LOGINคอนโดมีเนียมหรู(หมอปุณณ์)
“เอ่อ...แฟนผมเองครับ พอดีเธอเมา” เสียงทุ้มเอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องมองมาที่เขาด้วยใบหน้ามีแต่ความสงสัย ที่เขานั้นอุ้มหญิงสาวหลับอยู่ในวงแขน ซึ่งกำลังจะเดินไปขึ้นลิฟท์พอดี
หลังจากที่เพื่อนของเขาทั้งสองกลับไปก่อนหน้าแล้ว ปุณณกันต์จึงนั่งอยู่ที่ร้านต่อรอจนกว่าถึงเวลาเลิกงานของปาลรพีร์ โดยอ้างว่าเขาจะเป็นคนไปส่งเธอถึงที่พักเอง เพราะอยากทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้
แต่คนที่ทำงานแทบจนไม่มีเวลาพักผ่อนแบบปาลรพีร์ เมื่อขึ้นมานั่งบนรถหรูแอร์เย็นฉ่ำ เปลือกตาก็ปิดลงทันทีอย่างง่าย แถมยังหลับลึกเสียจนปุณณกันต์ต้องพามาที่คอนโดของเขาแทน เพราะปลุกเธอเท่าไหร่ เธอก็ไม่ยอมตื่นสักที..
นี่เธอไว้ใจเขามากขนาดนี้เชียวเหรอ ทำไมเธอถึงกล้าหลับลงต่อหน้าผู้ชายที่พึ่งจะเคยเจอหน้ากันแค่ครั้งแรกลงได้ โดยไม่ระวังตัวเองเสียเลย
“หนูครับ” เสียงทุ้มพยายามเอ่ยเรียกและปลุกเธออีกครั้ง เมื่อเขาวางเธอลงที่เตียงกว้างในห้องนอนส่วนตัวของเขาเอง
“อื้อออ อย่ากวนได้ไหมคนจะนอน...” เสียงครางอู้อี้บ่นออกมา เมื่อถูกรบกวนการพักผ่อนของเธอ แล้วหันหน้าหนีทันที
“เฮ้อ...ขี้เซาจัง ตื่นมาอย่าโวยวายใส่พี่ล่ะที่พามาที่นี่” ปุณณกันต์จึงได้แต่ปล่อยให้เธอหลับต่ออย่างสบายใจ แต่เขาก็จัดแจงให้เธอได้นอนในท่าที่สบาย ก่อนที่เขาจะไปทำธุระส่วนตัวของเขาต่อ เพราะนี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
แล้วพรุ่งนี้ก็เป็นวันแรกที่เขาต้องเข้าไปที่โรงพยาบาลของครอบครัว เพื่อไปรายงานตัวและเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกด้วย
ปุณณกันต์สอดตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนหนา หลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะข่มตาหลับลงได้ เพราะมีหญิงสาวร่างนุ่มนิ่มนอนบนเตียงเดียวกัน
สายตาคมจ้องมองไปที่ใบหน้าจิ้มลิ้มที่มีรอยยิ้มแสนหวานที่เขาหลงใหลตั้งแต่แรกเจอ หญิงสาวหน้าตาธรรมดา เพียงแต่มีเสน่ห์อยู่ภายใต้รอยยิ้มสดใสที่ปรากฏบนใบหน้าทุกครั้ง
“ทำไมหนูถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจพี่ขนาดนี้น่ะสายป่าน” พูดแล้วก็ก้มลมประทับจูบที่หน้าผากมน แล้วทิ้งตัวลงนอน แต่ครั้งนี้เขากลับถือวิสาสะดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่ง สูดดมความหอมเฉพาะตัวจนหลับลงไปในที่สุด
*
*
*
รุ่งเช้า
ปาลรพีร์ตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้ารอยยิ้มสดใส รู้สึกสบายใจโล่งอกที่ได้หลับสบายมากกว่าทุกคืน แต่ต้องรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่แผดเสียงร้องไปรับสาย
“อืม...ว่าไงนิ้ง” เสียงห้วนเอ่ยถามเมื่อรับสายเพื่อน
[แกอยู่ไหนไอ้ป่าน ไม่มาเรียนหรือยังไง]
“อยู่ห้อง พอดีฉันพึ่งตื่น...” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อมองรอบ ๆ แล้วกลับพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องพักของเธอ
[เร็ว ๆ ด้วย พวกฉันรอนานแล้วไม่เห็นแกมาสักที นึกว่าไปค้างกับลูกค้าที่ไหนเสียอีก]
“แค่นี้ก่อน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ เอ่อ...คงไปไม่ทันแล้วล่ะ...”
เมื่อดูเวลาแล้ว ก็ต้องถอนหายใจยาวออกมา เพราะว่าคงจะไปเรียนไม่ทันแล้ว จึงบอกเพื่อน แล้วรีบวางสายทันที
ปาลรพีร์มองสำรวจดูรอบ ๆ ดูอีกครั้งอย่างละเอียดเพื่อความแน่ใจ กลับรู้สึกคุ้นตาในบรรยากาศห้องนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ ๆ ห้องนอนนี้ไม่ใช่ห้องของเธอแน่นอน
“ห้องพี่หมอหรอกเหรอ”
เธอจึงสำรวจมอบดูตัวเองกลับไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะเสื้อผ้าชุดที่ใส่เมื่อคืนของเธอ ยังอยู่ครบทุกชิ้นไม่ได้ถูกเปลี่ยนอะไรเลย
สายตามองกวาดดูรอบ ๆ กลับพบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กแปะอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ เธอจึงลงจากเตียงเดินไปทางนั้นทันที
ตื่นแล้ว จัดการตัวเองได้ตามสบายเลยครับ ของใช้หรือเสื้อผ้าของพี่หนูอยากใส่ตัวไหนเลือกได้ตามสบายเลยพี่อนุญาตแล้ว พี่เข้ามาโรงพยาบาลแปปเดียว หวังว่าหนูจะยังไม่หนีพี่ไปไหนน่ะ **หมอปุณณ์**
“อบอุ่นสุภาพบุรุษเสียเหลือเกิน” พูดเช่นนั้นรอยยิ้มหวานก็ผุดขึ้นมาทันที ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำทำธุระส่วนตัว
“ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่ได้เข้าไปมหา’ลัยแล้ว ขออนุญาตเป็นเชฟหนึ่งวันนะคะพี่หมอ”
เธอจึงเดินออกมาจากห้องนอนหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขามาสวมแทน แล้วจึงดินเข้าไปที่ครัวต่อทันที หวังจะประกอบอาหารทานรอไปพลาง ๆ ก่อน เพราะเขาอนุญาตแล้ว แต่ในตู้เย็นกลับโล่ง ไม่มีของสดอะไรเลย นอกเสียไข่ไก่และผลไม้ แล้วเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
เธอยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย ร่างสูงก็กลับเข้าพร้อมกับสวมกอดเธอจากทางด้านหลังทันที โดยที่ไม่ได้ส่งเสียงบอกหรือขออนุญาตอะไรเธอเลย
“อุ้ยพี่หมอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ”
“หอมจัง ทำอะไร” ร่างสูงขโมยแก้มเธออย่างถือวิสาสะก่อนจะเอ่ยออกมา
“นี่มันแก้มหนูค่ะ พี่หมอถอยไปก่อน หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เธอหันยกมือขึ้นลูบแก้มที่ถูกเขาขโมยหอม แล้วจึงหน้าไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้ามุ่ยเหมือนเด็ก
“ทำไมไม่โทรสั่งขึ้นมาทาน พี่ไม่ได้ซื้อของสดมาติดไว้เลย” เขาทำเป็นไขสือไม่สนใจในคำพุดของเธอ แล้วจึงพูดเรื่องอื่นออกมาทันที
“หนูอยากทำเอง แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย” เธอเอ่ยบอกถึงจุดประสงค์ เพราะเธออไม่ค่อยชอบทานอาหารเดลิเวอรี่ เธอชอบทำทานเองมากกว่า แล้วอีกอย่างที่นี่ออกจะดูหรูขนาดนี้ ค่าอาหารแต่ละมื้อคงไม่ใช่ถูก ๆ แน่นอน
“ทำไมต้องทำให้เหนื่อยด้วย เดี๋ยวพี่ทำให้เอง” เขาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ และสายตามีเลศนัย
“พี่หมอ...”
จ๊วบบบ
เป็นจังหวะที่เธอหันหน้ากลับมา หวังจะดุเขา แต่เธอกลับถูกคุณหมอหนุ่มประจูบปากของเธอเสียอย่างนั้น โดยที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย
“อึ้ม...” เสียงทุ้มครางออกมาในลำคออย่างพอใจ ก่อนที่ไถลจูบไปตามซอกคอขาวของเธออย่างหลงใหล จนไม่อาจจะหยุดยั้งได้
“อย่าค่ะ” เธอดันอกแกร่งแล้วปรามเขาไว้ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มนัก
“พี่ต้องการหนูน่ะสายป่าน” เสียงแหบพร่าเอ่ยบอก พร้อมกับมองจองสบเข้าไปนัยน์ตาอย่างสื่อความหมาย
“แต่มันไม่เร็วไปหน่อยหรือค่ะ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน...”
“ก็เป็นสิ เป็นเสียตอนนี้ หนูอยากเป็นอะไร อยากอยู่ในสถานะไหนบอกพี่มาสิครับ เป็น คนรัก? แฟน? เมียหรือว่าแม่ของลูก?” เขาพูดสวนขึ้นมาทันที ที่เธอจะได้เอ่ยจบ
“พี่หมอ!”
“ครับ”
บทส่งท้าย(จบ)“หนูเสียใจหรือเปล่าสายป่าน” ปรารถนาจึงหันมาถามปาลรพีร์บ้าง ที่เธอเอาแต่นั่งเงียบเมื่อรู้ความจริง“ไม่ค่ะ...แต่ขอบคุณแม่นานะคะ ที่รักและเลี้ยงหนูมาเป็นอย่างดี”“ขอโทษด้วยนะครับสำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่าน และเรื่องที่เคยทำไม่ดีกับสายป่านด้วย แล้วขอบคุณอีกนะครับ ที่เลี้ยงดูสายป่านมาเป็นอย่างดี ขอบคุณมากจริง ๆ พี่สะใภ้...” ปุณณกันต์เองก็ยกมือขึ้นไหว้ปรารถนาเพื่อเป็นการขอโทษเช่นกัน และเป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้และพูดดียอมรับในตัวปรารถนาว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขา“ไม่ต้องเรียกเต็มแบบนี้ก็ได้มั้งค่ะ” ปรารถนารีบเอ่ยแก้เก้อกลบเกลื่อน ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของปุณณกันต์“ครับ ผมเองก็ยังไม่ชิน”“ต่อไปก็กลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันนะเจ้าปุณณ์” ปัณณวิชญ์จึงชวนน้องชายอย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเห็นว่าอย่างเข้าใจกันดีแล้ว“ครับ จะมาอยู่ทวงทุกอย่างที่เป็นของผมคืนให้หมด”“ไอ้ปุณณ์!”“ผมแค่แซวเล่นเอง พี่นี่คงจะแก่แล้วจริง ๆ สะแล้ว”คนเป็นน้องอย่างปุณณกันต์ก็อดที่เอ่ยแซว เย้าแหย่พี่ชายไม่ได้ จึงพูดจากวนให้ปัณณวิชญ์โมโห เพื่อสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน“แล้วเรื่องของพวกแกสองคน ต่อไปจะเอา
ความลับที่เก็บมานาน“คงจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรตามมาอีกแล้วนะคะพี่หมอ” ปาลรพีร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันมาพูดขึ้นมากับคนตัวสูง หลังจากที่พัทธิชากลับออกไปแล้ว“ไม่มีแล้วครับ” เสียงนุ่มเอ่ยบอกกับเธออย่างมั่นใจ“มีค่ะ” ปรารถนาพูดขึ้นมาบ้าง เมื่อยังมีสิ่งที่ยังค้างคาที่เก็บเอาไว้มานาน ยังไม่ได้บอกให้ใครรับรู้นอกจากผู้เป็นสามีคนเดียว“อะไรอีกหรือค่ะ” ปาลรพีร์เลิกคิ้วขึ้นถามปรารถนาอย่างแปลกใจ ว่ามารดามีเรื่องอะไรอีก“หมอปุณณ์จำคำที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้วหรือค่ะ” ปรารถนาไม่ตอบกลับปาลรพีร์ แต่หันไปถามทางปุณณกันต์แทน“...” ปุณณกันต์หันมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา เพราะเขาเองก็จำไม่ได้“ก็ก่อนที่แกจะไปตามหนูป่านยังไงล่ะ ว่ากลับมานาจะบอกความจริงให้แกกับหนูป่านรู้” ปัณณวิชญ์จึงเปรยขึ้นมา เมื่อเห็นน้องชายยืนทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก“ยังมีเรื่องอะไรที่หนูไม่รู้อีกหรือค่ะ” ปาลรพีร์ถามขึ้นมาบ้าง“พาน้องมานั่งก่อนสิเจ้าปุณณ์”เมื่อพี่ชายพูดเช่นนั้น ปุณณกันต์จึงได้พาปาลรพีร์เดินไปนั่งลงที่โซฟา เพื่อรอฟังสิ่งที่ปรารถนาจะพูด เขาเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะตอนนั้นก็นึกถึงแค่เรื่องปาล
ภรรยาและลูกแฝดของหมอปุณณ์หลายวันต่อมาโรงพยาบาลปิยพัฒน์ร่างสูงของรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล คุณหมอปุณณกันต์เดินกุมมือมากับหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนกระโปรงกลีบบานเท่าหัวเข่า เดินเข้ามาที่แผนกสูติฯด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่เข้ามาใช้บริการ“อ้าวหมอปุณณ์! มาทำงานแล้วหรือค่ะ แล้วมาทำอะไรที่แผนกนี้ค่ะ” ฟ้าลดาหมอสาวสุดสวยประจำอีกแผนกเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นปุณณกันต์ที่แผนกนี้แต่กับอีกคนหญิงสาวที่ปุณณกันต์กุมมืออยู่นั้น เธอกลับมองด้วยสายตาที่ริษยา รู้สึกอิจฉาที่เธอเป็นเพียงลูกติดของพี่สะใภ้ เป็นแค่หญิงสาวธรรมดากลับทำให้ปุณณกันต์หลงได้ขนาดนี้“พาภรรยามาฝากท้องครับ แล้วหมอฟ้าล่ะ” ปุณณกันต์เอ่ยตอบหมอสาวคนสวยไปตามตรง แล้วถามกลับไปตามมารยาทสายตาคมมองอย่างแปลกใจที่เห็นเธอที่นี่“ฟ้าเอาเอกสารมาส่งค่ะ” เธอเอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างยั่วยวนไปให้“หมอฟ้ามาส่งเอกสารเองเลยหรือครับ” ปุณณกันต์เลิกคิ้วมองถามด้วยความแปลกใจ ที่เห็นหมอคนสวยถือเอกสารมาส่งด้วยตัวเองแบบนี้“ค่ะ ว่าแต่หมอปุณณ์กับ...เอ่อ ภรรยาเป็นยังไงบ้างค่ะ” ฟ้าลดาถามไถ่คุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล เพ
ใครสอนให้ทำแบบนี้ NCปุณณกันต์ได้แต่ยอมอ่อนข้อให้ตามคำที่เธอขอ เพราะรู้ดีว่าเธอยังคงมีความโกรธเคืองเขาอยู่ ยังไม่ให้อภัยเขาทั้งหมดอยู่แล้ว ใครมันจะลืมกันได้ง่าย ๆ แม้แต่เขาก็ยังไม่ลืมในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย“คงจะไม่สนุกนะสิค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความเจ้าเล่ห์ขึ้นมา“ทำไมครับ” ปุณณกันต์ได้แต่เลิกคิ้วถามอย่างงุนงง ไม่เข้าในใจสิ่งที่เธอพูด“เพราะในนี้ไม่ได้มีแค่คนเดียวนะสิค่ะ” ปาลรพีร์พูดแล้วก็จับมือหนาของเขามาแตะลงที่หน้าท้องของเธออีกครั้งเพื่อสัมผัสกับเจ้าก้อนที่อยู่ด้านในนี้“หมายความว่า...” ปุณณกันต์เบิกตากว้าง เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เธอบอกอย่างแจ่มแจ้ง ความรู้สึกดีใจตื้นตันอยู่ในอก แทบจะทะลุออกมา“แฝดค่ะ เราได้ลูกแฝด”“จริงหรือครับ”“จริงสิค่ะ พี่หมอดีใจไหม”“ดีใจสุด ๆ ไปเลยครับ ทำทีเดียวได้มาตั้งสอง แบบนี้พี่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่มีแต่ความยินดี ดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่งอีกครั้ง มือหนาอีกข้างยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน“พี่หมอ”“หนูยังมีความกังวลอะไรอีกอย่างนั้นหรือครับ บอกพี่มาได้นะ” ปุณณกันต์ถามเธอขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอยังมีความกังวลใจอะไรอยู่
ขอโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อใจดวงน้อยกระตุกวาบสั่นไหวระริก เมื่อเขาพูดเช่นนี้ออกมา น้ำตามากมายที่พยายามกักเก็บเอาไว้ หลั่งไหลออกมาทันทีอย่างไม่อาจจะห้ามได้อีก...“สายป่าน”ปุณณกันต์เบิกตากว้าง แววตาสั่นไหวระริกก่อนน้ำตาจะร่วงลงไหลอาบแก้มตามเธอ สัมผัสมือเธออย่างแผ่วเบา มืออีกข้างก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างอ่อนโยน“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่เคยทำไม่ดีกับหนู ทำให้หนูเจ็บให้เสียใจ แต่พี่ก็เจ็บไม่ต่างอะไรจากหนูเลย ตอนนี้พี่ไม่สามารถรักษาใครได้แล้ว แม้แต่ตัวพี่เอง พี่ก็ยังรักษามันไม่ได้เลย” ความในใจพ่นออกมาอย่างแทบไม่อาย เพราะเขาไม่สามารถรักษาคนไข้ได้เลยตอนนี้ปุณณกันต์ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองได้ เลยไม่ได้ทำหน้าที่กับอาชีพที่เรียนมาของตัวเอง เพราะเกรงว่าคนไข้จะได้รับอันตราย“อุ๊ย...”“หนะ หนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”ปุณณกันต์เบิกตากว้าง ตกใจเพราะอยู่ ๆ ปาลรพีร์ก็ร้องเสียงหลงดังขึ้น พร้อมกับเบ้หน้าเหมือนคนเจ็บปวดอะไรสักอย่าง“ไม่รู้ เหมือนอะไรอยู่ในท้อง มัน...” เธอเอาแต่ส่ายหน้าหงิก ๆ ให้เขา พร้อมกับมือลูบที่หน้าท้องของเธอ เพราะเธอก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร“ขอพี่ดูห
ต่อให้พี่ต้องตาย...ตกเย็น“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของร่างแกร่งที่นั่งอยู่ปลายเตียงเอ่ยถามขึ้นทันที ที่หญิงสาวที่หลับอยู่บนเตียงนั้นลืมตาขึ้นมา“คะ คุณกิตติ์! ซี๊ด...” ศิรดาเบิกตากว้างเพราะตกใจ รีบดีดตัวขึ้นนั่งทันที แต่ก็ต้องสูดปากร้องดังออกมาเพราะความเจ็บสาวช่วงล่างของกายสาว“แล้วเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ตวาดเสียงเข้มสวนกลับทันที พร้อมด้วยสายตาดุที่มองเธออย่างเอาเรื่อง“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ไง” ศิรดาถามขึ้นและรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ ทั้งที่สายตาเธอยังไม่ได้มองสำรวจรอบ ๆ ให้ดี“ยัยแป้งเน่า! คำนี้มันเป็นฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามเธอ” เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับตวาดเสียงใส่เธออย่างนึกหมั่นไส้ ถามออกมาได้ไง“คือ...” เธอได้แต่อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก เมื่อกวาดสายตามองรอบ ๆ จึงแน่ใจแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน ก้มหน้างุดเพราะไม่กล้ามองหน้าเขา“โดนกระแทกเข้าไปหน่อย ถึงกับลืมเลยหรือ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยแซวออกมา พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่เผยออกอย่างชอบใจที่ได้แกล้งให้เธอเขินอาย“พะ พูดอะไรออกมาทุเรศที่สุด” ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอหันหน้าหนีสายตาร้อนแรงที่มองเธอทันที“ตื่นแล้วก็ลุกขึ







