มหาวิทยาลัย K
วันนี้มีเข้าเรียนชมรมที่ผมเลือกไว้ ผมชอบชมรมนี้มากเพราะมันคือชมรมถ่ายภาพ กว่าผมจะเข้าชมรมนี้ได้ก็ยากน่าดู เพราะชมรมรับคนจำกัด แต่สุดท้ายผมก็ทำข้อสอบผ่านเข้ามาได้ จนเป็นหนึ่งในสมาชิกของชมรม
ส่วนตังเพื่อนสนิทของผมไปอยู่ชมรมบาส เห็นแบบนั้นเล่นบาสโคตรเก่งเลยนะ วันไหนผมว่างก็จะไปนั่งดูมันเล่นบ้าง สาว ๆ นี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
มาพูดถึงชมรมของผมดีกว่า ตั้งแต่ผมเข้าชมรมมา ผมได้เทคนิคถ่ายรูปต่าง ๆ ทั้งจากรุ่นพี่ และเพื่อน ๆ ในชมรมเยอะมาก ทำให้ผมมีความสุข และตั้งใจฟังสิ่งที่รุ่นพี่สอนอย่างใจจดใจจ่อ
“เอาล่ะทุกคน ในเมื่อวันนี้มากันครบแล้ว พี่ก็มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบนะคะ ทางชมรมของเรา จะจัดกิจกรรมให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกัน ก่อนที่พวกเราจะสอบมีเวลา 1 เดือน ที่จะให้ส่งผลงานเข้ามาประกวด”
พี่เกลหัวหน้าชมรมถ่ายภาพอยู่ปี 3 พูดให้สมาชิกชมรมทุกคนฟัง อย่างเสียงดังฟังชัด
“หัวข้ออะไรครับ” เพื่อนในชมรมถามขึ้น
“ใจเย็น ๆ กำลังจะบอก จดไว้ด้วยนะ” พี่เกลเริ่มอธิบายหัวข้อ ที่พวกเราต้องถ่ายรูปส่งเข้าประกวดให้ฟัง
“พี่เกลคะ อธิบายหัวข้ออีกได้ไหมคะ หนูงง” สมาชิกในชมรมถามขึ้น
“ก็ตรงตัวนะ หัวข้อนี้ไม่ยากหรอก ลองคิดดูดี ๆ แล้วใส่จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วย พี่เชื่อว่าน้อง ๆ ทุกคนต้องทำได้อยู่แล้ว”
“ช่วยกันทำกี่คนคะ” สมาชิกชมรมถาม
“เออ พี่ก็ลืมบอก ให้ทำเป็นคู่นะคะ คู่ที่ชนะมีรางวัลให้ด้วยนะ กำหนดส่งคืออีก 1 เดือนข้างหน้านะคะ ตอนนี้ก็เริ่มจับคู่ได้เลยค่ะ ใครได้คู่แล้วมาลงชื่อกับพี่พล ที่โต๊ะเลยนะคะ”
พอเสียงบอกให้จับคู่จบลง มหกรรมหาคู่ก็เริ่มขึ้น วุ่นวายพอประมาณ เพราะต่างคนก็อยากคู่กับคนที่ถ่ายรูปสวย
“เดียวมีคู่หรือยัง” ผมถามเพื่อนที่คุยด้วยบ่อยที่สุดในชมรม
“เราคู่กับหวานแล้ว หนาวยังไม่มีเหรอ เดี๋ยวเราช่วยหา” เดียวพูดเสร็จก็เริ่มถามเพื่อนคนอื่นให้ ว่ามีใครที่ยังไม่มีคู่อีกไหม
“หนาว เราถามดูแล้ว เพื่อนคนอื่น ๆ เขาจับคู่กันหมดแล้ว” เดียวพูดพร้อมทำหน้าเศร้า อย่างเห็นใจลมหนาว
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก เราทำคนเดียวก็น่าจะได้อยู่ เดี๋ยวเราถามรุ่นพี่อีกที” ผมคิดจะทำคนเดียวเสียเลย หลังจากที่หาคู่ไม่ได้
สมาชิกชมรมคนอื่น ๆ เริ่มทยอยไปลงชื่อกับพี่พล จนมาถึงคิวของผม
“วายุวัส วงค์วิภากร ครับ” ผมบอกชื่อจริงของตัวเองกับพี่พล
“คู่กับใครครับ” พลถามขึ้น เพราะไม่เห็นรุ่นน้องแจ้งชื่อคู่ของตัวเอง
“ผมไม่มีคู่ครับ เพื่อน ๆ มีคู่กันหมดแล้ว เหลือผมคนเดียว” ผมอธิบายให้รุ่นพี่ฟัง
“อ้าวเหรอ เดี๋ยวพี่เช็กชื่อแป๊บนะ” พลกด ๆ ที่โน้ตบุ๊กแป๊บหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้ารุ่นน้อง
“ยังเหลืออีกคนนะที่ยังไม่มีคู่เหมือนเรา งั้นก็คู่กันเลยละกัน” พูดเสร็จพลก็เขียนอะไรสักอย่างลงในกระดาษโน้ต แล้วยื่นให้รุ่นน้องตรงหน้า
“อะ ชื่อคู่ของเรา พี่ให้เบอร์โทรด้วย โทรหากันเองนะ คนนี้ไม่ค่อยเข้าชมรม แต่ร่วมกิจกรรมตลอด”
“ขอบคุณครับ” ผมยกมือขอบคุณพี่พล แล้วกลับไปนั่งที่ตัวเอง
คอนโด SSK
หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย ผมก็ตรงกลับคอนโดทันที ผมลังเลคิดว่าจะโทรไปดีหรือเปล่า แต่ถ้าไม่โทรงานก็คงไม่ได้เริ่มทำ ผมจึงกดหมายเลขที่พี่พลเขียนใส่กระดาษโน้ตให้ เมื่อผมกดโทรออก รอสายอยู่แป๊บเดียวก็มีคนกดรับ
[ฮัลโหลครับ] เสียงทุ้มน่าฟังจากปลายสาย ทำให้ผมอึกอักจนยังไม่พูดอะไรออกไป
[ฮัลโหลครับ ถ้าไม่พูดผมจะวางแล้วนะ] ปลายสายพูดเสียงนิ่ง ๆ ใส่คนที่โทรมาแต่ไม่ยอมพูด
“เอ่อ สวัสดีครับ พี่วาริชหรือเปล่าครับ ผมวายุวัส เป็นรุ่นน้องในชมรมถ่ายภาพครับ”
ผมรีบพูดรัวเร็วออกไป เพราะกลัวปลายสายจะวางสายใส่
[ใช่พี่เอง แล้วมีอะไรหรือเปล่า] คนปลายสายถามด้วยน้ำเสียงดูแปลกใจ
“วันนี้ที่ชมรมจัดกิจกรรมครับ แล้วพี่เกลให้จับคู่ทำกิจกรรม ผมไม่มีคู่ พี่พลก็เลยให้ผมจับคู่กับพี่ ผมก็เลยโทรมาบอกครับ ว่าได้ทำกิจกรรมด้วยกัน”
[อ๋อ ได้สิ พี่ไม่ติดอะไรนะ พี่ไม่ได้เข้าชมรมมาพักใหญ่แล้วล่ะ เลยไม่ค่อยรู้ว่ามีกิจกรรม ส่วนมากไอ้พลก็จะแจ้งมาในแชตน่ะ แล้วกิจกรรมเขาให้ทำอะไรล่ะ”
เมื่อชายหนุ่มรู้ว่าคนที่โทรมา เป็นรุ่นน้องที่ชมรมถ่ายภาพ ก็คุยด้วยความเป็นกันเองมากขึ้น
ผมอธิบายถึงหัวข้อการถ่ายภาพ ให้รุ่นพี่ฟัง
[หัวข้อแปลก ๆ อีกแล้ว งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยคิด ไว้เรานัดเจอกันดีกว่า แล้วมาวิเคราะห์กัน วันเสาร์นี้ว่างไหม นัดคุยกัน]
“เสาร์นี้ผมว่างครับ”
[โอเค ดีเลย งั้นใกล้ ๆ วันพี่บอกอีกที]
ลมหนาวและวาริชคุยกันต่ออีกแป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะวางสาย โดยทั้งคู่ไม่ลืมที่จะแลกช่องทางแชตติดต่อกันไว้
ที่หน้าตึกคณะบริหารธุรกิจ
ผมเดินเข้ามาภายในตัวตึก ของคณะบริหารธุรกิจอย่างแปลกใจ ผมหันซ้ายหันขวาไม่เจอใครเลย
เวลานี้นักศึกษาหายไปไหนกันหมดนะ ทั้งที่ใกล้เวลาจะได้เข้าเรียนแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อผมมองไปรอบ ๆ กลับไม่เจอใครเลย
หรือคนอื่น ๆ เขาจะขึ้นตึกเรียนไปแล้ว ผมจึงรีบเดินไปกดลิฟต์ทันที แต่เหมือนลิฟต์จะไม่ทำงาน
‘วันอะไรวะเนี่ย’
ผมชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป เพราะกลัวเข้าเรียนสาย ผมวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรีบเร่ง จนมาถึงชั้นเรียนที่ต้องการ ผมเลี้ยวตรงมุมทางเดินอย่างเร็ว เพราะกลัวจะเข้าเรียนไม่ทัน จนชนเข้ากับใครคนหนึ่ง ที่เดินสวนมาอย่างจัง ผมล้มลงทันที อาจเพราะขนาดตัวที่เล็กกว่า หรือคู่กรณีของผมตัวใหญ่กว่าก็ไม่ทราบ
“เป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม” เสียงทุ้มดังออกมาจากคู่กรณี พร้อมยื่นมือเข้าไปช่วยคนตัวเล็กกว่า ที่ล้มลงแล้วไปนั่งอยู่ที่พื้น
“เอ่อ ผมขอโทษครับ ผมรีบไปหน่อยเลยชนคุณเข้า” ผมเมื่อได้รับการช่วยเหลือ ให้ลุกขึ้นยืนก็กล่าวขอโทษอีกฝ่ายทันที
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ได้เจ็บอะไร” อีกฝ่ายบอก
ผมเงยหน้ามองคนพูด เพราะมัวแต่เจ็บเลยยังไม่ได้พิจารณาอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เจอมันทำให้ผมสงสัย เพราะคนที่พูดอยู่เมื่อกี้ เดินห่างจากผมไปเรื่อย ๆ ผมรีบวิ่งตามทันที
“พี่ครับ พี่ครับ รอผมก่อน” ผมทั้งวิ่งทั้งตะโกนเรียกคนคนนั้น แต่คนข้างหน้ากลับไม่หันมามองผมเลย
“พี่ครับ หยุดก่อนครับ” ทั้งที่ผมวิ่งแต่ก็ยังตามไม่ทันคนที่เดินข้างหน้า นี่มันอะไรกัน
“พี่ครับ หยุดคุยกันก่อนได้ไหมครับ” เหมือนจะได้ผล เมื่อคนตรงหน้าหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองผม แต่มันก็มีหมอกมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ผมมองใบหน้าของคนที่ผมเดินชนไม่ชัด
ใจของผมอยากเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายตรงหน้า แต่ขากลับก้าวไม่ออก เหมือนคนตรงหน้าจะยิ้มให้ผม แล้วพูดอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่ถนัด
หลังจากที่ลมหนาวและซันกลับจากเที่ยวทางภาคเหนือแล้ว ทั้งสองก็กลับมาเรียนต่อ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น คนทั้งมหาวิทยาลัยต่างรู้แล้วว่าทั้งสองคนคบกัน เพราะทั้งคู่ตั้งสถานะในแอปวีโฟร์เสียขนาดนั้น ว่ากำลังคบกัน“หนาวเย็นนี้ทำอะไรกินดีครับ” ซันถามคนรักในระหว่างที่กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง“หนาวอยากกินแกงจืดเยื่อไผ่ ตุ๋นกับปีกไก่ครับ” ลมหนาวพูดบอกเมนูอาหารที่ตัวเองอยากกินออกไป“น่ากินจัง ขอพี่กินด้วยคนนะครับ”“แหม ถึงพี่ไม่บอกหนาวก็ต้องทำให้กินด้วยอยู่แล้วครับ ใครจะใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงคอ” ลมหนาวพูดหยอกซัน“เดี๋ยวนี้พูดว่าเป็นแฟนกันได้ ไม่เขินแล้วเนอะ” ซันคิดถึงเมื่อก่อนที่ลมหนาวจะเขินเวลาพูดเรื่องนี้“ผมก็เริ่มชินแล้วหนิ” ลมหนาวเอนตัวไปซบไหล่ของคนรักซันยิ้มด้วยความเอ็นดู เขาเป็นแฟนกับลมหนาวมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว ปีนี้ลมหนาวอยู่ปี 4 ส่วนเขานั้นเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เขาทำงานในบริษัทของที่บ้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ เพราะท่านก็เริ่มแก่ตัวลงทุกวันส่วนความสัมพันธ์ของเขากับลมหนาวนั้น แรก ๆ ผู้เป็นพ่อก็ย
หลังจากที่วาริชใช้เวลาคิดถึงเรื่องลมหนาว และตัวเองอยู่พักใหญ่นั้น เขาก็คิดได้ว่า ไม่ควรที่จะรั้งลมหนาวไว้ ในเมื่อเขาเจอคนที่ชอบแล้ว ก็ควรหยุดยื้อเขาไว้เสียที และเขาก็ควรที่จะหยุดใช้ลมหนาวเพื่อมาเป็นตัวแทนของเพียงดิน ชายหนุ่มกดโทรออกหาลมหนาวทันที[ฮัลโหลครับ] วาริชรอสายอยู่แป๊บหนึ่ง ลมหนาวก็กดรับ“ฮัลโหลครับ หนาว” วาริชพูดทักคนปลายสาย[ครับพี่วา พี่กลับมาแล้วเหรอครับ]“ครับ พี่กลับมาแล้ว”อยู่ ๆ บทสนทนาก็หยุดไปดื้อ ๆ เหมือนทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ“เสาร์นี้เรามาเจอกันไหม” วาริชพูดขึ้นหลังจากที่คิดมาดีแล้ว[เสาร์นี้ ได้ครับ เจอกันที่ไหนครับ]“ร้านกาแฟ D หน้ามอนะ 10 โมงเช้า” วาริชบอกสถานที่ และเวลากับลมหนาว[โอเคครับ แล้วเจอกันครับ]“ครับ”ประโยคการสนทนาจบเพียงเท่านี้ จากนั้นวาริชก็กดวางสายทันที ชายหนุ่มกดดูรูปในโทรศัพท์ ที่ตนเองได้ถ่ายรูปลมหนาวไว้ เขามองรอยยิ้มของคนในรูปแล้วยิ้มตาม เขาอยากซึมซับความรู้สึกที่มีความสุขนี้ไว้ สักนิดก็ยังดีเมื่อถึงวันที่นัดเจอลมหนาว วาริชไปที่คอนโดของลมหนาว เพื่ออยากมองลมหนาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแล้ววาร
“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัยบาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลม
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู