หลังจากวันนั้นลมหนาวก็ได้คุยกับวาริชบ่อยขึ้น ทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าวันแรกที่ได้เจอ
“พี่แต่งรูปที่ไปถ่ายเสร็จแล้วนะ เดี๋ยวพี่ส่งไฟล์รูปไปให้” วาริชบอกกับคนปลายสาย สายตาก็ไล่ดูรูปที่ตัวเองถ่ายไปเรื่อย ๆ
[เหรอครับ ผมอยากเห็นแล้ว] ลมหนาวพูดอย่างตื่นเต้น
“พี่ขอเอารูปที่ถ่ายวันนั้น ไปลงที่เพจของพี่ได้ไหม” วาริชขออนุญาตนายแบบจำเป็นในวันนั้น เพื่อนำรูปไปลงเพจของตัวเอง
เพจนี้วาริชมีไว้เพื่อแสดงฝีมือการถ่ายภาพ ของเขาโดยเฉพาะ มีรับงานถ่ายภาพบ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าไหร่
การถ่ายรูปเป็นสิ่งที่เขาชอบมากอย่างหนึ่ง เพราะมันคือตัวตนอีกด้านหนึ่งของเขา
[เพจอะไรเหรอครับ] ลมหนาวถามรุ่นพี่ด้วยความสงสัย
“เป็นเพจที่พี่จะลงรูปที่พี่ถ่าย เป็นการโปรโมตเพจด้วย พี่รับจ้างถ่ายรูปนะ เผื่อเรายังไม่รู้” วาริชอธิบายให้รุ่นน้องฟัง
[อ๋อ ได้ครับ แต่ต้องลงเฉพาะรูปที่สวย ๆ นะครับ ไม่งั้นผมโกรธด้วย]
ลมหนาวเริ่มที่จะกล้าคุยหยอกล้อกับรุ่นพี่มากขึ้น อาจเป็นเพราะช่วงนี้คุยกันบ่อย
“ได้เลยครับ ช่างภาพคนนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังเลย”
เมื่อลมหนาวได้ฟังก็ถึงกับกั้นขำไม่อยู่
[ฮ่า ๆ อะไรของพี่เนี่ย มีอารมณ์ขันด้วย] ลมหนาวหัวเราะออกมา เพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่ต่างคณะ จะมีอารมณ์ขัน เพราะดู ๆ แล้วน่าจะเป็นคนเงียบ ๆ
วาริชยิ้มเล็กน้อย ให้เสียงหัวเราะของคนปลายสาย
“วันเสาร์นี้เราว่างไหม พี่ว่าจะชวนไปถ่ายรูปแถว ๆ ริมทะเลหน่อย” วาริชพูดบอกถึงกำหนดการ ที่จะไปถ่ายรูปตามหัวข้อที่ได้มา
[เสาร์นี้ผมว่างครับ แล้วจะไปริมทะเลที่ไหนครับ] ลมหนาวสนใจทันที
“น่าจะใกล้ ๆ กรุงเทพนี่แหละ ขอพี่ดูสถานที่ก่อน แล้วจะบอกอีกทีใกล้ ๆ วันนะ”
[โอเคครับ]
เมื่อวางสาย ลมหนาวก็ได้ไฟล์รูปที่วาริชส่งมาให้ เมื่อเปิดดูรูป ลมหนาวก็ต้องว้าว เพราะรูปที่ถ่ายนั้นสวยมาก ถ่ายตัวเขาให้ออกมาดูดีมาก ๆ
ทุกรูปที่รุ่นพี่ถ่ายให้ ถูกใจชายหนุ่มมาก นิ้วเรียวกดเลือกรูปที่ตัวเองชอบมารูปหนึ่ง นำมาตั้งเป็นโพรไฟล์ของแอปวีโฟร์ และแอปไอเจทันที เพราะนานแล้วที่ตัวเขานั้น ไม่ได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์เลย
มหาวิทยาลัย K
เช้าวันนี้ลมหนาวมีเรียนตอนบ่าย นัดเจอกับตังที่โรงอาหารคณะ ก่อนขึ้นเรียน พอไปถึงก็สั่งอาหารมากินกัน
แต่ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า ที่เหมือนจะมีนักศึกษาคนอื่น ๆ พากันแอบมองเขา แล้วก็หันไปซุบซิบกัน
“ตัง เรารู้สึกเหมือนมีคนมองเราแปลก ๆ อะ”
ผมบอกกับเพื่อนทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาหลาย ๆ คู่ ที่หันมองมาทางตัวเอง
“ไม่แปลกก็บ้าละ ก็รูปมึงไปโชว์หราอยู่ในเพจของพี่วาริชขนาดนั้น เออ แล้วมึงไปรู้จักพี่เขาได้ยังไง ไหนเล่ามา”
ตังจ้องหน้าเพื่อน เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ เพราะแปลกใจที่เพื่อนตัวเอง ไปรู้จักกับรุ่นพี่ต่างคณะได้ยังไง
“อ๋อ พี่วาริชนะเหรอ พี่เขาอยู่ชมรมเดียวกับเราอะ เราได้ทำกิจกรรมด้วยกัน ก็เลยได้คุยกันบ้าง ที่มีรูปเราในเพจพี่เขา เพราะเราไปทำกิจกรรมน่ะแหละ พี่เขาก็เลยให้เราเป็นนายแบบให้น่ะ แล้วก็ขอลงรูปเราก็แค่เนี้ย”
ผมอธิบายให้เพื่อนตัวสูง ที่จ้องหน้าผมอยู่ฟัง
“แค่นี้เหรอวะ แค่นี้ได้ไง นี่มึงไม่รู้เหรอว่าพี่เขาเป็นใคร ไอ้หนาว ไอ้ซื่อบื้อ” ตังพูดอย่างหัวเสีย
“อ้าว แล้วพี่เขาเป็นใครล่ะ” ผมเริ่มงงกับสิ่งที่เพื่อนพูด
ตังถอนหายใจ แล้วเริ่มเล่าให้ลมหนาวฟัง
“พี่วาริชน่ะ เป็นเดือนของคณะวิศวะ หล่อ รวย เท่ เดินไปไหนสาว ๆ ก็กรี๊ด ไอเจเขามีคนติดตามเป็นหมื่น แล้วเขาก็รับงานเป็นช่างภาพ รูปที่เขาถ่ายออกมาเนี่ยสวย ๆ ทุกรูปเลย แต่พี่เขาจะเลือกรับงาน จะมีเฉพาะบางคนที่แกจะตกลงไปถ่ายให้ พอพี่เขาลงรูปมึง คนก็เลยฮือฮากันใหญ่ เพราะพี่เขาไม่ได้ลงรูปมาพักใหญ่แล้ว” ตังอธิบายอย่างยาวเหยียดให้เพื่อนตรงหน้าฟัง
“อ๋อ งี้นี่เอง” ลมหนาวพยักหน้าเข้าใจ ในสิ่งที่เพื่อนพูด
“กูว่า มึงต้องพิเศษกับพี่เขาป้ะ” ตังพูดพร้อมกับทำหน้าตาล้อเลียน
“พิเศษอะไร ไม่มีทั้งนั้นแหละ” ผมรีบปฏิเสธ
“อย่าให้รู้นะ มีอะไรแล้วไม่บอกเพื่อน”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ” ผมส่ายหน้าให้เพื่อน
ผมลองกดเข้าไปที่เพจของพี่วาริช ผมเลื่อนดูรูปที่พี่เขาลง มีรูปของผมอยู่ประมาณสิบกว่ารูป มีทั้งรูปยิ้ม รูปตอนเผลอ แต่ทั้งหมดก็ดูดีมาก ๆ มีคนกดถูกใจอยู่สามพันกว่าคน พออ่านคอมเมนต์ หลายๆ คนต่างก็บอกว่า
‘นายแบบน่ารัก’
‘นายแบบเป็นอะไรกับช่างภาพ’
‘นายแบบคือใคร’
‘ทำไมช่างภาพไม่ค่อยลงรูปเลย’
‘ขอวาร์ปหน่อย’
แล้วก็มีคนแชร์ทั้งวีโฟร์ ไอเจ ทีทีเค ของผม ซึ่งคนที่แชร์ผมก็ไม่รู้จักด้วย
‘รู้ได้ยังไงหว่า น่ากลัวจังเลย’
ผมเลื่อนลงไปดูรูปถ่ายก่อนหน้า ของพี่วาริชเรื่อย ๆ แต่ละรูปถ่ายออกมาดูดีมาก แต่วันที่โพสต์ล่าสุดก็เป็นเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว มิน่าล่ะพอพี่เขาลงรูป คนถึงได้ดูแตกตื่นกันมากขนาดนี้
ผมเข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ของตัวเอง ปรากฏว่ามีคนมาขอเป็นเพื่อนเกือบร้อยกว่าคน ไม่ต้องคิดเลย เพราะผมไม่กดรับเพื่อนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก บัญชีผมก็เปิดเป็นไพรเวต ส่วนแอปไอเจกับแอปทีทีเคนั้น ผมไม่ค่อยลงอะไรที่มันส่วนตัวมาก จึงเปิดเป็นสาธารณะ
คอนโด SSK
ก่อนเข้านอนผมแวะไปรดน้ำเจ้าโฮชิที่ระเบียง รดน้ำเสร็จผมก็มองออกไปนอกระเบียงคอนโด วิวกลางคืนของเมืองหลวง ดวงไฟหลากสีสัน เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล แต่ทำไมผมถึงได้เหงามากมายขนาดนี้
ผมย้อนกลับไปคิดถึงบุคคลปริศนาในฝัน ที่ผมวิ่งตามตลอด และคุณดวงอาทิตย์ที่ผมเขียนถึงผ่านรูปโพลารอยด์เหล่านั้น
ผมอยากจำเรื่องราวที่ลืมไปให้ได้ อยากรู้ว่าผู้ชายที่ผมเห็นในฝัน กับคนที่ผมส่งรูปให้คือใคร คือคนเดียวกันหรือเปล่า
ทุกอย่างมันมืดมนไปหมด ไม่มีทางให้เดินต่อเลย ผมเพียงหวังว่า พรุ่งนี้ตื่นมาอาจจะจำเรื่องราวอะไรได้บ้าง จะได้ไม่เหมือนมีหมอกหนามาบดบังเส้นทางข้างหน้า ที่ไม่สามารถให้ผมเดินต่อไปได้เลย
มหาวิทยาลัย K
“หนาว คืนนี้ไปร้านเดิมกันนะ” ตังเอ่ยชวนลมหนาว มือก็สาละวนเก็บอุปกรณ์การเรียนเข้ากระเป๋า
“อ้าว ไหนบอกรอสอบเสร็จไง” ลมหนาวถามขึ้นอย่างสงสัย
“มึงลืมอะไรหรือเปล่า วันนี้วันเกิดไอ้บาส มึงจะไม่ไปเหรอ”
“อ้าวจริงดิ เราลืมสนิทเลย โอเคไป ๆ” เมื่อเป็นวันสำคัญของกลุ่มเพื่อน ผมจึงพลาดไม่ได้ที่จะไปร่วมยินดีด้วย
“แล้วนี่จะซื้ออะไรให้มันดีวะ” ตังหันถามเพื่อนเพื่อขอความเห็น
“อะไรบาสก็ชอบทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวไปดูที่ห้างอีกที”
“โอเค” ตังพยักหน้าอย่างเข้าใจ
หลังจากที่ลมหนาว และตังแวะซื้อของขวัญวันเกิดให้บาส ทั้งสองก็กลับคอนโดไปแต่งตัว แล้วก็นัดเจอกันที่ร้านตอนสามทุ่ม
ร้าน Sky bar
ลมหนาวมาถึงก็โทรหาตัง ให้ออกมารับที่หน้าร้าน เพราะคนค่อนข้างเยอะ วันนี้ลมหนาวแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ใส่คู่กับกางเกงยีน ดูเท่ และน่ารักไปในตัว
หลังจากที่ลมหนาวและซันกลับจากเที่ยวทางภาคเหนือแล้ว ทั้งสองก็กลับมาเรียนต่อ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น คนทั้งมหาวิทยาลัยต่างรู้แล้วว่าทั้งสองคนคบกัน เพราะทั้งคู่ตั้งสถานะในแอปวีโฟร์เสียขนาดนั้น ว่ากำลังคบกัน“หนาวเย็นนี้ทำอะไรกินดีครับ” ซันถามคนรักในระหว่างที่กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง“หนาวอยากกินแกงจืดเยื่อไผ่ ตุ๋นกับปีกไก่ครับ” ลมหนาวพูดบอกเมนูอาหารที่ตัวเองอยากกินออกไป“น่ากินจัง ขอพี่กินด้วยคนนะครับ”“แหม ถึงพี่ไม่บอกหนาวก็ต้องทำให้กินด้วยอยู่แล้วครับ ใครจะใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงคอ” ลมหนาวพูดหยอกซัน“เดี๋ยวนี้พูดว่าเป็นแฟนกันได้ ไม่เขินแล้วเนอะ” ซันคิดถึงเมื่อก่อนที่ลมหนาวจะเขินเวลาพูดเรื่องนี้“ผมก็เริ่มชินแล้วหนิ” ลมหนาวเอนตัวไปซบไหล่ของคนรักซันยิ้มด้วยความเอ็นดู เขาเป็นแฟนกับลมหนาวมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว ปีนี้ลมหนาวอยู่ปี 4 ส่วนเขานั้นเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เขาทำงานในบริษัทของที่บ้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ เพราะท่านก็เริ่มแก่ตัวลงทุกวันส่วนความสัมพันธ์ของเขากับลมหนาวนั้น แรก ๆ ผู้เป็นพ่อก็ย
หลังจากที่วาริชใช้เวลาคิดถึงเรื่องลมหนาว และตัวเองอยู่พักใหญ่นั้น เขาก็คิดได้ว่า ไม่ควรที่จะรั้งลมหนาวไว้ ในเมื่อเขาเจอคนที่ชอบแล้ว ก็ควรหยุดยื้อเขาไว้เสียที และเขาก็ควรที่จะหยุดใช้ลมหนาวเพื่อมาเป็นตัวแทนของเพียงดิน ชายหนุ่มกดโทรออกหาลมหนาวทันที[ฮัลโหลครับ] วาริชรอสายอยู่แป๊บหนึ่ง ลมหนาวก็กดรับ“ฮัลโหลครับ หนาว” วาริชพูดทักคนปลายสาย[ครับพี่วา พี่กลับมาแล้วเหรอครับ]“ครับ พี่กลับมาแล้ว”อยู่ ๆ บทสนทนาก็หยุดไปดื้อ ๆ เหมือนทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ“เสาร์นี้เรามาเจอกันไหม” วาริชพูดขึ้นหลังจากที่คิดมาดีแล้ว[เสาร์นี้ ได้ครับ เจอกันที่ไหนครับ]“ร้านกาแฟ D หน้ามอนะ 10 โมงเช้า” วาริชบอกสถานที่ และเวลากับลมหนาว[โอเคครับ แล้วเจอกันครับ]“ครับ”ประโยคการสนทนาจบเพียงเท่านี้ จากนั้นวาริชก็กดวางสายทันที ชายหนุ่มกดดูรูปในโทรศัพท์ ที่ตนเองได้ถ่ายรูปลมหนาวไว้ เขามองรอยยิ้มของคนในรูปแล้วยิ้มตาม เขาอยากซึมซับความรู้สึกที่มีความสุขนี้ไว้ สักนิดก็ยังดีเมื่อถึงวันที่นัดเจอลมหนาว วาริชไปที่คอนโดของลมหนาว เพื่ออยากมองลมหนาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแล้ววาร
“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัยบาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลม
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห