“พี่ไม่เข้าใจจริงๆ หมออิฐอะไรนี่มีอะไรดี กะทิถึงได้หลงใหลคลั่งไคล้ขนาดนี้”
“ก็ต้องมีดีสิ ไม่งั้นกะทิจะชอบเหรอ”
“แต่ถ้าดีจริงทำไมอกหักบ่อยนักล่ะ”
“นั้นแน่! ปากบอกไม่สนใจก็ยังรู้ว่าหมออิฐอกหักบ่อย แต่เรื่องแบบนี้มันก็พูดยากนะคะ สู้แอบรักอย่างกะทิไม่ได้ ไม่วันอกหักเพราะไม่เคยบอกรักเลยไง ฮะฮ่า”
‘แบบนี้ก็ได้เหรอ’
การันต์อ้าปากค้างแล้วหันไปสบตากับวายุ
เสียงหัวเราะดังขึ้นในครัวขนาดเล็ก วายุดีใจที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ด้วยความที่เขาชอบเพศเดียวกันทำให้คนในครอบครัวของตัวเองยอมรับไม่ได้ และเขาเป็นนักดนตรีกลางคืน แต่เมื่อได้มาเจอกับการันต์และเกวลิน เขารู้สึกสัมผัสถึงคำว่า ‘ครอบครัว’เป็นครั้งแรก และเขาจะรักษาสิ่งนี้ไว้ด้วยชีวิตของเขาเอง
……….
“กว่าจะนัดเจอกันได้แต่ละที เริ่มยากเย็นเข้าไปทุกครั้งแล้วสินะ”
อิทธิพลบ่นเพื่อนในกลุ่มสี่ห้าคนที่นานๆ จะมารวมกลุ่มกันสักที เป็นเพื่อนซี้รู้จักกันตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงทุกวันนี้
“มึงก็พูดไป ลองมีลูกเหมือนพวกกูบ้างจะได้รู้ว่าหาเวลาว่างมาเจอหน้าเพื่อนรักอย่างมึงยากแค่ไหน”
“ใช่” เพื่อนอีกคนพยักหน้ารับแล้วกอดคออิทธิพล “ชีวิตมึงควรลองเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกสักครั้งนะเว้ย ถ้ายังไงมาเข้าคอร์สฝึกอบรมกับกูก่อนก็ได้ ทุกวันนี้กูอยากกราบคนคิดค้นผ้าอ้อมสำเร็จรูปเลยว่ะ นึกถึงสมัยพ่อแม่เราไม่มีผ้าอ้อมสำเร็จรูป ต้องมานั่งเปลี่ยนนั่งซักผ้าอ้อม เหนื่อยฉิบหาย กว่าจะโตจนหมาเลี้ยงตูดไม่ถึงเนี้ย”
“มึงก็งอเข่าหย่อนตูดให้หมาเลี้ยงสิวะ” เพื่อนอีกคนหัวเราะร่วนพลางรับแก้วเบียร์จากเด็กเสิร์ฟมาดื่ม “ห้ามถ่ายรูปนะมึง กว่าจะขออนุญาตเมียออกจากบ้านได้”
“นั้นเมียหรือแม่” อีกคนหยอกขึ้นแล้วหัวเราะเฮฮาไม่ได้จริงจังนัก
อิทธิพลยกเบียร์ขึ้นดื่ม พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเขาจึงอนุญาตให้ตัวเองดื่มได้ หากไม่นับเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวในกลุ่มนี้ที่ยังโสด ปกติสามสี่เดือนนัดเจอกันที แต่ช่วงโควิดจึงห่างกันไป ไม่ได้นัดพบกันมากว่าเกือบปี แต่คุยกันในไลน์กลุ่มไลน์ และเขากลายเป็นที่ปรึกษาอาการเจ็บป่วยของเพื่อนรวมทั้งลูกของเพื่อน
“นี่มึงยังตีกลองอยู่หรือเปล่าวะไอ้อิฐ”
“อืม ก็มีซ้อมบ้าง แต่ถ้าอยู่คอนโดก็เล่นเกมเอา กลัวเสียงไปรบกวนข้างห้อง”
“ซื้อยกชั้นสิจะได้ไม่รบกวนใคร แล้วก็เปิดสอนตีกลอง ลูกกูโตอีกหน่อยจะเอามาฝากให้มึงสอน สืบสานตำนานของพวกเราสมัยเรียนมัธยมไง”
“กูว่า... บางอย่างก็ให้มันจบที่รุ่นเราเถอะ” เพื่อนอีกคนหัวเราะขึ้นมา “แต่ถ้าเด็กมันชอบค่อยสนับสนุนกันไป”
“เออๆ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้ลูกพวกคุณมึงทั้งหลายยังใส่ผ้าอ้อมกันอยู่เลย ว่าแต่ที่เป็นผื่นผ้าอ้อมดีขึ้นแล้วหรือยัง”
“หายแล้ว มีเพื่อนเป็นหมอก็ดียังงี้แหละ”
“กูไม่คิดว่า วันหนึ่งเราจะมานั่งคุยเรื่องแบบนี้ในร้านเหล้า”
“เออ จริงด้วย คนที่หมายมั่นว่าจะมีเมียมีลูกก่อนคนอื่นคือไอ้อิฐแต่ตอนนี้ยังเป็นโสดอยู่เลย แล้วดูพวกเราสิ อดีตบอยแบนด์สาวกรี๊ดลั่นโรงเรียน สภาพตอนนี้เหมือนซอมบี้ยังไงไม่รู้”
“เอาน่า มันก็แลกกับชีวิตครอบครัวไม่ใช่เหรอ มีเมีย มีลูกที่น่ารัก”
“ถูกต้องแล้วครับ”
“เมื่อก่อนสักเหล้าเป็นกลม ตอนนี้ได้แค่เบียร์ กินกันพอหอมปากหอมคอแล้วแยกย้ายนะเว้ย”
คนที่ตั้งใจมาเมาอย่างอิทธิพลถึงกับสะอึก แต่ก็เข้าใจเพื่อนแต่ละคนดี ได้เจอกันแบบนี้ก็ไม่เลวร้ายนักหรอก ถ้าเพื่อนเรียกผู้หญิงมานั่งเป็นเพื่อน เขาคงรู้สึกกระอักกระอ่วนชอบกล ยังไงเมียของแต่ละคนก็เหมือนเพื่อนเขาด้วย จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ยังไงอยู่ ออกจากร้านนี้ไปเขาก็แค่ซื้อเบียร์กลับไปกินต่อที่คอนโด
“รอบหน้าเปลี่ยนปาร์ตี้หมูกระทะดีไหมวะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยหลังจากเบียร์หมดไปครึ่งโหล แต่ละคนตั้งใจมาดื่มเลยไม่มีใครกล้าขับรถมาสักคน พวกเขาโทรเรียกแกร๊บมารอรับ ใครทางเดียวกันก็ไปด้วย แต่อิทธิพลยังโบกมือห้าม เขายังดื่มต่ออีกสักหน่อย
“นั้นสิ เราควรทวงแชมป์ผู้พิชิตหมูกระทะกลับคืนมา”
“มึงสามคนกินสู้ไอ้อิฐคนเดียวยังไม่ได้เลย เอาไว้คราวหน้าค่อยนัดกันอีกที”
เพื่อนฝูงเริ่มทยอยแยกย้าย แต่อิทธิพลยังคงนั่งดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่อีกแค่ครึ่งขวดก็หมด เขาลังเลอยู่ว่าจะสั่งเพิ่มอีกสักขวดหรือกลับไปต่อที่คอนโด ทว่าด้านหลังถูกกระแทกเบาๆ เขาเอี้ยวตัวไปมองก็พบดวงตากลมโตหันมาสบตา
“ขอโทษค่ะ หมออิฐ”
ชายหนุ่มอ้าปากค้าง อย่าบอกนะว่าเจอคนไข้ในผับเนี้ย! ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเจอปัญหาอะไรอีกไหม หญิงสาวผงกศีรษะเป็นเชิงขอโทษแล้วประคองขนมเค้กวางบนโต๊ะของเขาโดยไม่ขออนุญาตสักคำ เธอล้วงมือหยิบไฟแช็กจุดเทียนวันเกิดที่ปักอยู่ เธอทำซ้ำอยู่สองสามทียังไม่เป็นผล เขาจึงยกมือขึ้นช่วยป้องลมให้เธอจุดเทียนได้สำเร็จ ดวงตากลมคู่จ้องเขาจนเป็นประกาย แบบนี้สินะ ที่เรียกว่ายิ้มไปถึงดวงตา
เกวลินยกมือส่งสัญญาณให้นักร้องบนเวที วายุพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนเป็นร้องเพลง Happy Birthday คนในผับร่วมตบมือตามเสียงเพลง หญิงสาวประคองขนมเค้กไปโต๊ะพิเศษที่มีการนัดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะมีหน้ากากอนามัยปิดอยู่แต่เธอก็ร่วมร้องเพลงและอวยพรวันเกิดให้หญิงสาวเจ้าของวันเกิดที่เพื่อนๆ ร่วมสิบคนร้องเพลงอวยพรให้
เสร็จภารกิจของเกวลินแล้ว เธอถอยออกมาแล้วหันไปยกนิ้วโป้งชูให้วายุที่คืนนี้เป็นนักร้องอยู่บนเวที รัฐบาลผ่อนปรนการเปิดกิจการของสถานบันเทิงแล้ว วายุจึงได้กลับมาทำงานกลางคืนอีกครั้ง หญิงสาวกวาดตามองเห็นอิทธิพลยังนั่งอยู่คนเดียวจึงเดินเข้าไปหา ตั้งใจจะขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่เขาเรียกบริกรเช็กบิลค่าเครื่องดื่มพอดี เธอจึงรีบเดินเข้าไป
“หมออิฐคงไม่ได้โกรธขนาดย้ายร้านหรอกนะคะ”
อิทธิพลชะงักไป เขามองหน้าหญิงสาวแล้วหลุบตามองมือเล็กที่เกาะแขนของเขาอยู่ สายตาของเขาทำให้เธอรีบปล่อยมือทันที แต่หญิงสาวกลับหัวเราะออกมา
“ขอโทษนะคะ มือเร็วไปหน่อย ลืมตัวไปนิด อย่าถือสาหาความกันเลยนะคะ”
“ผมไม่ได้โกรธคุณ” เขาเพ่งตามองหญิงสาวในแสงสลัว เธอทำเหมือนคุ้นเคยกับเขามาก แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าเจอเธอที่ไหน นอกจากดวงตาคู่สวยที่สะดุดตาเขาแล้ว ก็ยังนึกไม่ออกจริงๆ
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอที่เฝ้ามองเขาอยู่ไกลๆ ค่อยติดตามข่าวของเขาเสมอ แม้มีโอกาสได้ใกล้ชิดก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกข้างในออกไป จนวันนี้...เขาอยู่ตรงหน้าและบอกรักเธอ “คนดี ร้องไห้ทำไมครับ” เขายิ้มแล้วจูบซับหยดน้ำตาให้ “ไม่รู้ค่ะ สงสัยไม่สบายแน่เลย” คราวนี้เกวลินหัวเราะทั้งน้ำตา จริงสินะ เวลาแบบนี้ต้องยิ้มดีใจต่างหากล่ะ “อื้ม...ไม่สบายเหรอ งั้นหมอตรวจให้นะครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม มือไม้เริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่โหยหาย “พี่อิฐ! คนกำลังซึ้ง” เธอตีมือเขาแต่กลับหัวเราะร่วนจนกระทั่งเขาอุ้มเธอมาที่เตียงเล็กของเธอเอง “ก็กะทิไม่สบาย พี่จะทำให้สบายตัวไงครับ” ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียติ่งหูทำให้หญิงสาวหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาแล้วกระซิบเสียงหวาน “กะทิรักพี่อิฐค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยภาษากาย เขาขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลจนคนใต้ร่างได้แต่ครวญครางเรียกร้องให้เขาเติมเต็มความปรารถนาที่เอ่อล้น สองร่างแนบชิดกลายเป็นหนึ่งผสานเสียงลมหายใจและหัวใจสองดวงเต้นไปพร
“อยู่บ้านคนเดียวล็อกบ้านดีๆ ล่ะ” การันต์ย้ำกับน้องสาว “ทำเหมือนจะไปหลายวัน” เกวลินแลบลิ้นใส่ “ไปเถอะค่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะคะ” การันต์พยักหน้าแล้วเดินไปที่รถพร้อมวายุ เกวลินรอจนรถออกไปแล้วจึงเดินเข้ามาในบ้าน เกวลินเดินไปหยิบน้ำผลไม้ในตู้เย็นรินใส่แก้ว ยังไม่ทันยกขึ้นดื่มก็ได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน เธอวางแก้วลงแล้วเดินมาที่ประตู “ลืมอะไรหรือคะพี่ตะโก้” เธอถามทันทีที่เปิดประตูออก ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ใช่พี่ชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าคงลืมของจึงกลับมา “ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิดประตู ถ้าเป็นโจรขึ้นมาจะทำยังไง” คนตัวสูงดุแล้วเดินเข้าไปราวกับเป็นบ้านของตัวเองเสียงล็อกประตูทำให้เกวลินได้สติ เธอไม่คิดว่าเขาจะมายืนตรงหน้าอย่างนี้ “พี่...พี่อิฐ” “ก็พี่ไง หรือรอใครอยู่” อิทธิพลขมวดคิ้วแล้วกวาดตามอง “ตะโก้กับวายุไม่อยู่เหรอ” “ค่ะ...ออกไปข้างนอก...” “ดี...พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เดี๋ยวนะคะ ขอกะทิทำใจก่อน” “ทำใจอะไร” อิทธิพลขมวดคิ้ว “พี่อิฐมาบอกเลิกกะท
เกวลินโผล่หน้ามาดู แค่พี่ชายพยักหน้าให้เธอก็ผลุบกลับเข้าไปในครัว รินน้ำดื่มสองแก้วแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง แต่เธอคิดว่าคงไม่เหมาะจะนั่งฟังด้วยจึงหลบไปด้านหลัง ได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังวายุที่ยืนหน้าซีดอยู่ และเป็นการันต์ที่กระตุกมือให้วายุนั่งลงข้างเขา “ลูก...ดูสบายดีนะ” คนเป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมสบายดี” วายุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่สองมือบีบกันแน่น การได้พบแม่ไม่ได้ทำให้เขากังวลได้เท่ากับเห็นพ่อมาอยู่ตรงหน้าด้วย เขากลัวว่าพ่อจะทำร้ายคนที่บ้านนี้ ซึ่งเขาไม่ยอมให้มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นเด็ดขาด “พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” “วันนี้พ่อเห็นแกไปออกบูธก็เลยให้คนตามดู” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงอ่อนล้า “ทำไมครับ อยากเห็นว่าผมจะใช้ชีวิตเหลวแหลกอย่างที่พ่อประณามไว้หรือเปล่านะเหรอ” น้ำเสียงวายุก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน “เปล่าๆ....พ่อ...พ่ออยากให้แกกลับบ้าน” ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนตรงหน้าทำให้วายุนิ่งงันไป เขาย้ายสายตาไปมองมารดาที่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “กลับบ้านเ
‘ใครเป็นฝ่ายทักกันก่อนเล่า’ เกวลินขมวดคิ้วแล้วฉีกยิ้มทักทาย “ว่าไง”“ว่าไง?” เอมอรแอบเบ้ปากในใจ “ก็ไม่มีอะไร แค่จำได้ว่าเธอออกจากโรงเรียนกลางเทอมนี่ ได้ยินว่าท้องเลยหนีตามผู้ชายไป แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ป่านนี้ลูกคนโตแล้วสินะ มีอะไรให้เพื่อนอย่างฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะ”แม้เอมอรไม่ได้ใช้น้ำเสียงดังอะไรนัก แต่ถ้อยคำของเธอทำให้คนที่ได้ยินถึงกับนิ่งไป นั้นหมายถึงคุณเกริกและคุณลาวัลย์ที่อดปรายตามองทางเกวลินไม่ได้ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกอ้าปากจะโต้เถียงแต่กลับเป็นการันต์ที่ทนไม่ไหวชิงพูดออกไปก่อน“ท้องอะไร หนีตามผู้ชายอะไร” การันต์พูดเสียงดังอย่าไม่อายใครและไม่มีอะไรให้อายด้วย “ยัยกะทิออกจากโรงเรียนตอนม.5ก็จริง แต่เพราะมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ก็ไปสอบกศน.จนได้วุฒิม.ปลายไง รู้จักไหม การศึกษานอกโรงเรียนนะ แล้วถ้ายัยกะทิเรียนไม่จบม.ปลายมันจะเอาวุฒิที่ไหนไปเรียนมหาวิทยาลัยจนได้เกียรตินิยมอันดับสองเล่า! คิดจะปั้นเรื่องใส่ความคนอื่นก็ช่วยให้มันใกล้เคียงกับความจริงหน่อยเซ่!”“ตะโก้!ใจเย็นๆ” วายุรั้งแขนการันต์ไว้เพราะกลัวว่าคนรักจะเข้าไปตบตีอีกฝ่าย ถึงยังไงคู่กรณีก็เป็นผู้หญิง ทำอะไรไปก็
การันต์สบตากับวายุแล้วปลดหน้ากากอนามัยออก ทั้งที่เขาบอกกับวายุไม่ต้องมาช่วยก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็เป็นห่วงน้องสาวของเขาที่ยังเจ็บขาอยู่จึงมาช่วยงาน ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่พาวายุเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว วายุดึงปลดหน้ากากอนามัยออกแล้วเอียงตัวไปทางการันต์เล็กน้อย มองผิวเผินเหมือนเพื่อนถ่ายรูปคู่กัน มีเพียงแววตาที่มองกันนั้นแตกต่างจากคำว่า ‘เพื่อน’โอ๊ย! พี่ชายเธอตัวใหญ่ยักษ์แต่พี่วายุก็ไม่ได้ตัวเล็กแต่เพราะสูงโปร่งเลยดูบอบบางไปเลย เกวลินกดบันทึกภาพรัวๆ นานๆ จะมีรูปถ่ายคู่กันนอกบ้านที แอบดีใจที่พี่ชายได้เจอคนรู้ใจที่เข้าอกเข้าใจกันดี ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวแอบถอนหายใจ บางทีเธอก็คิดว่าตัวเองฝันไปที่ได้คบกับอิทธิพล เขาดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง จนบางทีเธอก็คิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะยืนเคียงข้าง แต่เพราะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขายามที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เธอคิดได้ว่า...ขอแค่ทำให้เขามีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว“หนูกะทิอยู่นี่เอง”เสียงทักจากด้านหลังทำให้เกวลินหันไปส่งยิ้มพร้อมยกมือไหว้ทันที “สวัสดีค่ะคุณลาวัลย์ คุณเกริก”“เรียกเสียห่างเหินเชียว” คุณเกริกหัวเร
“จะดีเหรอคะ นานๆ เลี้ยงทีก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเลี้ยงบ่อยนักหรอก เดี๋ยวกะทินิสัยเสียเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมา พี่อิฐจะลำบากเอานะ” ตั้งแต่เคยมีแฟนมาก็มีคนนี้ที่บ่นว่าเขาเลี้ยงเธอบ่อยเกินไป อิทธิพลไม่รู้จะทำยังไงดี บางทีทำตัวก็เป็นเด็ก แต่บางครั้งก็เป็นคนมีเหตุผล “ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ พี่ชายกะทิบอกให้พี่ไปกินข้าวเย็นที่ร้านได้ กะทิจะได้ไม่ต้องออกมาส่งข้าวให้พี่กิน นี่พี่ก็ประหยัดมื้อเย็นไปอีกหนึ่งมื้อเชียวนะ” เกวลินคิดตามแล้วก็พยักหน้ารับ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่รู้ผิดว่าตัวเองเอาเปรียบเขามากไป “พี่ถามอะไรหน่อยสิ” “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพลางยกน้ำขึ้นดื่ม “พี่เห็นที่บ้านมีผู้ชายอีกคน ...คนนั้นใครเหรอ” “อ้อ!พี่วายุค่ะ” “แล้ว?” “เอ่อ...” เกวลินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะรังเกียจที่พี่ชายเธอเป็นเกย์ แต่อีกใจก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังทำไม พูดไปตรงๆ ดีกว่า “พี่วายุ...เป็นแฟนของพี่ตะโก้ค่ะ” “แฟน?” “อื้ม... ก็แฟนแบบเราสองคนนี้ไง”