย "คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง?" คำถามที่มาอย่างกะทันหันและตรงไปตรงมาเช่นนั้น ทำให้อิงฟ้าแทบจะสำลัก เธอไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามส่วนตัวแบบนี้กับเธอ "ท่านประธาน... คือ... ดิฉันไม่กล้าออกความคิดเห็นค่ะ" อิงฟ้าตอบเลี่ยงๆ เธอไม่อยากพูดอะไรผิดพลาด คิณณ์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็น "ผมอยากฟังความคิดเห็นที่แท้จริงของคุณ" เขาเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ จนระยะห่างระหว่างเขากับเธอเหลือเพียงไม่กี่ก้าว "คุณคิดว่าผมเป็นคนโหดร้าย ไม่มีความรู้สึก หรือเป็นพวกนักธุรกิจที่เห็นแก่ตัว?" คำถามของเขาทำให้อิงฟ้าลำบากใจ เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี หากตอบตรงๆ ว่าเธอรู้สึกไม่ไว้วางใจเขาก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่หากโกหก เธอก็ไม่อยากทำ "ดิฉัน... ดิฉันคิดว่าท่านประธานเป็นคนเก่ง มีความสามารถ และเด็ดขาดในการบริหารงานค่ะ" อิงฟ้าเลือกที่จะตอบในแง่ของความเป็นมืออาชีพ คิณณ์หัวเราะในลำคอเบาๆ "แค่นั้นเองเหรอ?" เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง "ไม่มีความคิดอื่นอีกเลย?" อิงฟ้าตัดสินใจที่จะถามในสิ่งที่เธอสงสัยมาตลอด "ท่านประธานคะ ดิฉันขอถามอะไรท่านประธานตรงๆ ได้ไหมคะ?" คิณณ์พยักหน้ารับช้าๆ แววตาของเขาดูจริงจังขึ้น "ทำไมท่านประธานถึงตัดสินใจรับจำนองบ้านของดิฉันคะ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นดิฉันไม่ทราบเลยว่าท่านประธานคือใคร" อิงฟ้าถามออกไปอย่างกล้าหาญ คิณณ์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลุบตาลงเล็กน้อยเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเธออีกครั้ง แววตาของเขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด "ตอนแรกที่เลขาผมรายงานเคสของคุณเข้ามา ผมก็ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษหรอก" คิณณ์เริ่มต้นเล่า "แต่พอเห็นชื่อเจ้าหนี้เดิมของคุณ... มันเป็นแก๊งเงินกู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายและไม่เป็นธรรม" เขาหยุดไปชั่วครู่ "ผมไม่อยากให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อของคนพวกนั้น" คำพูดของคิณณ์ทำให้อิงฟ้าประหลาดใจ เขาดูเหมือนจะมีความเป็นมนุษย์มากกว่าที่เธอคิด "แต่ทำไมต้องเป็นดิฉันล่ะคะ? มีคนอีกตั้งมากมายที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งพวกนั้น" อิงฟ้าถามอย่างไม่เข้าใจ คิณณ์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย "เพราะผมรู้ว่าคุณเป็นใครไง" ประโยคนี้ทำให้หัวใจของอิงฟ้าเต้นผิดจังหวะ "หมายความว่ายังไงคะ?" "ผมตามข่าวเรื่องครอบครัวของคุณมาพักใหญ่แล้ว" คิณณ์ตอบเสียงเรียบ แต่สายตาของเขากลับดูมีนัยยะบางอย่างที่อิงฟ้าอ่านไม่ออก "ผมรู้ว่าพ่อของคุณทำธุรกิจล้มเหลว และมีหนี้สินมากมาย ผมรู้ว่าคุณต้องแบกรับภาระหนักแค่ไหน" อิงฟ้าแทบหยุดหายใจ เขาตามข่าวเธอ? รู้เรื่องครอบครัวของเธอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน! "ท่านประธาน... ตามข่าวดิฉันทำไมคะ?" อิงฟ้าถามเสียงสั่นด้วยความตกใจ คิณณ์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "ผมบังเอิญได้ยินเรื่องราวของคุณจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้" เขาเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา และเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบเอกสารแฟ้มหนึ่งออกมา "และเมื่อผมสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม ผมก็พบว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ และมีความตั้งใจในการทำงานสูงมาก" เขาเลื่อนแฟ้มนั้นมาทางอิงฟ้า อิงฟ้ามองเข้าไปในแฟ้ม และพบว่ามันเป็นเอกสารประวัติส่วนตัวของเธอ รายงานผลการเรียน ใบรับรองผลงาน และแม้กระทั่งประวัติการทำงานของเธอ! "ท่านประธานไปเอาข้อมูลพวกนี้มาจากไหนคะ!" อิงฟ้าถามด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม เธอรู้สึกเหมือนถูกคุกคามความเป็นส่วนตัว "ผมเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อมูลของพนักงานของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานที่มีศักยภาพอย่างคุณ" คิณณ์ตอบเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาดูเหมือนจะท้าทายเธอ "แต่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนตัวขนาดนี้สิคะ!" อิงฟ้าโต้กลับ เธอลืมไปแล้วว่ากำลังคุยอยู่กับเจ้านาย คิณณ์จ้องเธอเขม็ง "คุณกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่กันแน่ คุณอิงฟ้า?" น้ำเสียงของเขาเริ่มเย็นชาลงอีกครั้ง "ผมแค่ต้องการช่วยคุณ" "ช่วยเหรอคะ? การที่ท่านประธานไปสืบเรื่องส่วนตัวของดิฉันแบบนี้ คือการช่วยงั้นหรือคะ!" อิงฟ้าถามอย่างคับแค้นใจ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกบงการ คิณณ์ถอนหายใจอีกครั้ง เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ "ผมทำแบบนี้เพราะผมเห็นคุณค่าในตัวคุณ และผมไม่อยากให้ความสามารถของคุณต้องจมลงไปเพราะเรื่องหนี้สิน" เขาพูดต่อ "ผมให้เงื่อนไขการจำนองที่ดีกว่าใครๆ ที่คุณจะหาได้ และผมก็เชื่อมั่นว่าคุณจะสามารถไถ่ถอนบ้านคืนได้ในที่สุด" คำพูดของคิณณ์ทำให้เธอรู้สึกสับสน เธอไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือแค่กำลังใช้คำพูดปลอบใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าคือคำพูดต่อไปของเขา "และที่สำคัญที่สุด..." คิณณ์หยุดไปครู่หนึ่ง เขาสบตาอิงฟ้าอย่างจริงจัง "ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้" อิงฟ้าเบิกตากว้าง เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาหมายความว่ายังไง? อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้? ในฐานะเจ้านายกับลูกน้องงั้นหรือ? หรือว่า... "ท่านประธาน... หมายความว่ายังไงคะ?" อิงฟ้าถามเสียงแผ่ว คิณณ์ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แววตาของเขาอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด "ผมคิดว่าผม... สนใจในตัวคุณ คุณอิงฟ้า" ประโยคนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจอิงฟ้า เธอไม่เคยคิดว่าเจ้านายที่ดูเย็นชาและเข้าถึงยากอย่างคิณณ์จะพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ความรู้สึกของเธอตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ สับสน และประหลาดใจ "ท่านประธาน... หมายถึง... สนใจแบบไหนคะ?" อิงฟ้าถามอย่างตะกุกตะกัก คิณณ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกครั้ง เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มือของเขาเอื้อมขึ้นมาแตะเบาๆ ที่ไหล่ของเธอ "ผมคิดว่าคุณคือคนที่ผมตามหามาตลอด" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อิงฟ้าไม่เข้าใจ "คนที่ทั้งเข้มแข็ง อดทน และมีความตั้งใจ" อิงฟ้าตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนใบหน้า หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ไม่คิดเลยว่าจากเรื่องหนี้สินของครอบครัว จะนำพาเธอมาสู่สถานการณ์ที่ซับซ้อนและน่าตกใจขนาดนี้ คิณณ์กำลังสารภาพความรู้สึกกับเธออย่างนั้นหรือ? และความรู้สึกที่ว่า "ผมกำลังตามหาบางสิ่งบางอย่าง... ที่น่าสนใจอยู่ในชีวิตของคุณ" ที่เขาเคยพูดไว้เมื่อคืนนี้ มันคือเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ? เธอมองหน้าคิณณ์อย่างสับสนและไม่เข้าใจ สิ่งที่เขาพูดกับสิ่งที่เธอรับรู้มันขัดแย้งกันไปหมด เขาเป็นเจ้าหนี้ของเธอ เขาควบคุมชีวิตของเธอ แต่เขากลับบอกว่าสนใจเธอ ในฐานะอะไรกันแน่? และเธอควรจะทำอย่างไรกับความรู้สึกประหลาดนี้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจเธอเช่นกัน?หลายเดือนผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างอิงฟ้ากับคิณณ์ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างมั่นคงและลึกซึ้ง อิงฟ้าได้เห็นคิณณ์ในมุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่แค่เจ้านายผู้เย็นชา แต่เป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน และใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เขามักจะสังเกตเห็นเมื่อเธอเหนื่อยล้า และหาทางมาทำให้เธอผ่อนคลายอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งกาแฟแก้วโปรดมาให้ หรือแค่เดินผ่านมาทักทายด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ใจเธอสั่นไหวส่วนคิณณ์เองก็ตกหลุมรักอิงฟ้ามากขึ้นทุกวัน เขารู้สึกทึ่งกับความเข้มแข็ง ความอดทน และความสดใสที่เธอมี แม้จะเผชิญกับปัญหามากมายเพียงใด เธอก็ยังคงยิ้มและเดินหน้าต่อไปได้เสมอ เขามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอดชีวิตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่ความลับในที่ทำงานอีกต่อไป แม้จะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่การกระทำของคิณณ์ที่แสดงออกถึงความใส่ใจต่ออิงฟ้าอย่างเห็นได้ชัด ก็ทำให้เพื่อนร่วมงานต่างเข้าใจตรงกันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังก้าวไปไกลกว่าแค่เจ้านายกับลูกน้อง"พี่อิงฟ้าคะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะเนี่ย ท่านประธานดูรักพี่อิงฟ้าจะแย่แล้วนะ" น้องเมย์แซวพลางยิ้มกว้
กุญแจบ้านที่คิณณ์คืนให้ยังคงอยู่ในมือของอิงฟ้า เอกสารสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่ไร้ดอกเบี้ยก็วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของคิณณ์ที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความหวังผุดขึ้นในห้วงความคิด เธอใช้เวลาครุ่นคิดตลอดคืนเกี่ยวกับคำพูดของเขา ทุกคำพูดของเขา แม้จะเริ่มต้นจากความลับและการปิดบัง แต่ก็ดูเหมือนจะซ่อนความปรารถนาดีและความรู้สึกที่จริงใจเอาไว้"หนูจะลองดูค่ะแม่" อิงฟ้าพูดกับแม่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารเช้า "หนูจะลองให้โอกาสคุณคิณณ์"แม่มองหน้าอิงฟ้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและกังวลในคราวเดียวกัน "อิงฟ้ามั่นใจแล้วเหรอลูก?""หนูไม่รู้ว่าหนูมั่นใจแค่ไหนค่ะแม่" อิงฟ้าสารภาพ "แต่หนูเชื่อว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเราจริงๆ แล้วหนูก็อยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากหนูจริงๆ"พ่อเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา "ถ้าลูกตัดสินใจแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอนะ" พ่อพูดพลางตบไหล่ลูกสาวเบาๆ "แต่ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด ลูกต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราจะช่วยกันหาทางออก""ค่ะพ่อ" อิงฟ้ายิ้มให้กับพ่อและแม่ คำพูดของท่านทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นเมื่อมาถึงบริษัท อิงฟ้าเดินตรงไปยังห้องทำงานของคิณณ์ด้วยหัวใจที่เ
กุญแจบ้านในมือของอิงฟ้าเย็นเฉียบ แต่กลับร้อนรุ่มราวกับเปลวไฟในใจของเธอ คำสารภาพรักและการเสนอจะยกเลิกสัญญาจำนองของคิณณ์ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทั้งเป็นความหวังที่ริบหรี่และกับดักที่เธอไม่อาจเข้าใจ เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของคิณณ์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอต้องการเวลาเพื่อลำดับความคิดและทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจินตนาการตลอดทางเดินกลับบ้าน ภาพของคิณณ์ปรากฏขึ้นในหัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในมุมของนักธุรกิจที่เย็นชา เจ้าระเบียบ นายทุนลึกลับ และผู้ชายที่คุกเข่าสารภาพรักอย่างจริงจัง เธอจะเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหน? หรือนี่เป็นเพียงกลลวงอันแยบยลของนักธุรกิจที่ช่ำชอง?เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล"เป็นยังไงบ้างอิงฟ้า? คุณคิณณ์ว่ายังไงบ้าง?" แม่ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนอิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง เธอหยิบกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋าและวางลงบนฝ่ามือของแม่"เขา... เขายกเลิกสัญญาจำนองแล้วค่ะแม่" อิงฟ้าตอบเสียงเบา ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์พ่อกับแม่มองหน้ากันด้วยความตกใจและไม่เชื่อหู"จริงเหรออิงฟ้า! ยกเลิกจริงเหรอ! แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา!" พ่อถามเส
มือของคิณณ์ที่จับมือของอิงฟ้าไว้แน่นยังคงอุ่นซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย คำสารภาพที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" และการที่เขาเอากุญแจบ้านมาคืน มันทำให้โลกทั้งใบของอิงฟ้าหมุนคว้าง เธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ระหว่างความโกรธที่ยังคงคุกรุ่น กับความรู้สึกประหลาดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ"ท่านประธาน... พูดอะไรคะ" อิงฟ้าถามเสียงสั่น ร่างกายยังคงแข็งทื่อคิณณ์กระชับมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความรู้สึกผิดที่ยากจะปิดซ่อน"ผมรู้ว่ามันอาจจะยากที่จะเชื่อ" คิณณ์พูดเสียงทุ้มต่ำ "แต่ผมพูดความจริงทุกอย่าง" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ผมขอเริ่มต้นอธิบายทุกอย่างให้คุณฟังอย่างละเอียดอีกครั้งได้ไหมครับ"อิงฟ้าเงียบไป เธอสับสนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ในตอนนี้ เธอแค่พยักหน้ารับช้าๆ คิณณ์จึงค่อยๆ ปล่อยมือของเธอออก และเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของเขา พลางผายมือเชิญให้อิงฟ้าไปนั่งที่เก้าอี้รับรองฝั่งตรงข้าม"ผมเข้าใจว่าคุณคงรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวผมมาก" คิณณ์เริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ "ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจ
คำสารภาพของ คิณณ์ ที่ว่า "ผมต้องการคุณจริงๆ คุณอิงฟ้า ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน" ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งโกรธที่ถูกหลอก เจ็บปวดที่โดนปิดบัง และประหลาดใจกับคำพูดที่เขาเอ่ยออกมา สถานการณ์นี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวจริงๆอิงฟ้ามองหน้าคิณณ์ ใบหน้าของเขาจริงจัง แต่แววตากลับฉายแววปรารถนาและอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"ท่านประธานกำลังพูดเรื่องอะไรคะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ท่านประธานเป็นเจ้าหนี้ของดิฉัน! ท่านประธานหลอกให้ดิฉันจำนองบ้านกับบริษัทของท่านประธานเอง! แล้วท่านประธานจะมาพูดว่าต้องการดิฉันได้ยังไงคะ!" อิงฟ้าพูดเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม เธอรู้สึกเหมือนโดนเล่นตลกกับชีวิตคิณณ์ยื่นมือออกไปราวกับจะแตะใบหน้าของเธอ แต่อิงฟ้าก็สะบัดหน้าหนีอย่างรวดเร็ว"ผมรู้ว่าผมทำผิดที่ไม่ได้บอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลยแม้แต่น้อย""ไม่ทำร้ายเหรอคะ! การที่ดิฉันต้องมานั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ กังวลเรื่องบ้านแทบตาย โดยที่ท่านปร
คำสารภาพของคิณณ์ที่ว่า "ผมคิดว่าผม... สนใจในตัวคุณ คุณอิงฟ้า" ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของอิงฟ้า เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ สับสน และประหลาดใจ ยิ่งเขาบอกว่า "ผมคิดว่าคุณคือคนที่ผมตามหามาตลอด" ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลุดเข้าไปในโลกอีกใบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน"ท่านประธาน... คือ... ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ" อิงฟ้าตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าร้อนผ่าว เธอไม่รู้ว่าจะต้องตอบสนองต่อสถานการณ์นี้อย่างไรคิณณ์ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจในตอนนี้หรอกครับ แค่รู้ไว้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบคุณ" เขาพูด พลางลดมือลงจากไหล่ของเธอ "และที่สำคัญ ผมหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะทำให้คุณมองผมในแง่ดีขึ้นบ้าง"อิงฟ้ายังคงยืนนิ่ง เธอรู้สึกเหมือนโดนดึงเข้าไปในเกมที่เธอไม่รู้จักกฎ คิณณ์เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา ราวกับว่าบทสนทนาอันแสนประหลาดเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องปกติทั่วไป"เอาล่ะ... กลับไปทำงานได้แล้ว" คิณณ์พูดเสียงเรียบ แต่แววตาของเขากลับดูมีนัยยะบางอย่างที่อิงฟ้าอ่านไม่ออกอิงฟ้าเด